|
คิดถึงครูสุรพล ๑
ภาพจากเวบ udclick.com
รวมสุดยอดเพลงช้า ราชาเพลงลูกทุ่งไทย
ว่าจะอัพบล็อคเสื้อละครในฝันต่อ แต่ยังไม่มีเวลาหาภาพประกอบ พอดีพรุ่งนี้ตรงกับวันที่ครูสุรพล สมบัติเจริญเสียชีวิต ตั้งใจมานานแล้วว่าจะคุยถึงครูแต่ไม่ได้จังหวะซะที พอดีเมื่อหลายวันก่อนอ่านเจอเรื่องราวของครูสุรพลในนสพ.เลยรีบหาข้อมูลมาอัพ
ถ้าถามว่านักร้องชื่อดังที่เสียชีวิตในวันที่ ๑๖ สิงหาคมคือใคร ส่วนใหญ่คงจะตอบว่า "เอลวิส เพรสลีย์" กันทั้งนั้น เอลวิสเป็นราชาเพลงร็อคแอนด์โรล เสียชีวิตอย่างกระทันหันด้วยวัย ๓๗ ปี เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒o ช๊อคแฟนเพลงทั่วโลก วันเดียวกันเมื่อสี่สิบสองปีก่อน คนไทยก็รู้สึกไม่ต่างกันเมื่อราชาเพลงลูกทุ่ง "สุรพล สมบัติเจริญ" ถูกยิงเสียชีวิตหลังจากแสดงดนตรีที่นครปฐม ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียบุคลากรคุณภาพไปอย่างน่าเสียดาย ครูสุรพลเป็นทั้งนักร้อง และนักแต่งเพลงที่มีความสามารถเข้าขั้นอัจฉริยะ มีผลงานเพลงหลากหลายแนว กระทั่งเพลงลูกกรุงที่เพราะและเศร้ามากอย่าง "หรีดรัก" ก็เป็นฝีมือครูสุรพลด้วย นี่ถ้าท่านยังอยู่ คงทำประโยชน์ให้วงการดนตรีบ้านเราได้อีกมากมาย
บล็อคนี้มีหลายภาคหน่อย ได้ข้อมูลจากวิกิและเวบผู้จัดการที่ คุณคีตา พญาไท เขียนเกร็ดชีวประวัติของท่านไว้น่าอ่านดีเลยเอามาอัพด้วย อีกอย่าง เพลงของครูเพราะ ๆ ทั้งนั้น มีหลายบล็อคจะได้ฟังหลายเพลงหน่อย ใครรักเพลงสุรพลเหมือนเราก็ล้อมวงเข้ามาคุยกันได้เลยค่ะ
สุรพล สมบัติเจริญ (เดิมชื่อลำดวน) เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๔๗๓ เป็นคนสุพรรณบุรีโดยกำเนิด เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่ง เจ้าของเพลงดัง "๑๖ ปีแห่งความหลัง" สุรพล สมบัติเจริญถูกยิงเสียชีวิต หลังจากการแสดงบนเวทีที่นครปฐม เสียชีวิตเมื่อ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๑ อายุเพียง ๓๗ ปี ๑o เดือน ๒๓ วัน
ภาพจากเวบ sickplaylist.com
ประวัติ
ลำดวน สมบัติเจริญ อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ ๑๒๕ ถนนนางพิม อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ฐานะทางครอบครัวแต่เดิมค่อนข้างจะดีด้วย คุณพ่อรับราชการอยู่แผนกสรรพากรจังหวัด ชื่อ เปลื้อง สมบัติเจริญ ส่วนคุณแม่ชื่อ วงศ์ นอกจากเป็นแม่บ้านแล้วยังค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านกลางใจเมืองสุพรรณ สุรพลเป็นบุตรชายคนที่ ๒ ในบรรดาพี่น้องท้องเดียวกัน ๖ คน
ภาพจากเวบ udclick.com
หลังจบชั้นประถมจาก โรงเรียนประสาทวิทย์ ก็มาเรียนที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัยจนจบมัธยมปีที่ ๖ เมื่อเรียนจบที่สุพรรณบุรี คุณพ่อก็ส่งสุรพลเข้ามาเรียนต่อที่ โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย แต่สุรพลก็เรียนได้เพียงปีครึ่งก็ต้องลาออก เพราะใจไม่รักแต่ด้วยไม่อยากขัดใจคุณพ่อ การเรียนก็เลยไม่ดี เขาไปสมัครเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนสุพรรณกงลิเสวียเสี้ยว เป็นโรงเรียนจีน แต่สอนอยู่ได้แค่ครึ่งปีก็ลาออก ด้วยใจไม่ได้รักอาชีพนี้อย่างจริงจัง
ภาพจากเวบ pukpik.com
เขาได้สมัครเข้าไปเป็นทหารอยู่ที่โรงเรียนนักเรียนจ่าทหารเรือ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชะตาเขาพลิกผัน หลังจากเขาได้หนีราชการทหารเรือจนได้รับโทษถูกคุมขัง เขาได้กลายเป็นขวัญใจของนักโทษ ด้วยการร้องเพลงกล่อมก่อนนอน เมื่อได้รับอิสรภาพ สุรพลได้ทิ้งเส้นทางทหารเรือ สุรพลมีโอกาสได้ร้องเพลงในงานสังสรรค์กองทัพอากาศ น้ำเสียงของเขาได้โดนใจหัวหน้าคณะนักมวยเลือดชาวฟ้า อย่างเรืออากาศศรีปราโมทย์ วรรณพงษ์ จึงเรียกตัวเขาไปพบในวันรุ่งขึ้น และยื่นโอกาสให้สุรพลย้ายไปเป็นนักร้องประจำกองดุริยางค์ทหารอากาศ
ภาพจากเวบ udclick.com
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ เพลง 'น้ำตาลาวเวียง' เป็นเพลงแรกที่ได้บันทึกเสียง แต่เพลงที่ทำให้เป็นที่รู้จักทั่วไปคือเพลง 'ชูชกสองกุมาร' หลังจากนั้นชื่อเสียงของสุรพล ก็เป็นที่นิยมมากขึ้น และมีผลงานชุดใหม่ออกมาเรื่อยๆ เช่น 'สาวสวนแตง' 'เป็นโสดทำไม' 'ของปลอม' 'หนาวจะตายอยู่แล้ว' 'หัวใจผมว่าง' 'สาวจริงน้อง' 'ขันหมากมาแล้ว' 'น้ำตาจ่าโท' 'มอง' และอีกหลายเพลง
ภาพจากเวบ udclick.com
และทำให้คนรู้จักความเป็น "สุรพล สมบัติเจริญ" อย่างแท้จริงในเวลาต่อมาก็คือเพลง "ลืมไม่ลง" และเมื่อชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป สุรพลจึงมีงานร้องเพลง นอกสังกัดถี่ขึ้นเป็นลำดับ อาทิ ร่วมร้องกับวง "แมมโบ้ร็อค" ของ เจือ รังแรงจิตร วง "บางกอกช่ะช่ะช่ะ" ของ ชุติมา สุวรรณรัตน์ และ สมพงษ์ วงษ์รักไทย ส่วนวงดนตรีที่สุรพลร้องด้วยมากที่สุดคือ วง "ชุมนุมศิลปิน" ของ จำรัส วิภาตะวัตร
ตลอดชีวิตของการเป็นนักร้อง สาเหตุที่ทำให้ "สุรพล" ได้รับการยอมรับว่าเป็นราชาเพลงลูกทุ่ง เพราะความอัจฉริยะในตัวเองที่สามารถแต่งเพลง และยังคงเป็นที่จดจำจนทุกวันนี้ก็มี อาทิ ลืมไม่ลง, ดำเนินจ๋า, แซ่ซี้อ้ายลื้อเจ็กนั้ง, หัวใจเดาะ, สาวสวนแตง, น้ำตาจ่าโท, สนุกเกอร์, นุ่งสั้น, จราจรหญิง, เสน่ห์บางกอก และ ๑๖ ปีแห่งความหลัง เป็นต้น นอกจากจะแต่งเอง ร้องเองแล้ว "สุรพล" ยังทำหน้าที่ครูแต่งเพลงให้คนอื่นร้องจนโด่งดังอีกด้วย อย่างเช่น ผ่องศรี วรนุช, ไพรวัลย์ ลูกเพชร, ละอองดาว สกาวเดือน, ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย, เมืองมนต์ สมบัติเจริญ เป็นต้น
ภาพจากเวบ udclick.com
"สุรพล สมบัติเจริญ" ถูกยิงหลังจากการแสดงบนเวทีที่นครปฐม เสียชีวิตเมื่อ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ เมื่ออายุเพียง ๓๗ ปี ๑o เดือน ๒๓ วัน
ภาพจากเวบ udclick.com
รางวัลที่ได้รับ
วันที่ ๑๒ ก.ย. ๒๕๓๒ ได้รับรางวัลพระราชทานเพลงดีเด่นจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ ๑ "สาวสวนแตง" คว้าเพลงดีเด่น แต่งโดยครูพยงค์ มุกดา แต่งเพลงดีเด่นในเพลง "เด็กท้องนา" ขับร้องโดย ละอองดาว สกาวเดือน และเพลง "ไหนว่าไม่ลืม" ขับร้องโดย ผ่องศรี วรนุช ส่วนเพลงที่ได้รับรางวัลร้อง-แต่งเองคือ "๑๖ ปีแห่งความหลัง"
ภาพจากเวบ weloveshopping.com
วันที่ ๗ ก.ค. ๒๕๓๔ ได้รับรางวัลพระราชทานแต่งเพลงดีเด่นจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ภาค ๒ ในเพลง "ด่วนพิศวาส" ขับร้องโดย ผ่องศรี วรนุช และ คำเตือนของพี่ ขับร้องโดย ไพรวัลย์ ลูกเพชร
ภาพจากเวบ maemaiplengthai.com
วันที่ ๑๘ ก.ย. ๒๕๓๗ ได้รับรางวัลพระราชทานเกียรติบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในการจัดงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่ง สืบสานคุณค่าวัฒนธรรม สองรางวัลในเพลง น้ำตาเมียหลวง ขับร้องโดย ผ่องศรี วรนุช และเพลง เสียวไส้ ซึ่งสุรพลแต่ง และขับร้องเอง
ภาพจากเวบ .sayanfanclub.com
เมื่อ ๑๘ ต.ค. ๒๕๓๗ เพลงรอยไถแปร และน้ำตาลก้นแก้ว ได้รับการคัดเลือกเป็นเพลงลูกทุ่งดีเด่นที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ขับร้องโดย ก้าน แก้วสุพรรณ ส่วนเพลงกว๊านพะเยาได้รับรางวัลเดียวกัน แต่เป็นการขับร้องโดย สุรพล สมบัติเจริญ
ภาพจากเวบ maemaiplengthai.com
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่
Free TextEditor
Create Date : 15 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 3 สิงหาคม 2556 0:15:58 น. |
Counter : 11503 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เพลงเศร้าแสนหวาน ๒
ช่วงนี้งานเข้าอีกแว้วว ต้องหยุดเล่นบล๊อคสักอาทิตย์นึง อัพบล๊อคเอาใจผู้สูงวัย หาเพลงเก่ามาให้ฟัง อัพให้ฟังทีเดียวสองเพลงเลย เป็นเพลงของคุณสุเทพที่หาฟังยากมาก เคยได้ฟังจากรายการเพลงเก่าเมื่อนานมาแล้ว ฟังปุ๊บก็หลงรักปั๊บเลย ตามล่าหาเพลงมาตั้งนาน เพิ่งซื้อได้ที่ร้านแม่ไม้เพลงไทย เสียดายหาข้อมูลได้แค่เพลงเดียวเอง ทั้งสองเพลงออกจะเศร้า ๆ แต่ก็หวานมาก ครูเพลงสมัยก่อนฝีมือสุดยอดดด เขียนเนื้อร้องได้เพราะราวกับบทกวี ทำนองที่แต่งก็สอดคล้องกับทุกถ้อยคำที่เขียน ชอบตรงที่เขียนถึงพระจันทร์ทั้งสองเพลงเลย
ภาพจากเวบ whisperingcedarsgibsons.com
เพลงฟ้ารำลึก
คำร้อง อ.กวี สัตโกวิท ทำนอง เกษม มิลินทจินดา
ฟ้าไสว พาหัวใจ หวนเศร้าครวญหา เพ้อเรียกหาน้องข้า นิจจาไยเล่าเจ้าด่วนหนี ดวงจันทร์อันสุกสกาว แสงดาวพราวพรายริบหรี่ แต่ทำไมคืนนี้ จึงขาดน้องชี้ให้พี่ชม สิ้นสลาย รักมากลายเปลี่ยนให้อับเฉา ทุกข์ท่วมท้นเหลือเดา รักเดียวตัวเราจึงต้องขื่นขม เพ่งจันทร์พรายพร่าลางเลือน แสงเดือนเตือนให้สุดข่ม อกเราต้องระบม ระทมใจหนักเพราะรักกลับกลาย รักเอย รักเคยเชยชื่นชิดชม สองเราเคยร่วมภิรมย์ เสพสุขสม ไยมาแหนงหน่าย เคยสัญญา ว่ารักนี้จักไม่กลาย จะรักแท้ มิรู้หน่าย มิเสื่อมคลายจวบดินแลฟ้า ฟ้าไสว พาหัวใจหวนให้ใฝ่ฝัน ฟ้านั้นยังมีวัน เมฆพลันลอยห่างกระจ่างเวหา แต่เรายังสุดมืดมน ต้องทนสู้ไปจนกว่า ฟ้าจะกรุณา ชักพาเธอกลับมากับจันทร์
ครูเพลงรุ่นกลางที่มีผลงานเพลงอมตะอันไพเราะ ได้รับความนิยมจากแฟนเพลงไม่แพ้ครูเพลงรุ่นใหญ่ที่น่าสนใจมากอีกท่านหนึ่ง ครู อ. กวี สัตโกวิท ชื่อจริงคือ กวีวรรษ สัตโกวิท เป็นคนตำบลปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคมพ.ศ. ๒๔๘๓ เป็นบุตรของ นายนุ้ย นางแดง สัตโกวิท นามปากกาที่ชื่อว่า อ.กวี สัตโกวิท เพราะยายจำชื่อที่พระตั้งชื่อว่า กวีวรรษ ไม่ได้ เมื่อนำไปฝากเรียนที่โรงเรียน ยายจึงบอกครูว่าชื่อ อุดม เพราะเป็นเด็กที่อ้วนสมบูรณ์มาก จึงใช้ชื่อ อุดม เรื่อยมา เริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดท่านคร อยู่ใกล้บ้าน แต่ไปจบชั้นประถมปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดพระบรมธาตุ (เทศบาล ๑) แล้วเข้าเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๑ ที่โรงเรียนนครวิทยา ต่อมาเมื่อพี่สาวย้ายไปอยู่ที่ชุมพร จึงเข้าเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๒ ต่อที่โรงเรียนชุมพรศึกษา แล้วย้ายกลับมาเรียนจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ที่โรงเรียนพรสวัสดิ์วิทยา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕oo เข้ามาเรียนหนังสือชั้นเตรียมอุดมศึกษาที่ โรงเรียนวัดราชาธิวาส จนจบ แล้วเข้าศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มแต่งเพลงมาตั้งแต่สมัยที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๘ แล้ว แต่เป็นการแต่งเล่น ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร จนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงเริ่มแต่งจริงจังมากขึ้น ในระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย ก็ทำงานหารายได้พิเศษไปด้วย โดยเข้าทำงานประจำที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในทำเนียบรัฐบาล และจัดเพลงที่สถานีวิทยุ กองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ และสถานีวิทยุ ท.ท.ท.สี่แยกคอกวัวอีกด้วย เมื่อเพลง ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า ได้รับความนิยม จึงลาออกจากราชการ หันหน้ามาแต่งเพลงและทำงานหนังสือพิมพ์อย่างเต็มตัว ในปี พ.ศ. ๒๕o๖ ได้รับความไว้วางใจให้เขียนเพลงประกอบภาพยนตร์ให้ พันคำ, ดอกดิน กัญญามาลย์ และ ส.อาสนจินดา อยู่ด้วยกันหลายเรื่อง เช่น กบเต้น, ไก่แก้ว, ใกล้รุ่ง, กบฏหัวใจ, เงารัก, เดือนร้าว, นกเอี้ยง, น้ำผึ้งป่า, พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ, เพชรพระอุมา, ปิ่นรัก, ปูจ๋า, แผ่นดินสีทอง, รักข้ามขอบฟ้า, ลมหวน, ละครเร่, สกุลกา, สะไภ้ลิเก, หวานใจ, เหมือนหนึ่งในฝัน ฯลฯ
เลยติดใจวงการภาพยนตร์และตัดสินใจสร้างภาพยนตร์เอง ภาพยนตร์เรื่องแรกที่สร้างคือ เรื่อง ปีศาจเสน่หา นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา และ เพชรา เชาวราษฎร์ เป็นภาพยนตร์ขนาด ๑๖ มม. ถ่ายทำกันที่ประเทศอินเดีย
ต่อมาได้สร้างภาพยนตร์ ขนาด ๓๕ มม. อีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องพลิกล๊อค, เรื่องถึงคราวจะเฮง, เรื่องด๊อกเตอร์ครก, เรื่องความรักของคุณฉุย, และ กขค.โรงเรียนนอก โดยเฉพาะเรื่อง ด๊อกเตอร์ครก นั้น ได้รับรางวัลชนะเลิศ ภาพยนตร์ส่งเสริมเยาวชนดีเด่นแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ผลงานเพลงของ อ.กวี สัตโกวิท มีอยู่มากมายหลายเพลง ได้แก่ เกลียดเสียแล้ว / กรุงเทพน้อยใจ / เก็บใจไว้ให้กัน / ไกลชู้ / คนชั่ว / คนรักคนสุดท้าย / คนเลวของเธอ / ครวญสวาท / คะนึงน้อง / คิดถึงจังเลย / คืนนั้นคืนนี้ / ชีวิตมีกรรม / ชีวิตคือเพลง / ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า / ฆ่าเธอไม่ลง / ดาวบนดิน / โถคุณ / ทนายรัก / เธอคือลมหายใจ / เธอเป็นหัวใจของฉัน / โธ่เอ๋ย / ปากนครแห่งความหลัง / แผ่นดินสีทอง / พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ / พี่คอยเจ้า / ฟ้ารำลึก /แมวเหมียว / ไม่มีเมื่อวานอีกแล้ว / ไม่อยากให้โลกมีเธอ / ยับ / ยอมรับ / รักข้ามขอบฟ้า / รักข้ามปี / รักครั้งแรก / รักดาว / รักพี่ตอนเป็น / โลกกับความรัก / สวรรค์วันลอยกระทง / สวรรค์อำพราง / หยดหนึ่งของกาลเวลา / เหมือนตายจากกัน / อกกระต่าย / อย่าทรมานอีกเลย / อย่าคิด อย่าคิด / อย่าจากฉันไป / อย่าเลยที่รัก / อย่าให้ถึงตาย / อารมณ์สวาท / แอ่วดอกเอื้อง ฯลฯ
ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานครั้งที่ ๑ ในปี พ.ศ. ๒๕o๗ จากเพลงฆ่าฉันให้ตายดีกว่า เพลงแมวเหมียว โดยคณะสามศักดิ์ (สักรินทร์ ปุณฤทธิ์, ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา, มีศักดิ์ นาครัตน์ และ อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา) และรางวัลแผ่นเสียงทองคำครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕o๘ จาก เพลงหนีรัก เพลงชีวิตมีกรรม
ส่วนเพลงประกอบภาพยนตร์ ที่ได้รับความนิยมมาก ก็คือ เพลงรักข้ามขอบฟ้า, เพลงโลกกับความรัก, เพลงพรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ, เพลงปูจ๋า, เพลงแพลอย ฯลฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ จัดคอนเสิร์ต "ฝากฟ้าฝากฝัน เหนือกาลเวลา" ที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง มอบรายได้ให้กับสมาคมนักร้องแห่งประเทศไทย และเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ จัดคอนเสิร์ต "ในบทเพลงมีนิยาย" ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มอบรายได้สมทบให้มูลนิธิชัยพัฒนา จัดทำเพลงเทิดพระเกียรติชุด "ประทีปแห่งแผ่นดิน" กับ "ลำนำจากบทกวี" บทเพลงแห่งความเงียบ ซึ่งประพันธ์ตำร้องโดย ดร.มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ อดีตเลขาธิการ คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และ รองเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งขับร้องโดย สวลี ผกาพันธุ์, สุเทพ วงศ์กำแหง, สุวัจชัย สุทธิมา, ชรัมภ์ เทพชัย, จิติมา เจือใจ, ปาริชาติ จิตรศาลา และ ต้นอ้อ ขนิษฐ์นุช เพื่อมอบรายได้เป็นเงินจำนวน ๑,ooo,ooo บาทให้ มูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อไม่นานมานี้
เพลงนี้ขับร้องและบันทึกเสียงโดย สุเทพ วงศ์กำแหง เป็นเพลงแรกที่แต่งขึ้นในชีวิต เมื่อปี พ.ศ. ๒๕o๒ อ. กวี สัตโกวิท บอกว่า “... แต่งเป็นเพลงแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕o๒ แต่ได้อัดเสียงเมื่อปี พ.ศ. ๒๕o๔ ที่ห้องอัดอัศวินภาพยนตร์ ช่วงคุณสุเทพ วงศ์กำแหงกลับมาจากญี่ปุ่นหมาด ๆ แต่งเพลงนี้ร่วมกับครูเกษม มิลินทจินดา ซึ่งเป็นเสมือนครูผู้บุกเบิกให้ได้เรียนรู้วิธีการแต่งเพลง จากที่แต่งเพลงไม่เป็นเลย ก็รู้วิธีการจากครูเกษมนี่แหละ...”
ข้อมูลจากเวบmanager.co.th
อนุสาวรีย์รัก
พร่ำวอนฟ้า ฟ้าไม่อาจรับ คำกล่าว อ้อนวอนดาว ดาวก็เกี่ยง เลี่ยงคำไข จะบอกจันทร์ ก็พลันพราก จากแสนไกล สุดบอกใคร ให้รู้เห็น เป็นพยาน ศักดิ์เธอสูง สูงเกินกว่า คว้าครองได้ โอ้ทางใด รู้ถึงเจ้า เล่าจอมขวัญ กลุ่มศรัทธา ในหล้าแหล่ง แข่งนับพัน ก็มีฉัน เป็นคะแนน รักอนงค์ กระต่ายลำพอง ไม่หมายครอง ดวงจันทรา ฉันสกุณา กาก็รู้ ไม่คู่หงษ์ หิ่งห้อยนิด ไม่คิดรวม ดาวร่วมพงศ์ รักอนงค์ ไม่ฉุดรัก นั้นจมปรักตรม หากความดี แม้มีอยู่ รู้ประจักษ์ หมดใจภักดิ์ รักมอบให้ ยังไม่สม แต่สุขใจ ที่ได้รัก จากอารมณ์ เธอนั้นสมเป็น อนุสาวรีย์รัก แห่งเรา...
บล๊อคนี้ไม่สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงแต่อย่างใด หาซื้อทั้งสองเพลงนี้ได้ที่ร้านแม่ไม้เพลงไทยนะจ๊ะ
บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่
Free TextEditor
Create Date : 19 กันยายน 2552 | | |
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 22:39:55 น. |
Counter : 5766 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
คุณชายถนัดศรี สวัสดิวัตน์
ทำบล๊อคนี้ฉลองให้คุณชายถนัดศรีที่ท่านได้รับเลือกเป็น "ศิลปินแห่งขาติ" ในปีนี้ ดีใจมากเพราะชอบเพลงของท่านมานาน คุณชายเป็นผู้ที่มีความสามารถหลากหลายด้าน...เป็นราชนิกูลที่ติดดินสุด ๆ...เป็นนักร้องเสียงเพราะและมีเอกลักษณ์...เป็นนักชิมมือวางอันดับหนึ่งของเมืองไทย...เป็นคนแก่ที่ไม่ตกยุค แถมมีอารมณ์ขันเหลือเฟือ...และอื่น ๆ อีกมากมาย เราเคยเป็นแฟนรายการวิทยุและทีวีที่ท่านจัดแบบเหนียวแน่น เพราะท่านคุยสนุก มีเรื่องเก่า ๆ ที่เราชอบมาเล่าให้ฟังประจำ แต่หลัง ๆ ไม่ค่อยได้ติดตามเพราะย้ายเวลาจัดหลายหนเลยต่อไม่ติด ที่จริงท่านน่่าจะได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติมาตั้งนานแล้ว
คุณชายให้สัมภาษณ์หลังได้ทราบข่าวดีแล้วว่า "รู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา ตนเคยได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับการคัดเลือก แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณา เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่าตนได้รับรางวัลชั้นเยี่ยมด้านอื่น ๆ มาแล้วหลายด้าน (เหตุผลไม่เข้าท่าเล้ย ที่จริงถ้าคุณสมบัติเหมาะก็น่าจะให้เนอะ) ทั้งทางด้านวรรณกรรม การใช้ภาษาไทยดีเด่น แต่ในวันนี้เมื่อได้รับคัดเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติก็ยินดี เพราะที่ผ่านมาตนได้ขับร้องเพลงเพื่อการกุศลมาโดยตลอด มีผลงานเพลงอมตะอัดแผ่นเสียงไว้กว่า ๒oo เพลง สำหรับเงินค่าตอบแทนในแต่ละเดือนที่ได้รับจำนวน ๑๒,ooo บาท ตนจะไม่ขอรับ แต่จะจัดตั้งมูลนิธิกองทุนเพื่อช่วยเหลือศิลปินที่ได้รับความลำบากขาดแคลนทุนทรัพย์และเจ็บป่วยต่อไป"
Create a playlist at MixPod.com
หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ (๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗o) นักเขียนและนักจัดรายการโทรทัศน์ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการแนะนำและจัดระดับความอร่อยของร้านอาหารในชื่อ "เชลล์ชวนชิม" ทางหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕o๔ และจัดรายการโทรทัศน์ "การบินไทยไขจักรวาล", "ครอบจักรวาล" ติดต่อมานานหลายปี นอกจากนี้ยังเป็นนักร้องเพลงลูกกรุง เพลงที่มีชื่อเสียง เช่น ข้องจิต, สีชัง, ยามรัก, หวงรัก, วนาสวาท, ระฆังทอง
หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เป็นบุตรชายคนโตของหม่อมเจ้าเฉลิมศรีสวัสดิวัตน์ สวัสดิวัตน์ และหม่อมเจริญ เกิดที่วังเพชรบูรณ์ (ปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์) เติบโตอยู่ภายในวังสระปทุม ศึกษาที่โรงเรียนราชินี และเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ในปี ๒๔๘๑ มีเลขประจำตัวนักเรียน ท.ศ.๕๔๔๔ จนจบชั้นมัธยมในปี ๒๔๘๕ นับรุ่นคือนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์รุ่นปี ๒๔๘๕ และศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง พร้อมกับเริ่มร้องเพลงหารายได้ ช่วงหลังสงครามได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ได้เป็นนักจัดรายการให้กับสถานีวิทยุบีบีซีภาคภาษาไทย เมื่อเดินทางกลับประเทศไทยได้เป็นนักร้องให้กับวงสุนทราภรณ์ และแสดงละครโทรทัศน์ทางช่อง ๔ บางขุนพรหม
ปัจจุบัน หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ยังเขียนบทความประจำให้กับหนังสือพิมพ์มติชน และไทยรัฐ และจัดรายการโทรทัศน์ร่วมกับบุตรชาย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นนักเขียนอาวุโส รางวัลนราธิป ล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้รับคัดเลือกเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาการแสดง
หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์มีบุตรกับหม่อมหลวงประอร มาลากุล (หย่าขาดกันและสมรสใหม่กับ หม่อมเจ้าการวิก จักรพันธุ์) ๒ คนคือ หม่อมหลวงศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์ (หมึกแดง) และ หม่อมหลวงเพิ่มวุทธ์ สวัสดิวัตน์ (จิ๋ว) และมีบุตรกับคุณโรจนา สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม สวนรัตน์) คือ หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ (อิงค์)
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
ชีวิตที่เกินบรรยาย
ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เป็นหม่อมราชวงศ์ชายคนแรกของหม่อมเจ้าเฉลิมศรี สวัสดิวัตน์ และหม่อมเจริญ หม่อมเจ้าเฉลิมศรี เป็นโอรสองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฏ์ กับหม่อมละมุน และกรมพระสวัสดิวัตนวศิษฏ์ คือ พระโอรสองค์หนึ่งในสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๔
เกิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗o ที่วังเพชรบูรณ์ (บริเวณที่ตั้งโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ ปัจจุบัน) ลืมตาได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ทำท่าจะลาโลก เพราะแพ้นมมารดาจนต้องเตรียมหาโลงใส่ ร้อนถึงหม่อมย่าต้องเดินข้ามสะพานเฉลิมเผ่า จากวังสระปทุมมาอุ้มไปประคบประหงม หยอดยาต้มใบระกาแบบโบราณ และได้อาศัยน้ำนมจาก "แม่นมผ่อง" และ "กิมฮั้ว" เลี้ยงดูจนรอดชีวิต
กลายเป็นหม่อมราชวงศ์คนหนึ่งที่มีชีวิตราวกับนิยาย เป็นทั้งนักแสดง นักร้อง นักเขียน นักจัดรายการ และนักชิมอาหาร ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองไทย
"เมื่อก่อนวังเพชรบูรณ์กับวังสระปทุม มีคลองอรชรคั่นกลาง แต่เดิมเป็นวังนอกของรัชกาลที่ ๔ เมื่อขุดคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นทางเดินทัพ ยุงจะเยอะมาก ตกค่ำจะแห่กันมาเป็นฝูงใหญ่เหมือนลูกมะพร้าวเลย กัดทีทั้งแสบทั้งคัน เลยได้ชื่อว่าคลองแสนแสบ"
คุณชายถนัดศรีเริ่มเล่าเรื่องย้อนหลังกลับไปเมื่อ ๗o ปีก่อน ด้วยน้ำเสียงที่แจ่มใส ชัดเจน กว่า ๓ ชั่วโมงของการสนทนาในครั้งแรกเต็มไปด้วยลูกเล่น ลูกฮา คำผวน คำแสลง พร้อมสรรพ และที่สำคัญ เป็นคนที่มีความจำดีมาก แต่ละเรื่องสามารถเชื่อมโยงอ้างอิงถึงสถานที่และตัวบุคคลอย่างน่าสนใจ เรื่องราวของคุณชายผ่านการถอดเทปสนุกสนาน ได้อรรถรสมากกว่าข้อมูลที่นำมาเขียนได้มากมายนัก
วันนั้นคุณชายมาพร้อมกับ "ปิ่นโตเถาเล็ก" ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ โดยใช้ร้านนิตยาไก่ย่างสาขา ๒ บนถนนรัตนาธิเบศร์ เป็นสถานที่นัดพบกับ "ผู้จัดการ"
"เกิดวังเพชรบูรณ์ โตวังสระปทุม มีลูกมีเมียวังศุโขทัย" คือประวัติชีวิตที่คุณชายถนัดศรีมักชอบสรุปให้ใคร ๆ ฟัง
วังสระปทุม เป็นวังของสมเด็จพระราชบิดาฯ และสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งเป็นพระอัยยิกา (ย่า) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน
ในครั้งกระนั้น นอกจากคุณชายถนัดศรี ในวังสระปทุม มีเจ้านายเล็กๆ อยู่ ๓ พระองค์ คือ "พระองค์หญิง" "พระองค์ชาย" และ "พระองค์เล็ก" คือ สมเด็จพระพี่นางฯ, รัชกาลที่ ๘ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
"พอทั้ง ๓ พระองค์เสด็จไปสวิตเซอร์แลนด์ ก็เหลือเราเป็นเจ้าอาละวาดอยู่คนเดียว" คุณชายเล่าพลางหัวเราะเสียงดัง เมื่อย้อนรำลึกถึงวีรกรรมความแก่นแก้วของตนเองในวัยเด็ก
ทุกคนในวังต้องยอมเจ้านายเล็ก ๆ คนนี้ เพราะสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้านั้นเป็นถึงพี่สาวแท้ ๆ ของสมเด็จปู่ของคุณชาย ชีวิตในวัยเด็กจึงถูกเลี้ยงอย่างเจ้านาย ความลำบากอดอยากไม่เคยพานพบ
"ร้องไห้ไม่ยอมไปเรียนประจำที่วชิราวุธ จำได้ว่า ตอนนั้นกลัวมากว่า แล้วใครจะอาบน้ำให้ให้กูล่ะ ใครจะใส่กางเกงให้ แล้วเวลานอนใครจะเกาหลังให้หลับ เลยอาละวาดเสียมากมาย จนสุดท้าย หม่อมย่าต้องยอมส่งไปเรียนที่โรงเรียนราชินี"
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ และการตัดสินใจสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ดูเหมือนว่ามีผลกระทบต่อการศึกษาต่อของคุณชายถนัดศรี และผู้ใช้สกุลสวัสดิวัตน์อย่างมากในเวลาต่อมา
หม่อมเจ้าเฉลิมศรีจบจากโรงเรียนนายร้อย ประเทศรัสเซีย เลยมีความต้องการให้บุตรชายคนโตได้เรียนทหารเหมือนอย่างตน นักเรียนจากประเทศรัสเซียรุ่นเดียวกับท่านคือ หลวงยอดอาวุธ ฤทธาคนี ผู้แปลวรรณกรรมระดับโลกเรื่อง "สงคราม และสันติภาพ" ของ ลีโอ ตอลสตอย จากภาษารัสเซียเป็นภาษาไทย
"พ่ออยากให้เข้าทหาร แต่ในสมัยนั้นเป็นยุคที่เขาแอนตี้เจ้ากันแล้ว สกุลสวัสดิวัตน์ ผู้ใหญ่ในแผ่นดินยุคนั้นถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลให้อยู่ในนี้ไม่ได้ ต้องไปอยู่ข้างนอก เพราะขนาดเสด็จปู่ยังโดนเนรเทศให้ไปสิ้นที่ปีนังเลย ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๒๔๘๕ พวกเราโดนปลดหมดทุกคน ไม่มีใครเหลือ จะเข้าโรงเรียนนายร้อย นายเรือ อะไรไม่ได้ทั้งนั้น เขาไม่รับ ทั้ง ๆ ที่พ่อเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับจอมพลแปลก พิบูลสงคราม และจอมพลผิน ชุณหะวัณ อย่าลืมว่าสมัยนั้น ปู่ผมเป็นทั้งน้าและพ่อตาของรัชกาลที่ ๗" (ดูตารางสาแหรกประกอบ)
อยากดูใกล้ๆก็กดที่ภาพเลยค่ะ
เมื่อเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนธรรมศาสตร์และการเมือง ชีวิตของคุณชายก็ยิ่งมีรสชาติ ที่เข้มข้นขึ้น นิสัยสนุกสนาน เฮฮา และมนุษยสัมพันธ์ดี ทำให้เขามีเพื่อนมากมายหลายกลุ่ม และเริ่มผูกพันลึกซึ้งมากขึ้นเมื่อเกิดสงครามโลกในขณะเรียนธรรมศาสตร์ปี ๓ เพราะเพื่อนฝูงส่วนใหญ่เป็นชาวปักษ์ใต้เริ่มลำบากเรื่องอาหารการกิน
"นักเรียนธรรมศาสตร์สมัยนั้น น่ารักอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่มีใครปิดบังความจน เพราะถือว่าความจนเป็นอาภรณ์ประดับชีวิต ใครจนแต่สามารถบากบั่นมาถึง นี่คือวีรบุรุษ"
คุณชายถนัดศรีเริ่มร้องเพลง เพื่อหาเงินช่วยค่าอาหารให้เพื่อน ต่อมาได้เข้ามาอยู่วงสุนทราภรณ์ เพราะภรรยาของครูเอื้อคือ อาภรณ์ กรรณสูต เป็นนักเรียนห้องเดียวกัน หลังสงครามก็เรียนหนังสือไปด้วย พร้อมกับทำงานเป็นเสมียนกระทรวงการต่างประเทศ ได้รู้จักกับเสนีย์ เสาวพงศ์ และได้เข้าชมรมนักเขียน "ตึกดิน" กับอิงอรก็ตอนนั้น
ช่วงหนึ่งของชีวิต ตั้งใจจะไปเรียนต่อด้านกฎหมาย ได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่คุณชายบอกว่า เต็มที่ทั้งสุรา ภาชี กีฬาบัตร ดังนั้นปริญญาที่ได้แทนที่จะเป็น "Barrister" ก็เป็น "บาร์เทนเดอร์" แทน
แต่การใช้ชีวิตดังกล่าว ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการเข้าไปทำรายการ "Letter from London" สถานีวิทยุุบีบีซี ภาคภาษาไทย และรายได้จากตรงนั้นคือเม็ดเงินส่วนหนึ่งที่สามารถเอาไปเที่ยวเตร่ นอกเหนือจากเงินส่วนหนึ่งที่พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงสุทธสิริโสภาคอยช่วยเหลือ
พระองค์เจ้าหญิงสุทธสิริโสภา เป็นพระธิดา กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย ซึ่งเป็นพระโอรสของสมเด็จพระพันปีหลวง และอยู่ในวังสระปทุมตั้งแต่เด็ก เป็นบุคคลเดียวที่ตอนหลังส่งเสีย ม.ล.ศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์ หรือ "หมึกแดง" ให้เรียนต่อในต่างประเทศ
"เป็นสัญญาที่ใต้ต้นลิ้นจี่ในวังสระปทุม ตอนนั้นเรายังเด็ก แต่ท่านมีอายุ มากกว่าเรา ๕ ปี ก็เหมือนพี่สาวคนหนึ่ง พอท่านจะออกไปเสกสมรสกับหม่อมเจ้าสุวินิต กิติยากร ก็ล่ำลากัน บอกว่าไปมีครอบครัวแล้วอย่าลืมน้องนะ ท่านก็ช่วยเหลือมาตลอด"
หลังกลับจากประเทศอังกฤษได้ยึดอาชีพบันเทิงเป็นหลัก รับเล่นเป็นพระเอกหลายเรื่อง ทางช่อง ๙ บางขุนพรหม เช่น "ทับนาง" ของอุษณา เพลิงธรรม "สิ้นเพลงรัก" เป็นเรื่องที่แต่งเองมีประมูล อุณหธูป เป็นคนเขียนบท สุพรรณ บูรณ-พิมพ์ เป็นนางเอก
คุณชายถนัดศรีเคยเล่าไว้ในหนังสือไฮคลาสฉบับหนึ่งว่า "สิ้นเพลงรักเป็นเรื่องที่ชอบที่สุด พล็อตเรื่องเกิดขึ้นเพราะตอนนั้นหย่ากับเมียแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมลูก เพราะชีวิตไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย แล้วคิดถึงลูกมาก พ่อกับลูกได้ใกล้ชิดกันเพียงแค่เสียง เพราะแม่โกรธเกลียดพ่อมาก มีอยู่คราวหนึ่งลูกมองซ้ายมองขวา เปิดวิทยุเสียงพ่อก็เจื้อยแจ้วออกมาเลย ลูกก็พูดกับวิทยุว่า พ่อร้องดังๆ ก็ได้จ๊ะ แม่ไม่อยู่หรอก ประโยคนี้ทำเอาคนร้องไห้ทุกรอบเลย"
ภรรยาคนแรกของคุณชายถนัดศรีคือ ม.ล.ประอร นามสกุลเดิม มาลากุล เป็นนางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ มีบุตรชาย ๒ คน คือ ม.ล.ศิริเฉลิม และ ม.ล.เพิ่มวุทธ์ ต่อมาภายหลัง ม.ล.ประอรได้ไปแต่งงานใหม่กับ ม.จ.การวิก จักรพันธุ์
ปี ๒๕o๕ แต่งงานใหม่อีกครั้งกับโรจนา มีบุตรชายชื่อ ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ ใน ระยะหลังนี้แม้ไม่มีงานร้องเพลงและละคร แต่บทบาทนักชิมและนักจัดรายการอาหาร ทำให้ท่านยังเป็นที่รู้จักของคนเกือบทุกรุ่นทุกวัย
เป็นคนคนหนึ่งที่มีเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตเกินคำบรรยาย และยากที่จะหาคำจำกัดความได้
ข้อมูลจาก gotomanager.com
ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ผู้สร้างตำนาน "นักชิมอาหาร"
มรดกในเรื่องอาหารถูกถ่ายทอดผ่านสายเลือดและความคิดของคน "รุ่นพ่อ" สู่ "รุ่นลูก" โดยมีกระบวนการจัดการอย่างเป็นระบบ จากแบรนด์ "เชลล์ชวนชิม" มาเป็นแบรนด์ "หมึกแดง" โดยมี "ปิ่นโตเถาเล็ก" เดินตามรอยเท้าพ่อและพี่มาติด ๆ
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ.๒๕o๔ สมัยที่น้ำมันพรีเมียม ๙๕ ราคาลิตรละ ๒.๑o บาท รัฐบาลกำลังตัดถนนสายใหม่ไปทั่วประเทศ ม.จ.ภีศเดช รัชนี ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการขายและโฆษณาของบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย ในสมัยนั้น ได้มาปรึกษา ม.ร.ว.ถนัดศรี ว่า จะทำโฆษณาแบบ soft sale อย่างไรดี คุณชายถนัดศรีก็ได้ยกตัวอย่างว่าที่ฝรั่งเศสมี Michelin Guide ซึ่งเป็นของบริษัทที่ผลิตยางมิชลิน ได้แนะนำร้านอาหารในเส้นทางต่างๆ ในทวีปยุโรป ซึ่งแนวคิดนี้น่าจะนำมาใช้กับเมืองไทย ได้ เพราะคนไทยชอบหาของกินอร่อย ๆ เช่นกัน
"เชลล์ชวนชิม" จึงได้เกิดขึ้นครั้งแรก โดยมีเชลล์แก๊สเป็นสปอนเซอร์ เพราะตอน นั้นบริษัทเชลล์กำลังรณรงค์ให้หันมาใช้เตาแก๊สแทนเตาถ่าน ต่อมาในเดือนกันยายน ๒๕๒๕ จึงได้เปลี่ยนโลโกเป็นชามเบญจรงค์ "ลายผักกาด" แทน เพื่อสร้างความชัดเจนในการสนับสนุนในเรื่องอาหารของเชลล์
คุณชายถนัดศรีเรียนมาทางด้านกฎหมาย ส่วนความรู้ทางด้านอาหารได้มาจากหม่อมละมุน สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา ผู้เป็นหม่อมย่า และผู้ว่าการห้องเครื่องในวังสระปทุม ในขณะที่แม่แท้ๆ คือหม่อมเจริญเป็นลูกมือของ ม.ร.ว.เสงี่ยม สนิทวงศ์ ผู้ทำเครื่องถวายสมเด็จพระพันปีหลวง ทุกอย่างได้ซึมซับเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งอาหารคาวหวานเลิศรส ตลอดจนกรรมวิธีการปรุงต่าง ๆ ที่ผ่านตาผ่านลิ้นมาตั้งแต่วัยเด็ก
ย่างเข้าวัยหนุ่ม ชีวิตที่เป็นอิสระ มีเพื่อนฝูงหลายกลุ่ม หลากหลายฐานะ นอกวัง ชอบเที่ยวเตร่เฮฮา และชอบทำกับแกล้มในวงเหล้าให้กับเพื่อนฝูง รสมือเป็นที่ยอมรับจน กระทั่งได้โอกาสจากเชลล์
นอกจากมีลิ้นที่สามารถรับรสชาติได้ครบทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และรู้ลึกไปถึงสูตรและวิธีทำแล้ว อาหารแต่ละจานยังถูกปรุงแต่งด้วยเรื่องราว อันสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตและความเป็นไปของผู้คนในบ้านเมือง สร้างเสน่ห์ให้คอลัมน์ "เชลล์ชวนชิม" ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว
ลูกชิ้นห้าหม้อ หรือเกาเหลาลูกชิ้นมันสมองหมู บนรถเข็นหน้าห้องแถวย่านแพร่งภูธร ถูกแนะนำเป็นรายแรกในคอลัมน์นี้ ส่วนต่างจังหวัดคือเป็ดพะโล้ท่าเกวียนที่จังหวัดชลบุรี
ร้านค้าไหนที่คุณชายตามไปชิม ก็จะถูกนำมาเขียนถึงในหนังสือพิมพ์ "สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์" ซึ่งเริ่มเขียนตอนที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕o๔
ต่อมาย้ายหาบไปอยู่ที่ "ฟ้าเมืองไทย" ตั้งแต่ฉบับที่ ๓๔o ในวันที่ ๒๕ กันยายน ปี ๒๕๑๘ ปัจจุบันปักหลักที่ "มติชน" และคอลัมน์ "ซันเดย์สเปเชียล" ในไทยรัฐฉบับวันอาทิตย์
หลักเกณฑ์การได้ป้าย "เชลล์ชวนชิม" ง่ายมากคือ เจ้าของร้านต้องตัดคอลัมน์ที่เขียนถึงร้านตนเองไปขอป้ายจากเชลล์ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายในการทำป้ายไม่กี่ร้อยบาท และสามารถนำไปใช้ได้ตลอดไป ไม่มีการยึดคืน แม้ว่าบางร้านรสชาติอาหารจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม
ด้วยวิธีนี้อาจทำให้ป้ายเชลล์ชวนชิม ขาดความศักดิ์สิทธิ์ แต่คุณชายถนัดศรียืนยันว่า การให้ป้ายแล้วเอาคืน เป็นการสร้างศัตรู ซึ่งหากร้านไหนรสชาติเปลี่ยนไป ลูกค้าต้องตัดสินเลิกทานด้วยตนเอง
เป็นวิธีคิดที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการให้ป้าย "หมึกแดง" ของ ม..ล.ศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์ ลูกชายคนโตที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน
ป้ายเชลล์ชวนชิมสร้างความร่ำรวยให้เจ้าของร้าน และสามารถขยายสาขาเป็นของลูกหลานต่อเนื่อง ส่วนคุณชายจะได้ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน และค่าเรื่องจากบริษัทเชลล์ครั้งละ ๑,ooo บาท และเพิ่มเป็น ๑,๕oo บาท เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่ได้ตามมาคือ ชื่อเสียง และสัญลักษณ์แห่งความเอร็ดอร่อยในเรื่องการชิมและการทำรายการอาหาร สร้าง "โอกาส" ให้ไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจต่างๆ ด้านอาหารมากมายในเวลาต่อมา เริ่มจากรายการ "พ่อบ้านเข้าครัว" ทางช่อง ๕ ด้วยความคิดที่มองการณ์ไกลเกี่ยวกับปัญหาสังคม ว่าต้องการให้พ่อแม่ลูกมีกิจกรรมทำร่วมกันในวันหยุด
หลังจากนั้นก็มีรายการของปลากระป๋องปุ้มปุ้ย รายการของซอสภูเขาทอง รายการหมึกแดงเวิลด์ ที่ทำกับลูกชายคนโต รวมทั้งเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าต่างๆ มากมาย
การชอบหาของแปลกใหม่รับประทาน ชอบเดินทางท่องเที่ยว และมีกลุ่มเพื่อนมากมาย ทำให้คุณชายถนัดศรีมีประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย และยังเป็นนักเล่าเรื่องที่มากด้วยอารมณ์ขัน เต็มไปด้วยสาระและความบันเทิงครบครัน เรื่องราวเหล่านั้นถูกถ่ายทอดออกมาในรายการทีวี รายการวิทยุ และข้อเขียนในหนังสือต่าง ๆ
เป็นที่รู้กันว่าถ้าเชิญไปออกรายการไหนไม่จำเป็นต้องมีสคริปต์ให้ เพราะสามารถพูดไปได้เรื่อย ๆ และพูดในสิ่งที่สามารถสะกดคนฟังได้ทุกครั้ง
นอกจากเป็นนักชิม นักเขียน นักแสดงระดับรางวัลเมขลา นักร้องแผ่นเสียงทองคำ ยังเป็นพิธีกรรายการต่างๆ ในทีวีอีกมากมายหลายรายการ ในปัจจุบัน วิธีคิดมาจากการทำรายการของคุณชายในสมัยก่อน เช่น ควิซโชว์ รายการ "การบินไทยไขจักรวาล" ซึ่งโด่งดังมากในอดีต
กระบวนการจัดการทางทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านั้น หากได้รับการจัดการอย่างมีระบบตั้งแต่ต้น น่าจะสร้างเม็ดเงินได้อย่างมากมายมหาศาล แต่เมื่อคุณชายถนัดศรีเป็นคนรุ่นเก่าถูกเลี้ยงมาแบบโบราณ คำว่า "บารมี" จึงมีความหมายมากกว่าเม็ดเงิน
"เรื่องราวต่าง ๆ ในรายการครอบจักรวาลหรือรายการอาหารทางทีวี ตั้งแต่เริ่มแรก หาก คุณพ่อสามารถจัดเป็นระบบ แยกเป็นหมวดหมู่ แล้วจดเป็นลิขสิทธิ์ไว้ ก็สามารถเอามาทำอะไรได้อีกตั้งเยอะ"
"หมึกแดง" เคยวิจารณ์การทำงานของผู้เป็นพ่อด้วยวิธีคิดของคนรุ่นใหม่
ผลงานอย่างอื่นอีกมากมายในวงการบันเทิง เช่น บทละคร เนื้อเพลง ซึ่งสูญหายไปมาก และที่สำคัญ หากใครต้องการนำไปใช้ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย ทุกวันนี้หากถามถึงรางวัลที่ได้รับหรือเพลงเก่า ๆ ว่าเก็บไว้หรือเปล่า คุณชายถนัดศรีจะตอบชัดเจนว่า ไม่เคยเก็บ รางวัลอยู่ไหนไม่รู้
"ใครจะเอาไปใช้ก็ช่าง เป็นคนที่ไม่เก็บอะไรเลย ประหลาด มีคนเขาโทรมาขอก็จะบอกว่า มึงจะเอาไปก็เอาไปซี้ ไม่ยุ่งหรอกเรื่องลิขสิทธิ์อะไรนี่"
รายได้หลักตอนนี้มาจากรายการของหมึกแดงเวิลด์ทางช่องไอทีวี รายการครอบจักรวาล ทางช่อง ๕ รายการครอบจักรวาล ทางสถานีวิทยุ เงินปันผลจากบริษัทธรณีพิพัฒน์ ที่เป็นประธานกรรมการบริษัท และถือหุ้นอยู่ประมาณ ๑o เปอร์เซ็นต์ และรายได้จากการ เขียนคอลัมน์ เชลล์ชวนชิม ตอนละ ๑,๕oo บาท ส่วนไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลนั้นคุณชายถนัดศรีบอกว่า ได้ตอนละหลายพันบาทแต่ไม่ถึงหมื่นบาท รวมทั้งรายได้จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าต่างๆ
คุณชายยังเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชน และหน่วยงานของรัฐบาลอีกหลายแห่ง เช่น ที่ปรึกษาสถาบันการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการที่ปรึกษาสถานีวิทยุ กองทัพบก กรรมการบริษัทประกิตโฮลดิ้ง กรรมการบริษัทกว้างไพศาล จำกัด คุณชายบอกว่า บางแห่งก็จะให้เป็นเงินเดือนตอบแทนบ้าง ไม่มากนัก ส่วนบางแห่งก็ได้แค่ตำแหน่งอย่างเดียว
มีบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัด ถนัดศรี บนถนนงามวงศ์วาน ที่มีพนักงานประมาณ ๖ - ๗ คน บริหารกันแบบง่าย ๆ เหมือนครอบครัว
"ท่านรวยชื่อเสียงจริง แต่ไม่รวยเงินทอง ใครให้ช่วยทำอะไรก็ทำ ค่าตัวที่ได้ส่วนใหญ่จะเป็น ปากกา เสื้อผ้า หรือของกินเสียเป็นส่วนใหญ่ หน้าเทศกาลที พวกร้านอาหารต่างๆ ที่ท่านเขียนถึงจะส่งของกินมาให้เต็มบ้าน ซึ่งท่านก็ดีใจที่ยังมีคนระลึกถึง ถึงวันนี้แล้วทรัพย์สินก็มีบ้านหลังนี้หลังเดียว ออกจากวัง ท่านก็เช่าบ้านมาตลอดที่ทางต่างจังหวัดก็ไม่มี ท่านเป็นคนง่าย ๆ ไม่ติดยึดอะไร"
โรจนา ภรรยาของคุณชายเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังในวันที่พบกันครั้งแรกที่บ้านในซอยอารีย์สัมพันธ์ เธอยังไม่ทิ้งร่องรอยความสวยระดับดาวธรรมศาสตร์ และอดีตพนักงานบริษัทเดินอากาศไทย
คำว่าความเป็นอยู่ง่าย ๆ ของคุณชาย สอดคล้องกับภาพของความเป็นจริง เมื่อได้เห็นห้องนอนที่ใช้นั่งอัดรายการ "ครอบจักรวาล" ทุกเช้าเต็มไปด้วยหนังสือ และที่นอนยัดนุ่นบนเตียงเล็กๆ ริมห้อง
หนังสือต่าง ๆ เหล่านั้นสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการทำงานอย่างจริงจังของคนยุคก่อน ที่ต้องค้นคว้าอย่างจริงจังก่อนที่จะนำเอาข้อมูลไปอ้างอิง
มันยากกว่าการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ใช้นิ้วเดียวคลิกไปที่ google.com มากมายนัก
ในวันที่ ๒๘ พฤษภาคมนี้ ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ มีอายุครบ ๗๘ ปีเต็ม และยังเต็มไปด้วยพละกำลังในการเสาะหา ขุมทรัพย์แห่งความอร่อยใหม่ ๆ เพื่อนำมาเสนอกับคนที่ติดตามรายการอย่างไม่ยอมหยุดพัก
ข้อมูลจากเวบ gotomanager.com
บีจีจากคุณlozocatสำหรับบีจี และไลน์จากคุณฮัทโทริ
Free TextEditor
Create Date : 24 มกราคม 2552 | | |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 20:03:12 น. |
Counter : 30071 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|