happy memories
Group Blog
 
All blogs
 

ลุ่มเจ้าพระยา




ภาพจาก thailandtoursbooking.com


ลุ่มเจ้าพระยา - ชรินทร์ นันทนาคร







ลุ่มเจ้าพระยา
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล
ทำนอง นารถ ถาวรบุตร


ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง...แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไปมักไม่ไหลทวน
ชีวิตเราไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน


เรา...เกิดมา ผูกใจรักกันดีกว่า
เพราะว่าชีวาแสนสั้น
เรา...อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอันสุขใจ


อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง...ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพร
ที่เหินบินคู่กันไป...หัวใจคู่กัน








ภาพจาก กระทู้คืนชีวิตสู่สายน้ำแห่งแผ่นดิน......เจ้าพระยา



'ลุ่มเจ้าพระยา'
หยดน้ำจากฟ้า สายธาราไหลล่อง ให้ปองผูกพัน



แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายหลักสายหนึ่งของประเทศไทย เกิดจากการรวมตัวของแม่น้ำแควทั้ง ๔ สายของภาคเหนือ คือ ปิง วัง ยม น่าน ที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นไหลลงไปทางทิศใต้ ผ่านจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ก่อนจะออกสู่อ่าวไทยที่ปากน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างเขตตำบลท้ายบ้าน ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ





ต้นน้ำเจ้าพระยา
ภาพจาก panoramio.com



แต่กว่าจะรวมกันเป็นสายน้ำแห่งชีวิตและจิตวิญญาณของชนชาวไทยกว่า ๖๔ ล้านคนในวันนี้ ก็ต้องใช้หยดน้ำจากฟ้าหลายล้าน ๆ หยด ผ่านกาลเวลาและการสั่งสมอย่างยาวนานจากโบราณกาลมาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับการไหลรวมของชีวิตที่หลากหลายเผ่าพันธุ์บนแผ่นดินไทย จากเหนือจรดใต้ และจากตะวันออกถึงตะวันตก กว่าจะหลอมรวมชีวิตมาเป็นคนไทย และประเทศไทยในวันนี้





ดอยเชียงดาว
ภาพจาก panoramio.comchiangdao.net



แม่น้ำปิง มีต้นน้ำอยู่ที่ดอยเชียงดาวในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ไหลลงทางใต้ผ่านจังหวัดลำพูนรวมกับแม่น้ำวังที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก ไหลลงใต้ผ่านจังหวัดกำแพงเพชร แล้วบรรจบกับแม่น้ำน่านที่อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ และจากจุดนี้ไปก็เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา


แม่น้ำวัง เป็นแม่น้ำที่เกิดในเทือกเขาผีปันน้ำในเขตจังหวัดเชียงราย ไหลไปรวมกับแม่น้ำปิงที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก ก่อนจะไหลไปรวมกับแม่น้ำน่านที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา





แม่น้ำปิง
ภาพจาก oknation.net



แม่น้ำยม เป็นแม่น้ำที่มีต้นกำเนิดอยู่ในป่าดงดิบสูงชันสลับซับซ้อนบนเทือกเขาซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดเชียงราย พะเยา และแพร่ กระแสน้ำไหลผ่านที่ราบสูงของจังหวัดแพร่ สุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร ไปบรรจบกับแม่น้ำน่านที่ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ ก่อนแม่น้ำน่านจะไปรวมกับแม่น้ำปิง ที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์ เกิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา





จังหวัดนครสวรรค์
ภาพจาก travel.mthai.com



แม่น้ำน่าน มีต้นกำเนิดอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง จังหวัดน่าน มีความยาวตลอดลำน้ำ ๗๔o กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในบรรดาแควต้นน้ำเจ้าพระยาด้วยกัน นับเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายหลักในภาคเหนือและภาคกลางของไทย โดยได้ไหลไปรวมกับแม่น้ำปิง กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญสายหนึ่งของประเทศ





ครูนารถ ถาวรบุตร
ภาพจาก saisampan.net



เพลง "ลุ่มเจ้าพระยา" เป็นผลงานชิ้นเอกของ ครูนารถ ถาวรบุตร และ ครูแก้ว อัจฉริยะกุล เป็นเพลงเอกในละครและภาพยนตร์เรื่อง "ลุ่มเจ้าพระยา" ของ บริษัทภาพยนตร์ศรีกรุง ผู้บันทึกเสียงต้นฉบับครั้งแรกเป็นคู่พระคู่นาง คือ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ และ ประชุม พุ่มศิริ เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๙๔


ลุ่มเจ้าพระยา - สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ และ ประชุม พุ่มศิริ







คุณสุรสิทธิ์ สัตยวงศ์
ภาพจาก saisampan.net



เป็นที่ทราบกันดีในวงการยุคนั้นว่า เพลงนี้ ครูแก้ว อัจฉริยะกุล แต่งขึ้นจากแรงบันดาลใจในเหตุการณ์จริงเกี่ยวกับเรื่องราวหมางใจกันระหว่าง ครูนารถ ถาวรบุตร และ ครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการแต่งเพลงมาร์ชเพลงหนึ่ง คือเพลงที่ชื่อ "ไทยไม่ทำลายไทย" ซึ่ง จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีคำสั่งให้กรมโฆษณาการ ซึ่งทั้งครูนารถและครูเอื้อต่างรับราชการอยู่ด้วยกันในขณะนั้นแต่งขึ้น ซึ่งปรากฏว่าเพลงที่ ครูนารถ ถาวรบุตร แต่งทำนองให้นั้น ไม่เป็นที่ถูกใจของผู้ออกคำสั่งจากกรมโฆษณาการ ครูเอื้อ สุนทรสนาน จึงต้องแต่งขึ้นใหม่อีกทำนองหนึ่งตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เป็นเหตุให้ ครูนารถ ถาวรบุตร น้อยใจและลาออกจากกรมโฆษณาการไปในครั้งนั้น





ภาพจาก saisampan.net



เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องราวสะเทือนใจกันอยู่นานมากในบรรดาหมู่มิตรของทั้งสองคน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่านักดนตรีระดับบรมครูคู่นี้คบกันและร่วมงานกันมานาน และต่างก็รักใคร่สนิทสนมกันมากที่สุด ครูนารถนั้นอายุมากกว่าครูเอื้อ ๕ ปี เป็นผู้ที่ครูเอื้อเองปรารภอยู่เสมอมาว่าเป็นทั้งพี่และเป็นทั้งครู แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าจากเพลงมาร์ชที่ชื่อ "ไทยไม่ทำลายไทย" ได้ทำลายมิตรภาพของทั้งสองคนไปอย่างไม่มีวันเอากลับคืนมาได้ จนกระทั่งถึงวันที่ต้องตายจากกัน





ครูแก้ว อัจฉริยกุล และ ครูเอื้อ สุนทรสนาน
ภาพจาก บล็อกลุงแว่น



แม้ในเวลาต่อมาอีกประมาณสิบปีที่ผ่านไป จะมีเพลง "ลุ่มเจ้าพระยา" ซึ่ง ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ได้จงใจและบรรจงเขียนเนื้อร้องขึ้นเพื่อหวังจะเตือนใจและสมานรอยร้าวในอดีตให้กับทั้งสองคน แต่ก็ไม่สามารถจะเยียวยาหรือเปลี่ยนแปลงให้เหตุการณ์หวนกลับมาสู่ถนนแห่งมิตรภาพดังเดิมได้อีก


"ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธาราไหลล่อง

เพียงแต่มองหัวใจให้ป่วน

น้ำไหลไปมักไม่ไหลทวน

ชีวิตเราไม่มีหวน...ไม่กลับทวนเหมือนกัน..."



ต่อมามีต้นฉบับใหม่ให้ได้ฟังกันอีกหลายต้นฉบับ ที่คุ้นหูกันดีต้นฉบับหนึ่ง ก็คือต้นฉบับที่ร้องโดยศิลปินแห่งชาติ จินตนา สุขสถิตย์





คุณจินตนา สุขสถิตย์
ภาพจาก plengpakjai.net




ลุ่มเจ้าพระยา - จินตนา สุขสถิตย์




ยามใดที่สังคมไทยมีปัญหาความร้าวรานภายในประเทศ เพลง "ลุ่มเจ้าพระยา" ก็ยังเป็นอีกหนึ่งความหวังของคนไทย ที่ยังมีความเชื่อ ความหวัง และความรัก ทุกคนก็ยังพร้อมที่จะฟังเพลงนี้ และพร้อมที่จะตั้งตารอวันที่คนไทยจะรักกันด้วย "หัวใจไทย" อีกครั้ง.





ภาพจากบล็อกคุณ yyswim



ข้อมูลจาก
นสพ.ไทยโพสต์ ๑๑-๑๗ ส.ค. ๒๕๕๖
thaipost.net




บล็อกคุณปอนอาทิตย์นี้

เพลงรักฤดูร้อน



บล็อกเสพงานศิลป์ล่าสุด

เสพงานศิลป์ ๑๑๒



เสพงานศิลป์สองบล็อกที่งานยังจัดอยู่

เสพงานศิลป์ ๑๑o
เสพงานศิลป์ ๑๑๑




บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนคลับค่ะ




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ ebaemi

Free TextEditor





 

Create Date : 23 มิถุนายน 2557    
Last Update : 24 มิถุนายน 2557 17:51:47 น.
Counter : 8324 Pageviews.  

เชียงรายรำลึก




ยามค่ำริมน้ำกก จ.เชียงราย
ภาพจาก decembertown.com



เชียงรายรำลึก - สุริยัน บุญยศ







เชียงรายรำลึก
คำร้อง-ทำนอง โกวิท เกิดศิริ


ณ ราตรีหนึ่ง  ซึ่งยังฝังใจ  เชียงรายฟ้าแจ่ม


คืนนั้นวาวแวม  ด้วยแสงจันทรา  นภาสดใส


ริมน้ำกกเย็น  ด้วยลมพลิ้วผ่าน  ซ่านซึมผิวกาย


คืนนั้นเชียงราย  มีเธอแหละฉัน  ร่วมสัมพันธ์ไม่คลาย
   



หนาวเย็นลมยิ่ง  เราอิงซบกัน  ดวงจันทร์คล้อยต่ำ


คืนนั้นยังจำ  ริมน้ำราตรี  ที่มีจันทร์ฉาย
 

ไฉนมาลืม  รักเราเคยสร้าง  ริมฝั่งเชียงราย


เมื่อคืนเดือนหงาย  นิยายสวาท  บาดหัวใจไม่ลืม








ดอยแม่สลอง จ.เชียงราย
ภาพจาก บล็อกคุณสายหมอกและก้อนเมฆ




"เชียงรายรำลึก" เพลงรักโต้ลมหนาว



“ณ ราตรีหนึ่ง ซึ่งยังฝังใจ เชียงรายฟ้าแจ่ม
 

คืนนั้นวาวแวม ด้วยแสงจันทรา นภาสดใส


ริมน้ำกกเย็น ด้วยลมพลิ้วผ่าน ซ่านซึมผิวกาย


คืนนั้นเชียงราย มีเธอแหละฉัน ร่วมสัมพันธ์ไม่คลาย...”



นี่คือเพลงไทยสากลที่ดังไปทั่วโลกเพลงหนึ่ง ไม่ว่าคนไทยจะอยู่มุมไหนของโลก ก็มักจะได้ยินหรือร้องเพลงนี้ได้  ทุกเวลาที่คิดถึงเมืองไทย โดยเฉพาะลมหนาวที่เคยสัมผัสที่จังหวัดเชียงราย อันเป็นจังหวัดชายแดนเหนือสุดของประเทศไทย





วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย
ภาพจาก บล็อกคุณสายหมอกและก้อนเมฆ
  


ผู้แต่งเพลงนี้ ทั้งคำร้องและทำนอง คือ โกวิท เกิดศิริ เป็นชาวอยุธยาโดยกำเนิด แต่มาเติบโตที่กรุงเทพมหานคร  โกวิท เกิดศิริ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๔๗๗ เป็นอดีตทหารอากาศแห่งกองบินยุทธการ กองทัพอากาศ ดอนเมือง  ภายหลังได้ออกจากราชการทหารมาเป็นนักดนตรีอาชีพเต็มตัว เพราะความรักในวิชาดนตรีมาตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือ  อยู่ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัย สถานศึกษาย่านประตูน้ำ  เครื่องดนตรีคู่กายและคู่ใจของเขาคือ แซ็กโซโฟน



10

พระตำหนักดอยตุง จ.เชียงราย
ภาพจาก mydressshops.com

   


ก่อนจะออกจากราชการทหาร ได้แต่งเพลงแรกและบันทึกเสียงไว้แล้ว เป็นเพลงที่มีความไพเราะเพลงหนึ่ง ซึ่งขับร้องบันทึกเสียงโดย ชรินทร์ นันทนาคร ชื่อเพลง “วณิพกเพ้อ” หลังออกจากราชการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕o๓ โกวิทก็ตระเวนเล่นดนตรีไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งยุคนั้นเป็นยุคดนตรีไนต์คลับ ซึ่งถือเป็นยุคทองของธุรกิจดนตรีทั่วโลก





ครูโกวิท เกิดศิริ
ภาพจาก บล็อกคุณกรมกุชะ

   


ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๕-๒๕๑๖ ก่อนเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ระหว่างที่ โกวิท เกิดศิริ เป็นนักดนตรีประจำอยู่ที่ "ภูเก็ตราตรี" ไนต์คลับชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตในยุคนั้น เขาได้แต่งเพลงให้กับตัวเองอีกสองเพลง คือเพลง "ร้อยชู้" และ “รักพี่มีบาป” แล้วนำออกร้องในไนต์คลับที่เขาทำงานอยู่ทุกคืน จนมีเสียงเลื่องลือมาถึงกรุงเทพฯ  ทำให้ สุริยัน บุญยศ นักร้องหนุ่มที่ไม่มีใครรู้จักต้องเดินทางไปขอฟังถึงจังหวัดภูเก็ต และได้นำทั้งสองเพลงมาบันทึกเสียง  และได้ทำให้ชื่อของ สุริยัน บุญยศ กลายเป็นนักร้องดังคนหนึ่งในยุคนั้น ในเวลาต่อมา





บ้านดำ จ.เชียงราย
ภาพจาก บล็อกคุณก๋า






ภาพวาดฝีมือครูถวัลย์ ดัชนี
ภาพจาก บล็อกคุณก๋า

       


จากนั้นโกวิทก็ย้ายขึ้นภาคเหนือ โดยไปได้งานอยู่ที่ บลูมูนไนต์คลับ ซึ่งเป็นไนต์คลับชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่  ต่อมาเพื่อนของเจ้าของ บลูมูนไนต์คลับ ซึ่งเป็นนายแพทย์และเป็นเจ้าของ ทาไวไลท์ไนต์คลับ ซึ่งเป็นไนต์คลับเปิดใหม่ที่จังหวัดเชียงราย ได้ขอตัวให้ขึ้นไปเล่นดนตรีที่จังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งให้ไปเป็นครูผู้ช่วยสอนดนตรีให้กับนักดนตรีในวงดนตรีของโรงพยาบาลจังหวัดเชียงรายด้วย
       


และที่นี่เองได้กลายเป็นที่มาของเพลง “เชียงรายรำลึก” เพลงดังระดับโลก





ตัวเมืองเชียงราย
ภาพจาก picpost.postjung.com






ดอยหัวแม่คำ จ.เชียงราย
ภาพจาก twineye2002.com
      


นักดนตรีหญิงคนหนึ่งในวงดนตรี ซึ่งแต่เดิมกำลังเรียนกีตาร์อยู่ พอเห็นโกวิทนักดนตรีหนุ่มมาสอนแซ็กโซโฟนก็ได้ย้ายมาเรียนแซ็กโซโฟนแทน ทำให้การเรียนเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะมาเริ่มเรียนใหม่ ทำให้อาจารย์ผู้สอนต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ ทั้งในเวลาและนอกเวลาเรียน จนเริ่มมีเสียงซุบซิบกันไปทั้งวงดนตรี และขยายออกไปทั่วโรงพยาบาล จนในที่สุดนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้องเรียกตัวอาจารย์โกวิทไปพบ และบอกว่า
       


“นี่โกวิท ถึงเวลาที่ผมจะต้องส่งตัวคุณกลับเชียงใหม่แล้วละนะ เพราะว่าพ่อแม่ของผู้หญิงเขาไม่ยอม เขาจะจับคุณแต่งงานกับลูกสาวเขาแล้ว...”



29

ดอกลิลลี่บานในงานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ ๑o
ภาพจาก บล็อกคุณถปรร




30

ภาพจาก บล็อกคุณถปรร

       


ผมก็จำเป็นต้องเป็นฝ่ายยอมย้ายกลับไป บลูมูนไนต์คลับ เชียงใหม่ เพราะขณะนั้นผมเองก็มีครอบครัวอยู่แล้ว  แต่ก่อนวันเดินทางผมขอให้มีงานเลี้ยงส่งเล็ก ๆ ที่ร้านอาหารริมฝั่งแม่น้ำกก ซึ่งอยู่ใกล้ศาลากลางจังหวัดเชียงรายนั้นเอง





อ่างเก็บน้ำถ้ำเสาหินพญานาค จ.เชียงราย
ภาพจาก บล็อกคุณก๋า

       


หลังรับประทานอาหาร ผมขอตัวเธอจากเพื่อน ๆ ที่มาร่วมเลี้ยงส่ง เพื่อขอตัวเธอไปคุยกันสองต่อสอง  หลังซุ้มต้นกล้วยริมฝั่งแม่น้ำกก ที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย แค่นั้นเองจริง ๆ ที่เรามีคำอำลาและมีโอกาสแนบชิดกันประสาคนรักที่จำต้องจากกัน ไม่มีอะไรอื่นเกินกว่านั้น  เพราะรักของเราเป็นรักที่บริสุทธิ์ใจต่อกันจากใจแท้จริง





ภาพจาก thaimisc.pukpik.com

       


“เชียงรายรำลึก” บันทึกเสียงครั้งแรกโดย สุริยัน บุยศ ต่อมามีผู้นำมาบันทึกเสียงอีกหลายครั้ง ต้นฉบับที่ได้รับความนิยมมากที่สุดต้นฉบับหนึ่งคือต้นฉบับซึ่งขับร้องโดย ศิลปินแห่งชาติ สุเทพ วงศ์กำแหง.





วิวระหว่างทางจากดอยแม่สลองไปไร่ชา ๑o๑
ภาพจาก บล็อกคุณสายหมอกและก้อนเมฆ




ข้อมูลจาก
นสพ.ไทยโพสต์ ๒๙ ธ.ค. ๒๕๕๖
thaipost.net




บล็อกคุณปอนอาทิตย์นี้

The Passion on Rong Bome Baiya
ในร่มเงาของความทรงจำสีจาง



บล็อกเสพงานศิลป์ล่าสุด

เสพงานศิลป์ ๑๑o


บล็อกเสพงานศิลป์สองบล็อกที่งานยังจัดอยู่

เสพงานศิลป์ ๑o๘
เสพงานศิลป์ ๑o๙



บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนคลับ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ ebaemi

Free TextEditor





 

Create Date : 17 มิถุนายน 2557    
Last Update : 24 มิถุนายน 2557 17:42:06 น.
Counter : 5690 Pageviews.  

ดวงใจ




ภาพจากกระทู้ จากฉางหลางสู่ปากเมง ตรังในยามอาทิตย์อัศดง


ดวงใจ - สวลี ผกาพันธุ์







ดวงใจ

คำร้อง ทำนอง สง่า อารัมภีร


ลา…..  ลา…..  ลา….            
ดวงใจ ทุกคนมีสิทธิ์จะรักกันได้

ถึงอยู่ห่างไกล   

ก็ยังส่งใจไปถึง



อ้อมแขนของฉัน    

คอยสัมพันธ์รักอันตราตรึง

คอยวันสุขซึ้ง

จากดวงใจที่จริงจังมั่นคง



เธอเป็นคนต่างแดน

แต่แนบแน่นด้วยไมตรีสูงส่ง

มีใจรักมั่นคง
(ฮัม)
ไม่มีผู้ใดเสมอ



เธอเป็นความสว่าง

พร่างดังเพชรประกายเลิศเลอ

ฉันได้จุมพิตจากเธอ

ฉันภูมิใจและสุขใจทุกคืนวัน

ลา...........ลา..........ลา...…   
ฉันสุขใจทุกคืนวัน










'ดวงใจ' ทุกคนมีสิทธิ์จะรักกันได้
คือ สัจจะที่กาลเวลาพิสูจน์แล้ว



เดือนกุมภาพันธุ์เป็นเดือนที่ใคร ๆ ก็ให้คำจำกัดความว่าเป็น “เดือนแห่งความรัก” แต่น้อยครั้งที่เราจะได้มีโอกาสทำความเข้าใจว่า ความหมายของความรักนั้น มีความลึกซึ้งและมีคุณค่าเพียงใด เพราะส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเน้นความสนใจไปที่ความรักของชายและหญิงเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ความหมายที่แท้จริงของความรักนั้น เป็นความหมายที่กว้างไกลและยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกทางเพศมากมายนัก





ภาพจาก freshhdwallpapers.com

   


ถ้าจะตั้งคำถามว่า “ความรักคืออะไร?” ก็คงมีคำตอบมากมายในนานาทัศนะ เช่นเดียวกับคำกวีแนวปรัชญาบทหนึ่งที่ก่อให้เกิดคำถามและคำตอบได้อย่างกว้างขวาง  
   


“ชีวิตคือความฝัน สิ่งสำคัญคือเงินตรา ยอดปรารถนาคือ............”
   


คำที่จะนำมาเติมตรงช่องว่างที่ประจุดไว้นั้น ก็เป็นอิสระของใครต่อใครที่จะเติมคำใดก็ได้ที่คิดว่าเป็นยอดปรารถนาของตน เช่น  ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรี กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งก็ได้ (ที่ไม่อยู่ในรายชื่อต้องปรับ ครม.บ่อยนัก)





ภาพจากบล็อกคุณถปรร

   


หรือไม่ก็อาจจะเป็น ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับเงินเดือนเดือนละ ๖๘,๖๒o บาท และเงินเพิ่มอีกเดือนละ ๔๑,๕oo บาท รวมแล้วเป็นเงิน ๑๑o,๑๒o ต่อเดือน  ทำงานครบวาระ ๔ ปี  ก็จะได้เงินเดือนรวมแล้วเป็นเงิน ๕,๒๘๕,๗๖o บาท แต่กฎหมายอนุญาตให้ใช้เงินหาเสียงเลือกตั้งได้ไม่เกินคนละ ๔๙ ล้านบาท ดังนั้น เมื่อเอาเงินเดือน ๔ ปีของผู้ว่าฯ ไปลบออก ก็จะทราบว่าใครที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็จะขาดทุนอยู่ประมาณ ๔๔ ล้านบาท แต่ถึงกระนั้น  ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ก็ยังคงเป็น “ยอดปรารถนา” ของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทุกท่านอยู่นั่นเอง





ภาพจาก บล็อกคุณนอกลู่นอกทาง





ภาพจาก saisampan.net

   


หรือบางท่านอาจจะตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “ยอดปรารถนาคือ...ความสุข” 
   


หรือ “ยอดปรารถนาคือ...ความรัก” 
   


ก็คงพอจะทำให้กวีปรัชญาบทนี้มีความสมบูรณ์ได้อย่างเท่าเทียมกัน เพียงแต่ว่าคำตอบของใครจะได้คะแนนดีกว่ากันเท่านั้นเอง





ภาพจาก ishop.jarungjai.com





ภาพจาก su-usedbook.com

   


“ดวงใจ.............ทุกคนมีสิทธิ์จะรักกันได้.....” 
   


จากเสียงร้องอันทรงพลังแห่งความกังวานหวานเป็นหนึ่งเดียว ของศิลปินแห่งชาติ สวลี ผกาพันธุ์  
   


นี่คือวรรคแรกของเพลง “ดวงใจ” ซึ่งเป็นวรรคทองระดับฝังโคตรเพชร เพราะกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า นี่คือวรรคทองแห่ง “สัจจะ” โดยแท้


“ดวงใจ” เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง “เพชรตัดเพชร” พ.ศ. ๒๕o๙ บรรเลงโดยวงดนตรี “ฟรังโก้ทอมเบ็ตต้า”





ด.ญ.เชอร์รี่ ฮอฟแมนน์ (๘ ขวบ) กลายเป็นศิลปินแห่งชาติ สวลี (พี่รี่) ผกาพันธุ์ (๘๐ ปี)
บันทึกแผ่นเสียงทั้งหมดประมาณ ๒,๐๐๐ เพลง จากนักแต่งเพลงเกือบทุกคน
(ปัจจุบันอายุ ๘๒ ปี เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖)
ภาพจาก thailanewspaper.com






ภาพจาก youtube.com





ภาพจาก tonpalm.tarad.com

   


ครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร เล่าว่า ตอนสาย ๆ ของวันนั้น ครูขับรถคู่ใจที่ให้สมญาว่า “เจ้าม้าลาย” จากบางกะสอ มาจอดไว้ที่หน้าห้าง กมลสุโกศล แล้วจากนั้นก็นั่งรถรางจากหน้าห้างกมลสุโกศลไปทำงานที่ห้องอัดเสียงทุ่งมหาเมฆ วันนั้นทำงานเสร็จตอนเย็นก็ใช้เส้นทางเดิมกลับบ้าน 





ครูสง่า อารัมภีร
ภาพจากเวบ thaimisc.pukpik.com
  


ระหว่างขึ้นรถรางกลับไปหน้าห้างกมลสุโกศล เมื่อรถวิ่งผ่านสามย่านมาถึงหัวลำโพง ครูแจ๋วก็สังเกตเห็นว่าหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่นั่งมาบนรถเริ่มมีปากเสียงกัน เมื่อฝ่ายชายพูดกับฝ่ายหญิง ก็จะถูกฝ่ายหญิงหยิกแขนทุกครั้งไป จนมาถึงเยาวราชทั้งสองเริ่มทะเลาะกันมากขึ้นและเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงวังบูรพาหน้าโรงภาพยนตร์แกรนด์ เมื่อรถจอดรับผู้โดยสาร นักศึกษาหญิงผู้นั้นได้ยืนขึ้นและเอากระเป๋าที่ถือมาฟาดใส่หน้าอกของชายที่นั่งอยู่แล้วก็รีบเดินลงลงรถไปอย่างรวดเร็ว พอฝ่ายชายรู้ตัวก็รีบลุกขึ้นตะโกนตามหลังฝ่ายหญิงไปว่า
   


“ฉันมีสิทธิ์รักเธอนะ...” พูดจบก็รีบวิ่งลงจากรถรางตามผู้หญิงคนนั้นไป


ครูแจ๋วก็ยังนั่งอยู่บนรถเหมือนเดิม และนั่งนึกเนื้อเพลงไป  ก็เลยนึกเนื้อเพลงออกมาได้ว่า
   


“ดวงใจ.....ทุกคนมีสิทธิ์จะรักกันได้.......”
 



ดวงใจ

ภาพจาก arunsawat.com

      


เตรียมไปชมคุณสวลีขึ้นเวทีอีกครั้งในคอนเสิร์ตที่จัดโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับมูลนิธิอุบลรัตน์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และสวลี ผกาพันธุ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) จัดการแสดงคอนเสิร์ตการกุศลเฉลิมพระเกียรติ "เมื่อเพลงพาไป...@ Sawalee" เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และนำรายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนการศึกษาให้โรงเรียนเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ และบ้านมิตราทร สถานเลี้ยงเด็กที่ติดเชื้อไวรัส HIV จากครรภ์มารดา จัดแสดงในวันเสาร์ที่ ๒๖ และวันอาทิตย์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ รอบ ๑๔.oo น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สามารถซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร o-๒๒๖๒-๓๔๕๖ หรือ thaiticketmajor.com บัตรราคา ๔,ooo / ๓,ooo / ๒,๕oo / ๒,ooo / ๑,๕oo / ๑,ooo และ ๕oo บาท.



คลิกอ่านรายละเอียดคอนเสิร์ต





ภาพจาก thaiticketmajor.com





ภาพจาก บล็อกคุณนอกลู่นอกทาง





ภาพจาก freshhdwallpapers.com



ข้อมูลจาก
นสพ.ไทยโพสต์ ๙ มี.ค. ๒๕๕๗
thaipost.net




บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนคลับค่ะ



บล็อกคุณปอนอาทิตย์นี้

Vintage of the past...หอมหวานแห่งวารวัน



บีจีจากเวบ wallcoo.com กรอบจากคุณ ebaemi

Free TextEditor





 

Create Date : 08 มิถุนายน 2557    
Last Update : 8 มิถุนายน 2557 17:17:23 น.
Counter : 6172 Pageviews.  

๒๕ ปีที่ "ชาตรี ศรีชล" จากไป




ภาพจาก กระทู้ "Journey of my best picture in 2014"



วอนแฟนเพลง-ชาตรี ศรีชล







วอนแฟนเพลง


คุณคงลืมผมก่อน หวลย้อนเมื่อตอนหนหลัง
เคยร้องเพลงให้ฟัง เมื่อครั้งเคยพบกัน
จำเสียงเดิมได้ไหม กังวาลไกลใครนั่น
กลับมากล่อมเพลงฝัน สำราญสู่มวลมิตรแฟน


อย่าพึ่งลืมผมก่อน อาวรณ์มิตรเพลงต่างแดน
ยังไม่ลืมแฟน ๆเนืองแน่นด้วยพวงมาลัย
จืดก็ยังไม่จาง ห่างก็ยังเสียงไกล้ มาพบกันคราใด
ตั้งใจมาฟังเสียงเพลง แฟนดำเนินหน้านวล


สาวสวนแตงแก้มเปล่ง เคยได้เป็นมิตรเพลง
เร่งร้อยห้อยพวงมาลัย ดำเนินเดินเล่นตรึงตรา
ฝันหาดอกฟ้าเมืองไทย ตลาดแม่พวงมหาชัย
ฝังใจมิตรดอกไม้แดง


กลับมาฟังผมก่อน อย่าค้อนหรือเคืองหน่ายแหนง
คอยด้วยใจเต้นแรง มิตรแห่งกำลังใจ
เพลงที่ส่งเสียงร้อง ก้องทั้งไกลทั้งไกล้
วอนขอกำลังใจ ไม่ลืมปลื้มใจชาตรี







อาทิตย์นี้อัพเพลงลูกทุ่งให้ฟังค่ะ เมื่อสักกลางเดือนอ่านคอลัมน์ "เป็นคุ้ง เป็นแคว" ของคุณเคน สองแคว ในนสพ.คม ชัด ลึก ถึงได้รู้ว่า คุณชาตรี ศรีชล จากไปตั้ง ๒๕ ปีแล้ว ฟังเพลงคุณชาตรีมานาน เพิ่งได้รู้ประวัติละเอียดก็ตอนที่อ่านข้อเขียนของคุณเคนนี้แหละค่ะ ชอบเพลงคุณชาตรีอยู่หลายเพลง อย่างเพลง สาวผักไห่, โฉมนาง, สมัครรักสมัครแฟน, ซมซาน และอีกหลายเพลง และที่ชอบที่สุดคือ ช้ำรักจากเมืองชล ชอบท่อนที่ร้องว่า "พี่ช้ำชอก ออกจากเมืองชล พี่ต้องดั้นด้น ต้องทนหมองไหม้ พอสิ้นรัก ก็เหมือนสิ้นใจ มาเจอเจ้าใหม่ ไม่ทันไรก็รักเธอ" แล้วก็เหมือนเคย ในยูทูบมีเพลงรวมฮิตในคลิปเดียวแต่ไม่มีโค้ดให้แปะ เลยหาคลิปแต่ละเพลงที่ชอบมาลงไว้แทน ชอบเพลงไหนก็คลิกฟังได้เลยค่ะ



คุณเคน สองแควเขียนถึงคุณชาตรีไว้หลายคอลัมน์ ตามไปอ่านได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

เพลงชาตรีที่ฟังแล้วน้ำตาไหล
รวมเพลงชาตรี ศรีชล ครั้งแรกที่ถูกเปิดเผย
๒๕ ปี รำลึก ชาตรี ศรีชล จากบ้านแรกถึงบ้านหลังสุดท้าย



บล็อกเสพงานศิลป์ล่าสุด

เสพงานศิลป ๑o๕
เสพงานศิลป์ ๑o๖












ภาพจาก go2kp.com


"ไม่ลืม ปลื้มใจชาตรี กับ ๒๕ ปี ที่จากไป"
โดย เคน สองแคว



วันที่ ๑๖ พฤษภาคมเป็นวันครบรอบการเสียชีวิต ๒๕ ปี ขุนพลเพลงผู้ยิ่งใหญ่ ชาตรี ศรีชล นักร้องขวัญใจประชาชนผู้อาภัพ เจ้าของเพลงดัง “สาวผักไห่” สมัครรักสมัครแฟน” “โฉมนาง “ ฯลฯ


ชาตรี เสียชีวิต เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๒ ในสมัยที่คนลูกทุ่งไม่ได้มีสมาคมหรือชมรมต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือกันได้แบบทุกวันนี้ ชีวิตของนักเพลงผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงบั้นปลายจึงเป็นคนที่สิ้นไร้ไม้ตอก และเสียชีวิตลงอย่างน่าเห็นใจ





สัมพันธ์ พัทลุง
ภาพจาก luktunglaithai.com



โฉมนาง




สัมพันธ์ พัทลุง นักค้นคว้าข้อมูลลูกทุ่งคนเก่งอีกคนของวงการ ได้บันทึกเรื่องราวของชาตรี ศรีชล ไว้ว่า ชื่อจริงของชาตรี คือ สมบุญ ลีเส็ง เกิดเมื่อ ๑๗ ก.พ. ๒๔๙๒ ที่บ้านเลขที่ ๑๔ หมู่ ๑o ต.ทุ่งขวาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พ่อชื่อ นายเผือก แม่ชื่อ นางสอน ลีเส็ง เป็นลูกคนที่ ๕ ในจำนวนพี่น้อง ๘ คน จบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ ๓ ที่โรงเรียนชลราษฎร์อำรุง จังหวัดชลบุรี


ชีวิตในวัยเด็กต้องต่อสู้กับปัญหาชีวิตมาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ เนื่องจากพ่อแม่ต้องแยกทางกัน ตัวเขาเองต้องอาศัยหลวงพ่ออยู่ที่วัดใหม่ท่าโพธิ์ พนัสนิคม ชลบุรี ชาตรีเข้าสู่วงการเพลง จากการชักนำของพนม นพพร (หรือ นายชาตรี ชินวุฒิ นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน) เนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกัน พนม นพพร พาไปฝากไว้กับ ครูสำเนียง ม่วงทอง แห่งวงดนตรี “รวมดาวกระจาย” ชาตรีจึงได้ฝึกแต่งเพลงจนเป็นเมื่ออยู่กับครูสำเนียงนี้เอง เพลงแรกที่แต่งชื่อเพลง “วอนรัก”





ครูสำเนียง ม่วงทอง
ภาพจาก saisampan.net




14


ภาพจาก wikipedia.org



ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ร่วมวงกับ ปรีชา จิตตะรัตน์ ในนามวง “๑๘๑ ขวัญใจประชาชน” และ ปรีชา จิตตะรัตน์ นี้เองเป็นผู้ตั้งชื่อให้ว่า “ชาตรี ศรีชล” อยู่กับวงนี้ได้ไม่นานก็ลาออกมาตั้งวงใหม่กับเพื่อน ชื่อวงว่า “ศิษย์ปู่วิง” แต่ตั้งอยู่ได้ไม่นานก็ล้มเลิกวงกลับไปอยู่บ้านที่ชลบุรี เมื่อกลับไปอยู่บ้าน ขณะนั้นอายุ ๑๗ ปีได้พบรักครั้งแรกกับลูกสาวชาวประมง แต่งงานอยู่กินกันมีลูกสองคน ชื่อ สมศักดิ์ และจิตรี ศรีชล แต่หลังจากนั้นก็แยกทางกับครอบครัว





ภาพจาก jarungjai.com


ช้ำรักจากเมืองชล




กลับเข้าวงการอีกครั้งเมื่ออายุ ๑๘ ปี ด้วยการสมัครเข้าอยู่กับวงดนตรี ศรีนวล สมบัติเจริญ เมื่อราวปลายปี ๒๕๑๑ และที่นี่เองเขาได้ร้องเพลงบันทึกเสียงเพลงครั้งแรกในชีวิตการเป็นนักร้องมี ๔ เพลงด้วยกัน เพลงแรกคือ “บัวหลวง” เพลงต่อมา “สมัครรักสมัครแฟน” “ช้ำรักจากเมืองชล” และ “รอไม่ไหว” ซึ่งเขาเป็นผู้แต่งเอง เพลงแรกไม่คอยดัง แต่อีกสามเพลงดังระเบิดกลายเป็นอมตะมาจนถึงทุกวันนี้





ภาพจาก weloveshopping.com


เมาเหล้าเมารัก




ขณะอยู่กับวงดนตรีศรีนวล เขาแต่งเพลงไว้มากมาย ทั้งร้องเอง และให้ศรีนวล ตลอดถึงนักร้องในวงร้อง ทุกเพลงล้วนแต่เป็นเพลงดังเกือบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง “แฟนมีแฟนใหม่” “รักเก่าเขาลืม” “เมาเหล้าเมารัก” ที่เขาร้องเอง ส่วนเพลง “รักหน่อย” กับเพลง” บูชายันต์” ให้ศรีนวล สมบัติเจริญ ขับร้องซึ่งเพลง”บัวหลวง” ประกบแผ่นเ สียงแผ่นเล็กกับเพลง”รักหน่อย” ซึ่งเป็นเพลงแรกที่บันทึกเสียงของทั้งคู่





ครูสุรพล-คุณศรีนวล สมบัติเจริญ
ภาพจาก suphaninsure.com



รักหน่อยนะ




นอกจากนี้ยังมีเพลง “อยากกินรัก” “หมดลมหมดเรื่อง” “ใจจะขาด” ให้กังวานไพร ลูกเพชร ร้อง และเพลง “ริมโขงหนองคาย“ “อุตรดิตถ์” ศรีไพร ลูกราชบุรี ร้อง ซึ่งเพลงหลังนี้ เป็นเพลงที่ศรีไพร ขับร้องไว้อย่างไพเราะ โดยมีจุดจำที่ออกเสียงอุตรดิตถ์ ว่า อุ๊ด-ต-ะ-ระ-ดิ้ด และอีกมากมายหลายเพลง ชาตรีอยู่กับวงศรีนวลได้ประมาณสองปี ก็ลาออกมาตั้งวงเองร่วมกับแฟนสาว คือ ปรานี ศรีชล (ปัจจุบันทำธุรกิจค้าอุปกรณ์ประดับยนต์ที่ปทุมธานี ปรานี มีบุตรกับชาตรี สามคน คือ ทนง, วงศ์ฟ้า และอ้อมใจ สองสาวกับอีกหนึ่งหนุ่ม ซึ่งหนุ่มนั้นก็คือ เอกกวี ศรีชล ที่ได้ขึ้นร้องเพลงแทนพ่อในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ ๑ น่าเสียดายที่เอกกวี เสียชีวิตตั้งแต่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม)





ภาพจาก luktunglaithai.com


สาวผักไห่




นับตั้งแต่ปี ๒๕๑๒ จนถึงต้นปี ๒๕๑๔ เป็นช่วงที่เขาโด่งดังสุดขีด เพลงทุกเพลงที่เขาร้องฮิตติดอันดับ และยิ่งได้เพลงชุดทำนองอินเดีย จากภาพยนต์เรื่อง “มนต์เสียงเพลง” ที่ครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ประพันธ์ให้ เช่นเพลง โฉมนาง, มนต์เสียงเพลง, ธรณีชีวิต และอีกหลายต่อหลายเพลง ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วทุกหลังคาบ้าน ชื่อ “ชาตรี ศรีชล” จึงครองใจแฟนเพลงตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้





ภาพจาก pisutshop.com


มนต์เสียงเพลง




แต่จังหวะชีวิตของเขาต้องสะดุดลง เมื่อปี ๒๕๑๓ อายุเขาครบเกณฑ์ทหารพอดี เขาถูกเกณฑ์ทหาร แต่ไม่ได้ไปรายงานตัวเข้ากองประจำการ เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังมีชื่อเสียง งานด้านวงดนตรีล้นมือ ต้องเดินสายไปแสดงดนตรีทั่วทุกภาคทั่วประเทศ และอีกอย่างเขาตั้งใจไว้ว่า อยากจะบันทึกเพลงตุนเอาไว้ให้มาก ๆ เมื่อเข้าเป็นทหารแล้ว เพลงของเขาจะได้ออกสู่ท้องตลาดให้แฟนเพลงได้ฟังอย่างต่อเนื่อง และตั้งใจไว้ว่า สิ้นสงกรานต์ปี ๒๕๑๔ จะกราบลาแฟนเพลงเพื่อไปรายงานตัวเข้ากรมเสียที





ภาพจาก thailandtorrent.blogspot.com





ภาพจาก thailandtorrent.blogspot.com



แต่ในวันที่ ๓ เม.ย. ๒๕๑๔ ชาตรีได้นำวงดนตรีไปทำการแสดงที่จ.ระยอง ในขณะที่เขาออกร้องเพลงหน้าเวทีได้เพียง ๕ เพลง คือ หลังคาแดง สมัครรักสมัครแฟน ธรณีชีวิต โฉมนางและ กล่อมหอ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารวัตรทหาร ๔ นายขึ้นไปบนเวที และจับกุมตัวเขาไปทันที ในข้อหา “หนีทหาร” ในขณะนั้นเกิดปฏิกิริยากับคนดูเป็นอย่างมาก แฟนเพลงโห่ร้องไม่พอใจ ที่เจ้าหน้าที่กระทำอย่างไม่ให้เกียรติ ทุกคนมีความเห็นว่า น่าจะให้ชาตรีทำการแสดงจบเสียก่อน แล้วค่อยจับกุม เพราะคดีหนีทหาร ไม่ได้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง ไม่ได้เป็นนักโทษฆ่าคนตายถึงกับต้องจับกุมตัวกันบนเวที





ภาพจาก thaigramophone.com


สมัครรักสมัครแฟน




เจ้าหน้าที่นำตัวชาตรี ศรีชล ไปคุมขังไว้ที่ สน.สส.สัตหีบ ชลบุรี ศาลตัดสินจำคุก ๒ ปี แต่ได้รับการลดหย่อนลงมาเหลือปีเศษ ๆ และเมื่อพ้นโทษออกมาแล้ว จะต้องรับใช้ชาติโดยการเป็นทหารอีก ๒ ปี รวมชาตรีจะต้องจากแฟนเพลงไปร่วม ๓ ปี แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันรัชดาภิเษก ในปี ๒๕๑๔ จึงได้รับอภัยโทษ จึงติดคุกอยู่เพียง ๓ เดือน กับ ๑๒ วันเท่านั้น ชาตรีพ้นโทษเมื่อวันที่ ๑๖ ก.ค. ๒๕๑๔ ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง ๒๓ ปี และโชคดีที่ไม่ต้องกลับไปรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารต่ออีกสองปี เนื่องจากทางการทหารปลดเขาออกจากประจำการ 





ภาพจาก prachathon.org


ซมซาน




เมื่อพ้นโทษเขารวบรวมนักร้องตั้งวงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยมีสำนักงานอยู่ที่ ๑๖๑/๒o ซอยบุปผาสวรรค์ จรัลสนิทสงศ์ บางกอกน้อย ธนบุรี รับงานแสดงทั่วไป เพลงที่ออกมาช่วงนี้และได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลง เช่นเพลง “วอนแฟนเพลง” ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อเรียกคะแนนความนิยมกลับคืนมา













ลายมือคุณชาตรี
ภาพจาก เฟซบุค "ชาตรี" ยังไม่ตาย



ลองหาฟังดูในยูทูบ แล้วคุณจะทราบว่า ชาตรี ศรีชล เป็นนักร้องที่ทรงพลังและมีเสน่ห์ขนาดไหน และจะไม่แปลกใจที่มีคนรักเขาทั่วประเทศ ในขณะที่เขาอยู่ในคุก ได้แต่งเพลงชุด "ตะราง” ไว้หลายเพลง แต่ที่นำมาบันทึกเสียงในช่วงตั้งวงใหม่นี้ ได้แก่เพลง ตะราง โกรธกัน เยี่ยมคนในคุก ลำบากใจ ทั้ง สี่เพลงนี้ เรียกว่าชุด “ตะราง” เขาบอกว่า แต่งไว้เป็นอนุสรณ์ว่าเราเลิกความชั่วได้เพราะเข้าตะราง


ก่อนที่เขาจะติดคุก เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร “โลกดารา” ฉบับที่ ๓o เม.ย. ๒๕๑๔ สัมภาษณ์โดย สมชาย ทองขาว เขายอมรับว่า เสพเครื่องมึนเมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์ กัญชา เขาเคยตั้งใจว่า เมื่อเข้ารายงานตัวเป็นทหารรับใช้ชาติ ๒ ปี ชีวิตการเป็นทหารคงจะทำให้เขาเป็นคนดี เลิกละจากอบายมุขเหล่านี้ได้ แต่ติดคุกเสียก่อน





ภาพจาก saisampan.net



เมื่อพ้นโทษออกมาไม่นาน เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมิชชั่น เนื่องจากเส้นโลหิตในสมองแตก แต่แพทย์ก็สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ เพราะนำส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที เมื่อเขาหายป่วยแล้ว ก็นำวงออกทำการแสดงทั่วไป ประสบความสำเร็จบ้าง ขาดทุนบ้าง ช่วงหลังเริ่มลุ่ม ๆ ดอน ๆ เนื่องจากต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง จนในที่สุดต้องล้มเลิกวง ในบั้นปลายชีวิตเขาต้องแยกทางกันอยู่กับภรรยา คือ ปรานี ศรีชล และลูก ๆ อันเป็นสุดที่รัก


ครั้นเมื่อวันที่ ๑๖ พ.ค. ๒๕๓๒ ร่างกายของชาตรีไม่อาจต้านทานกับโรคภัยไข้เจ็บ ที่โถมกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับชีวิตของเขา ในที่สุด ชาตรี ศรีชล นักร้องนักแต่งเพลงลูกทุ่งผู้มากล้นไปด้วยความสามารถ ก็จากพวกเราไปด้วยความสงบ จากไปท่ามกลางความเสียใจของมิตรรักแฟนเพลง ที่เห็นเขาพ้นจากความทุกข์ทรมานจากการที่ถูกโรคภัยเบียดเบียนมาเกือบครึ่งชีวิต





ภาพจาก pisutshop.com



ปีสองปีที่ผ่านมา ที่ พนัสนิคม ชลบุรี ได้มีการจัดงานรำลึกถึงชาตรี ศรีชล แต่ยึดเอาวันเกิดของเขาเป็นตัวตั้ง มีการประกวดร้องเพลงชาตรี ศรีชล ซึ่งก็มีญาติของชาตรีที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เข้ามาประกวดและร้องโชว์บนเวทีด้วย ซึ่งผู้เขียนได้ไปร่วมงานและรายงานข่าวไปแล้ว แต่ปีนี้ยังไม่ทราบว่า จะมีการจัดขึ้นเมื่อไหร่อย่างไร


ผลงานเพลงต้นฉบับของชาตรี ศรีชล ยังมีให้ฟังกันในยูทูบ และแผ่นซีดีแท้ ๆ ต้นฉบับของค่ายเทปบูรพา เป็นต้นฉบับที่ไพเราะสมบูรณ์แบบมากอีกต้นฉบับหนึ่ง ยังมีให้ซื้อหากัน ผู้เขียนยังนับว่า โชคดีที่เคยดูการแสดงของชาตรี ศรีชล ที่ไปร้องเพลงรับเชิญที่ตลาดนัดในจ.พิษณุโลกกลางวันแสก ๆ กับพลังเสียงอันก้องกังวานจับถึงขั้วหัวใจ และยอมรับว่า ในช่วงที่เป็นเด็กนั้น ประทับใจสุด ๆ จนยกให้เป็นนักร้องในดวงใจตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้



Rice-paddy-field2

ภาพจาก pixpros.net



ข้อมูลจาก
คอลัมน์ "เป็นคุ้ง เป็นแคว"นสพ.คม ชัด ลึก ๑๕ พ.ค. ๒๕๕๗
komchadluek.net



คุณเคน สองแควเขียนเรื่องราวของคุณชาตรีไว้หลายคอลัมน์ ตามไปอ่านได้ที่ลิงค์ข้างล่างค่ะ

เพลงชาตรีที่ฟังแล้วน้ำตาไหล
รวมเพลงชาตรี ศรีชล ครั้งแรกที่ถูกเปิดเผย
๒๕ ปี รำลึก ชาตรี ศรีชล จากบ้านแรกถึงบ้านหลังสุดท้าย




บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนคลับ




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ ebaemi

Free TextEditor




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2557 23:15:31 น.
Counter : 8729 Pageviews.  

ลินจง บุนนากรินทร์




ภาพจาก บล็อกคุณ the fivedog



รักปักใจ - ลินจง บุนนากรินทร์







รักปักใจ

คำร้อง สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์

ทำนอง สมาน กาญจนะผลิน



รักปักใจโอ้ใครช่วยฉันที

ทุกนาทีดังไฟมาจี้เหลือที่บรรเทา

อาวรณ์ใจร้อนรนพะวักพะวนเหลือก่นซึมเซา

ตรึงฤทัยให้หลงเมา หัวใจกระเส่านี่ตัวเราหรือตัวใคร



ครั้งแรกก็เพียงเห็นกัน

นึกนึกหวั่นกระสันหัวใจ

พอรู้ตัวที่ไหนได้

เหลือจะหักใจให้บางให้เบา
         


รักปักใจ ผู้ใดใครไหนเล่า

คิดบรรเทา เพราะความมึนเมาเหลือเป่าปัดไป

นานวันมันลุกลาม แม้นเรายิ่งห้ามยิ่งหนักใหญ่

ตัวชักลอยเหาะเหินไป
ถึงไม่มีใครไม่เป็นไรยิ้มคนเดียว
        


นี่แหละที่เขาเรียกกัน

รักรักมั่นกระสันมัดเกลียว

ใจนั้นเต้นเป็นเสียงเดียว

รักแท้แน่เชียวไม่ลืมไม่เลือน







อัพเพลงเก่าให้ฟังอีกค่ะ ได้ข้อมูลจากนสพ.ไทยโพสต์เหมือนเคย หนนี้เขียนถึงสองเพลงดังของ คุณลินจง บุนนากรินทร์ คือ "รักปักใจ" และ "ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้" เราชอบเพลงหลัง แต่เป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่มิสเก้อหล่านร้อง เธอเป็นนักร้องจีนที่มาแสดงหนังไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน นับว่าเป็นคนจีนที่ออกเสียงภาษาไทยได้ค่อนข้างชัดมาก ที่สำคัญคือเสียงร้องเพราะสุด ๆ แถมดนตรีก็เพราะมาก เพิ่งจะเห็นหน้าเธอชัด ๆ ก็ตอนหารูปมาลงบล็อกนี่แหละค่ะ เธอเป็นคนสวยมากทีเดียว ส่วนคุณลินจงก็เป็นนักร้องเสียงเพราะไม่แพ้กัน เดี๋ยวนี้ก็ยังร้องเพลงอยู่ เคยไปชมคอนเสิร์ตเพลงเก่า ท่านยังเสียงเพราะมาก ถึงอายุจะมากแล้วแต่กำลังเสียงยังเยี่ยมเลยค่ะ เสียดายที่อัพบล็อกช้าไปหน่อย มาอ่านข้อมูลแล้วเพิ่งจะรู้ท่านมีคอนเสิร์ตที่เพิ่งจัดไปเมื่อต้นเดือนนี้เอง



แวะไปชมงานศิลปกรรมช้างเผิอกครั้งล่าสุดได้ที่บล็อกนี้ค่ะ

นิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ ๓



บล็อกเสพงานศิลป์ล่าสุด

เสพงานศิลป ๑o๕


บล็อกเสพงานศิลป์ที่งานยังจัดอยู่

เสพงานศิลป ๑o๓
เสพงานศิลป ๑o๔













ภาพจาก thaifilm.com



จาก “รักปักใจ” ถึง “ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้”
“คีรีบูนสาวเสียงเสน่ห์” ลินจง บุนนากรินทร์



“คีรีบูนสาวเสียงเสน่ห์” ลินจง บุนนากรินทร์  เป็นข้อความบนปกแผ่นเสียงลองเพลย์ที่จำหน่ายได้ดีที่สุดชุดหนึ่งของห้างกมลสุโกศล ช่วงปี ๒๕๑o เพลงนำในชุดนี้ก็คือ “รักปักใจ” ผลงานเพลงของสองศิลปินแห่งชาติ คำร้อง สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ ทำนอง สมาน กาญจนะผลิน





ภาพจาก thaigramophone.com


“รักปักใจโอ้ใครช่วยฉันที   

ทุกนาทีดังไฟมาจี้เหลือที่บรรเทา 


อาวรณ์ใจร้อนรนพะวักพะวนเหลือก่นซึมเซา      

ตรึงฤทัยให้หลงเมาหัวใจกระเส่า

นี่ตัวเราหรือตัวใคร”
   


เพลง "รักปักใจ" บันทึกเสียงครั้งแรกยุคแผ่นครั่ง โดย นันทา ปีตะนีละผลิน ราวปี พ.ศ. ๒๔๙๘ แต่มาโด่งดังเต็มที่ในยุคของ ลินจง บุนนากรินทร์ ซึ่งต่อมาได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ทำให้สมญา “คีรีบูนสาวเสียงเสน่ห์” ลินจง บุนนากรินทร์ มีการกล่าวขวัญกันมากขึ้นในหน้าบันเทิง ของ นสพ.รายวันระดับยักษ์ใหญ่แทบทุกฉบับ 





นันทา ปิตะนิละผลิน
ภาพจาก youtube.com






ภาพจาก weloveshopping.com

   


ช่วงนั้นเป็นยุครุ่งโรจน์ของดนตรีอาหารกลางวันเคล้าเสียงเพลงที่ “โลลิต้าไนต์คลับ” ถนนราชดำเนิน  ซึ่งนำโดยสองศิลปินแห่งชาติคู่ขวัญ สุเทพ วงศ์กำแหง และ สวลี ผกาพันธุ์ ร่วมด้วยนักร้องดังขวัญใจไนต์คลับในยุคนั้นอีกหลายคน แน่นอนว่ามีชื่อของ “คีรีบูนสาว”  ลินจง บุนนากรินทร์ ร่วมขบวนอยู่ด้วย ในช่วงดนตรีอาหารกลางวันของ “โลลิต้าไนต์คลับ” ในยุคนั้นด้วย





ภัตตาคารโลลิต้า
ภาพจาก กระทู้กรุงเทพฯ เมื่อก่อนนู้นนนน






ภาพจาก maemaiplengthai.com

       


อีกเพลงที่ทำให้สมญา “นักร้องเสียงคีรีบูน” ได้ถูกขยายผลให้ทรงเสน่ห์ยิ่งขึ้น คือเพลง “ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้” ซึ่ง “ครูแจ๋ว” สง่า อารัมภีร ศิลปินแห่งชาติ ได้นำทำนองเพลงของฮ่องกงเพลงหนึ่งที่กำลังดังในหมู่แฟนเพลงชาวจีน คือเพลง “เมี่ยว เยี่ยน จง เซิน” ซึ่งแปลว่า “เสียงระฆังจากวัด” มาใส่เนื้อไทย ในชื่อว่า “ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้” ให้ มิสเก้อหล่าน ดาราสาวจากฮ่องกงที่เดินทางมาร่วมแสดงภาพยนตร์ในไทยในช่วงนั้นเป็นผู้ขับร้อง





ภาพจาก saisampan.net





ภาพจาก youtube.com



ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้ - ลินจง




มิสเก้อหล่าน ร้องเพลง “เมี่ยว เยี่ยน จง เซิน”  ได้ดี แต่ยังร้องภาษาไทยได้ไม่ดีนัก จึงทำให้เพลง “ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้” ที่ร้องโดย มิสเก้อหล่าน ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จนกระทั่งลินจงได้นำเพลงนี้มาร้องโชว์ในที่ต่าง ๆ เพลง “ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้” ก็เริ่มดังกระฉ่อนขึ้นมา ในที่สุด “ครูแจ๋ว” สง่า อารัมภีร จึงได้ตัดสินใจมอบให้ ลินจง บุนนากรินทร์ เป็นผู้ขับร้องบันทึกเสียงด้วยตัวเธอเองอีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้เองที่ เสริมศรี เอกชัย แห่ง นสพ.เดลินิวส์ ในยุคนั้น ได้ให้สมญาใหม่แก่เธออีกนามว่า “ไข่มุกกลิ้งบนจานหยก”





ภาพจาก thaifilm.com





ภาพจาก maemaiplengthai.com
      


ความสำเร็จของเธอจากการขับร้องเพลง “รักปักใจ” และ “ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้” ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่เธออีกมากมาย จนเธอได้กลายเป็นนักร้องหญิงที่มีผลงานบันทึกเสียงและมีเพลงประทับใจแฟนเพลงจำนวนมากคนหนึ่งในวงการเพลงไทย





ภาพจาก plengpakjai.net

       

วันนี้ของ ลินจง บุนนากรินทร์ เธอยังมีงานคอนเสิร์ตและงานโชว์มิได้ขาด ทุกค่ำวันเสาร์เธอจะโชว์อยู่ที่ภัตตาคาร “ตงไห่” ถนนกาญจนาภิเษก ทวีวัฒนา กรุงเทพฯ (ซ้งหูฉลามเดิม) และทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ เธอจะร้องโชว์ช่วงอาหารกลางวันที่ห้องอาหารโรงแรม มิราเคิลแกรนด์ ถนนวิภาวดีรังสิต หลักสี่ ดอนเมือง





คุณลินจงร้องเพลงที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์
ภาพจาก บล็อกคุณหมีสีชมพู



และโปรดเตรียมไปเป็นกำลังใจให้เธอ ในคอนเสิร์ตแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ  “รัตนโกสินทร์ อิน คอนเสิร์ต” นำเสนอโดย สมาคมสมาพันธ์ศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรมไทย วันเสาร์ที่ ๑o พฤษภาคม ๒๕๕๗ ที่จะถึงนี้ เวลา ๑๓.๓o-๑๗.oo น. ณ โรงละครแห่งชาติ ในคอนเสิร์ตนี้เธอได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ขับร้องเพลง “บัวขาว” ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น “เพลงแห่งเอเชีย” โดย ศูนย์วัฒนธรรมแห่งเอเชียของยูเนสโก ประเทศฟิลิปปินส์ จากการที่นักร้องยอดนิยมของฮ่องกง ฟรานซิส ยิป ได้นำเพลงนี้ไปขับร้องบันทึกแผ่นเสียง จนทำให้เพลงนี้โด่งดังทั่วเอเชียและทั่วโลกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒






ภาพจาก oknation.net



โดยความสามารถและพรสวรรค์ พลังและเสน่ห์ในน้ำเสียงของเธอ ลินจง บุนนากรินทร์ “คีรีบูนสาวเสียงเสน่ห์” หรือ “ไข่มุกกลิ้งบนจานหยก” จะปลุกความไพเราะของเพลง “บัวขาว” ให้กลับมาเป็น “เพลงแห่งประชาคมอาเซียน” ได้อีกครั้งหรือไม่ เราจะไปติดตามชมกันให้ได้ในคอนเสิร์ตครั้งสำคัญนี้.






ภาพจาก thaifilm.com



ข้อมูลจาก
นสพ.ไทยโพสต์ ๙ มี.ค. ๒๕๕๗
thaipost.net














ภาพจาก youtube.com






ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้
คำร้อง / ทำนอง สง่า อารัมภีร
เรียงเสียงประสาน ประสิทธิ์ พยอมยงค์


สุขใดจะเสมอ เท่าฉันมีเธอ เป็นคู่ดวงใจ

เคียงคลอ อยู่ทุกวันไป เหมือนทิวาคู่ราตรี

ดั่งแผ่นน้ำคู่ฟ้า ไปตลอดปี

รักมั่นภักดี เหมือนปลารักท้องนทีธาร




หากชีวิตของฉัน ถ้าแม้นขาดเธอ
คงหมดจิตใจ 
คงครวญพร่ำหวนอาลัย
เหมือนคนที่ไร้วิญญาณ

เธอได้ฟัง ฟังฉันรำพันกล่าวขาน

จงได้สงสาร เห็นใจในรักที่ภักดี


ฮ่า ฮ๊า ฮา ฮ่า ฮ๊า ฮา….


สุขใดจะเสมอ เท่าฉันมีเธอ
เป็นคู่ดวงใจ 
เคลียงคลอ อยู่ทุกวันไป
เหมือนทิวาคู่ราตรี 
ดังแผ่นน้ำ คู่ฟ้า ไปตลอดปี

รักเธอ เท่าชีวี ดังปลารักน้ำ..... นิ....รัน…ดร…




ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้ - เก้อหล่าน




เก่อ หลั่น (Ge Lan- 葛蘭 (ตัวอักษรจีนตัวเต็ม) - 葛兰 (ตัวย่อ) 

ชื่อจริง คือ 張玉芳 (จาง อวี้ ฟาง) ก็คือ แซ่จริง ๆ ของเธอคือ แซ่ จาง ดังนั้น ชื่อภาษาอังกฤษของเธอจึงใช้ว่า Grace Chang (Zhang) (แซ่ จาง นี้ ถ้าเป็นสำเนียงจีนแต้จิ๋ว คือ แซ่ เตีย นั่นเอง) เกิดเมื่อ ๑๓ มิถุนายน ๒๔๗๖ (ค.ศ. ๑๙๓๓) ที่ เซี่ยงไฮ้ จีนแผ่นดินใหญ่ แต่ในปี ๒๔๙๑ (๑๙๔๘) เธอและครอบครัวย้ายไปที่ฮ่องกง และเธอได้เริ่มอาชีพนักแสดงและนักร้องที่น­ั่น






ภาพจาก thaifilm.com



ปัจจุบันเธอยังมีชีวิตอยู่ อายุ ๗๗ ปีแล้ว เป็นนักแสดงชื่อดังของค่ายหนัง Cathay ของฮ่องกง ซึ่งเป็นค่ายหนังที่เป็นคู่แข่งของ Shaw Brothers แต่ค่ายหนัง Cathay จะเน้นหนังแนวสากลและมีเพลงร้อง ซึ่งทำให้เธอโด่งดังมาก

เพลง "ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้" นั้น เก้อ หลั่น ร้องไว้ในเรื่อง "หงษ์หยก" (๒๔๙๙?) เพลงนี้เพราะมาก ทั้งเสียง เก้อ หลั่น เธอร้องเพลงแนวคลาสิกได้อยู่แล้ว เสียงโซปราโนมาก และเธอร้องเพลงนี้เป็นภาษาไทย โดยพยายามออกเสียงได้ค่อนข้างชัด จึงถือว่าเข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้มากแม้จะ­ไม่ใช่ภาษาของเธอก็ตาม เพลง ชีวิตฉันเคยเธอไม่ได้ นี้ มีเนื้อร้องจีนด้วย ซึ่งเก้อ หลั่น ร้องไว้ในหนังที่เธอแสดง ในปี ๑๙๕๙ (๒๕o๒) เรื่อง Air Hostess ด้วย

คำร้อง / ทำนอง สง่า อารัมภีร
เรียงเสียงประสาน ประสิทธิ์ พยอมยงค์

เพลงนี้ครูสง่า อารัมภีร แต่ง พ.ศ. ๒๔๙๙ ส่วนเพลงจีน บันทึก พ.ศ. ๒๕o๑
 

และนำไปประกอบภาพยนตร์จีน เรื่อง 空中小姐 (Air-Hostess or Air-Stewardess) ใน พ.ศ. ๒๕o๒





ภาพจาก youtube.com



葛蘭 GE LAN 廟阣鐘聲 36184PATHE 78RPM 1958





ข้อมูลจาก youtube.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนคลับ




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ ebaemi

Free TextEditor





 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2557 23:43:59 น.
Counter : 8874 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  

haiku
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.