happy memories
Group Blog
 
All blogs
 

Once Upon a Day (Haru)




Kim Bum Soo - Once Upon A Day (eng lyrics)




English lyrics:

Love is hurting me again,
Love is making me cry again,
It tells me to forget the loving memories
And love cruelly leaves me...

Am i really alright?
Just like that greeting you gave me?
Hiding your eyes and pretending not to know
is probably easier for you
It might change...

The wind is different everyday,
I was so grateful to the happiness of life that this world gave me.

Love is hurting me again,
Love is making me cry again,
It tells me to forget the loving memories
And love cruelly leaves me...

I will be able to forget,
I will change like you,
But till that day, how will i love?
I miss you already...

Love is hurting me again,
Love is making me cry again,
It tells me to forget the loving memories
And love cruelly leaves me...

Another day passes by like this...

Love is hurting me again,
Love is making me cry again,
It tells me to forget the loving memories
And love cruelly leaves me…





ดี๊ด๊ามั่ก ๆ ที่ทำบล็อคนี้ได้สำมะเร็จ ว่าจะทำบล็อคเพลงเก่า แต่ยังไม่มีเวลาไปค้นแผ่นเลยให้ฟังเพลงนี้ไปก่อน บล็อคที่แล้วดองไว้นานไปหน่อยเพราะมัวแต่ควานหา mv นึกได้แต่ youtube เข้าไปก็ดูไม่ได้เพราะ่ยังโดนแบนอยู่ เพิ่งหาเจอใน veoh เพลงนี้เป็นเพลงเกาหลีอันดับหนึ่งในดวงใจ ตั้งใจไว้เลยว่า ถ้าโหลดเพลงจากวีซีดีลงบล็อคเป็นจะเลือกเพลงนี้เป็นเพลงแรก รู้วิธีมาจากบล็อคคุณกระต่ายลงพุง






ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกจากเทปเพลงประกอบซีรีส์เกาหลี "Autumn in My Heart" เป็นเพลงบรรเลงที่เพราะและหวานมากกกกกก ฟังครั้งแรกก็ติดหูเลย ตอนหลังได้มาฟังเพลงร้องก็ยิ่งชอบใหญ่ ทั้งที่ฟังเนื้อไม่รู้ืเรื่องสักคำ แต่นึกไม่ออกว่าเพลงนี้มันอยู่ในละครตอนไหน ทั้งที่ดูออทั่มมาก็หลายรอบ คิดว่าคงเป็นเพลงที่เลือกมาใส่ไว้ในเทปเฉย ๆ มั้ง mv เพลงนี้ก็ชอบ ถ่ายภาพออกมาได้สวย เพลงค่อนข้างยาว (เกือบหกนาทีได้) ใน mv ยิ่งยาวกว่าอีก ชอบเสียงไวโอลินตอนต้นเพลงจัง เพราะไปคนละแบบกับใน vcd mv เปิดตัวหลังจากออทั่มรอบแรกฉายจบไม่นาน ดูแล้วประัทับใจมั่กๆ เนื้อเรื่องเศร้าซ้าาาาา แบบว่าอินต่อเนื่องมาจากออทั่ม นั่นก็เพราะได้พี่ชายกะเฮเคียวมาเล่นคู่กันนั่นแหละ แล้วยังมีพระเอกแดจัังกึมมาร่วมแจมด้วย


Kimbumsoo คนที่ร้องเพลงนี้ ม่ายหล่อแต่เสียงดีชะมัด





























































บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่

Free TextEditor





 

Create Date : 03 มิถุนายน 2550    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2557 21:01:57 น.
Counter : 4254 Pageviews.  

หากันจนเจอ



ทำบล็อคขัดตาทัพ หาเพลงเพราะ ๆ มาให้ฟัง ปกติเราจะชอบฟังเพลงเก่า ๆ เพลงรุ่นใหม่นานน๊านจะเจอที่ถูกหูถูกใจสักเพลง เขาว่ากันว่าเพลงนี้เป็นเพลงชาติของงานแต่งงาน เราว่าก็งั้นแหละ แต่งได้ดีมากทั้งคำร้องและทำนอง นอกจากจะชอบเสียงเพราะ ๆ ของคุณกบทั้งสองแล้ว ยังถูกใจการออกเสียงภาษาไทยที่ชัดเจนของทั้งคู่ด้วย ชอบ mv เพลงนี้จัง เนื้อเรื่องซึ้งดี เซกิก็หล่อ เล่นได้น่ารักมาก ๆ

หากันจนเจอ - กบ เสาวนิตย์ื + กบ ทรงสิทธิ์




หากันจนเจอ
ศิลปิน : กบ ทรงสิทธิ์ และ กบ เสาวนิตย์ (อัลบั้มMars&Venus)
คำร้อง : สุรักษ์ สุขเสวี

ญ. สิ่งที่ฉันหวัง สิ่งที่ฉันคอย
อาจดูเหมือนเลื่อนลอย เกือบจะฝันไป
มองหาคนๆหนึ่ง ที่ไม่รู้เป็นใคร
และไม่รู้เมื่อไหร่ จะพบคนผู้นั้น

ช. ส่วนชีวิตฉัน บอกเลยว่ามี
เจอะคนที่แสนดี อยู่ทุกๆวัน
เพียงแค่ไม่มีใคร ที่จะฝันตรงกัน
แต่ว่าฉันมั่นใจ จะพบในไม่ช้า

ญ. อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่
ช.ญ. หมอกและควันช่วยกันพรางตา
ญ. มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา
ช. ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่

ช.ญ. แต่เราก็หากันจนเจอ
มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา
รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า
เมื่อมีใครสักคนข้างกาย
เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง
เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ
เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่
แต่มันคงไม่ยากเกินไป
ที่ฉันจะพบเธอ

ญ. อาจมีสักครั้ง
ช. ที่เราสองคน
ญ. ผ่านทางที่วกวน
ช. อยู่ใกล้ๆกัน
ญ. ใบไม้เพียงใบหนึ่ง
ช.ญ. หล่นตอนที่เดินผ่าน
ฉันคงจะมองมัน เมื่อเธอเดินผ่านมา

ช.ญ. อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่
หมอกและควันช่วยกันพรางตา
มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา
ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่

ช.ญ. แต่เราก็หากันจนเจอ
มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา
รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า
เมื่อมีใครสักคนข้างกาย
เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง
เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ
เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่
แต่มันคงไม่ยากเกินไป
ที่ฉันจะพบเธอ


บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่

Free TextEditor





 

Create Date : 23 มีนาคม 2550    
Last Update : 2 สิงหาคม 2556 23:36:04 น.
Counter : 3604 Pageviews.  

เพชรล้านนา




ภาพจากเวบ snr.ac.th


เพลง "เพชรล้านนา" แต่งเพื่อรำลึกถึงคุณจรัล มโนเพ็ชร (ตั้งชื่อเพลงได้เหมาะดีแท้) ได้ดูเพลงนี้ในรายการ "คุณพระช่วย" เมื่อวันที่ ๕ กันยายนปีที่แล้ว ฟังครั้งแรกก็ติดหูเลย เพราะมากจริง ๆ ค่ะ คุณถนอมแต่งออกมาได้ดีมาก ๆ เอาเนื้อเพลงของคุณจรัลมาร้อยเรียงได้อย่างกลมกลืน ดนตรีก็เพราะจับใจ เสียงสะล้อ (เรียกถูกหรือเปล่าหว่า) ของครูแอ๊ดทั้งหวานทั้งเศร้าเลย คุณถนอมเป็นคนที่เสียงดีมากกกกกก รู้สึกว่าแกจะร้องเพลงนี้ได้เพราะเป็นพิเศษ (ฟังเสียงแกแล้วนึกถึงคุณทูล ทองใจจัง) คุณสุนทรีก็เหมือนกัน ใครที่ได้ดูรายการวันนั้นก็คงอดน้ำตาไหลตามเธอไม่ได้

https://www.youtube.com/watch?v=rmtlxaJiogs




เพชรล้านนา
คำร้อง-ทำนอง ถนอม สามโทน
ขับร้อง สุนทรี เวชชานนท์-ถนอม สามโทน

อุ๊ยคำคนแก่ ท่าทางใจดี
(ฮัม) หนึ่งในลานนา หนึ่งผู้ลาลับโลกไป
ผู้สร้างตำนาน เพลงเมืองเหนือฮื้ออยู่คู่ไทย
เหลือรอยอาลัย จารึกไว้ในใจผู้คน

จรัล มโนเพ็ชร
เพชรงามน้ำหนึ่ง
หนึ่งในลานนา
หนึ่งในฟ้าเมืองไทย (ฮัม)

เจ้าเอย จากไป
ฝากเพลงไว้ให้กึ๊ดเติงหา
ยอดไม้ปลายดอย
พลอยซึมเศร้าเมื่อเจ้าจากลา
เสียงเพลงก้องฟ้า
เจ้าฮ้องมาจากฟ้าสวรรค์

จรัล มโนเพ็ชร
เพชรงามน้ำหนึ่ง
หนึ่งในลานนา
หนึ่งในฟ้าเมืองไทย

ปวงดอกไม้ เบ่งบานสลอน
หมู่ภมรภู่ผึ้งสอดไซร้
ดอกฟ้าเอยก่อนเคยสดใส
คู่เวียงเชียงใหม่ลานนา

ดอกไม้เมืองช่องามเด่นฟ้า
เจ้าลาลับล่วง แล้วเหนอ

ดอกไม้เมืองช่องามเด่นฟ้า
เจ้าลาลับล่วงแล้วล่ะเหนอ

ดอกไม้เมืองเจ้างามเด่นฟ้า
เจ้าลาลับล่วง แล้วละเหนอ

ดอกไม้เมืองเจ้างามเด่นฟ้า
เจ้าเลอล้ำค่า คนเมือง





ภาพจากเวบ snr.ac.th


แม้จะจากไปนานหลายปี แต่ชื่อของ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินชาวล้านนาผู้นี้ไม่เคยลบเลือนไปจากคนไทยแม้แต่น้อย เพราะเขาเป็นผู้สร้างปรากฎการณ์ให้เพลงโฟล์คซองคำเมืองโด่งดังไปทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการรำลึกถึงการจากไปครบ ๔ ปีของเขา ทางรายการ "คุณพระช่วย" วันจันทร์ที่ ๕ ก.ย.นี้ ได้เนรมิตรฉากยิ่งใหญ่อลังการร่วมไว้อาลัยด้วย บรรยากาศแบบเมืองเหนือ โดยการนำร่มบ่อสร้างกว่า ๒oo คันมาประดับประดาเรียงรายอย่างงดงามตระการตา และที่สำคัญกับน้องรักคู่ทุกข์คู่ยากอย่าง สุนทรี เวชานนท์ รวมถึง น้องไม้ ไตรศุลี มโนเพ็ชร ลูกชายสุดรักสุดหวง, คุณบัณฑิต ฤทธิถกล ผู้กำกับที่จรัลให้ความเคารพนับถือ และ เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์ เรียกว่างานนี้ทุกคนร่วมใจมาเพื่อรำลึกถึงศิลปินผู้จากไป รวมถึงพูดถึงเส้นทางการทำงานอันเป็นที่รักของจรัล ซึ่งห้ามพลาดเด็ดขาด!!!




ภาพจากเวบ jaranmanopetch.com


แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นกับ "เก้าอี้หวาย" ที่พิธีกร ธงชัย นำมาไว้ในรายการ ซึ่งทันทีที่เห็น สุนทรีถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาไม่หยุด เพราะจำได้ดีว่าเป็นเก้าอี้ที่เธอและจรัลนั่งร้องเพลงด้วยกันมานานกว่า ๒o ปี โดยสุนทรีได้กล่าวว่า "ไม่เคยทราบมาก่อนว่าคุณจรัลยังเก็บรักษาเก้าอี้ชุดนี้ไว้ เพราะเป็นเก้าอี้ที่ใช้ในการร้องคู่เวลาเล่นคอนเสิร์ตมีอายุกว่า ๒o ปีแล้วดูจากสภาพที่เริ่มสึกกร่อนไปตามเวลา พอเห็นเก้าอี้แล้วมีความรู้สึกเหมือนเก้าอี้นั้นมีชีวิต มองเห็นภาพเก่าในอดีตที่ได้เล่นดนตรีด้วยกันย้อนกลับมาในสมอง จนกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่" ฟังแล้วเล่นเอาซึ้งไปตาม ๆ กัน




ภาพจากเวบ puansanid.com


นอกจากนี้ยังจะได้ฟังเพลง "เพชรล้านนา" แต่งโดย ถนอม สามโทน เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้แก่จรัลซึ่งไม่เคยนำไปเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน ขับร้องโดย ถนอม สามโทน กับ สุนทรี เวชานนท์ ซึ่งไพเราะและซาบซึ้ง จนทำให้ผู้ชมในห้องส่งถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ งานนี้คนที่รัก จรัล มโนเพ็ชร พลาดไม่ได้เด็ดขาด!!! รายการ "คุณพระช่วย" วันจันทร์ที่ ๕ ก.ย.นี้ สี่ทุ่ม โมเดิร์น ไนน์ ทีวี

(จากเวบ //www.newswit.com)




ภาพจากเวบ thaimtb.com


นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง นักแสดง ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัย จรัล มโนเพ็ชร เสียชีวิตกระทันหันจากการที่หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เมื่อเช้ามืดวันที่ ๓ กันยายน ปี ๒๕๔๔ ที่บ้านดวงดอกไม้ ในเมืองลำพูน
........จรัลจากไปเสมือนเขาเดินไปทำงานในสติวดิโอเพลงของเขา และไม่เคยกลับออกมา
........ข่าวความตายของจรัลในเช้าตรู่วันที่ ๓ กันยายน ปีนั้น สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ ผู้คนล้วนโศกเศร้าและรู้สึกไม่ต่างกันว่า "แสนเสียดาย"




ภาพจากเวบ oknation.net

สาดเสียงกระจายคล้ายความฝัน
เหมันต์ผ่านโรยราพืชพรรณ
เดือนฟ้าต่ำสิ้นเสียงครวญ

เว็บไซต์นี้ขออุทิศแด่ จรัล มโนเพ็ชร
อัญมณีเจิดจรัส แก้วก๊อแห่งล้านนา

เสียงเจื้อยแจ้วจาก... หุ่นไล่กา

: เพลงจรัล
มิใช่เพลง "ซึงสุดท้าย"
คือความหมายงามงดเพลงรังสรรค์
เพลงรักโลกชีวิตนิจนิรันดร์
เพลง "จรัล มโนเพ็ชร" กล่อมชีวี

โอ้...เป็นเพลงสุดซึ้งแลสุขสันต์
เพลงชีวันพริ้งเพราะเสนาะเหลือที่
เพลงพลิ้วหวานลอยล่องโอบกอดปฐพี
กล่อมฤดีกล่อมหล้ากล่อมสากลฯ

Song So Sweet
Sun So Bright
Moon Shining
River runs down to the Dream
I love you!

ห้าปีที่เนิ่นนาน
ผ่านตะวันจันทราฝัน
ยังอยู่คู่ชีวัน
ฝันเถิดฝันเพื่อชีวีที่งดงาม

ใช่! ความหวังยังคงอยู่
ให้ผู้คนเรียนรู้และไถ่ถาม
เทียวท่องไปในดินแดนคีตกาล
แม้กี่นานจักสืบสาน "ตำนานจรัล"ฯ


คารวะ+รำลึก "อ้ายจรัล มโนเพ็ชร" ศิลปินคนเพลงแห่งล้านนา
๓ กันยายน ๒๕๔๙ คราครบรอบกึ่งทศวรรษคืนสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่
แสงดาว ศรัทธามั่น + ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร + ภู เชียงดาว

(จากเวบ//www.jaranmanophet.com/



ภาพจาก บล็อคคุณก๋า


บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่

Free TextEditor





 

Create Date : 18 มกราคม 2550    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2555 14:51:11 น.
Counter : 7344 Pageviews.  

ผลงานเพลง๒

ผมรู้ดี (จังหวะสโลว์)

รู้ดีว่าคุณมีคู่แล้ว แม้แย่งดวงแก้ว
เรานี้คงพลาดแนวของชายชาตรี
ใจช้ำระทมไม่วาย
เพราะรักศักดิ์ศรีชายจึงชวดชมเทพี
โอ้ยอดรักหากชาติหน้ามี
ผมขอจองคุณนี้เป็นคู่ชีวัน
รักกันตราบฟ้าแลดินมลาย

รู้ดีว่าคุณมีเจ้าของ ถึงห้ามใจปอง
ตาผมยังคอยจ้องเพราะคุณสะกดใจ
งามเหมือนจะพรรณนา
แม้ปวงเทพธิดาก็ไม่งามเทียบได้
โอ้ยอดรักถ้าเกิดชาติใด
ผมขอจองคุณไว้เป็นคู่ชีวัน
รักกันตราบนิรันดร์เอย





ผมน้อยใจ (จัวหวะสโลว์)

มองฟ้ายังเจอะดาว
บางคราวก็เจอะเดือน
ผมมองคุณกลับเบือน
หลบเลือนลืมสัมพันธ์ที่ก่อนมี

มองน้ำยังเจอะปลา
มองนัยน์ตายังเจอะไมตรี
โถคุณก็สวยดี
มองหาไมตรีไม่เจอะเลย

คุณคงมีเพื่อนใหม่
พบเพื่อนเก่าจึงได้ทำเฉย
ผิดนิดผมยังไม่เคย
คุณมาละเลยให้ผมน้อยใจ

มองฟ้ายังเจอะดาว
วับวาวพราวไสว
รักมาแปรเปลี่ยนไป
รู้ไหมผมน้อยใจอยู่ทุกวันคืน





พี่รักเธอคนเดียว (จังหวะโบเลโร่)

นวลอนงค์อ่าองค์โสภา
ที่ยิ้มนั่นหนาฉันอยากรู้ว่านามใด
กรุณาอย่าปิดบังใจ
เมตตาเผยวาจาให้พี่ซาบซึ้งในฤดี

จอมนงรามโปรดอย่าหมางเมิน
ช่วยชี้ช่วยเชิญให้พี่หายเก้อเขินที
บุญบันดาลหรอกหนาเทพี
เจอะกันครั้งเดียวเท่านี้เหมือนไมตรีมีนาน

ชาติก่อนนี้คงได้ร่วมบุญ
ทั้งการุณเกื้อกูลตลอดกาล
มาชาตินี้จึงได้แผ้วพาน
สมานไมตรีแนบตรึงซึ้งฤทัย

จอมดวงใจโปรดได้หันมา
พี่รักดอกหนาใช่ว่าเซ้าซี้กวนใจ
จงฟังคำพี่สัญญาไว้
ตราบดินฟ้ามอดมลายพี่ขอรักเธอคนเดียว





พี่รักวสันต์ (จังหวะโบเลโร่)

พี่รักวสันต์ ใจที่ฝันคนึงถึงเจ้า
ป่านนี้น้องคงหมองเศร้า
ขวัญเจ้าอยู่เดียวดาย
หยาดฝนเย็นเหมือนเป็นน้ำสังข์เสี่ยงทาย
ให้เราสองรักร่วมตาย
เมื่อวสันต์กรายเคยได้คลอเคล้า

ยิ่งคิดคนึงหวน
เสียงลมครวญดังเสียงชวนของเจ้า
ยิ่งกอดกระซิบรำพึงแผ่วเบาๆ
ฟ้าคะนองสองเรายังพร่ำพรอดกัน
ขอให้พี่รักจริงยอดหญิงเพ้อรำพัน
สองเรารักมั่น วสันต์กรายคือวิมาน
เราร่วมวิญญาณ
ดวงใจและดวงมาลย์สาบานรักกันจนตาย





พี่รักเธอไม่คลาย (จังหวะวอลท์ซ)

ถึงอย่างไรพี่ยังรักเธอไม่คลาย
ตราบชีพนี้วอดวายเป็นเถ้าถ่าน
ก็จะขอรักจะขอรักด้วยวิญญาณ
แทรกสายลมโชยผ่าน
เคล้าเคลียนงคราญไม่ห่างไกล

สายลมพริ้วจูบเธอมิใช่อื่นใด
โปรดจำไว้นั่นคือลมจูบจากพี่
เป็นสัญญาว่ารักด้วยจิตใจภักดิ์ยิ่งชีวี
พี่ขอเพียงไมตรีแม้เพียงธุลีก็ชื่นใจ





พรุ่งนี้ (จังหวะควิ๊กวอลท์ซ)


คืน วัน ผัน เวียน
เฝ้าเปลี่ยนหมุนไปแต่ความหวังไม่หมุนมา
คอยจนเศร้าอุรา
ไม่เวทนาบ้างหรือไรปล่อยให้ตรม

ใจ เรา ยัง คง
จอดจิตซื่อตรงเฝ้าพะวงหมายชื่นชม
หวังคลายดังสายลม
เศร้าระทมเพราะว่าเธอบิดแชเชือน

บุญเราไม่มีพอ
เฝ้าคอยรอเหมือนรอเดือน
ใช่คืนแรมไฉนไม่เยือน
ร้างราเลือนให้เศร้าทวี

คืน วัน ผัน เวียน
เฝ้าเปลี่ยนหมุนไปแต่ความหวังไม่เห็นมี
รอคอยวันพรุ่งนี้
สุขคงมีรักคงมาเคียงคู่ใจ





พ่อจ๋า (จังหวะสโลว์-แมมโบ้)

พ่อจ๋า หนูรักพ่อยิ่งกว่าใคร
รักด้วยใจ สมบูรณ์ไปด้วยศรัทธา
หนูรักพ่อดังศาสนา แม้ชีวาก็ไม่รักเทียมเท่า

พ่อจ๋า ถึงเรายากจน
อย่ากังวลทุกข์ไปให้ใจเศร้า
จนเงินนั้นมันเรื่องเบา
ไม่ควรเศร้าเพราะไม่จนใจ

หนูอยู่เคียงพ่อ
หนูไม่ท้อขอให้พ่อนำไป
มือเรามีพลังจากใจ
ต่อสู้เรื่อยไปนะจ๊ะพ่อจ๋า

พ่อจ๋า หนูรักพ่อยิ่งกว่าใคร
รักด้วยใจสมบูรณ์ไปด้วยศรัทธา
หนูรักพ่อยิ่งกว่าฟ้า
และพสุธามารวมกัน





พิศวาสวาย (จังหวะวอลท์ซ)

ฉันรักเธอด้วยพิศวาสไม่ขาดหาย
แม้ว่าเธอพิศวาสวายคลายจากฉัน
ก็จะรักแต่เธอเสมอชีวัน
เพราะรอยจารึกรักนั้นไม่มีวันเลือนได้

ฉันเป็นสุขใจที่ปล่อยเธอไปให้สมปรารถนา
เพราะได้คิดว่าให้เธอมีสุขให้มีความแจ่มใส
ได้เห็นคนรักของตนเป็นสุขนั้นสุขเหนือสิ่งใด
ฉันสละเธอไปเพราะฉันรักเธอมากเหลือเกิน





เพื่อเธอคนเดียว (จังหวะสโลว์)

(ญ) ฉันมีใจเดียว รักเธอคนเดียว ไม่เหมือนใคร
จากไปหนใด ซื่อตรงต่อเธอ ยอดปรารถนา
เพื่อเธอคนเดียว เพื่อเธอคนเดียว อยู่ทุกเวลา
ฉันรักเธอเท่าฟ้า ฉันรักเธอเท่าฟ้า ไม่เปลี่ยนใจ

(ช) ฉันมีใจเดียว รักเธอคนเดียว ไม่เหลือให้ใคร
มอบจิตและใจ ตราบจนวิญญาณ ให้กับเธอ
เพื่อเธอคนเดียว เพื่อเธอคนเดียว เพื่อเธอ เพื่อเธอ

(คู่) ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ นิรันดร (ทุกวันคืน)





ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ (จังหวะวอลท์ซ) พระราชนิพนธ์ ร.๖

ชนใดไม่มีดนตรีกาล
ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ
เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์
ฤาอุบายมุ่งร้ายฉมังนัก
มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี
แหละดวงใจย่อมดำสกปรก
ราวนรกเช่นกล่าวมานี่
ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้
เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ





เมียแก้ว (จังหวะสโลว์)

เมียเอ๋ย เมียแก้ว
บุญของพี่จริงแล้วได้เธอเป็นขวัญเรือน
เธอเป็นทั้งเมียและเพื่อน
สูงค่ากว่าหญิงสวยเกลื่อนที่เห็นกันอยู่ทั่วไป

เมียเอ๋ย เมียแก้ว
อันเพชรพลอยเพริดแพร้วเทียบเธอยังไกลแสนไกล
เธองามพร้อมไปทั้งกายและใจ
น้ำคำที่เธอปราศรัยชื่นหัวใจกว่าทิทพ์วารี

ยามใดที่ได้เจ็บช้ำ
เธอก็เฝ้าคอนพร่ำปลอบโยนให้หายทุกที
คุณธรรมและความดี
ยากจะมีหญิงอื่นเทียมทัน

เมียเอ๋ย เมียแก้ว
เธอเป็นขวัญใจแล้วยากจนไม่สำคัญ
มีเธอเหมือนมีแก้วสารพัน
อันแก้วเจ็ดประการนั้นค่าของมันด้วยกว่าเธอ





เมื่อวานนี้ (จังหวะสโลว์)

เมื่อวานนี้เรายังดีกันอยู่
เหตุใดไม่รู้หลงเคืองกัน
ฉันเองหัวใจได้แต่งงงัน
เธอโกรธฉันด้วยเหตุใด

ผิดไปสักนิดแม้คิดอภัยหน่อย
อย่าเพิ่งใจน้อยคอยดูใจ
สัญญาของเธอนั้นว่าอย่างไร
ไม่อภัยเจียวหรือคุณ

โกรธกันนั้นมันง่ายจริงนา
สบตาแล้วก็พากันเก้อ
เหินห่างดังไม่เคยเจอ
พึมพำพร่ำเพ้อแล้วก็ตัดไมตรี

ประโยชน์อะไรเห็นใจกันดีกว่า
อภัยเถิดหนาอย่างงอนซี
หันมายิ้มกันเสียหน่อยคนดี
แล้วจะให้จูบนี้แก่เธอ





เมื่อคืนนี้ (จัวหวะสโลว์)

เมื่อคืนนี้คนดีจองพี่ไม่งอน
น้องยังด้อนออดชิดชมให้พี่สุขสมวิญญา
หวานล้ำเกินจะพรรณนา
หวานที่เธอมอบมาช่างหวานซี้งใจ

แต่เวลานี้ใยน้องหมางเมินไปเล่า
รู้ใจพี่บ้างหรือเปล่าว่าเจ็บรวดร้าวเพียงใด
พี่พลั้งหรือผิดอย่างไร
น้องควรให้อภัยอย่ารีบด่านตัดไมตรี

คำโบราณว่าปราชญ์
ที่เก่งกาจก็ยังพลาดอยู่ดี
โธ่ตัวพี่แค่นี้
จะไม่มีพลั้งเลยเชียวหรือแก้วตา

เมื่อคืนนี้คนดีของพี่น่ารัก
พี่เองยังได้ประจักษ์ว่าน้องน่ารักทุกเวลา
คืนนี้พี่ให้สัญญา เว้นดาวเดือนบนฟ้า
มอบนั้นพี่มอบให้เธอ





แม้ทะเลยังคร่ำครวญ (จังหวะวอลท์ซ)

แม้ทะเลยังครวญคร่ำ
ฟังคลื่นซัดร่ำดังเสียงโหยไห้
โอ้เราจะทำฉันใด
หมองไหม้มิวายเว้นวัน
กรรมเวรไม่แปรผัน
ตามทันให้เศร้าาะทม

(ฮัม) แม้จันทร์กระจ่าง
(ฮัม) แต่สองเราตรม
โอ้ความหวังเหมือนสายลม
เหลือข่มให้ใจหายครวญ
ทะเลก็ยังกำสรวญ
เราคงครวญอยู่มิคลาย





ยอดอนงค์ (จังหวะวอลท์ซ)

ยอดอนงค์ ดอกฟ้าลอยมา จากสรวงสวรรค์
เหมือนปาริชาติ เฉิดฉัน ทุกเวลา
ยอดอนงค์เจ้าเอย งามสุดเปรียบเปรย
กับหญิงใดในหล้า งามสมควรค่า
ว่ายอดอนงค์

ยอดอนงค์ น่ารักแกล้วกล้า เด่นกว่าหญิงใด
สวยงามฉลาด แจ่มใส ทั้งใจมั่นคง
หยิ่งในเกียรติของตน ลำบากก็ทน ไม่ท้อพะวง
งามของยอดอนงค์ ล้ำเลิศยิ่งกว่า
ยอดเยาว์มาลย์





ใยเธอไม่รักฉัน (จังหวะสโลว์)

ย่อมเห็นแก่ตาและรู้กันดี
ว่าในโลกนี้มีของคู่กัน
กลางวันก็มีสุริยัน
กลางคืนก็มีสุริยัน
โลกสร้างสรรค์ไว้เหมาะสมหนักหนา

เมื่อมีฟากฟ้าเวหาอำไพ
ก็สร้างคู่ไว้คือมหาธาราฃ
เมื่อมีแมกไม้ระยำตา
ก็มีหมู่แมลงนั้นมา
เคล้าคู่สู่สมภิรมย์สุขใจ

มาคิดถึงเธอที่ฉันหมายมั่น
ก็ให้งงงันเรื่อยไป
เธอหมางเมินไม่มองจ้องเกลียดทำไม
ให้ใจจิตฉันเฝ้าแต่กังวล

ก็เห็นก็รู้ว่าหญิงกับชาย
ต้องเป็นคู่หมายหลีกกันไม่พ้น
ถึงแม้วว่าฉันนี้จน
จะเอ็นดูรักสักคน
คงได้กุศลผลบุญมากมาย





ระฆังทอง (จังหวะวอลท์ซ)

กล่อมเอยหัวใจ
ลอยล่องไปยังทิพย์วิมาน
ครองเรือนหอสำราญ
ทิพย์สถานพิมานทอง

กล่อมเอยเสียงระฆัง
แว่วหวานดังเพลงทิพย์หวานก้อง
นอนเถิดหนอนวลน้อง
ระฆังทองกล่อมให้ภิรมย์

วิญญาณล่องลอยสมสู่
ชื่นชูแนบเนื้อชิดชม
เย็นละลิ่วแรงลม
สวาทประพรมเคล้าเสียงระฆัง

กล่อมเอยคู่วิวาห์
ร้อยด้วยมาลาผูกหอเวียงวัง
พรทั่วทิศไหลหลั่ง
มนต์น้ำสังข์สร้างวังสวาทเอย





เริงละลม จังหวะโบเลโร่

ฟ้าเผยม่านทองรังษีผ่องพราวพรรณ
บัวแย้มรับตะวันบึงน้ำลิ่วจรดขอบฟ้า
ร่มไม้ไทรปกโพระดกจำนรรจา
พุ่มพฤกษ์พนาอ้าละลม

ละลมไพศาลบึงน้ำผ่านประโคม
บัวน้อยอ้อยอิ่งจมสายลมจูบโขดผา
ไผ่เสียดสีดอเหมือนล้อเพลงรักภุมรา
ม่านทองเผยฟ้าอ้าละลม





เรือนแพ (จังหวะสโลว์)

เรือนแพ
สุขจริงอิงกระแสธารา
หริ่งระงมลมพริ้วมา
กล่อมพฤกษาเพียงว่าดนตรี

หลับอยู่ในความรัก
รับความชื่นชั่ววันและคืนฉะนี้
หมู่ดอกไม้รัญจวนหอมอบอวลยวนยี
สุดที่จักพรรณนา

เรือนแพ
ล่องลอยคอยความรักนานมา
คอยน้ำค้างกรุณา
หยาดมาจากดาราแหล่งสวรรค์

วิมานน้อยลอยริมฝั่ง
ถึงอ้างว้างเหลือใจรำพัน
หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกัน
ชีวิตกลางน้ำสุขสรรค์
โอ้สวรรค์ในเรือนแพ





รักแท้ (จังหวะโบเลโร่)

รักแท้นั้นไม่มีพรมแดน
สองแขนที่ฉันโอบเธอ
จึงเชื่อได้มั่นคงเสมอ
ว่าฉันรักเธอทุกทิวาราตรี

รักแท้นั้นไม่มีพรมแดน
สองแขนก็คือไมตรี
ที่จะสร้างแต่คุณความดี
ให้สองชีวีรักกันจนวันตาย

ขอเพียงให้เธอสุจริต
ขอเพียงให้คิดถึงจุดหมาย
ว่าความรักนั้นเฉิดฉันพรรณราย
รักแล้วอย่าหน่ายอย่าแหนงจากกัน

รักแท้นั้นไม่มีพรมแดน
สองแขนนี้คือสายสัมพันธ์
ให้กายใจเป็นสุขทุกวัน
เพราะฟ้าดินนั้นเห็นใจความรักเอย





รักข้ามขอบฟ้า (จังหวะสโลว์)

รักกันอยู่ขอบฟ้าเขาเขียว
เสมือนอยู่หอแห่งเดียวร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียวตาต่อกันนา
เสมือนขอบฟ้ามาป้องป่าไม้มาบัง

บังรักกันอยู่ข้ามขอบฟ้า
ส่งใจมาแจ่มจีรัง
เขาเขียวป่าเปลี่ยวบัง
เสมือนห้องครองรักเดียว

ชังกันผันพักตร์แล้ว
เนตรงามแผ้วหรือแลเหลียว
โอ้ฟ้าป่าทิวเทียว
มาพรากให้ไกลจากกัน





รักในยามยาก (จังหวะสโลว์)

(ญ) หวั่นดวงใจไม่วายหมองเศร้า รักเจ้ามารุมเร้าให้เรานี้เศร้าหมอง
(ช) อย่าคิด (ญ)จะคิด
(ช) อย่าข้อง (ญ)จะข้อง
(ช) ชอบคิดชอบข้องให้หัวใจหมองหม่นไปทำไม
มาเข้าใจกันรักกันให้สุขสม จงอย่าทุกข์ไปเลย
(ญ) หวั่นดวงใจจนเหลือเอ่ย เพราะเราไม่เคยจึงเฝ้าหวั่นอุรา
(ช) อย่าคิด (ญ) จะคิด
(ช) อย่าข้อง (ญ) จะข้อง
(ช) เชื่อนิดเถิดหนา มารักกันดีกว่า ขวัญตามาเถิดนงราม
รักกันในยามยากคุณอย่าหมองเศร้าใจ
(ญ) สองเรา (ช)สองเรา
(ญ) รักกัน (ช)รักกัน
(ญ) ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง (ช) ไม่มีวันเปลี่ยนไป
(ช) มั่นใจ (ญ) มั่นใจ
(ช) เชื่อใจ (ญ) เชื่อใคร
(ช) อ้าว... (ญ)โอ้ใจมิวายจะคิดเศร้า
(ช) อย่าคิด (ญ) จะคิด
(ช)อย่าข้อง (ญ) จะข้อง
(ช) ชอบคิดชอบข้องให้หัวใจหมองหม่นไปทำไม
รักกันในยามยากนั่นคือรักแท้





รักไม่มีพรมแดน (จังหวะโบเรโล่)

ยอดรัก ฉันนี้ยังรักเธอ
รักเธออยู่เสมอทุกคืนวัน
ไม่มีใครจะอยู่ภายในใจฉัน
มั่นคงนิรันดร์เทียบทันเท่าเธอเลย

ฟ้าและดินไม่สิ้นแสงทองส่องมา
โอ้ความรักและศรัทธาไม่จากแก้วตาหรอกอกเอ๋ย
รักของเราไม่มีพรมแดนใดๆกั้นเลย
จึงขอเอื้อนเอ่ยว่ารักเธออยู่ทุกวัน

ยอดรัก ฉันนี้ยังรักเธอ
เพราะเธอ เพราะเธอมีค่ายิ่งกว่าตัวฉัน
เธอเป็นเจ้าของความรักมั่น
เคยช่วยชีวิตฉันให้สุขสันต์ชื่นเชย

ฟ้าแหละดินไม่สิ้นแสงทองส่องมา
โอ้ความรักและศรัทธาไม่จากแก้วตาหรอกอกเอ๋ย
รักของเราไม่มีพรมแดนใดๆกั้นเลย
จึงขอเอื้อนเอ่ยว่ารักเธออยู่ทุกวัน





รักคนที่เขารักเรา (จังหวะวอลท์ซ)

รักคนที่เขารักเราดีกว่า
ไม่ต้องมาเสียเวลาคอยงอนง้อ
ยามจะกินจะนอนเขาคงออดอ้อนพนอ
เฝ้าเคล้าคลออยู่เคียงไม่ห่างไกล

รักคนที่เขารักเราดีกว่า
ไม่ต้องมาพะวงจนหลงใหล
คนที่เรารักมักทำให้ช้ำดวงใจ
หม่นฤทัยเข็ดกลัวไปจนตาย

รักคนที่เขารักเราดีกว่า
สุขอุราดีกว่าเป็นไหนๆ
มีแต่ความรื่นรมย์หมายชมภิรมย์กายใจ
สุขฤทัยดั่งใจเราปรารมภ์





รำพึง-รำพัน (จังหวะสโลว์)

โอ้ฉันทุกวันเฝ้ารำพึง
หลงรักนวลนางหนึ่งงามสุดซึ้งตรึงใจ
สวยเอยเลอลักษณ์ยิ่งนางใด
เลิศลักษณ์ไฉไลเกินหญิงใดในหล้า

เฝ้าเพ้อละเมอถึงกานดา
หรือเธอเป็นนางฟ้าแปลงร่างมาให้ชม
สวยเอยเลอลักษณ์น่านิยม
โอ้เราเหลือข่มให้ใจใฝ่ปอง

หลงรักนวลอนงค์
ลุ่มหลงเฝ้าพะวงถึงนวลน้อง
ใจเฝ้าใฝ่ปองจนจิตหมองหม่นไหม้ชอกช้ำ
วาสนาของข้าฯนี้คงต่ำ

เฝ้าหลงเพ้อครวญคร่ำ
เช้าค่ำทุกเวลา
น้อยหรือไม่เห็นเวทนา
เพียงแต่ใบหน้าเธอไม่หันมามอง





รำพึงสวาท (จัวหวะสโลว์)

เกิดมาเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก
จำทนสู้ความยากเหมือนน้ำท่วมปากลำบากใจทน

ยากเย็นไฉนฝืนใจซ่อนโศกหมองหม่น
เจียมคำจำอดทนงำไว้ไม่บ่นต้องทนอัดอั้นเรื่อยไป

รักหนักอุราทนเจียมใจมิกล้าเอ่ยความใน
คิดไว้ในใจเก็บซ่อนไว้เหมือนไฟที่สุมอุรา

สุดเอ่ยถ้อยคำเหลือช้ำจึงหลั่งน้ำตา
อาภัพอับปัญญาสุดเผยวาจาน้ำตาหลั่งแทนถ้อยคำ





ลาจาก (จัวหวะสโลว์)

สักรวาฟัฟงเพราะเสนาะเหลือ
มิรู้เบื่อบทกลอนอาวร ณ์หวัง
อันวาจาลาไปแต่ใจยัง
เป็นห่วงหลังจำลาสุดอาลัย

เสียดาย (เอย) เสียดายแสงเดือน
เสียดายว่าจะเลือนลาลับแล้ว
ในใจมัวหมองไม่ผ่องแผ้ว
ในใจนั้นไม่แคล้วครรไลลาเจียวหนาในใจ

เห็นว่าดึก เห็นว่าดื่น
คิดๆจะคืน คืนครรไล
จำจิตจำใจ จำจากจำไกลเลยเอย





เลิกเมินพี่นะ (จังหวะโบเลโร่)

เขาเมินไม่มองเราแล้ว
เหมือนแก้วแววฟ้าหลุดมือ
เขาไม่เห็นจิตและใจ
ว่าใครจะซื่อเท่าเราเลยหรือ

เขาเมินไม่มองเราช้ำ
ทิ้งคำที่เคยพูดไว้
แม้ดินฟ้ามอดมลายไม่ขอเปลี่ยนไป
มอบรักให้พี่ครอง

น้องมีรักใหม่เพราะใจแค้น
รักจะแน่นเหนียวนั้นพี่ยังข้อง
แก่นรักเกิดจากใจภักดิ์ใช่ใจปอง
ขอให้นวลน้องคิดดู

เลิกเมอนกลับมองพี่นะ
แล้วจะรับขวัญยอดพธู
ขอมอบทั้งจิตกายใจให้กับโฉมตรู
ดุจทาสคู่บุญเอย





แววมยุรา (จังหวะแมมโบ้)

ลีลาดุจนางหงส์
ไม่ว่าใครหลงเธอไม่สร่าง
น่ารักไปทั่วสรรพางค์
นามนวลนางคือแววมยุรา

รักนวลสงวนศักดิ์หงส์
ไม่เคยลุ่มหลงคำหวานชายมากหน้า
อ่อนน้อมเจียมใจอยู่ทุกครา
แววมยุราไฉไลจริงเจียว

ใจกับปากตรงกัน
ซื่อตรงคงมั่นใจเดียวรักเดียว
แววมยุรายึดเหนี่ยว
ศักดิ์หญิงสิ่งเดียวนั้นเป็นยอดบูชา

แม้บุญพี่มีกับเขา
จะขอเป็นเงาตามหลังแววมยุรา
มั่นคงรักเธออยู่ทุกครา
แววมยุราได้โปรดเห็นใจ





ศรีมาลายอดหญิง (จังหวะแมมโบ้)

งามแท้นงพงา
โอ้ศรีมาลายอดหญิงของพี่
ไม่เพียงงามเหมือนเทพเทพี
หรือมีจริตอย่างหญิงทั่วไป

แม่งามเพียบพร้อม
นอบน้อมและมีน้ำใจ
ซื่อตรงรักเดียวเรื่อยไป
หาที่ไหนยอดหญิงเช่นนี้

งามล้ำน้ำใจ
ไม่เห็นหญิงใดเทียบแม้ธุลี
เจ้างามพิมพ์ซึงใจพี่
ศรีมาลาของพี่คนนี้นี่นา

พี่ผิด เจ้าอภัย
ด้วยใจล้ำความกรุณา
พี่รัก รักเธอเท่าฟ้า
ศรีมาลายอดหญิงพี่เอย





ศรีปราชญ์ (จังหวะสโลว์)

ช้ำฤดีศรีปราชญ์เอย
สละชีพสังเวยความรัก
อาลัยด้วยใจห่วงนัก
หวั่นรักจักเลือนเหมือนธุลีล่องลม

คิดถึงสายสวาทเรียม
อกเกรียมใจของเรียมเหลือข่ม
น้ำตาแห่งความระทม
ท่วมถึงถิ่นพรหมท่วมทั้งยมโลกไกล

เสียงลมพี่ผวา
เสียงฟ้าคือข้าฯสะอื้นอาลัย
เสียงนทีคือพี่ร้องไห้
เสียงเรไรคือเสียงใจข้าฯรำพัน

ธรณีนี่นี้เป็นพยาน
ข้าฯถูกประหารลาญใจหวั่น
ใครทำก่อกรรมข้าฯนั้น
ดาบนั้นจักพลันคืนสนองแน่เอย





สเวตเตอร์สีแดง (จังหวะสโลว์)

เพราะรักเพราะหวงเท่าดวงใจ
จะไปหนใดพี่คอยระวัง
จะมีเขากั้นขอบฟ้าบัง
ก็ไม่อาจยั้งให้พี่ห่วงเธอ

แต่น้องของพี่
ไม่เคยปราณีปล่อยพี่เพ้อเก้อ
ไม่เคยเห็นใจปล่อยให้ละเมอ
จากไปเหลือเพียงสเวตเตอร์สีแดง

สีแดงแกล้งให้ข้ำใจใช่ไหมแก้วตา
สเวตเตอร์สีแดง
เปรียบดังแสงทองให้พี่ศรัทธา
จะนานแสนนานเฝ้าคอยหา

ตราบฟ้าตราบดินสลายสิ้นลง
พี่คงรักเธอเท่าใจ
พี่คงรักเธอเรื่อยไป
จะสิ้นใจก็ไม่ลืมน้องเลย




สะใบแพร (จังหวะสโลว์)

สใบน้องแทนกาย
หอมมิวายคลายกลุ้ม
หอมกระถินกลิ่นประทุม
ดั่งไฟรุมซุมทรวงห่วงหา

สะใบเจ้าเอ๋ยแทนกาย
หอมมิวายคลายค่า
ทุกค่ำคืนกลืนน้ำตา
ปวดอุราเพราะเจ้าของสะใบ

รักคนที่เขาไม่รักเรา
จึงต้องเฝ้าเคล้าแต่สใบ
แสนสุดระทมใจ
โอ้สะใบขอให้เจ้าเป็นพยาน

อกข้าฯนี้คงต้องร้าวรานฃ
ทรมานทุกวันคืน
แม้ชีวิตจะขมชื่น
ข้าฯทนฝืนยอมรับเพียงสะใบแพร





สุดฟากฟ้า (จังหวะวอลท์ซ)

สุดฟากฟ้าแสนไกล
ถ้าแม้นได้รักกัน
สุดฟ้านั้นสั้นนักยามรักรำพึง

ยิ่งสายลมแสงเดือน
เตือนรักให้คนึง
ยิ่งนึกถึงความหลังและคำสัญญา

ถึงสิ้นดินแหละฟ้ามหาสมุทร
รักเราาไม่สิ้นสุดเสน่หา
จะอยู่ยงคู่เคียงดินและฟ้า
ด้วยศรัทธาสองเราคงมั่น

สุดฟากฟ้าแสนไกล
ถ้าแม้นได้รักกัน
สุดฟ้านั้นสั้นแท้แพ้ความรักเราเอย





สุดที่รัก (จัวหวะสโลว์)

สุดที่รักเอย
คำนี้ผมเพิ่งเคยจะเอ่ยกับคุณ
โปรดได้เห็นใจการุณ
เพราะรักคุณท่วมท้นอุรา

สุดที่รักเอย
คำนี้ผมเพิ่งเคยจะเอ่ยออกมา
โปรดได้เห็นใจเมตตา
รักคุณดอกหนาจึงกล้าเผยวจี

คุณอย่ามัวพะวง
ใจผมมั่นคงแน่ไม่แปรเปลี่ยนล้างไมตรี
อันภูเขาหรือท้องนที
กั้นรักนี้ไม่มีวันกั้นได้

สุดที่รักเอย
คำนี้ผมมิเคยจะเอ่ยกับใค
เพื่อคุณผมจึงมอบให้
ทั้งใจและวิญญาณรักที่ซื่อตรง
กับคุณผมจึงสยบเพราะพบกุลสตรีที่ดีเช่นคุณ





เสียสละรัก (จังหวะวอลท์ซ)

ฉันรักเธอจึงยอมให้เธอไปแต่งงาน
เพราะชีวิตหญิงมิได้ผ่านจะเสียศรี
ฉันยังไม่พร้อมแม้แสนจะรักก็ต้องยอมพลี
เพื่อให้เธอมีศรีศักดิ์สลักใจ

เพราะมีบุญน้อยจำพลอยเสียสละเธอทั้งน้ำตา
ขอชาติหน้าจะเข้าวิวาห์กับเธอให้ได้
ชาตินี้รักเธอชาตินี้รักเธออย่างจริงใจ
ฉันจึงยอมให้เธอไปแต่งงานสราญสุขเอย





หลับไม่ลง (จังหวะสโลว์)

คิดถึงความรักแล้วหลับไม่ลง
จิตใจพะวงว่ารักจะเป็นอื่น
เพราะสายน้ำยังไหลกลับ
อาทิตย์ยังลับในค่ำคืน
แล้วรักจะยืนอยู่ได้อย่างไร

คิดถึงความรักแล้วหลับไม่ลง
หวั่นใจพะวงอดคิดไม่ได้
เพราะความรักเหมือนสายลม
เลือกพริ้วไปตามใจ
แล้วจะเชื่อรักได้อย่างไรกัน

ความรักจากปากหญิง
บอกจริงๆว่าชายทั้งโลกงงงัน
ยามเธอรักใจภักดิ์ผูกพัน
สรวงสวรรค์ยังเอียงอายพ่ายต่อเธอ

คิดถึงความรักแล้วหลับไม่ลง
หวั่นใจพะวงว่าชาตินี้จะเก้อ
เพราะเราค่นแค้นจนยาก
ถ้อยคำรับรักจากปากเธอ
คงทำให้เราเพ้อไปคนเดียว





หนึ่งในร้อย (จังหวะสโลว์)

พราวแพรวอันดวงแก้วแวววาม
สดสีงามหลายหลากมากนานนิยม
นิลกามุกดาบุษราคำคม
น่าชมว่างามเหมาะสมดี
เพชรน้ำหนึ่ง
งามซึ้งเป็นยอดมณี
ผ่องแผ้วสดสี
เพชรดีมีหนึ่งในร้อยดวง

ความดีคนเรานี่ดีใด
ดีน้ำใจที่ให้แก่เราทั้งปวง
อภัยรู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บทรวงหน่วงใจให้รู้ทน

รู้กลืนกล้ำ
เลิศล้าความเป็นยอดคน
ชื่นชอบตอบผล
ร้อยคนมีหนึ่งเท่านั้นเอง





หากรู้สักนิด (จังหวะสโลว์)

หากฉันรู้สักนิดว่าเธอรักฉัน
หากจะบอกกันสักนิดสักหน่อย
จิตใจฉันที่เคยเลื่อนลอย
ความโศกเศร้าสร้อยคงคลายจากไป

หากฉันรู้สักนิดว่าเมตตาฉัน
แต่แรกเจอะกันคงพ้นหมองไหม้
สุขสนองด้วยรักครองฤทัย
ชื่นจิตชื่นใจรักร้อยเรียงวิญญาณ

ฉันไม่กล้าบอกเธอก่อน
ความอายสะท้อนอุรา
จะรักก็บอกก่อนเถอะหนา
กระซิบเบาๆก็จะเป็นพระคุณ

หากฉ้นรู้สักนิดว่าเธอรักฉัน
ก็คงสุขสันต์ไม่ว้าไม่วุ่น
ดุจมวลไม้ได้ละอองแห่งพิรุณ
เพิ่งจะมีบุญเพราะกระซิบรักจากเธอ





อนิจจาความรัก (จังหวะสโลว์)

อนิจจาความรัก
เพิ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่เชี่ยวเป็นเกลียวไป
ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา

สตรีใดในพิภพจบแดน
ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้าฯ
ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา
คงมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิจ

โอ้ว่าเสียดายตัวนัก
เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิต
จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ
เมื่อหลงคิดผิดแล้วจะโทษใคร

อนิจจาความรัก
เพิ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา





โอ้-รัก (จังหวะสโลว์)

โอ้ว่าความรัก
พึ่งประจักษดั่งสายน้ำไหล
นับวันไหลเอื่อยเรื่อยไป
ที่ไหนจะหวลกลับมา

พร้ำเพ้อเหม่อเลื่อนลอย
เฝ้าคอยสอยดอกฟ้า
อกเอ๋ยอนิจจา
ตรมอุราน้ำตาตกใน

รักเอยรสอมฤต
แทรกพิษผลาญจิตเพียงปะรลับ
ดวงใจทั้งดวงทูนให้
กลับพรากไปขยี้แหลกลาญ

เฝ้าชะแง้แลหา
ดอกฟ้าก็ไม่สงสาร
โธ่เอ๋ยสู้ซมซาน
ทรมานขมขื่นคืนวัน
(จากละคร "ขุนศึก" ของ ไม้เมืองเดิม)





เพลงของวง The Impossible ที่ครูแจ๋วแต่ง

เจ้าพระยา

โอ้ชีวิตเป็นสุขล้ำเมื่อเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา
นับเป็นบุญและวาสนาที่ได้เกิดมาใกล้แม่น้ำนี้
เจ้าพระยาให้ความร่มเย็น เหมือนดังเป็นเส้นเลือดน้องพี่
ให้ความสุขทั้งไพร่ผู้ดี เป็นมหานทีเป็นมหาน้ำใจ (เห่)
เจ้าพระยาให้ความรัก ซึ้งสลักไปทั่วเมืองไทย
รักเจ้าพระยายิ่งสิ่งใด หน่มสาวไทยรักเจ้าพระยา (เห่)





ลำนำรัก

ความรักเหมือนกับบทเพลง ที่บรรเลงกันอยู่เรื่อยมา
มีทั้งความหวาน ชื่นระรื่นอุรา และเศร้าหนักหนา ซึ้งสะเทือนใจ
ความรัก คือเพลงธรรมชาติ พิไลพิลาส อานุภาพยิ่งใหญ่
ปลุกหนุ่มปลุกสาว ให้มีพลังใจ เพื่อทำให้โลก มีชีวิตชีวา





เริงสายชล

โลกนี้เป็นของเรา อย่าเหงาเศร้าดวงใจ
มาเริงสายชลไป จะสุขใจและชื่นบาน
เกลียวคลื่นและสายลม พร่างพรมให้ซาบซ่าน
แสงแดดงามตระการ สาวสคราญหนุ่มเริงใจ

แมกไม้ทั้งสองฝั่ง งามสะพรั่งเขียวสดใส
นกน้อยลอยลมไป เราสุขใจเริงสายชล

เกลียวรักกระชับแน่น สองแขนถูกเวทย์มนต์
โอบกระชับกลางสายชล เราทุกคนสุขสราญ





ล่องวารี

ล่องเรือไปตามล้ำน้ำ ชุ่มชื่นฉ่ำทั้งกายและใจ
ทิวทัศน์สองฝั่งเจิดวิไล มีเรือน้อยใหญ่ลอยไปมา

โน่นเรือไฟ เรือไอ เรือจ้าง นั่นเรือว่าง ลอยกลางท้องธารา
หมากพลู มะพร้าว จำปี จำปา เราท่องธารา ชมสวนงาม

(ดนตรี) เอ้าฮ้า ไฮ้ เชี้ยบ เชี้ยบ เชี้ยบ เชี้ยบ

ล่องเรือไปตามวารี ทุกนาทีมีความสุขตาม
เสียงความรักลอยลมถาม หนุ่มสาวใจงาม จะล่องเรือไปไหน

(เพลงเจ้าพระยา ลำนำรัก เริงสายชล และล่องวารี ใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องหนึ่งนุข เรียบเรียงโดย นิรศร์ ทรัพยะประภา บันทึกเสียงที่ห้องบันทึกเสียงกมล สุโกศล ถนนสาทรใต้ ในปี ๒๕๑๔)





หาดสีทอง

หาดทรายสีทอง เรืองรองดั่งทองธรรมชาติ
ช่างงามสะอาด เหมือนงามผุดผาดของสาวสาว
หาดทรายสายลม พลิ้วพรมให้ทุกสิ่งพร่างพราว
ชวนหัวใจให้โน้มน้าว ให้หนุ่มสาวเลือกคู่ชู้ชม

ทุกชีวิตต้องมีคู่ โลกได้อยู่อย่างเหมาะสม
มีทะเลมีสายลม มีคู่ชมมีฉันและเธอ
หาดทรายสีทอง ต่างเรียกร้องให้รักกันอยู่เสมอ
เรารักกันมั่นบำเรอ ฉันและเธอรักหาดสีทอง

(อีกเพลงจากภาพยนตร์เรื่องจ้นทร์เพ็ญ บันทีกเสียงที่ห้องบันทึกเสียงกมล สุโกศล เมื่อ ๗ ตุลาคม ๒๕๑๔ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทุกคนในวงได้ร่วมแสดงในเรื่องด้วย ฉากเพลงนี้ถ่ายทำที่หาดสวนสน ระยอง)





สายใยชีวิต

ความรักความดีงามคือเขตขามของความศักดิ์สิทธิ์
รวมผู้พันในสายใยชีวิต เพื่อประสิทธิ์ชีวิตให้ผ่องอำไพ
ความดีมีศรัทธา ทำให้ค่าชีวิตสูงส่งสดใส
รักไม่สมก็ไม่ตรอมใจ
พลอยยินดีไปกับเขาที่สมปรารถนา
ความดีมีศรัทธา นั่นแหละหนาคือสายใจชีวิตเอย

(อีกเพลงจากภาพยนตร์เรื่องจันทร์เพ็ญ บันทึกเสียงที่ห้องบันทึกเสียงกมล สุโกศล เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม คำร้องของลุงแจ๋วสร้างแรงบันดาลใจอย่างดีเยี่ยม)




ดีด สี ตี เป่า

ดนตรี ไม่มีพิษภัย
เป็นยาสมานดวงใจ ให้สดใสสุขชื่นบาน
ดนตรี ดีด สี ตี เป่า ให้ชำนาญ
ชีวิตจะรุ่งเรืองตระการ สุขสำราญทุกทิวาราตรี

เพื่อนที่ให้แต่ความสุข
ไม่เคยให้ทุกข์ก็คือดนตรี
กีตาร์ กลอง ทุกอย่างมี
คือเพื่อนดีของมนุษย์ทั่วๆไป

ดนตรีไม่มีพิษภัย
เป็นเงาความรักสลักหทัย
ย้อมจิตใจให้รักมั่นกตัญญูเอย

(อีกหนึ่งในจำนวน ๕ เพลงจากภาพยตร์เรื่องจันทร์เพ็ญ ลุงแจ๋วให้คำจำกัดความของคำว่าดนตรีได้ดีอย่างไม่มีข้อสงสัย บันทึกเสียงที่ห้องบันทึกเสียงกมล สุโกศล เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๑๔)





ค่าของรัก

ค่าของความรัก สูงส่งยิ่งนัก
เหนือเงินตราทุกๆสกุล
คนที่มีเกียรติแต่ไร้ความรักเกื้อหนุน

ความหวานในโลกนี้
ด้อยลงทันทีเมื่อใจมีรักอยู่ก่อน

สาวและหนุ่มทุกรุ่นเฝ้าครุ่นอาวรณ์
ซึ้งถึงเกสรแห่งความรักทุกคนไป (ฮัม)
ค่าของคน (ฮัม) ค่าของรักเอย

(เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องค่าของคน สร้างโดยรัตน์ เศรษภักดี อีกเพลงหนึ่งที่บันทึกเสียงที่ห้องบันทีกเสียงกมล สุโกศล เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฏาคม ๒๕๑๔)





ค่าของเงิน

เงิน นั้นมีค่ามากมายจริงหรือ
เขาจึงลือว่าเงินยิ่งใหญ่
ต้องการหญิงงามแค่ไหน
ใช้เงินทุ่มไปได้มา

เงิน นั้นมีค่าจะจริงแค่ไหน
หญิงคนใดเทิดเงินเหนือค่า
ร่ำลือหรือคำอิจฉา
หรือเพียงกล่าวหานารี

เงิน พกเงินมากหล่อนจึงสรรเสริญ
เห็นมีเงินก็ใจเต้นถี่
เทิดทูนน้ำเงินเศรษฐี
ใช้กายที่มีแลกเงิน

(เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องค่าของคน สร้างโดยรัตน์ เศรษภักดี อีกเพลงหนึ่งในจำนวน ๓ เพลงของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่หลังจากบันทึกเสียงแล้วก็ไม่เคยได้ยินอีกเลย)





ทะเลไม่เคยหลับ

มองซิมองทะเล เห็นลมคลื่นเห่จูบหิน
บางครั้งมันบ้าบิ่น กระแทกหินดังครืนครืน
ทะเลไม่เคยหลับใหล ใครตอบได้ไหม ไฉนจึงตื่น
บางครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่นอยู่ร่ำไป

ทะเลหัวใจของเรา แฝงเอารักแอบเข้าไว้
ดูซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดังทะเลครวญ
ยามหลับใหลชั่วคืน ก็ถูกคลื่นฝัน ปลุกฉันรัญจวน
ใจรักจึงเรรวน มิเคยจะหลับเหมือนกับทะเล

(เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องสวนสน ครูชาลี อินทรวิจิตรแต่งคำร้อง ครูแจ๋วแต่งทำนอง ได้รับความนิยมมากที่สุดจนกลายเป็นหนึ่งในเพลงอมตะของวงดิอิมพอสสิเบิ้ล จากการสร้างสรรค์คำร้องและทำนองของยอดนักแต่งเพลงรักอีกคู่หนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดเท่าที่เมืองไทยเคยมี อาจเป็นเพลงเดียวที่ไม่พิมพ์คำร้องทุกคนก็ร้องได้)





ยอดเยาวมาลย์

งาม เมื่อยามแสงไฟส่อง งาม เมื่อมองเงาของเธอ
งาม ดั่งศิลป์ซึ้งเลิศเลอ ใครได้เจอ ตะลึงชม
ขาดเธอแล้วฉันคงไร้ค่า หมดสิ้นศรัทธาภิรมย์
ไร้รักดังไร้ค่านิยม ต้องตรอมตรม ทุกนาที

ยาม รุ่งลางแสงทองงามเด่น ลมเย็นพลิ้วช่อมาลี
ทานตะวัน และไม้งามดี งามเหล่านี้ พ่ายเธอ
ขาดเธอแล้วฉันคงสิ้นสุข มีแต่ความทุกข์เสมอ
พร่ำวอนเหมือนคนละเมอ ว่ารักเธอ ดังดวงใจ

งาม เมื่อยามยิ้มเธอระรื่น พาชุ่มชื่นรื่นฤทัย
ชีวิต สูงล้ำนี่กระไร สุขใจดัง อยู่วิมาน
ขาดเธอแล้วฉันคงไร้ค่า หมดสิ้นศรัทธาร้าวราน
เมตตาฉันเถิดดวงมาลย์ ด้วยวิญญาณ ฉันรักเธอ
เมตตาฉันเถิดดวงมาลย์ ด้วยวิญญาณ ฉันรักเธอ

(เพลงจากภาพยนตร์เรื่องภูกระดึง กำกับโดยรุจน์ รณภพ บันทึกเสียงเป็นเพลงสุดท้ายก่อนเดินทางไปแสดงที่ฮาวาย และเป็นหนึ่งในไม่กี่เพลงที่ลงแจ๋วไม่ได้แต่ทำนองด้วยตนเอง
บันทึกเสียงที่ห้องบันทึกกมล สุโกศล วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๑๕)


บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





 

Create Date : 31 ธันวาคม 2548    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 13:32:19 น.
Counter : 5088 Pageviews.  

เพลงหวานแสนเศร้า "น้ำตาแสงไต้"





น้ำตาแสงไต้

นวลเจ้าพี่เอย
คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ
ถ้อยคำเหมือนจะชวน
ใจพี่หวนครวญคร่ำอาลัย
น้ำตาอาบแก้ม
เพียงแซมเพชรไสว
แวววับจับหัวใจ
เคล้าแสงไต้งามจับตา

นวลแสงเพชร
เกล็ดแก้วอันล้ำต่า
คราเมื่อแสงไฟส่องมา
วับวาวชวนชื่นชม
น้ำตาแสงไต้
ดื่มใจพี่ร้าวระบม
ไม่อยากพรากขวัญภิรมย์
จำใจข่มใจไปจากนวล


เพลงหวานแสนเศร้าอันไพเราะที่ให้ความประทับใจตั้ง แต่แรกได้ยิน เพลงที่มีเบื้องหลังน่าอัศจรรย์ คุณบูรพา ทายาทของครูสง่า อารัมภีร เขียนถึงเพลงนี้ไว้ในหนังสือ "เบื้องหลังเพลงรัก" ไว้ดังนี้ค่ะ

พ่อเล่าว่า ก่อนจะแต่งเพลง "น้ำตาแสงไต้" ได้เมื่อปลายปีพ.ศ.๒๔๘๗นั้นได้เขียนเนื้อเพลงมาก่อนแล้ว ซึ่งเพลงแรกที่แต่งขึ้นในชีวิตก็คือ "บัวงาม" หรือ "บุปผาไทย" แต่งตอนที่น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯปีพ.ศ.๒๔๘๕ เวลาผ่านมานานตอนนี้จำเนื้อทำนองไม่ได้แล้ว เป็นการเขียนให้กับกองดุริยางค์ทหารอากาศ

ครั้งนั้นกองดุริยางค์ทหารอากาศมีนักประพันธ์ที่พ่อถือเป็นครู เป็นแบบอย่างในการแต่งเพลงคือ ครูโพธิ์ ศานติกุล(โพธิ์ดำ) และ ครูโพธิ์ ชูประดิษฐ์(โพธิ์ขาว) สำหรับคำร้องนั้นคือ เรืออากาศโททองอิน บุญยเสนา มีนามปากกาว่า "เวทางค์" พ่อชอบให้พวกลูกๆเรียกว่า "ลุงผี" (แต่ตัวพ่อเองเรียกว่า "พี่อิน" ไม่ยักเรียกว่า "พี่ผี") พ่อพูดเสมอว่า ลุงผีนี่เป็นเสมือนครูแห่งชีวิต คบหากันมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ จนสงครามเลิกเรื่อยมาจนพ่อมาอยู่กับคณะละครเวที "ศิวารมณ์" ส่วนลุงผีรับราชการทหาร แล้วต่อมาขอลาออกจากราชการมามีอาชีพเขียนหนังสือขายอย่างเดียว เคยแต่งละครให้คณะศิวารมณ์แสดงด้วยเรื่อง มณฑาทิพย์ ดำรงประเทศ และฟ้าประกาศิต ผมรู้ว่าพ่อกับลุงผีสนิทกันมากเพราะชอบบางอย่างเหมือนกัน นั่นคือตั้งวงเสวนาแกล้มสุราด้วยกันเป็นประจำ และลุงผีนี่เองที่เป็นพ่อสี่อให้พ่อ ชักนำทุกอย่างให้พ่อกับแม่ของผมได้มาอยู่กินด้วยกันตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๙o โน่น ผมจำได้ว่าตัวท่านนั้นมีรูปร่างผอม ๆ ดำ ๆ ตัวเล็ก ๆ หน้าเหลี่ยม คิ้วดกดำ เวลาพูดมีเสียงดัง ชอบออกท่าทางไปด้วย และที่ผมจำได้มาตลอดคือ ท่านชอบทำหน้าทำตาหลอกล้อเด็กที่อยู่ใกล้ ๆ ให้กลัวสมกับชื่อของตัวเองที่ว่า "ผี" นั่นแหละ

พ่อบอกว่าปีนั้นละครศิวารมณ์กำลังซ้อมละครเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" อยู่ที่ศาลาเฉลิมกรุง มี สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ แสดงเป็นพระเอก สุพรรณ บูรณะพิมพ์ แสดงเป็นนางเอก มี ครูเนรมิต และ ครูมารุต เป็นผู้กำกับละคร ตอนนั้นพ่อเป็นนักเปียโนประจำคณะละครนี้ ต้องเล่นดนตรีให้นาฏศิลป์ซ้อมและต่อเพลงให้นักร้อง พ่อบอกว่าช่วงนั้นเล่นเปียโนจนเมื่อยนิ้วไปหมด จนเหลือเวลาอีก ๔-๕ วันก่อนละคร "พันท้ายนรสิงห์" จะแสดงจริง และทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นการแสดง ตัวละคร ฉาก นาฏศิลป์ พร้อมที่จะแสดงได้แล้ว ขาดแต่เพลงเองของเรื่องคือ "น้ำตาแสงไต้" ทำนองยังไม่เสร็จ เพราะคณะศิวารมณ์สมัยนั้นมีผู้แต่งเพลงให้คือ คุณประกิจ วาทยากร และ ครูโพธิ์ ชูประดิษฐ์ แต่ทำนองเพลงที่ทั้งสองท่านส่งมายังไม่เป็นที่ถูกใจ เจ้าของเรื่องและผู้กำกับที่ต้องการให้เป็นเพลงที่มีสำเนียงไทยแท้ มีวิญญาณไปในทาง "หวานเย็นและเศร้า" ยิ่งใกล้วันแสดงเข้ามา ทำนอง "น้ำตาแสงไต้" ก็ยังไม่เสร็จ ทำให้เจ้าของเรื่อง ผู้กำกับและผู้ร่วมงานต่าง ๆ อึดอัดใจไปตาม ๆ กัน

พ่อเล่าว่า เย็นวันหนึ่งหลังจากเลิกซ้อมดนตรีแล้ว ลงมาด้านหน้าของศาลาเฉลิมกรุงก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง คนที่เรียกก็ไม่ใช่ใคร "ลุงผี" นั่นเองยืนยิ้มอยู่ หลังจากทักทายปราศรัยกันแล้วก็ชวนกันไปที่ร้านโว่กี่ (เดี๋ยวนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้) เพื่อตั้งวงเสวนาแกล้มสุรากันให้ครึกครื้นอย่างที่เคยปฏิบัติมา สุรายี่ห้อ "แมวคู่" ที่สั่งมาครั้งแรกหมดไปแล้วหนึ่งขวดพร้อมกันแกล้มและโซดา "แมวคู่" ขวดที่สองก็ตามมาอยู่บนโต๊ะ การเสวนาเริ่มออกรสชาติ ลุงผีถามพ่อถึงกิจการของคณะศิวารมณ์ พ่อตอบว่า "ตอนนี้ทุกๆคนเป็นห่วงทำนองน้ำตาแสงไต้ เพราะผู้แต่งส่งมาให้ยังไม่เป็นที่พอใจของผู้กำกับและเจ้าของเรื่อง เพราะต้องการสำเนียงไทยแท้และมีวิญญาณเพลงทางหวานเย็นและเศร้า" ลุงผีบอกว่า "เพลงไทยนั้นมีเยอะแต่ที่หวานเย็นและเศร้านั้นมีน้อย แต่ที่อั้วชอบมีสองเพลงคือ "เขมรไทรโยค" และ "ลาวครวญ" เท่านั้น ไม่ทันขาดคำก็ร้องเพลง "เขมรไทรโยค" ให้ฟัง ร้องยังไม่ทันจบเพลงก็ขึ้นเพลง "ลาวครวญ" สลับกันไปอย่างนี้เรื่อยๆ ลุงผีร้องเสียงดังและทำท่าทางประกอบด้วย เป็นที่ฮือฮาของคนในร้านหลายๆโต๊ะ พอเห็นคนหัวเราะแกก็หยุดร้อง เมื่อแมวคู่ขวดที่สองหมดลงต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ลุงผีนั่งสามล้อไปทุ่งมหาเมฆ ส่วนพ่อกลับมาศาลาเฉลิมกรุง แล้วคืนนั้นก็นอนหลับอยู่ที่นั่น พ่อเล่าว่า ฝันเห็นคนสี่คน เป็นผู้หญิงหนึ่ง ผู้ชายสาม ผู้ชายคนแรกได้เล่นเปียโนเพลง "เขมรไทรโยค" ให้อีกสามคนฟัง เมื่อเพลงจบผู้หญิงก็เล่นเปียโนเพลง "ลาวครวญ" ให้ฟัง ต่อจากนั้นผู้ชายคนที่สองได้เล่นเปียโนโดยรวมเอาวิญญาณของ "เขมรไทรโยค" และ "ลาวครวญ" มาคลุกเคล้ากันจนเกิดเป็นเพลงใหม่ขึ้นมา มีความไพเราะมากอีกเพลงหนึ่ง สำหรับชายคนที่สามยืนฟังเพลงด้วยความพอใจ

พ่อถูกคนทำความสะอาดปลุกขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น รีบกลับบ้านไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและจะกลับมาซ้อมดนตรีใหม่ แต่พอถึงบ้านก็เกิดอาการแฮงค์โอเวอร์ ต้องนอนต่ออีกจนเกือบเที่ยง ตื่นมาอีกทีพอหายสร่างจากฤทธิ์ "แมวคู่" ก็ตรงไปศาลาเฉลิมกรุง เมื่อไปถึงก็ถูกต่อว่าเป็นการใหญ่ เพราะไปทำงานสายและใครๆเขาก็รออยู่ เมื่อซ้อมดนตรีให้นาฏศิลป์และละครจนเลิกแล้ว ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายสามโมง มีคนเหลืออยู่สี่คนคือ ครูเนรมิต ครูมารุต สุรสิทธิ์ และพ่อ ครูเนรมิตบ่นเรื่องทำนองเพลง "น้ำตาแสงไต้" จะไม่ทันวันแสดงละครเพราะเหลือเวลาน้อยเต็มที แล้วตอนนั้นเองพ่อหันไปดีดเปียโนทำนองเพลงขึ้นเพลงหนึ่ง ก็คือเพลงที่ได้ยินมาจากเมื่อคืนที่นอนหลับนั่นเอง ครูเนรมิตถามว่า "สง่า นั่นเล่นเพลงอะไร" พ่อถามว่า "เพราะ...หรือครับ" ครูเนรมิตพยักหน้า และเมื่อพ่อดีดเปียโนจนจบเพลงทั้งครูเนรมิตและครูมารุตก็พูดว่า "นี่แหละ น้ำตาแสงไต้" พ่อรีบจดโน้ตเป็นการใหญ่และประพันธ์คำร้องกันเดี๋ยวนั้น ครูมารุตขึ้น "นวลเจ้าพี่เอย" ครูเนรมิตต่อว่า "คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ" พอจบประโยคแรก สุรสิทธิ์ก็ร้องเกลาทันที ร่วมกันสร้างเพลงไม่ถึง ๒o นาทีก็สำเร็จ พ่อบอกว่าเมื่อละคร "พันท้ายนรสิงห์" แสดงมาถึงฉากสุดท้ายและทำนองเพลง "น้ำตาแสงไต้" ดังขึ้น คนที่เข้ามาดูละครร้องไห้กันทั้งโรงเลย สำหรับ "ลุงผี" เมื่อพ่อแต่งเพลงสำเร็จสามารถเกิดในวงการเพลงได้แล้ว มักจะพาพ่อไปเจอใครต่อใครทั้งละครต่างคณะหรือพวกนักเขียนสมัยนั้น แล้วจะแนะนำว่า "นี่แหละ...สง่า...คนแต่งเพลงน้ำตาแสงไต้...น้องชายอั้ว" อยู่เสมอ

ผู้ขับร้องเพลง "น้ำตาแสงไต้" คนแรกคือ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ แต่ไม่มีการบันทึกเสียง ต่อมามี ฉลอง สิมะเสถียร, กำธร สุวรรณปิยะศิริ, ชรินทร์ นันทนาคร, ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา นำไปขับร้อง พร้อมกับได้บันทึกเสียงไว้ด้วย ครั้งที่ศาลาเฉลิมไทยได้นำละคร "พันท้ายนรสิงห์" แสดงเป็นเรื่องสุดท้ายก่อนที่โรงจะถูกทุบทิ้งเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ ศรันยู วงศ์กระจ่าง ก็ได้ร้องเพลงนี้ด้วยเช่นกัน

คุณไพวรินทร์ขาวงาม เขียนถึงเพลงนี้เพื่อไว้อาลัยครูสง่า อารัมภีร์ ในคอลัมน์ "จากคอนโดมีเนียมชานกรุง" วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๒

น้ำตาแสงไต้

ระหว่างนี้บทเพลงหลายๆเพลงของ "ครูแจ๋ว" คงจะได้ขับขานวิญญาณภาษาอย่างยิ่งใหญ๋อีกครั้ง อันเป็นการไว้อาลัยแก่การจากไปของผู้ที่ประพันธ์มันขึ้นมา

สง่า อารัมภีรผู้ล่วงลับในวันเฉียดแปดสิบ ลองคิดดู...มากกว่าอายุสองเท่าของผมเสียอีก คนที่มีอายุยืนยาวขนาดนี้และมีผลงานเพลงมากมายนับพันๆนั้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เพลงของครูย่อมเข้าสู่หูใส่ใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทย

เอาแค่เพลง "น้ำตาแสงไต้" ซึ่งว่ากันว่า เป็นเพลงที่มอบความสำเร็จครั้งสำคัญให้แก่ผู้ประพันธ์ในวัยเพียงยี่สิบสี่ เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนก็ยังมักได้ยินคนครวญเพลงนี้

ผมมีช่างตัวผมประจำตัวคนหนึ่ง ชื่อ "ลมหวล" ความจริงทรงผมของผมนั้นตัดง่ายมาก แค่ถาก ๆให้เตียนเข้าไว้ก็ใช้ได้ แต่ที่ชอบช่างตัดผมคนนี้เพราะแกอายุเจ็ดสิบกว่าแล้วยังแข็งแรก ความจำดี ชอบเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง แกผ่านเกษาโลมาของบุคคลมาแล้วหลายอาชีพ ทั้งนักการเมือง นักแสดง นักหนังสือพิมพ์ นักธุรกิจ ฯลฯ แกจึงย้อนอดีตให้ผมฟังเป็นฉาก ๆ ว่าได้เคยไปดูละคร "พันท้ายนรสิงห์" ที่ศาลาเฉลิมไทยและประทับใจเพลง "น้ำตาแสงไต้" ตั้งแต่ยังหนุ่ม แถมว่าเนื้อเพลงให้ฟังอีกด้วย ตอนแกหนุ่ม...ตอนครูแจ๋วประพันธ์เพลงนี้...ผมไม่รู้ยังเป็นธุลีล่องอยู่แถวไหน?...

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง "การกล่อมเกลาทางสังคม" ผ่านผู้คน ผลงาน และความฝังใจในแต่ละยุคสมัย

คนที่ชอบร้องเพลง แต่งเพลงในปัจจุบัน จะมากจะน้อยก็ย่อมถูกกล่อมเกลาจากผลงานของคนรุ่นก่อน ไม่น่าจะมีใครเกิดขึ้นมาลอยๆจากอากาศธาตุ

จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม วัฒนธรรมการเผยแพร่เพลง วัฒนธรรมการเผยแพร่หนังสือ วัฒนธรรมการเผยแพร่ภาพยนตร์ก็อยู่รายรอบตัวเรา และอาจมีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดของเราไม่มากก็น้อยเมื่อโตขึ้น

ผมสนใจเรื่องช่วงวัยและยุคสมัย ว่ากันว่าคนเราจะมีช่วงวัยและยุคสมัยสำคัญของเขาข่วงหนึ่ง เป็นช่วงวัยที่จะชอบและฝังใจกับอะไรอย่างลึกซึ้ง จิตใจยังไม่ถูกระบบความคิดเชิงเหตุผลรบกวนมากนัก ซึ่งก็น่าจะเป็นช่วงวัยเยาว์จนถึงวัยรุ่นหนุ่มสาว

เคยเคลิ้มฝันกับการ์ตูนบางเล่ม เคยคล้อยใจกับหนังไทยบางเรื่อง เคนเคลื่อนอารมณ์กับเพลงบางเพลง แต่เมื่อพ้นช่วงวัยและยุคสมัยมา รสชาติแบบเดิมก็เปลี่ยนไป

กระนั้นก็ตาม เราอาจจำมันได้เป็นอย่างดี เป็นชีวิตพิเศษในความทรงจำ เหมือนคอหนังไทยยุคก่อนยังจำ มิตร ชัยบัญชา และเพชรา เยาวราษฏร์ได้ แม้ปัจจุบันเขาจะหันไปดูโรเบิร์ต เดอ นีโร หรืออัล ปาชิโนแล้วก็เถอะ

พูดถึงครูแจ๋ว พูดถึงช่างตัดผมอาวุโสเคยมีประสบการณ์กับเพลง "น้ำตาแสงไต้" พูดถึงช่วงวัยของการอ่านหนังสือดูหนังฟังเพลงแล้ว ผมอยากจะพูดถึงผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่ง

หลายๆคนอาจเรียก สุรพล โทนวณิก ว่า ครูสุรพล แต่ในความผูกพันช่วงวัยหนึ่ง ผมเคยเรียกแกว่า "พี่น้อย" (วันก่อนเห็นแกทางโทรทัศน์ในงานศพครูแจ๋ว)

ครูแจ๋วก็ดี ช่างตัดผมชื่อลมหวลก็ดี พี่น้อยก็ดี อายุอานามคงไม่ห่างกันนัก เรียกว่าเกิดมารว่มยุคสมัยก็ได้กระมัง ทุกคนล้วนอยู่ในฐานะที่ผมจะเรียกว่า "ลุง" ได้ แต่กลับไม่ได้เรียกตามหลักเกณฑ์ ด้วยรู้สึกว่า แต่ละคนต่างดูกระชุ่มกระชวยมีชีวิตชีวาวัยเยาว์

ผมไม่สนิทกับครูแจ๋ว เคยมีรุ่นพี่บางคนแนะนำให้ผมไหว้ด้วยความเคารพ สิ่งหนึ่งที่พบเห็นประทับใจก็คือ ครูเป็นนักร้อง ชอบสมาคมพูดคุยกับคนรุ่นใหม่ๆอันหลากหลาย

ทำให้นึกเชื่อมโยงถึงช่างตัดผมชื่อลมหวล และนักแต่งเพลงชื่อสุรพล ทั้งนี้ เพียงอยากตั้งข้อสังเกตถึงชีวิตของคนรุ่นเลขหก เลขเจ็ด หรือเลขแปดอะไรก็ตาม ทั้งยังพบเห็นว่ามีสุขภาพใจแข็งแรง มีความคิดอ่านที่ไม่ล้าสมัย คิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะเพราะ เขาไม่กักขังตัวเองไว้กับคนรุ่นเดียวหรือกลุ่มเดียว

สมัยผมมีโอกาสทำงานร่วมกับพี่น้อย หลังเลิกงานแกจะปรานีพวกเราหนุ่ม ๆ ด้วยการชวนไปกินอาหารอีสานข้างถนน ใครจะเชื่อว่าคนระดับแกยังชอบเคี้ยวเนื้อย่าง หรือกระทั่งเคี้ยวเม็ดมะขาม (แกบอกว่า การเคี้ยวเม็ดมะขามเป็นสูตรบริหารฟันให้แข็งแรง)

แกเป็นคนมีอารมณ์ขัน เป็นกันเอง ความจำดี เรื่องบางเรื่องทำเอาขำกลิ้งหลายตลบ ผมชอบเพลงแกหลายเพลงเหมือนที่ชอบเพลงครูแจ๋ว บางเพลงเข้าสู่หูสู่ใจโดยไม่รู้ตัว พี่น้อยจะชอบสอบถามความเป็นไปของคนหนุ่ม ชอบอ่านหนังสือที่เด็กวัยรุ่นเขียน ตรงนี้กระมังเป็นโอกาสให้แกยังแต่งเพลงได้ แม้จะอยู่ในวัยร่วงโรย

จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ผมว่าผมได้อะไรไม่น้อยจากความเป็นครูแจ๋ว จากความเป็นพี่น้อย หรือแม้จากความเป็นช่างต่างผมชื่อลมหวล บุคคลล้วนมีแสงสว่างในตัวเอง ผู้มีแสงมากก็แบ่งแก่ผู้มีแสงน้อย แสงจากการใช้ชีวิต แสงจากงานเลี้ยงใจอย่างศิลปะเพลง แสงจากงานเลี้ยงชีพอย่างการตัดผม ล้วนเป็น "แสงไต้" ในสังคมที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน

ในที่นี้ ผมขอละคำเศร้าโศก ขอเขียนคารวะคนรุ่นก่อนด้วยความชื่นใจ ทั้งต่อผู้ที่จากไปและยังอยู่ เชื่อมั่นว่าในความเป็นตัวของตัวเองของใครต่อใครนั้น แต่ละคนย่อมผ่านการกล่อมเกลาทางสังคมด้วย คนต่อคน รุ่นต่อรุ่น มีความหมายของมันไม่ทางตรงก็ทางอ้อม แม้แต่คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคารพผู้อาวุโสเลย ก็ยังพึงมีพีงได้จากบทความนี้

ยกเว้นคนมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นมาลอย ๆ แบบฉับพลัน จากอากาศธาตุ


บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่

Free TextEditor





 

Create Date : 22 ธันวาคม 2548    
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 22:06:33 น.
Counter : 7706 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  

haiku
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.