|
|
- - - - - เมื่อ กรุงเทพธุรกิจ หน้า จุดประกาย วรรณกรรม แนะนำบล็อกของ grappa - - - - -
Create Date : 05 ตุลาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:19:34 น. |
| |
Counter : 1790 Pageviews. |
| |
|
|
|
- - - สง่าและงดงามราวกับ "ไหม" - - -
ได้ข่าวว่าหนังที่สร้างจากหนังสือที่ฉันชอบมากเรื่องหนึ่ง กำลังจะฉายในอเมริกากลางเดือนนี้ ข่าวนั้นทำให้ฉันคิดถึงหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ไหม : อเลซซานโดร บาริกโก เขียน , งามพรรณ เวชชาชีวะ แปล ( ฉบับแก้ไข สำนักพิมพ์ผีเสื้อ พิมพ์ : 2547 )
ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่ตีพิมพ์ครั้งที่หนึ่ง โดยสำนักพิมพ์สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ฉันชอบหน้าปกสีขาวเรียบๆ เมื่อครั้งที่ตีพิมพ์ครั้งแรก นั้นมาก ยังจำอาการจมหายไปในหนังสือเมื่อ่านคราวนั้นได้ดี โดยพล็อทและบรรยากาศของเรื่อง (ซึ่งเป็นเรื่องย้อนยุค) คนเขียนน่าจะพรรณาด้วยความเยิ่นเย้อ และหนังสือควรจะหนาอย่างยิ่ง
แต่เปล่าเลย ไหมเล่มนี้ มีความหนาเพียงร้อยสามสิบกว่าหน้า คนเขียนและคนแปล ส่งสารให้ผู้อ่านด้วยที่ภาษากระชับและไม่เยิ่นเย้อสักนิดเดียว เวลาอ่านยังรู้สึกได้ว่าคนเขียนใช้เทคนิคของหนังเล่าเรื่อง มีการฟอร์เวิร์ดภาพผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อต้องการเล่าเรื่องอย่างรวดเร็ว และเมื่อต้องการสะกดคนอ่านก็จะโฟกัสนิ่งๆ ให้คนอ่านไล่ภาพอ่านไปอย่างช้า ๆ เน้นๆ ไหมเริ่มต้นตัวมันเองไว้ว่าอย่างนี้
...ปีนั้น เป็นปี ค.ศ 1861 โฟลแบร์กำลังเขียนนวนิยายเรื่อง "ซาลัมโบ" แสงสว่างจากไฟฟ้ายังเป็นเพียงทฤษฏี และ ณ อีกฟากฝั่งของมหาสมุทร ฮับราฮัม ลินคอล์น กำลังเริ่มสงครามที่ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด แอร์เว ฌองกูร์ อายุ 32 ปี เขาซื้อและขาย หนอนไหม
บาริกโก บอกไว้ในคำนำหนังสือของเขาว่า
นี่ไม่ใช่นิยาย อีกทั้งไม่ใช่เรื่องจริง นี่คือเรื่องเล่า เริ่มต้นที่ชายคนหนึ่งเดินทางข้ามโลก และจบลงที่ทะเลสาบแห่งหนึ่ง อยู่ที่นั่น เช่นนั้น ในวันลมพัดแรง ชายคนนี้มีชื่อว่า แอร์เว ฌองกูร์ ไม่มีใครรู้ว่าทะเลสาบชื่ออะไร
อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องรัก แต่หากเพียงแค่นั้นก็ไม่ควรค่าแก่การนำมาเล่า ในเรื่องยังมีความปรารถนา ความเจ็บปวด คุณก็รู้ดีที่สุดว่าเป็นเช่นไร ทว่าสำหรับชื่อเรียกสิ่งเหล่านี้ แท้จริงแล้วคุณก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่ใช่ความรัก (นั่นเป็นเรื่องเก่าแก่มาก ยามที่คุณไม่มีชื่อเรียกขานสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะใช้เรื่องเล่าแทน เป็นเช่นนี้มาหลายร้อยปี ...)
บางทีอาจต้องอธิบายให้กระจ่างว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าในศตวรรษที่สิบเก้า ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดหวังถึงเครื่องบิน เครื่องซักผ้า และนักจิตวิทยา ไม่มีทั้งสิ้น
ครั้งหน้า อาจจะมี ( ตัดตอนจาก "จากผู้แต่ง" ในไหม หน้า 128-129 )
อเลซซานโดร บาริกโก เกิดที่ตูริน อิตาลี จบการศึกษาด้านปรัชญาและดนตรี ทำงานครั้งแรกในบริษัทโฆษณา ตำแหน่งก็อปปี้ไรเตอร์ และเขียนบทความวิจารณ์ดนตรีให้หนังสือพิมพ์รายวัน "ไหม" เป็นนวนิยายเรื่องที่ 3 ของเขาที่สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการวรรณกรรมอิตาลี ด้วยยอดขายสามแสนเล่มในเวลาอันรวดเร็ว
บาริกโก กลายเป็นดาราดวงเด่น ได้รับความสนใจจากหนุ่มสาวที่ยินดีเฝ้ารอหน้าร้านกาแฟเพื่อขอลายเซ็นมากเป็นพิเศษ เขาสร้างปรากฏการณ์ด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่งดงามจากศิลปะน้อยคำ
ปัจจุบันบาริกโก ยังเขียนหนังสืออย่างสม่ำเสมอ ผลงานเรื่อง Senza sangue ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางอีกครั้ง หนังสือเล่มนี้ของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้วในชื่อว่า "ไร้เลือด" ถ้าไหม แสดงให้เห็นถึง "...ความเจ็บปวดประหลาดนัก ที่จะตายด้วยอาลัยสิ่งซึ่งมิเคยได้สัมผัส" ไร้เลือด อาจจะบอกกับคนอ่านว่า" ...เราปรารถนาจะกลับไปสู่จุดที่ตัวตนเราแตกสลายลง"
อ่านที่นิ้วกลมเขียนถึง ไร้เลือด ได้ที่นี่
//roundfinger.wordpress.com/2007/08/29/
เข้าไปดูตัวอย่างหนังเรื่อง Silk ได้ที่นี่ //www.silkmovie.com/
ฉันเข้าไปดูตัวอย่างแล้ว ไม่ค่อยชอบแฮะ ดูขาดเสน่ห์ความลึกลับบางประการของหนังสือไป
Create Date : 10 กันยายน 2550 |
| |
|
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:24:09 น. |
| |
Counter : 2383 Pageviews. |
| |
|
|
|
- - - - - เมนูนักเขียนที่ Vanilla Garden - - - - -
วันก่อน"จอม" วิสาขา ไรวา เจ้าของไอเดียร้านอาหาร สวน และ ร้านหนังสือ อยู่ในที่เดียวกัน Vanilla Garden (นอกจากร้านจะสวยมากแล้วเจ้าของร้านยังสวยจัดอีกด้วย ) บอกว่ากำลังทำเมนูนักเขียน สำหรับร้านสวยเก๋ กลางกรุงของเธอ
อันนี้คือตัวอย่างเมนูนักเขียน ที่เธอกำลังทำอยู่
จอมบอกว่าต้องการประวัติฯ สั้นๆ ของนิ้วกลมด้วย ฉันเลยทำหน้าที่ส่งผ่านตัวหนังสือของนักเขียนหนุ่ม ณ เซี่ยงไฮ้ ลอยผ่านไซเบอร์สเปซสู่กลางซอยเอกมัย 12 - นิ้วกลม บอกกล่าวถึงชีวิตของเขาไว้ดังนี้
นิ้วกลม เกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ จบการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สะพายเป้ออกเดินทางไปโตเกียวหลังลาออกจากที่ทำงานแห่งแรก ผลลัพธ์ของการเดินทางครั้งนั้นคือ โตเกียวไม่มีขา หนังสือเล่มแรกที่เขาเขียนคำอุทิศว่า แด่ ความฝัน ปัจจุบันเป็นครีเอทีฟคิดโฆษณาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และเขียนหนังสืออย่างมีความสุข
บรรยากาศส่วนที่เป็นร้านหนังสือของ Vanilla Garden
foneko เคยเขียนถึงร้านนี้ไว้ คลิกไปอ่านได้ค้า
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=foneko&month=07-2007&date=25&group=2&gblog=231
. . .
กระทู้โหวตที่เฉลิมไทยถูกใจฉันอย่างแรง
ซินเดอเรลล่า สโนไวท์ เจ้าหญิงนิทรา แต่งงานกับเจ้าชายเพราะ รัก จริงหรือ? ในเรื่องมีบอกไว้ตอนไหนเหรอ?... กระทู้นั้น มีreply เด็ดๆ อย่าง ความคิดเห็นที่ 10 " ซินเดอเรลล่า - แต่งงานเพื่อจะได้แก้แค้น พอแต่งแล้วก็มาจับแม่เลี้ยงกับพี่ๆ ไปทรมาน สโนไวท์ - ความจริงสโนวไวท์เธอมีอายุเจ็ดขวบเท่านั้น เธอโดนเจ้าชายที่เป็นโลลิค่อนหลอก เจ้าหญิงนิทรา - เธอโดนเจ้าชายลักหลับ เกิดตั้งครรภ์ ต้องปล่อยเลยตามเลย อ้าว...ลืมไป พูดถึงฉบับดิสนีย์นี่นา ขออภัย ^^;; จากคุณ : vee vee'
ความคิดเห็นที่ 109
Sleeping Beauty - เราไม่คิดนะว่าเพราะรัก เจ้าหญิงหลับไปตั้ง 100 ปี เชียวนะ ถ้าไม่แก่ ก็ปากเหม็นนะเราว่า 555+ แล้วเจ้าชายมั่นใจได้ไงว่าเจ้าหญิงสวยจริง ตื่นมาแล้วจะรักเจ้าชาย เราว่าเป็นไปไม่ได้นะ ที่จะทำเพราะรัก เราคิดว่าที่เจ้าหญิงแต่งด้วยอาจเพราะ ไม่เหลือใครอีกแล้วก็ได้ คิดดูหลับไปตั้ง 100 ปี ญาติพี่น้องคงตายหมดอ่ะ ไม่แต่งกะเจ้าชายแล้วจะอยู่ยังไงล่ะ จริงมะ
Cinderella - หึ หึ นางนี้เราเห็นชัวร์ว่าแต่งเพราะอิทธิพลของเจ้าชาย ไม่ใช่เจ้าชายบังคับแต่งนะ แต่เธอแต่งเพราะเค้าเป็นเจ้าชายไงล่ะ 555+ หลังจากเป็นคนใช้ในบ้านตัวเองมานาน จู่ ๆ มีเจ้าชายมาหลงรัก ไม่ต้องเป็นคนใช้อีกต่อไปแล้ว แถมยังได้อยู่เหนือแม่เลี้ยงกะพี่สาวใจร้ายอีก ไม่แต่งก็บ้าแล้ว แต่เจ้าชายก็บ้าเนอะ หาเจ้าสาวจากรองเท้า...
Snow White - อันนางนี้เราก็ว่าหาใช่เพราะรักไม่ พ่อหลงเมียใหม่ โดนแกล้งจนต้องระเห็ดออกจากบ้านหนีเข้าป่า!! เรื่องนี้เราว่าคนแคระเก่งนะ ทำโลงแก้วใส่นางนี้ได้ด้วย เจ้าชายผ่านมาคงสงสัยว่าเป็นใครชะโงกไปดู แล้วหลงรัก? ใจง่ายชะมัดเลย นางนี้ไม่แต่งก็กลับบ้านลำบาก สู้แต่งกะเจ้าชายไปแล้วไปอยู่แบบสบาย ๆ ดีกว่าอยู่กะพ่อที่หลงเมียใหม่ ว่าแล้วก็จับเจ้าชายซะเลย
สรุป มันเป็นนิทานกล่อมเด็กนะ ทุกท่าน จากคุณ : vanishgirl
ใครอยากทำลาย"มายาคติ" แห่งนิทานคลิกไปอ่านโดยพลัน อย่าพลาดความคิดเห็นที่ 274 อย่างเด็ดของคุณ Ginevra ด้วยล่ะ //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5697812/A5697812.html
ยังๆ ไม่พอเรายังโปรโมทนักเขียนคนโปรดของเราต่อไป
"ฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนนามอุโฆษชาวญี่ปุ่นได้กลับบ้านเกิดแล้ว" - ปรีดี หงษ์สต้น แปล -บทความจากนิตยสาร TIME Asia สัปดาห์ที่สอง เดือนสิงหาคม 2007 มาให้แฟนๆ มูราคามิได้อ่านกัน
ไปอ่านได้ที่โอเพ่นออนไลน์ เว็บไซด์ที่เพียบพร้อมด้วยสาระ //www.onopen.com/2007/editor-spaces/2105
. . .จอห์น อัพไดก์ กล่าวว่า มูราคามิเป็น นักวาดผู้นุ่มนวลในดินแดนที่ไร้คำนิยาม บางทีนั่นอาจจะเป็นศักยภาพในการเขียนที่สามารถครองใจคนทั่วโลกได้
เวลาผมเขียนนิยาย ผมจมลงไปในที่ซึ่งไร้คำนิยาม มูราคามิกล่าว
จะมีอะไรสากลไปกว่าการเล่าถึงสิ่งต่างๆ อันไร้ชื่อในฝันยามหลับของคนเรา? มูราคามิไม่ได้ให้คำนิยามกับดินแดนซึ่งไร้คำอธิบายนั้น เขาปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นดำเนินไป แต่ให้เพื่อนเดินทางมาแก่คนอ่าน, นั่นคือน้ำเสียงของเขา เพื่อที่เราจะได้ไม่เผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง
เออิโซ มัทสุมูระ ช่างภาพผู้รู้จักมูราคามิตั้งแต่เขาเปิดแจ๊สคาเฟได้เล่าถึงน้ำเสียงนั้น เขามีปัญหาเรื่องการได้ยิน ตามปกติจึงต้องอ่านปากในการสนทนา ยกเว้นญาติและเพื่อนสนิท แต่เขากลับได้ยินมูราคามิอย่างสมบูรณ์ที่สุด
เขาว่า ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อาจจะเป็นแรงสั่นสะเทือน...หรืออาจเป็นอย่างอื่นมันอาจฟังดูเป็นภาษากวีเหลือเกิน แต่สีหน้าเปี่ยมสุขของมัทสุมูระไม่ได้โกหก
ผมได้ยินเสียงเขา มันดังกังวานอยู่เสมอ
ป.ล. ในบทความแปลข้างบนเราจะเห็นการทำงานที๋โคตรจะมีวินัยของมูราคามิ แถมทุกวันนี้เขายังออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการเขียนนวนิยาย ซึ่งมูราคามิบอกว่าต้องใช้พลังงานสูงมาก ( ซึ่งจริงมาก เวลาอ่านนวนิยายของมูราคามิจบลงฉันรู้สึก " หมดพลัง" อยู่เสมอๆ)
คลิกไปอ่านกันโลดค่ะ
Create Date : 29 สิงหาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:25:59 น. |
| |
Counter : 7295 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
grappa |
|
|
|
|