happy memories
Group Blog
 
All blogs
 

โลกนี้คือละคร




ภาพจากเวบ 1ms.net



อาทิตย์นี้อัพเพลงเก่า ๆ ให้ฟังอีกค่ะ ช่วงนี้งานยุ่งไม่เลิก เข้ามาตอบเม้นท์บล็อกที่แล้วหนเดียวก็หายศีรษะไปเลย จะว่างก็วันอาทิตย์ แต่กว่าจะอัพบล็อกนี้ได้ก็ครี่งค่อนวันเข้าไปแล้ว เดี๋ยวเข้าไปตอบเม้นท์บล็อกที่แล้ว ๆ ค่อยแวะตระเวนเยี่ยมเพื่อน ๆ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนเร็ว เพื่อน ๆ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ



เสพงานศิลป์ดี ๆ ได้ที่บล็อกนี้ค่ะ
เสพงานศิลป์ ๒๘
เสพงานศิลป์ ๒๙



โลกนี้คือละคร-สุเทพ วงศ์กำแหง








โลกนี้คือละคร
คำร้อง - ทำนอง ไพบูลย์ บุตรขัน


โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน

เปรียบเหมือนละครถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ

บทบาทลีลาแตกต่างกันไป

ถึงสูงเพียงใดต่างจบลงไปเหมือนกัน

เกิดมาต้องตายร่างกายผุพัง

ผู้คนเขาชังคิดยิ่งระวังไหวหวั่น

ต่างเกิดกันมาร่วมโลกเดียวกัน

ถือผิวชังพรรณบ้างเหยียดหยามกันเหลือเกิน

โลกนี้คือละคร

บทบาทบางตอนชีวิตยอกย้อนยับเยิน

ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ

แสนเพลินเหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน

โลกนี้นี่ดูยิ่งดูเศร้าใจ

ชั่วชีวิตวัยหมุนเปลี่ยนผันไปเหมือนม่าน

ปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ

ครั้นแล้วไม่นานเปิดผ่านเป็นความเศร้าใจ







ภาพจากเวบ oknation.net


'โลกนี้คือละคร' เพลงชีวิตแต่มีความรักและความหวัง



"โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน เปรียบเหมือนละครถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ..." ถ้าเปลี่ยนคำว่า "โลก" เป็น "ประเทศไทย" ก็จะได้เพลงใหม่ที่ใกล้ตัวเข้ามาทุกที


"ประเทศไทยนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน ยิ่งกว่าละครถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ..."


จะยอกย้อนหรือไม่ยอกย้อนอย่างไร เชื่อว่าคอเพลงไทยทุกท่านก็คงบรรยายถึงลีลาของเพลง "ประเทศไทยวันนี้ยิ่งกว่าละคร" ได้เป็นอย่างดีทุกๆ ท่าน เพลงนี้ผู้แต่งทั้งคำร้องและทำนองคือบรมครู ไพบูลย์ บุตรขัน ซึ่งท่านได้เปิดเผยว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ที่ทรงแปลจากบทละครของ วิลเลียม เชคสเปียร์ เรื่องโรมิโอและจูเลียตเป็นฉากเจรจาความรักระหว่างพระเอกกับนางเอก ซึ่งเป็นฉากที่เด่นสุดของเรื่องคือ "โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน เปรียบเหมือนละครถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ....."





ภาพจากเวบ oknation.net



ถ้าเปลี่ยนคำว่า "โลก" เป็น "ประเทศไทย" ก็จะได้เพลงใหม่ที่ใกล้ตัวเข้ามาทุกที
"ประเทศไทยนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน ยิ่งกว่าละครถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ......"
"ทั้งโลกเปรียบเหมือนโรงละครใหญ่ ชายหญิงไซร้เปรียบตัวละครนั่น ต่างมียามเข้าออกอยู่เหมือนกัน คนหนึ่งนั้นย่อมเล่นตัวนานา"


ซึ่งทรงหมายถึงว่า ชายหญิงทั้งโลกนั้นต่างก็เปรียบเหมือนตัวละคร ที่จะต้องแสดงไปตามบทบาทของตน แต่ในขณะเดียวกัน ในคนคนหนึ่งนั้นก็จำเป็นที่จะต้องแสดงได้หลายบทบาทในแต่ละช่วงตอนของชีวิต เพื่อที่จะให้ตนเองยืนหยัดอยู่ได้จนจบบทบาทของตน





ปรีชา บุณยเกียรติ
ภาพจากเวบ plengpakjai.net



ต้นฉบับเสียงร้องเพลงนี้คนแรกคือ ปรีชา บุณยเกียรติ  ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ต่อมาอีกประมาณ ๑o ปี ศิลปินแห่งชาติ  สุเทพ วงศ์กำแหง ได้นำมาบันทึกเสียงอีกครั้งบนแผ่นเสียงตรา "สุเทพโชว์" รุ่นแรก และได้มีสิ่งแปลกใหม่ปรากฏขึ้นในบทเพลง ตอนช่วงดนตรีรับกลางเพลงนั้นเอง มีเสียงอ่านวรรคทองของเนื้อเพลงท่อนแยก โดย สุเทพ วงศ์กำแหง ผู้ขับร้องว่า "โลกนี้คือละคร บทบาทบางตอน ชีวิตยอกย้อนยับเยิน ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ แสนเพลินเหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน..."





สุเทพ วงศ์กำแหง
ภาพจากเวบ oknation.net



เป็นตอนที่โดนใจแฟนเพลงมากที่สุด และเป็นที่ยอมรับกันว่า สำหรับเพลง "โลกนี้คือละคร" ต้นฉบับเสียงร้องของ สุเทพ วงศ์กำแหง ถือว่าเป็นยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดของเพลงนี้


แต่ยังมีอีกต้นฉบับที่มีความพิเศษสุดทั้งผู้ขับร้องและผู้ฟัง  นั่นก็คือต้นฉบับที่ขับร้องโดยนักร้องหญิงยอดนิยมในยุคเดียวกัน คือ รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส เพราะเป็นต้นฉบับที่มีทั้งความไพเราะงดงาม และเป็นทั้งความรักและความหลัง ของทั้งผู้ฟังและตัวผู้ขับร้องเอง





รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส
ภาพจากเวบ thaigramophone.com



เมื่อถามถึงเพลงที่มีเรื่องราวและความประทับใจเป็นพิเศษในชีวิตของการเป็นนักร้อง รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส ซึ่งเป็นเจ้าของเพลงดังหรือเพลงยอดนิยมจำนวนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พัทยาลาก่อน, เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง,ช่างเขาเถอะนะหัวใจ, คนหน้าเดิม, หลานย่าโม และอีกมากมาย  แต่เธอกลับตอบทันทีอย่างแทบไม่ต้องคิดเลยว่า เพลงที่ประทับใจและมีความรักและความหลังมากที่สุด คือ


"เพลงโลกนี้คือละครค่ะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดเจนและพอเห็นผู้ฟังทำสีหน้างง ๆ เธอก็รีบอธิบายว่า


"เป็นเพลงที่แฟนชอบมากค่ะ คู่ชีวิตน่ะค่ะ ไม่ต้องบอกชื่อนะคะ เพราะท่านจากไปแล้ว" ตั้งใจจะถามให้แน่ใจว่าเป็นท่านนายพลใช่ไหม แต่เธอก็รีบอธิบายต่อว่า


"ท่านขอเพลงนี้มาตั้งแต่เริ่มรู้จักกันใหม่ ๆ ไปร้องเพลงที่ไหนพบท่าน ท่านก็ขอแต่เพลงนี้ โลกนี้คือละคร อยู่ด้วยกันแล้วไปร้องเพลงที่ไหนที่ท่านไปด้วย ท่านก็ขอโลกนี้คือละคร ตัวเองก็ชอบร้องค่ะ ทุกวันนี้ไปร้องเพลงที่ไหนก็มักจะร้องเพลงนี้ค่ะ ร้องแล้วก็จะคิดถึงคนที่รัก คนที่ชอบเพลงนี้ทุกครั้ง"


ระหว่างที่เธอเล่าเรื่องของความรักและความหลังที่ผูกพันอยู่กับเพลงชีวิตที่ชื่อ "โลกนี้คือละคร" ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนหวานเหมือนกำลังล่องลอยไปถึงสวรรค์


ขอให้ทุกท่านโชคดี ได้มีโอกาสไปนั่งฟัง รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส ร้องเพลง  โลกนี้คือละคร ให้ฟังอย่างใกล้ชิดสักครั้ง.





ภาพจากเวบ trasguworld.blogspot.com


ข้อมูลจากนสพ. แทบลอยด์ ไทยโพสต์ ๒๘ ต.ค. ๒๕๕๕


บีจีจากเวบ wallcoo ไลน์จากคุณญามี่
กรอบจากคุณ somjaidean100


Free TextEditor





 

Create Date : 10 มีนาคม 2556    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 9:12:26 น.
Counter : 17779 Pageviews.  

คอนเสิร์ต หีบเพลงชัก...แทนคำรัก "ครูแจ๋ว" (๒)




ภาพจากใบปลิวงานคอนเสิร์ตเชิดชูครูเพลง
"คิดถึงครูแจ๋ว" ที่ศาลาเฉลิมกรุง วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๒



ฟ้ารักดิน - มรว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ - นงลักษณ์ โรจนพรรณ




ต้องขออำภัยอย่างแรงที่งวดนี้หายศีรษะหลายวันอีกแล้ว งานค่อยซาลงนี๊ดดดนึงก็พยายามหาเวลาเขียนบล็อก ปั่นบล็อกงานศิลปะผลงานของ ม.จ.มารศีฯ เสร็จแล้ว แต่ขออนุญาตโฆษณาคอนเสิร์ตเพลงครูสง่าก่อน คอนเสิร์ตชื่อ "หีบเพลงชัก...แทนคำรัก ครูสง่า อารัมภีร" เคยจัดไปเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว มาปีนี้จัดอีกครั้ง ตรงกับวันเลือกตั้งพอดี มีนักร้องรุ่นเก่าและใหม่ขึ้นเวทีมากมาย รวมถึงนักร้องคนโปรดของเรา คุณอดิเรก จันทร์เรือง ด้วย


อ่านเจอคอลัมน์ที่เขียนถึงคอนเสิร์ตอยู่เยอะเหมือนกัน มีทั้งในเวบและนสพ. ชอบข้อเขียนของคุณกิเลน ประลองเชิง ที่เขียนไว้ในเวบของไทยรัฐ copy มาลงบล็อกทั้งหมดเลย คราวที่แล้วรู้ข่าวคอนเสิร์ตช้าเกิน เลยอดดู หนนี้โชคดีที่รู้ข่าวเร็ว แถมคอนเสิร์ตจัดตรงกับวันอาทิตย์ เลยจัดการซื้อตั๋วไว้เรียบร้อยแล้ว ตะกี้เข้าไปดูในเวบไทยทิกเก็ตฯ ยังเหลือบัตรอยู่ ใครเป็นคอเพลงเก่าแล้ววันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ว่างละก็ อย่าพลาดคอนเสิร์ตดี ๆ แบบนี้นะจ๊ะ



คลิกอ่านบล็อกเสพงานศิลป์อันใหม่ได้ที่นี่ค่ะ เสพงานศิลป์ ๒๘











ภาพจากเวบ bangkokbiznews.com



ผมไม่ได้อ่านคอลัมน์ ..เพลงเก่า ของคุณบูรพา อารัมภีร เขียนในนิตยสารที่อ่านประจํา...มานาน เจอจดหมายชื่อบูรพา อารัมภีร เหมือนเจอเพื่อนเก่า ก็รีบเปิดอ่าน คุณบูรพา ขึ้นต้นจดหมาย ไม่อ้อมค้อม...


ผมบูรพา ลูกชายครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร จะจัดคอนเสิร์ตพ่อปีนี้ อีกครั้ง เป็นครั้งที่ ๒ ชื่อ คอนเสิร์ต หีบเพลงชัก แทนคํารัก สง่า อารัมภีร รอบเดียว ๑๔.oo น. วันที่ ๓ มีนาคม ที่หอประชุมธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์...ครับ





บูรพา อารัมภีร
ภาพจากเวบ komchadluek.net



นักร้องที่จะมาร้องมี สวลี ผกาพันธ์ สุเทพ วงศ์กําแหง ชาลี อินทรวิจิตร ชรินทร์ นันท นาคร จินตนา สุขสถิตย์ อดิเรก จันทร์เรือง นันทวรรณ สุวรรณ–ปิยะศิริ วิชัย ปุญญะยันต์ นรีกระจ่าง คันธมาส อิศริยา คูประเสริฐ กัญจนปกรณ์ แสดงหาญ


นี่เป็นนักร้องรุ่นตํานาน ยังมีนักร้องเยาวชน ที่ชนะเลิศจากโครงการสืบสานตํานานเพลง ของศาลาเฉลิมกรุง อีก ๔ คน สลับฉากนักร้อง ด้วยบทกวีลํานํา น้ําตาแสงไต้ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ แต่งใหม่ อ่าน เคล้าเสียงขลุ่ยของ อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี





เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ภาพจากเวบ nakhontoday.com



ผมอ่านจดหมายคุณบูรพาแล้วพยายามนึกเพลงไหน...ครูแจ๋วแต่ง แต่เด็กบ้านนอกที่ฟังเพลงจากวิทยุทรานซิสเตอร์ก็จําได้แต่ชื่อนักร้อง และเพลงที่ร้อง ไม่ค่อยรู้ว่าใครแต่ง ก็เพิ่งมารู้เอาคราวนี้...เพลงน้ําตาแสงไต้ เพลงหนึ่งในร้อย แว่วกริ่งกังสดาล กัลปังหา ฟ้ารักดิน รักข้ามตลาด กุลสตรี รักของแม่ ฟังเพลงเถิดชื่นใจ วนาสวาท รักข้ามขอบฟ้า ลืมแล้วหรือสัญญา หนี้รัก คืนหนึ่ง ทาสเทวี ดอกฟ้าในมือโจร ดวงใจ เมื่อวานนี้ สุดที่รัก มนต์รักดอกคําใต้... ที่คนรุ่นผมคุ้นหูคุ้นใจ...ครูแจ๋วแต่งทั้งนั้น





ภาพจากเวบ palungjit.com



เพลง...ที่ดูดเอาหัวใจของผมเข้าไป...ฟังทีไรน้ําตาซึม...คือชุดเพลงเซิ้ง แล้งในอก หรือ ขุ่นลําโขง “โขงไหลแรง ขุ่นสีแดงสองฝั่งฟ้า...” ที่มีชื่อ อาจินต์ ปัญจพรรค์ ร่วมแต่ง...คุณบูรพาเล่าว่า ตอนที่...เพลงแล้งในอก ดังมาก


พ่อจึงแต่งเพลงรักในอก...แก้ “ฝนตกสุย สุย ตัวน้องลุยน้ําบ่า เปียกฝนท่วมหน้า น้องอุตส่าห์ยืนมอง...”


ผมเคยนั่งรถไฟจากยะลา ไปสุไหงโก-ลก จุดหมาย ข้ามเขตไทยเข้าไปหาเบียร์ดําดื่มในเขตมาเลเซีย เห็นป้าย ลันตูปันยัง นึกถึงเพลง “บุหลันลันตู” ไม่มีความสุขใดจะซึ้งใจ เท่ากับได้มีเธอที่รักเคียงข้าง...


เพิ่งรู้เหมือนกัน เพลงที่พี่เทพร้องได้จับใจ ครูแจ๋วใช้ทํานองเพลงมลายู...แต่งไว้เหมือนกัน ถึงวันนี้หาเพลงเหล่านี้ฟังไม่ค่อยได้ คนรุ่นหลังสงครามอย่างผม มีเหลือพอสมควร มีคอนเสิร์ตเพลงเก่าที่ไหน ก็แห่ตามกันไปฟัง





ครูสง่า อารัมภีรและครูสมาน กาญจนผลิน นักประพันธ์เพลงคู่บุญ
เจ้าของฉายา "เพลงรัก...ครูสมาน เพลงหวาน...ครูสง่า"
ภาพจากเวบ komchadluek.net



ฟังเพลงแล้วเหมือนระลึกชาติ เสียงร้อง ทํานอง เคยฟังกับใคร อยู่กับใคร ที่ไหน...บาง เพลงฟังแล้วน้ําตาก็ไหล...ความรัก ความหลัง กระทั่งความขม...ซ่อนอยู่ในเนื้อร้อง ทํานองเพลง...เหล่านั้น


เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ผมรู้จักสมัยเด็ก ก็หีบเพลงชัก เหมือนหีบเพลงชัก แทนคํารัก สง่า อารัมภีร นี่แหละครับ...เฮียสา นายท้ายเรือโชคชัยจินดา เรือโยงเรือโป๊ะ บ้านโกว (อา) ผม จอดเรือริมคลองบางรักหักแล้ว... ล้างเรือแล้ว หยิบหีบเพลงมาชัก


เพลงที่ฟังบ่อยคือทาสเทวี ฝีมือแค่ไหนผมไม่รู้ ตอนนั้นรู้แต่ว่า ฟังเพราะกว่าฟังจากวิทยุ เป็นไหน ๆ





ภาพจากเวบ thaimisc.pukpik.com



ผมชอบเฮียสา แล้วเจ๊แอ๊ด ลูกสาวโกวผม ฟังเพลงทาสเทวีท่อน “เธอเป็นดอกฟ้า รู้ไหมว่า เราเป็นดั่งทาสเทวี" บ่อยเข้าก็รักเฮียสา ลงท้ายแต่งงานกันวันนี้มีลูกหลานอยู่หลายคน เฮียสากับเจ๊แอ๊ด จูงมือกันไปจับคู่คนหนึ่งเล่น คนหนึ่งฟัง หลายเพลงก็เป็นเพลงของครูแจ๋ว...อยู่บนสวรรค์


คนรุ่นผม มีเวลาเหลือไม่เท่าไหร่...มีข่าวคอนเสิร์ต หีบเพลงชัก แทนคํารัก สง่า อารัมภีร มีหรือที่จะพลาด ตอนผมเขียนเรื่องนี้ผมมีบัตรในมือแล้ว ใครไม่มี อย่ามาขอ ขอผมก็ไม่ให้ ก็ต้องไปหากันเองที่ o๒-๒๖๒-๓๔๕๖ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์





ภาพจากเวบ thaimisc.pukpik.com



หวังว่า ยังพอมีบัตรเหลือขาย...งานแบบนี้ แฟน ๆ ประจํามีอุ่นหนา... ช้าไป...อย่ามาต่อว่ากัน
อย่าลืมบ่าย ๒ โมง ๓ มี.ค....ไปธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ดูคอนเสิร์ต หีบเพลงชัก แทน คํารัก สง่า อารัมภีร แต่ก่อนไปอย่าลืม ไปลงคะแนนเลือก ผู้ว่าฯ กทม.


จะเลือกนักบริหารแบบไร้รอยต่อ หรือบริหารแบบข้ามาคนเดียว ไม่ยอมต่อกับใคร...ถ้าเลือกถูกคน อย่างน้อยบาทวิถีที่ถูกยึดไปเป็นตลาดขายสินค้า ฯลฯ ก็จะได้คืน.



เขียนโดย คุณกิเลน ประลองเชิง
จากเวบ thairath.co.th











ภาพจากเวบ daily.bankokbixnews.com



บริษัท พล นิกร กิมหงวน ผู้จัดคอนเสิร์ต “หีบเพลงชัก...แทนคำรัก สง่า อารัมภีร”เมื่อต้นปีที่แล้ว โดยการนำบทเพลงอมตะจากการประพันธ์ของ ครูแจ๋ว หรือ สง่า อารัมภีร ครูเพลง-ศิลปินแห่งชาติ มาร้อยเรียงให้ฟังกันอย่างเต็มอิ่ม เพื่อสานต่อความสุขความประทับใจที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของผู้ชมวันนั้น เพลงที่จะนำมาบรรเลงและขับร้องในคอนเสิร์ตปีนี้ยังคงเป็นเพลงที่เกิดจากความรักที่ครูแจ๋วเขียนขึ้นตามแต่โอกาส ไม่ว่าจะเป็นการเขียนให้กับคนรัก เพื่อนฝูงญาติมิตร หรือนักร้องที่ร่วมงานกันมานาน จนถึงงานเพลงเพื่อประกอบการแสดงต่าง ๆ ทั้งละครเวทีและภาพยนตร์ ผ่าน “หีบเพลงชัก” หรือ “แอคคอร์เดียน” เครื่องดนตรีประจำตัว ที่ส่งเสียงเป็นท่วงทำนองแสนไพเราะ สอดคล้องกลมกลืนไปกับเนื้อเพลงที่เปี่ยมความหมาย เช่น น้ำตาแสงไต้, หนึ่งในร้อย, เรือนแพ, รักข้ามขอบฟ้า, ฟ้ารักดิน, ลำนำรัก, กัลปังหา, เห็นคุณแล้วอดรักไม่ได้, ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ, ลืมแล้วหรือสัญญา, ลำนำรัก, มนต์รักดอกคำใต้, บุหลันลันตู เป็นต้น





ภาพจากเวบ palungjit.com



เพลงในคอนเสิร์ตทั้งหมดมี ๓๖ เพลง โดยเป็นเพลงรักในแง่มุมต่างๆ ซึ่งคัดเลือกเพลงที่อาจจะไม่ค่อยได้ยินกันบ่อยนักมานำเสนอ นอกเหนือไปจากบทเพลงซึ่งคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว อาทิ น้ำตาแสงไต้, รักข้ามขอบฟ้า, เรือนแพ, รักข้ามคลอง ฯลฯ เพื่อให้ผู้ฟังได้คุ้นเคยมากขึ้นและจะมีเพลงลีลาพื้นเมืองจากภาคต่าง ๆ ให้ฟังด้วย นักร้อง นักดนตรีหลายท่านที่จะมาร่วมกันสร้างความรื่นรมย์ทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ผู้มีความผูกพันกับครูแจ๋ว ประกอบด้วยศิลปินแห่งชาติ ๖ ท่าน ได้แก่ สุเทพ วงศ์กำแหง, ชาลี อินทรวิจิตร, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ชรินทร์ นันทนาคร, สวลี ผกาพันธุ์ และจินตนา สุขสถิตย์ และยังมีนักแสดงนักดนตรี นักร้องคุณภาพอีก ๗ ท่าน ได้แก่ อดิเรก จันทร์เรือง, นันทวัน เมฆใหญ่ สุวรรณปิยะสิริ, กัญจนปกรณ์ แสดงหาญ, ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี, อิสริยา คูประเสริฐ, วิชัย ปุญญะยันต์, นรีกระจ่าง คันธมาศ


สนใจติดต่อซื้อบัตรได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร. o๒ - ๒๖๒ - ๓๔๕๖



ภาพและข้อมูลจาก
thaipost.net
dailynews.co.th



บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนคลับค่ะ



บีจีจากเวบ wallcoo ไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 9:07:56 น.
Counter : 6724 Pageviews.  

ไช่ฉิน (๒)





夜來香 - Tsai Chin




บรรยากาศตรุษจีนยังกรุ่น ๆ อยู่ หาเพลงไช่ฉินเพราะ ๆ มาให้ฟังกันค่ะ อัพบล็อกไช่ฉินภาคแรกไว้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว มาอัพบล็อกภาคสองอีกทีก็ข้ามปีเลย แฮะ แฮะ เพลงของไช่ฉินที่เราชอบจะเป็นเพลงเศร้า ๆ แต่เทศกาลมงคลแบบนี้ ฟังเพลงเศร้าคงไม่เหมาะ เลือกเพลง 夜来香 (เยี่ยไหลเซียง) แปลว่า ดอกราตรี เนื้อเพลงบรรยายถึงดอกราตรีและธรรมชาติที่งดงาม ดนตรีเพราะ ฟังแล้วอารมณ์สดใสดีค่ะ


งวดนี้ใส่ที่มาของภาพเฉพาะที่เพิ่งเซฟไว้ ส่วนภาพอื่นเซฟไว้นานแล้ว ไม่ได้จดชื่อเวบไว้ ยังไงก็ขอขอบคุณเจ้าของภาพไว้ตรงนี้แล้วกันค่า



เสพงานศิลป์บล็อกใหม่ได้ที่นี่ค่ะ เสพงานศิลป์ ๒๗













lozocatlozocatlozocat



夜来香
ye2 lai2 xiang1
เยี่ยไหลเซียง
(ดอกราตรี)


那南风吹来清凉 

na4 nan2 feng1 chui1 lai2 qing1 liang2

น่าหนานเฟิงชุยไหลชิงเหลียง

ลมใต้พัดโชยเย็นชื่น
  



那夜莺啼声凄怆  

na4 ye4 ying1 ti2 sheng1 qi1 chuang4

น่าเยี่ยอิงถีเซิงชีช่วง

เสียงนกไนติงเกลร้องคร่ำครวญหวนโหย
 



月下的花儿都入梦 

yue4 xia4 de hua1er dou1 ru4 meng4

เย่ว์ซย่าเตอฮวาโตวรู่เมิ่ง

บุปผาอื่นล้วนหลับไหลใต้เงาจันทรา
  



只有那夜来香 吐露着芬芳 

zhi3 you3 na4 ye4 lai2 xiang1 tu3 lu4 zhe fen1 fang1

จื่อโหย่วน่าเยี่ยไหลเซียง ถูลู่เจอะเฟินฟัง

มีเพียงดอกราตรี โชยกลิ่นกำจาย
 



*我爱这夜色茫茫  

wo3 ai4 zhe4 ye4 se4 mang2 mang2

หวั่วไอ้เจ้อเยี่ยเซ่อหมังหมัง

ฉันรักยามค่ำคืนอันไร้ขอบเขต
 



也爱这夜莺歌唱  

ye3 ai4 zhe4 ye4 ying1 ge1 chang4
เหยี่ยไอ้เจ้อเยี่ยอิงเกอชั่ง

และรักเสียงเพลงของนกไนติงเกล
 



更爱那花一般的梦

geng4 ai4 na4 hua1 yi4 ban1 de meng4  

เกิ้งไอ้น่าฮวาอี้ปานเตอเมิ่ง

ยิ่งรักความฝันที่เป็นดั่งดอกไม้


拥抱着夜来香

yong1 bao4 zhe ye4 lai2 xiang1 

ยงเป้าเจอะเยี่ยไหลเซียง

กอดกระหวัดเจ้าดอกราตรี
 



吻着夜来香**   

wen2 zhe ye4 lai2 xiang1

เหวินเจอะเยี่ยไหลเซียง

จุมพิตเจ้าดอกราตรี


夜来香 我为你歌唱   

ye4 lai2 xiang1 wo3 wei4 ni3 ge1 chang4

เยี่ยไหลเซียงหวั่วเว่ยหนี่เกอชั่ง

ดอกราตรี ฉันร้องเพลงเพื่อเธอ


夜来香 我为你思量
ye4 lai2 xiang1 wo3 wei4 ni3 si1 liang

เยี่ยไหลเซียง หวั่วเว่ยหนี่ซือเลี่ยง

ดอกราตรี ฉันคะนึงหาเธอ
  



啊~我为你歌唱我为你思量 

a1 wo3 wei4 ni3 ge1 chang4 wo3 wei4 ni3 si1 liang

อา...หวั่วเว่ยหนี่เกอชั่ง หวั่วเว่ยหนี่ซือเลี่ยง

ฉันร้องเพลงเพื่อเธอ ฉันคะนึงหาเธอ...

ซ้ำ *-** 2 รอบ
 


夜来香 夜来香 夜来香…

ye4 lai2 xiang1...ye4 lai2 xiang1...ye4 lai2 xiang1

เยี่ยไหลเซียง...เยี่ยไหลเซียง...เยี่ยไหลเซียง
...
ดอกราตรี...ดอกราตรี...ดอกราตรี


เนื้อเพลงและคำแปลจากเวบ hakkapeople.com


lozocatlozocat



คุณสนธิ ลิ้มทองกุล พูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กล่าวถึงนักร้อง 蔡琴 ไช่ฉิน เรียกชื่อตามคุณ T อายุอ่อนกว่า เติ้ง ลี่ จวิน ประมาณ ๔ ปี ปีนี้ก็น่าจะประมาณ ๕๓ จริง ๆ แล้วเขาดังพอ ๆ กันในไต้หวัน ส่วนโลกนี้ที่มีคนจีนอยู่ หลายคนจะชอบ ไช่ฉิน มากกว่าเติ้ง ลี่ จวิน เพราะเติ้ง ลี่ จวิน จะค่อนข้างกึ่ง ๆ ไฮโซนิดหน่อย แต่ ไช่ฉิน ชีวิตเขาเป็นนักศึกษา เติ้ง ลี่ จวิน จบ ม. ๓ แล้วออกมาร้องเพลงเลย ไช่ฉิน เรียนจบอนุปริญญาทางด้านตบแต่งภายในเสียด้วยซ้ำ




       
       
สมัยนั้นประเทศจีนเน้นโฟล์กซอง จะมีนักศึกษาเล่นโฟล์กซอง ช่าย ฉีน ก็เป็นคนหนึ่งซึ่งหลงใหลในโฟล์กซอง และพวกที่เล่นโฟล์กซองก็จะเล่นเพลงที่ไม่ใช่เพลงที่เขาร้องกันประจำ แต่งเพลงเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง ไช่ฉิน ได้เข้าประกวดโฟล์กซองได้ที่ ๑ ในของไต้หวัน จึงทำให้เขาก้าวขึ้นไปสู่นักร้องมืออาชีพ เขาออกเพลงมาจากปัจจุบันถึงสมัยก่อน ๕o แผ่นเองนะ ไม่เหมือนเติ้ง ลี่ จวิน ๓,ooo กว่าเพลง





      
แต่ว่าเพลง ไช่ฉิน เวลาร้องเพลง เขาบอกซีดีของเธอ เวลาเปิดต้องใช้เครื่องเสียงดี ๆ แล้วอยู่ในห้องเงียบ ๆ นอนฟัง มันมีความสุขมาก เพราะว่าเสียงเขาเพราะ เติ้ง ลี่ จวิน แก้วเสียงเขาหวาน แต่ ไช่ฉิน แก้วเสียงเขาโซปราโน่ เสียงใหญ่ เพลงเขาจะมีความหมาย เพราะ ถึงไม่เข้าใจเนื้อเพลง ก็ฟังแล้วซาบซึ้ง เพราะทำนองเขา สำเนียงเขา ท่วงท่าทีของวิธีร้อง เพราะมาก คนเคยถามผมว่า คุณสนธิ ผมฟังภาษาจีนไม่ออกแล้วผมจะชอบได้ไง แล้วคุณฟังเพลงโอเปร่าของฝรั่งคุณชอบได้ไง ของแบบนี้มันอยู่ที่จิตวิญญาณของมัน ผมจำได้ มีคนเขาถามหลวงพ่อชา ถามท่านว่า หลวงพ่อพูดภาษาอังกฤษบ่ได้ แล้วทำไมหลวงพ่อไปสอนฝรั่ง เรื่องธรรมะ ท่านก็บอกว่า แล้วเองพูดภาษาควายได้เปล่าเด้อ แล้วทำไมเองให้ควายไถนาได้ ถึงสั่งได้ มันอยู่ที่วิธีการสื่อมากกว่า







เพลง 蔡琴  ไช่ฉิน เปิดเพื่อจะปรับเสียงคลื่นเสียง

       
      
โทนเสียงของ ไช่ฉิน เป็นสแตนดาร์ดของเสียงเลย  ชีวิตเขาก็โลดโผนไม่มากเหมือนเติ้ง ลี่ จวิน แต่ชีวิตเขาเป็นชีวิตที่ค่อนข้างเศร้าโศกสลดพอสมควร นักร้องพวกนี้เป็นประเภทที่มักจะอาภัพในเรื่องความรัก เหมือนเติ้ง ลี่ จวิน ไช่ฉิน ไปตกหลุมรักกับผู้กำกับหนังไต้หวัน ชื่อเอ็ดเวิร์ด หยาง เคยมีครอบครัว แต่งงานกับฝรั่งด้วยกันที่อเมริกา แล้วกลับไปอยู่ไต้หวัน เมียไม่ยอมมาด้วยก็เลยหย่า มาเจอ ไช่ฉิน แล้วเล่นหนังให้กับผัวตัวเองเรื่องหนึ่ง เอ็ดเวิร์ด หยาง เลยมาจีบเขา




       
       
จีบไปจีบมาจนกระทั่งในที่สุดแล้ว แต่งงานเป็นผัวเมียกัน อยู่มา ๑o ปี แล้วก็เลิกกัน เหตุที่เลิกเพราะว่า ไช่ฉิน จับได้ว่าเอ็ดเวิร์ด หยาง ไปมีกิ๊ก รู้สึกเป็นนักเล่นเพลงคลาสสิกของบั๊ก ซึ่ง เอ็ดเวิร์ด หยาง ชอบเพลงของบั๊ก ก็ไปกับแฟนใหม่ ปรากฏว่าเอ็ดเวิร์ด หยาง ตอนหลังเป็นมะเร็งตาย ไช่ฉิน พูดอย่างไรรู้ไหม เขาพูดแล้วซึ้งมาก พูดไปร้องไห้ไปบอกว่า ถ้าเขารู้ว่า เอ็ดเวิร์ด หยาง ต้องตาย เขาจะยอมหย่ากับ เอ็ดเวิร์ด หยาง ก่อนล่วงหน้า ๓ - ๔ ปี เพื่อให้ เอ็ดเวิร์ด หยาง มีความสุขในชีวิตที่สุดก่อนตาย เขาพูดอย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นเพลงแต่ละเพลงถึงมีนัย มีความหมาย และมีอะไรหลายต่อหลายอย่างที่มันทำให้เพลงของ ไช่ฉิน มีความหมายมาก แต่เธอไม่เหมือนกับเติ้ง ลี่ จวิน ซึ่ง ไช่ฉิน เป็นคนเงียบ ๆ





เอ็ดเวิร์ด หยาง

       
       
ชีวิตส่วนใหญ่จะเก็บตัวเงียบ ไปไหนมาไหนจะไม่แสดงออก แล้วก็จะเป็นคนเวลาอยู่บนเวทีจะเฉย ๆ แต่ว่าสง่า ลุ่มลึก เขาเป็นคนสง่ามาก เขาเท่มากเลย เขามีไฝเม็ดหนึ่ง อยู่ทางต้นจมูกซ้าย แล้วก็เป็นเพลงซึ่งร้อง คือถ้าดูให้ดี ๆ ระหว่าง เติ้ง ลี่ จวิน กับ ไช่ฉิน เมื่อร้องเพลงใส่อารมณ์มากกว่า โดยจะเป็นไปตามเสียงเพลงหลายเพลง ซึ่งเพลงที่ดังที่สุด เปิดเป็นเพลงสุดท้าย ชื่อเพลง เป้ยอี๋วั่งเตอสือกวง "ช่วงเวลาที่ถูกลืม" เดี๋ยวเพลงนี้ค่อยอธิบายให้ฟัง ผลงานเพลงตอนนี้จริง ๆ แล้วเขาร้องเพลงเยอะมาก เขาจะเอาเพลงเก่าเอามาเรียบเรียงใหม่ เสียงเขาดีอยู่แล้ว ฉะนั้นเทคโนโลยี เทคนิคในเรื่องดนตรียุคใหม่ มันทำให้เนื้อหาสาระของเพลงเขาสมบูรณ์แบบหมดเลยทุกอย่าง ทั้งเสียง ทั้งเสียงดนตรี ทั้งเสียงอัด เสียงทุกอย่าง แล้วเพลงของเขาเป็นเพลงค่อนข้างจะอมตะนิรันดร ผมจะเอาเพลง ๆ หนึ่งถ้าคุณจำได้ว่า คราวที่แล้วเติ้ง ลี่ จวิน ร้อง คือเพลงดอกไม้ราตรี เย่ไหล่เซียง จำได้ไหม "เหย่ ไหลเซียง ลองเทียบเสียงกับเติ้ง ลี่ จวิน นะ ลองดูสิครับ






เพลง "เยี่ยไหลเซียง(夜来香)" ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย "หลี จวิ่นกวง(黎锦光)" ขับร้องครั้งแรกโดย "หลี่ เซียงหลาน(李香兰)" ต้นฤดูใบไม้ร่วงปี ๑๙๔๔ หลี จวิ่นกวง ศิลปินนักดนตรีนักประพันธ์ ได้ประพันธ์บทเพลงนี้ขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของเขาในค่ำคืนหนึ่งขณะทำงานอยู่ในห้องอัดเสียง ซึ่งร้อนอบอ้าว เมื่อถึงช่วงเวลาพัก หลี จวิ่นกวง จึงเปิดหน้าต่างระบายอากาศ ในตอนนั้นเองที่เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ในราตรี เคล้าคลอด้วยเสียงร้องของนกไนติงเกล กลายเป็นบรรยากาศที่รื่นรมย์จนต้องนำมาบรรยายออกเป็นเพลง เขาใช้เวลาตลอดทั้งคืนนั้นในการประพันธ์เพลงที่มีชื่อว่า เยี่ยไหลเซียง นี้ขึ้นมา แล้วจึงลองให้นักร้องที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น อาทิ โจว เสวียน (周璇), กง ชิวสยา (龚秋霞), เหยา ลี่ (姚莉) ร้องดู แต่ปรากฏว่าด้วยความที่เพลงนี้มีความกว้างของระดับเสียงสูง-ต่ำที่ห่างกันมาก จึงหาคนร้องได้ยาก สุดท้าย หลี จวิ่นกวง จึงได้แต่พับเก็บเพลงนี้เอาไว้ก่อน ต่อมา หลี่ เซียงหลาน ซึ่งในตอนนั้นอายุ ๒๔ ปี ได้มาพบเพลงนี้โดยบังเอิญขณะที่เข้ามาอัดเสียงเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เธอแสดงนำ และเมื่อได้ทดลองร้องเพลงดังกล่าว ทั้งตัวเธอเองและผู้ที่ได้ฟังต่างยอมรับว่าเพลงนี้เหมาะกับเสียงของหลี่ เซียงหลานที่สุด หลี่ เซียงหลานจึงนำเพลงนี้มาร้องจนโด่งดัง และถือเป็นเพลงเอกประจำตัว รวมทั้งเป็นเพลงที่หนุนเสริมให้เธอก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพนักร้องเลยทีเดียว







ข้อมูลจากเวบ
thaichinese.net
manager.co.th








มีคลิปชีวประวัติของไช่ฉินมาฝาก เป็นรายการที่ออกอากาศทางช่อง CCTV-music มีทั้งหมดสามตอน ยังมีบล็อกไช่ฉินอีกหลายภาค ไว้ค่อยแปะในบล็อกต่อ ๆ ไป เสียดายที่ไม่มีซับภาษาปะกิต เลยดูแล้วไม่รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง แต่แค่ฟังเพลงของเธอก็ชอบแล้วค่ะ ในเวบของ CCTV-music โหลดคลิปไว้ แต่ copy โค้ดมาลงบล็อกไม่ได้ เลยไปหาในเวบอื่นดู พอดีเจอ ถ้าเปิดคลิปแล้วโหลดช้า หรือดูไม่ได้ก็ตามไปดูคลิปต้นฉบับที่ลิงค์นี้ค่ะ yue.cntv.cn


《音乐传奇》 20111221 不了琴音·蔡琴(一)




เวบนี้รวบรวมเพลงของไช่ฉินไว้ตรึม คลิกที่ลิงค์เข้าไปฟังได้เลยค่ะ
ezpeer.com



บล็อกนี้อยู่ในหมวดแฟนคลับค่ะ



บีจีจากเวบ richardhellegallery
ไลน์จากคุณ Jinnycafe และคุณญามี่
กรอบจากคุณ Lozocat

Free TextEditor




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 3 สิงหาคม 2556 19:18:20 น.
Counter : 8013 Pageviews.  

ธรรมชาติยามเช้าในบทเพลง




ภาพจากเวบ alphathread.wordpress.com



ผีเสื้อยามเช้า‪ - มัณฑณา โมรากุล





lozocatlozocatlozocat


ผีเสื้อยามเช้า
คำร้อง แก้ว อัฉริยะกุล
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
มัณฑนา โมรากุล ขับร้อง


รุ่งอรุณเรืองแรงแสงทอง
งามยิ่งเคลิ้มมองยามส่องนภา
สว่างกระจายพรายพราวเร้าตา
งามทั่วท้องฟ้าพื้นหล้าวิไล


เยือกเย็นลมรำเพยพัดโชย
พากลิ่นหอมโรยโชยฉ่ำฤทัย
กิ่งผกาพากันพลิ้วใบ
ชูช่อไหวไปสดใสตามลม


เหล่าผีเสื้อแสนงามยามเช้าคลอเคล้าลัดดา
ลอยเล่นลมเร้าตาเริงสุขพานิยม
บ้างลงไล้ไต่ตอมน้อมโน้ม
สุขชมสรรดมผกา


สูดสุคนธารสหวังชม
กางปีกรับลมเรืองข่มนภา
ผ่องระยิบระยับวับตา
พราวพร่างนักหนาพาให้ใฝ่ฝัน


โผผินบินเร้าฤทัย
เรื่อยไปเหลิงในชีวัน
สุขแต่เช้าเช่นนี้ทุกวัน
ชมชื่นสัมพันธ์ผีเสื้อแสนงาม


เนื้อเพลงจากเวบ websuntaraporn.com


lozocatlozocat



วันหยุดสุดสัปดาห์มาฟังเพลงสบาย ๆ กันดีกว่า อัพบล็อกเอาใจตัวเอง ให้ฟังเพลงเก่าตามวัยจขบ. อิ อิ นักร้องเก่าที่ชอบมากที่สุดท่านนึงก็ตือ คุณมัณฑณา โมรากุล นี่แหละค่ะ ฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ อาเปิดวิทยุฟังเพลงสุนทราภรณ์ประจำ ฟังจนติดหูแล้วก็ชอบมาจนเดี๋ยวนี้ บล็อกนี้ได้ข้อมูลจากคอลัมน์ตอบคำถาม "ถูกทุกข้อ" ในนสพ.ไทยโพสต์ หนนี้เป็นจดหมายที่ พันเอกวัชระ วีระวงศ์ เขียนถึงเพลงเก่า ๆ เกี่ยวกับธรรมชาติยามเช้า



เสพงานนิทรรศการศิลปะที่กำลังจัดแสดงได้ที่นี่ค่ะ
เสพงานศิลป์ ๒๖
เสพงานศิลป์ ๒๕
เสพงานศิลป์ ๒๔











ภาพจากเวบ pixpros.net


ธรรมชาติยามเช้าในบทเพลง



เพลงไทยสากลที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเวลา เมื่อพิจารณาดูแล้วเห็นว่ายามเช้าเป็นเวลาที่งดงาม ให้ความรู้สึกที่ดี มักส่งถึงในบทเพลงมากกว่าเวลาอื่น


จากแนวคิดดังกล่าว ผมจึงนำประเด็น เพลงยามเช้า เขียนบทความใช้ชื่อว่า "ธรรมชาติยามเช้าในบทเพลง" โดยนำเพลงดีมีคุณค่ามานำเสนอเป็นกรณีตัวอย่าง นั่นคือ ผีเสื้อยามเช้า และ ยามเช้า ผมได้แนบบทความดังกล่าวมาพร้อมกันนี้





มัณฑนา โมรากุล
ภาพจากเวบ thaicyberportal.net



ธรรมชาติยามเช้าในบทเพลงบรรยากาศสดใสยามเช้า ให้แรงบันดาลใจต่อกวี ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์บทเพลงไพเราะหลากหลายลีลา ยามเช้าในบทเพลงล้วนแล้วแต่ให้ภาพยามเช้าที่สดใส สวยงามทั้งสิ้น


เพลงธรรมชาติยามเช้า ที่มีคุณภาพระดับเพลงอมตะมีขึ้นตั้งแต่ระยะแรกที่ตั้ง วงกรมโฆษณาการ นักร้องหญิงคนแรก คือ มัณฑนา โมรากุล เข้ารับราชการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๓ ได้เล่าประสบการณ์การทำงานในระยะแรก พิมพ์ในหนังสือประกอบการแสดง "ดาวประดับฟ้า มัณฑนา โมรากุล" ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๓๘





ภาพจากเวบ gotoknow.org



ความบางตอนว่า "สมัยวิทยุศาลาแดงต้องไปร้องสด ๆ ตอนเช้า เวลาประมาณ ๖ โมงถึง ๖ โมงครึ่ง คล้ายกับปลุกคนให้ตื่นชมธรรมชาติยามเช้า และประกอบกิจการงานเพลงที่ร้องยามเช้ามี ผีเสื้อยามเช้า มาลีรุ่งอรุณ บุปผางาม"


ผีเสื้อยามเช้า ยังคงงดงามถึงทุกวันนี้





ดร.เจตนา นาควัชระ
ภาพจากเวบ thaicritic.com



ดร.เจตนา นาควัชระ กูรูเพลงอีกท่านหนึ่งที่มีเพลงสุนทราภรณ์อยู่ในหัวใจ และชื่นชมยกย่องนักร้องยอดนิยมของวงดนตรีสุนทราภรณ์ คือ มัณฑนา โมรากุล, เพ็ญศรี พุ่มชูศรี และ รวงทอง ทองลั่นทม มาโดยตลอด เขียนถึงเพลงผีเสื้อยามเช้าเอาไว้ในความประสานสัมพันธ์ ระหว่าง วรรณศิลป์กับคีตศิลป์ในเพลงสุนทราภรณ์ จากการสัมมนาทางวิชาการเรื่อง สุนทราภรณ์วิชาการ ( คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (๑๖ – ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ) เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า


“...เพลงสุนทราภรณ์ รุ่นแรก ๆ แสดงออกถึงข้อผูกพันที่มีอยู่กับดนตรีตะวันตกอยู่มาก โดยเฉพาะ ความเคร่งครัดในเรื่องของจังหวะ ดังจะเห็นได้จากเพลงดอกไม้กับแมลง ( ทำนอง : เอื้อ สุนทรสนาน คำร้อง : แก้ว อัจฉริยะกุล ) ซึ่งเป็นเพลงในจังหวะ Quick Waltz มีการใส่คำในแบบ เนื้อเต็มอยู่มาก





ภาพจากเวบ metrorecords.co.th



มัณฑนา โมรากุล ร้องเพลงนี้ในลักษณะของแบบฝึกหัดอีกเช่นกัน และสำหรับนักร้องที่ถนัดร้องเพลงที่ต้องการความลึกซึ้งในอารมณ์เช่นเธอนั้น ดูประหนึ่งว่าระเบียบวินัยของจังหวะเพลงตะวันตกจะกลายเป็นกรอบที่บีบรัดการแสดงออกของเธออยู่บ้าง


เมื่อพิจารณาจากแผ่นเสียงที่อัดไว้จะสังเกตได้ว่า มัณฑนา แสดงอาการกระหืดกระหอบเล็กน้อย และสะดุดจังหวะอยู่บ้าง ที่เป็นเช่นนี้คงเป็นเพราะเป็นนักร้องที่ชอบเอื้อน คงไม่สะดวกใจกับเพลงที่มีลีลาเป็นฝรั่งมากนัก





มัณฑนา โมรากุล
ภาพจากเวบ กระทู้พันทิป



สิ่งที่พึงสังเกตเกี่ยวกับเพลงนี้คือ แม้ว่าการแต่งทำนองจะดูเคร่งครัดกับแบบแผนตะวันตกอยู่มาก แต่เนื้อร้องแสดงความโหยหาที่จะกลับไปสู่วรรณศิลป์ดั้งเดิมของไทย คือมีเนื้อหาที่เอาจริงเอาจัง เป็นการสั่งสอนศีลธรรม (Didacic) มีการใช้ความเปรียบที่เราคุ้นกันมาแล้วจากการอ่านวรรณคดีไทย


เพราะความคิดแบบดอกไม้แรกบานก็เปรียบปานสาวแรกรุ่นนั้น อาจมิใช่สิ่งที่แปลกใหม่แต่ประการใด เสน่ห์ของเพลงนี้อยู่ที่การสร้างท่วงทำนองที่ค่อนข้างราบเรียบและเป็นระเบียบ มาสนองเนื้อหาที่ต้องการเน้นความเรียบร้อยของกุลสตรีไทย





ภาพจากเวบ mitrprasarn.com



ในระยะต่อมา กรมโฆษณาการ เปลี่ยนชื่อเป็น กรมประชาสัมพันธ์ การแสดงดนตรีนอกเวลาราชการ ครูเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงใช้ชื่อว่า วงดนตรีสุนทราภรณ์ มีนักแต่งเพลงคุณภาพหลายคน


นักแต่งเพลงหญิงคนแรก คือ ชอุ่ม ปัญจพรรค์ ได้แต่งเพลงไว้หลายแนว แนวธรรมชาตินอกจากเพลงที่เกี่ยวกับดอกไม้แล้ว ยังแต่ง เพลงยามเช้า บรรยายภาพยามเช้าได้อย่างน่าสนใจ





ภาพจากเวบ gotoknow.org



"ยามเช้ามวลเมฆเคล้านภาพร่า/ปักษาพากันจากซุ้มนอน/หมู่ภมรเคล้าชมขจร อาทิตย์นวลอ่อน/เปิดม่านอัมพรพิไล


ยามเช้ามวลบานเช้าก็คลายคลี่/สดสีทวีกลิ่นหอมไกล/กุหลาบ พะยอม หอมหวนยวนใจ น้ำค้างค้างใบ/ดุจดังเพชรพรายพราวพรรณ


เพลินชมฟ้างาม/ฟ้ายามแสงทองโรยละอองผ่าน/พื้นนภาพิศไป/เหลืองนวลใยดั่งใครเสกสรร
ยามเช้าทั้งหนุ่มสาวเด็กผู้ใหญ่/สดใสใจระรื่นสำราญ/รุ่งอุทัยสวยใดมาปาน ใครเห็นชื่นบาน/ดังอยู่วิมานเมืองแมน" (ยามเช้า ของ ชอุ่ม ปัญจพรรค์, เอื้อ สุนทรสนาน)


เพลงธรรมชาติยามเช้าทั้งสองเพลง ครูเอื้อ สุนทรสนาน บรรจุทำนอง คำร้อง ของนักแต่งเพลงยุคเดียวกัน ให้ภาพธรรมชาติที่งดงามเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันที่มุมมอง





ภาพจากกระทู้พันทิป



ผีเสื้อยามเช้ามองดอกไม้สดสวย ส่งกลิ่นให้ผีเสื้อไต่ตอม ผีเสื้อและดอกไม้สวยงามในสายตาของคนผู้สังเกตการณ์ ในขณะที่เพลงยามเช้า ให้ภาพความงามที่ผันแปรโดยต่อเนื่อง แต่สภาพการณ์โดยรวมก็อำนวยความสุขสำราญ เป็นที่พอใจของคนทุกเพศ ทุกวัย และครูเอื้อให้ชวลีย์ ช่วงวิทย์ ขับร้องด้วยเสียงหวานใส เป็นที่น่าสังเกตว่าอารมณ์สงบเย็นของเพลงธรรมชาติยามเช้าทั้งสองเพลงนี้ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของสังคมปัจุบัน แง่งามของธรรมชาติในบทเพลงดังกล่าว หากอนุชนได้ซึมซับความงามนี้ไว้ในอนุสติ ก็จะส่งผลดีต่อการรักษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ให้ดำรงอยู่เป็นประโยชน์สืบไป





ภาพจากเวบ gotoknow.org



ข้อมูลจาก
คอลัมน์ตอบปัญหา "ถูกทุกข้อ" นสพ.ไทยโพสต์ ๓๑ มี.ค. ๒๕๕๔
manager.co.th















บอกข่าวคนรักซีรีส์เกาหลีเรื่อง "Autumn in My Heart" ในเวบข้าวโพดในกระทู้ Autumn in My Heart ลงข่าวว่าทรูจะฉายเรื่องนี้รับวาเลานไทน์ เริ่มลงจอวันที่ ๑๑ ก.พ. นี้ ได้ดูเรื่องนี้ในจอแก้วเป็นรอบที่ห้าได้แล้วมั้ง ที่จริงซื้อทั้งซีดีและดีวีดีเก็บไว้แล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นที่ได้ยินข่าวว่าจะได้ดูทางทีวีอีก ยังจำความรู้สึกที่ดูครั้งแรกได้ดีว่า น้ำตาเป็นเผาเต่าแค่ไหนกับความรักแสนเศร้าแต่งดงามระหว่างจุนโซกับอึนโซ ใครเป็นสาวกออทั่มแล้วติดทรูละก็ กาปฏิทินไว้แล้วปูเสื่อรอดูกันนะจ๊ะ




บีจีจากเวบ wallcoo ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Lozocat


Free TextEditor





 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 3 สิงหาคม 2556 19:11:45 น.
Counter : 10330 Pageviews.  

อาทิตย์อับแสง





‪อาทิตย์อับแสง - เพลงพระราชนิพนธ์‬




ปีนี้ตั้งใจว่าวันอาทิตย์สบาย ๆ จะให้ฟังเพลงกันทุกอาทิตย์ ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างคิดหรือเปล่า ขนาดบล็อกเร่ิมต้นกว่าจะอัพได้ก็เกือบหมดวันแล้ว แต่ไม่เป็นไร ขึ้นชื่อว่าเพลง ฟังเมื่อไหร่ก็มีความสุขเนอะ เริ่มบล็อกแรกด้วยเพลงอันเป็นมหามงคล เพลงพระราชนิพนธ์ ได้อ่านข้อเขียนที่เกี่ยวกับเพลงเก่า ๆ ในคอล้มน์ตอบคำถาม "ถูกทุกข้อ" ในนสพ.ไทยโพสต์อยู่บ่อยครั้ง มีคนอ่านที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงเก่าเขียนจม.มาถึงคอลัมน์นี้ประจำ เราตัดเก็บไว้เยอะเลย เพิ่งจะได้ฤกษ์ทะยอยอัพลงบล็อก ข้อมูลในบล็อกเป็นหนึ่งในจม.หลาย ๆ ฉบับของ พ.อ.วัชระ วีระวงศ์ ที่เขียนถึงเพลงพระราชนิพนธ์หลายเพลง หนึ่งในนั้นคือเพลง "อาทิตย์อับแสง" ที่เราชอบมาก ๆ



เสพงานศิลปะดี ๆ ได้ที่นี่จ้า
เสพงานศิลป์ ๒๕
เสพงานศิลป์ ๒๔
เสพงานศิลป์ ๒๓






ทิวางาม ทิวาทราม
โดย พ.อ.วัชระ วีระวงศ์



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรัสอวยพรปีใหม่ ๒๕๕๕ แก่พสกนิกร ความตอนหนึ่งได้เตือนสติสำคัญ "ชีวิตของคนเรานั้นจะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรคผ่านเข้ามาเนือง ๆ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปรกติสุขอย่างเดียวได้ ทุกคนจึงต้องเตรียมกาย เตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อนต่าง ๆ ด้วยความไม่ประมาทด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชาและด้วยสามัคคีธรรม"


เมื่อได้รับพรปีใหม่ใส่เกล้าใส่กระหม่อมแล้ว ผมนึกถึงสาระเกี่ยวกับธรรมชาติในบทเพลงพระราชนิพนธ์ และเขียนเรื่อง "ทิวางาม ทิวาทราม" ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ






การดำเนินชีวิตในโลกสมัยใหม่ โดยเฉพาะสังคมเมืองมักอยู่ในวงล้อมของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นานวันเข้าความรู้ความเข้าใจธรรมชาติกลับเห็นว่าธรรมชาติเป็นศัตรูที่ต้องเอาชนะคะคานกัน โดยถือว่าเป็นความอยู่รอดของมนุษย์ ลืมคิดว่าถึงอย่างไรคนก็ไม่อาจหนีธรรมชาติไปได้ ยังต้องพึ่งพิงปัจจัยสี่จากธรรมชาติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน การมองโลก มองชีวิตให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง


ความรู้ความเข้าใจธรรมชาติและบทบาทที่แต่ละคนพึงปฏิบัติต่อธรรมชาติเป็นความจำเป็นพื้นฐาน หากเข้าใจถูกต้องว่าคนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ จึงมีหน้าที่ต้องปรนนิบัติดูแลธรรมชาติให้สิ่งแวดล้อมดำรงอยู่และผันแปรไปตามวงจรธรรมชาติ รวมทั้งเอื้ออำนวยให้ธรรมชาติฟื้นฟูหรืองอกงามขึ้นตามวิถีธรรมชาติ






ถึงหน้าฝนก็เตรียมพื้นที่รับน้ำ มีทางน้ำไหลและเตรียมพื้นที่เก็บกักน้ำไว้ใช้ตามความจำเป็น หากมีพื้นที่ว่างก็ปลูกต้นไม้ไว้อาศัยร่มเงา ตลอดทั้งยังได้รับประโยชน์จากดอกผลด้วย ธรรมชาติโดยรวมมีคุณค่าเกินกว่าที่จะประเมินราคา ที่สำคัญมีคุณค่าหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตให้คงอยู่ได้ หากแต่ละคนต่างตระหนักถึงคุณค่าธรรมชาติก็จะร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดำรงอยู่และดำเนินไปตามวงจรธรรมชาติ


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของอาณาประชาราษฎร์ ทรงพระราชนิพนธ์เพลงที่มีสาระเกี่ยวกับธรรมชาติที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีพ ทรงชี้แนะการมองโลก มองชีวิตที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงว่า ธรรมชาติอำนวยประโยชน์ต่อสรรพชีวิน ขณะที่อีกมุมหนึ่งกลับกลายเป็นแง่ที่ไม่พึงพอใจของคนทั่วไป เช่น


...."ทิวางาม
ยามอยู่เคียงดง
สุริยาแสงส่ง
ปวงชีวิตในโลกดำรงเริงใจ"...


...."ทิวาทราม ยามห่างดวงกมล
สุริยาหมองหม่น ปวงชีวิตในโลกอับจนเสื่อมทราม
หวังคอย คอยเฝ้าโมงยาม
จวบจนทิวาเรืองงาม สบความรักยามยืนดง"

(เพลงพระราชนิพนธ์ อาทิตย์อับแสง)






มุมมองธรรมชาติสองด้านดังปรากฏในเพลง ลมหนาว


"ยามลมหนาว พัดโบกโบยโชยชื่น
เหล่าสกุณร้องรื่นรมย์
หมู่ดอกไม้ชวนภมรร่อนชม
ช่างสุขสมเพลินตาน่าดูชูใจ


โอ้ รักเจ้าเอ๋ย
ยามรักสมดังฤทัย
พิศดูสิ่งใด
ก็แลวิไลแจ่มใสครัน


อันความรักมักจะพาใจฝัน
เมื่อรักนั้นสุขสมจิตปอง
ยามลมฝน พัดโบกโบยกระหน่ำ
หยดหยาดน้ำน้ำหลั่งนอง


ผึ้งภู่ทั้งวิหคเหงาเศร้าหมอง
เกลื่อนกลาดผองมาลีร่วงโรยลงดิน
เหมือนรักผิดหวัง
เปรียบดังหัวใจพังภินท์


น้ำตาหลั่งริน
และลามไหลเพียงหยาดฝนปราย
อันความรักแม้ไม่เป็นดังหมาย
ตราบวันตาย ชีพขมขื่นเอย"

(เพลงพระราชนิพนธ์ ลมหนาว)


เพลงพระราชนิพนธ์ ลมหนาว








ลมหนาวให้ความชื่นบาน หวานชื่นในช่วงแรก ต่อจากนั้นในท่อนหลังเป็นลมฝนให้ความรู้สึกระทม ขมขื่น เป็นอุทาหรณ์ให้ตระหนักถึงธรรมชาติสองด้าน แต่ระยะหลังนิยมร้องเพลงลมหนาวเพียงท่อนแรกที่สะท้อนแง่งามของธรรมชาติ ส่วนท่อนหลังไม่ค่อยได้ยินจากแผ่นบันทึกเสียงรวมทั้งการแสดงโดยทั่วไป ประเด็นนี้สะท้อนใจคนที่อยากหลีกหนีความจริงบางประการที่ไม่สบอารมณ์


ความผันแปรของธรรมชาติปรากฏชัดในสายลม

"ท่ามกลางฟากฟ้ามัวหม่น
ลิ่วลมหลังฝนโปรยทั่ว
เยือกเย็นชีพเฉาเมามัว
จิตใจหวาดกลัวหวั่นฟ้าคำรามลั่น


โรจน์เรืองแปลบแสงฟ้าผ่า
ล่องลมลิ่วมาเสียงสนั่น
โอ้ ลมหนอลมพัดคืนวัน
โบกโบยเพียงไหนกันพัดจนไม่รู้วันสงบเอย


ต้องลมเหล่าไม้เอนลิ่ว
ลู่ใบลุ่ยพลิ้วปลิวว่อน
จิตใจอ่อนท้ออาทร
ด้วยลมพัดโบกวอนล่องหนวนเวียนไป......"

(เพลงพระราชนิพนธ์ สายลม)


เพลงพระราชนิพนธ์ สายลม








สายลมที่พัดกระหน่ำแรงย่อมทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ระหว่างเกิดพายุคนก็ต้องอพยพ หลบภัยเข้าที่กำบัง เช่นเดียวกับผู้พิการประสบมรสุมชีวิต ช่วยตัวเองไม่ได้ ก็ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากทางราชการหรือองค์กรการกุศล เช่น โรงเรียนสอนคนตาบอดได้ให้การศึกษาดูแลคนพิการทางสายตา ให้มีความรู้เพียงพอที่จะช่วยตัวเองได้ ดำรงชีพเป็นสุขตามอัตภาพ






ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ทรงเยี่ยมโรงเรียนสอนคนตาบอด และทรงพระราชนิพนธ์เพลงยิ้มสู้ SMILES โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริทรงประพันธ์คำร้องภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นการกล่อมเกลาจิตใจและให้กำลังใจคนพิการทางสายตา ผู้ด้อยโอกาส


"โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง
ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง


ฝ่าลู่ทางชีวิตต้องคิดเฝ้าย้อมใจ
โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง
ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง
ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้


คนเป็นคนจะจนหรือมี
ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่
ยามปวงมารมาพาลลบหลู่
ยิ้มละไมใจสู้หมู่มวลเภทภัย


ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา
สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน"

(เพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้)


เพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้




ยิ้มสู้เป็นที่แพร่หลายมาก โดยเฉพาะในยามที่ราษฎรประสบภัยพิบัติ เพลงนี้จะเสริมส่งพลังใจได้อย่างดี ตลอดทั้งให้แรงใจในการใฝ่กระทำดี มุ่งดี มุ่งเจริญโดยต่อเนื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแรงใจให้ทำความดีสอดคล้องกับพจนานุกรมฉบับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช (พิมพ์ในสยามรัฐรายวันประมาณปี ๒๕๒o) ระบุคำว่า "ในหลวง" จับใจความได้ว่าใครได้พบแล้วอยากทำความดี


พระราชดำริผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์เปรียบได้กับขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์เช่นกัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าฯ ปวงประชาโดยทั่วกัน






ภาพและข้อมูลจาก
คอลัมน์ตอบจม. "ถูกทุกข้อ" นสพ.ไทยโพสต์ ๒๓ ม.ค. ๒๕๕๕
(thaipost.net)
chaoprayanews.com
bangkokpost.com
skitzone.com
miriadna.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดดนตรีจ๊ะ



บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





 

Create Date : 27 มกราคม 2556    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 9:11:40 น.
Counter : 13233 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  

haiku
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.