- - - - - เมื่อ กรุงเทพธุรกิจ หน้า จุดประกาย วรรณกรรม แนะนำบล็อกของ grappa - - - - -




ตอนนี้หน้านิตยสารต่างๆ มีคอลัมน์แนะนำบล็อกเกิดขึ้นมากมาย ต่อไปข้างหน้าการรีวิวบล็อกอาจจะได้รับความนิยมเทียบเท่ากับคอลัมน์รีวิวหนังสือหรือรีวิวหนังทีเดียว ฉันคาดการณ์ไว้ว่าอย่างนั้น

คุณส้มจีนแนะนำบล็อกของฉันไว้ตามข้างล่างนี้ ขอบคุณ"คุณส้มจีน" มา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ

บล็อกรีวิว โดย ส้มจีน

ถ้าพูดถึงบล็อกสำหรับหนอนหนังสือแล้ว บล็อกของ Grappa เป็นบล็อกหนึ่งที่แม้จะมีเนื้อหาไม่หวือหวามากนัก แต่ก็อ่านได้เพลิดเพลินและมีแฟนอยู่เป็นกลุ่มเป็นก้อนเลยทีเดียว

Grappa คนนี้ เป็นคนหนึ่งในแวดวงหนังสือ เธอมีความรู้และประสบการณ์ในวงการอยู่พอตัว สำนวนและเนื้อหาภายในบล็อกจึงอ่านได้ลื่นไหลและน่าติดตาม โดยส่วนมากเนื้อหาจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือ ภาพยนตร์ การเดินทาง ดนตรี และอื่นๆ มาแจมประปราย

จุดเด่นของบล็อกเธอน่าจะอยู่ที่ความสบายใจ และเป็นกันเองเวลาที่ได้อ่านเรื่องราวของเธอ เหมือนกับเราได้นั่งคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ที่มีความสนใจใกล้เคียงกัน และที่สำคัญ มีมุมมองที่น่าสนใจในสิ่งเล็กๆ ที่หลายคนอาจจะมองข้าม ซึ่งสังเกตเห็นได้จากเวลาที่เธอเล่าถึงภาพยนตร์ หรือหนังสือสักเล่ม

เสน่ห์อีกอย่างของบล็อกนี้นั้น น่าจะอยู่ที่เวลาที่เธอ "อิน" กับอะไรสักอย่างเธอจะเล่าจนทำให้เราอยากไปหาหนังสือเล่มนั้นมาอ่านบ้าง หรืออยากดูหนังเรื่องเดียวกัน เรียกได้ว่าเธอคงมีพรสวรรค์ในด้านการทำให้ผู้อื่นคล้อยตามมากทีเดียว

ข้อเสียของบล็อกนี้คงไม่มีเท่าไร นอกจากแฟนประจำอาจจะต้องรอกันบ้าง ถ้าอยากอ่านบล็อกของเธอ ซึ่งอาจจะมีการอัพเดทเดือนละสองครั้งแล้วหายเงียบไป แต่ก็เข้าใจได้ว่าทุกคนก็คงมีจังหวะชีวิตในแบบของตัวเอง

สนใจอยากอ่านบล็อกที่ได้รับรางวัลชมเชยในฐานะบล็อกที่มีเนื้อหาสาระยอดเยี่ยมของ Bloggang ประจำปีนี้ ลองเข้าไปอ่านกันได้ที่ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=a-wild-sheep-chase


ในคอลัมน์บล็อกรีวิวของเธอ แนะนำบล็อกน่าสนใจไว้หลายบล็อกทีเดียว คลิกไปอ่านคอลัมน์ของเธอได้ที่นี่ //www.bangkokbiznews.com/jud/wan/

ป.ล. คุณส้มจีน ตอนนี้ grappa พยายามอัพบล็อกอาทิตย์ละหนแล้วค้า





...พ้นไปจากเรื่องบล็อกของตัวเอง ในฐานะที่เขียน-อ่านบล็อกมาจะสามปีเข้าไปแล้ว ( และยังไม่รู้สึกเบื่อ ) ฉันว่าฉันชอบไปอ่านบล็อกคนอื่นเอามากๆ ทำให้เราเปิดมุมมองต่อวิธีคิดของเรามากขึ้น มีบล็อกเกอร์หลายคนที่ฉันติดใจเข้าไปอ่านประจำ และเคยเขียนแนะนำให้นิตยสาร OOM ไปแล้ว รวมทั้งเคยพูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมบล็อกเกอร์ไว้ตามหนังสืออย่าง GM หนังสือพิมพ์ Nation หรือนิตยสาร A DAY มาก่อนหน้านี้ ฉันมักจะย้ำในการพูดคุยไปว่า การเขียนบล็อกให้อิสระแก่คนเขียน คุณอยากเขียนอะไรก็เขียนได้ ไม่ต้องรออนุมัติจากบรรณาธิการ บล็อกเกอร์สามารถแสดงตัวตนได้อย่างเต็มที่ และข้อดีที่สำคัญคือสื่อสารกันได้อย่างฉับไว ไม่ต้องรอเวลาอันเป็นข้อจำกัดของนิตยสารหรือหนังสือที่ต้องออกตามเวลาที่กำหนด

ฉันว่าในเมื่อสื่อแบบเมนสตรีมยังสนใจสื่อทางเลือกในรูปแบบของบล็อกเกอร์ขนาดนี้แล้ว ถึงเวลาแล้วที่บล็อกเกอร์ทั้งหลาย ประกาศให้โลกรู้ว่า งานเขียนดีๆ ทั้งหลายก็มีในอินเตอร์เน็ทนะ มีมากด้วย




I started a blog, but when I read yours,
It made me forget what I had started mine for.







 

Create Date : 05 ตุลาคม 2550   
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:19:34 น.   
Counter : 1677 Pageviews.  

ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ - - - ความตายคือการดำรงอยู่




หนังสือที่ฉันรักเล่มหนึ่งอีกเล่มกลายเป็นหนังอีกแล้ว หนังสือเรื่อง ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ เล่มนี้
( ฌ็อง-โดมินิก โบบี้ เขียน แปลจากภาษาฝรั่งเศสโดยวัลยา วิวัฒน์ศร สำนักพิมพ์ผีเสื้อจัดพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรกมกราคม 2541 )



เพื่อนรักคนหนึ่งให้หนังสือเล่มนี้แก่ฉันพร้อมบอกว่า ขอแนะนำโบบี้ที่เธอรักให้ฉันรู้จัก

ฌ็อง-โดมินิก โบบี้ เป็นอดีตบรรณาธิการนิตยสาร Elle เมื่ออายุได้ 42 ปีเขากลายเป็นอัมพาตทั้งตัว มีตาซ้ายเพียงข้างเดียวที่เคลื่อนไหวได้ และขยับศรีษะได้เล็กน้อย แต่สมองเขายังทำงานได้ปรกติ และมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน อาการอัมพาตทั้งตัวทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกกดทับและติดอยู่ในชุดประดาน้ำ แต่ความนึกคิดของเขายังโบยบินเหมือนผีเสื้อ

และนั่นทำให้เขาอยากเขียนหนังสือ

"...ชุดประดาน้ำรัดรึงน้อยลง และแล้วความคิดก็ร่อนเร่พเนจรไปเหมือนผีเสื้อ มีที่จะไปเยี่ยมชมมากมาย โบยบินไปได้ทั้งในมิติสถานที่และเวลา สู่หมู่เกาะแห่งอัคคี หรือเยือนสำนักราชามิดาส

ไปหาเธอผู้เป็นที่รักก็ได้ ไปใกล้ๆ เธอ สัมผัสใบหน้าซึ่งยังหลับไหล จะไปก่อสร้างปราสาทในสเปน ไปเสาะหาขนแกะทองคำ หรือไปค้นหาเกาะอัลลองติ๊ด ไปทำให้ความฝันในวัยเด็กหรือความฝันในวัยหนุ่มเป็นความจริง...
( ชุดประดาน้ำและผีเสื้อหน้า 13 )

โบบี้เขียนหนังสือด้วยการเลิกเปลือกตา โกล๊ด มองดิบิล บรรณาธิการ ผู้ช่วยการเขียนหนังสือของโบบี้จะขานตัวหนังสือให้เขาฟัง เมื่อได้ตัวที่ต้องการโบบี้จะเลิกเปลือกตาขึ้น ทั้งบรรณาธิการและนักเขียนจะทำการผสมคำไปอย่างนี้ทีละตัว --- จนได้หนึ่งคำ--- จนได้หนึ่งประโยค- - - จนได้หนึ่งย่อหน้า --- จนได้หนึ่งหน้า---จนได้หนึ่งบท--- จนกลายเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม



ตัวหนังสือของโบบี้ไม่ได้หดหู่ ไม่ได้ฟูมฟาย มันทำให้คนอ่านตระหนักรู้ความสำคัญของการมีชีวิต ทำให้เรารักความสำเริงสำราญของการมีชีวิตอยู่ ทำให้เราหันมาสำรวจตัวเอง ว่าเราควรมี "งานแห่งชีวิต" ทิ้งไว้แก่โลกบ้าง และที่สำคัญทำให้เราค้นพบว่าข้อจำกัดอันยิ่งใหญ่ของการมีชีวิตอยู่คือความตายนี่เอง ( หลังจากหนังสือเล่มนี้วางขายในประเทศฝรั่งเศสได้ 3 วัน โบบี้ก็เสียชีวิตลง)

หนังเรื่อง ชุดประดาน้ำผีเสื้อ มีชื่อในภาคภาษาอังกฤษว่า The Diving Bell and the Butterfly กำกับฯ โดย จูเลียน ชนาเบล ผู้กำกับ Before night falls และหนังของศิลปินกราฟฟิตี้ Basquiat ชนาเบลได้รางวัลผู้กำกับฯ หนังยอดเยี่ยมจากคานส์ ปีนี้ จากการกำกับฯ หนังเรื่องนี้นั่นเอง The Diving Bell and the Butterfly

โปสเตอร์หนัง




ตัวอย่างหนัง







 

Create Date : 28 กันยายน 2550   
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:20:00 น.   
Counter : 5743 Pageviews.  

- - - On seeing the 100% perfect girl one beautiful April morning - - -

เฉลิมฉลองการได้อิสรภาพทางสายตา ( ได้มาแบบชั่วคราวหรือเปล่าไม่รู้ ?) กับเขาด้วยคน การกลับมาของยูทูบ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพเคลื่อนไหว นั่นเอง

ไปเจอหนังสั้นที่ทำขึ้นมาจากเรื่องสั้นของมูราคามิ On seeing the 100% perfect girl one beautiful April morning ในยูทูบ ตอนแรกตั้งใจจะเสิร์ชหาหนังสือการ์ตูนทำมือของสาวน้อยชาวจีน เป็นการ์ตูนที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องสั้นของมูราคามิเรื่องนี้ หาไม่เจอเสียแล้ว แต่ไปเจอหนังสั้นเรื่องนี้แทน ดูเป็นงานนักเรียน และขำๆ ดี ( แต่คนทำตั้งใจทำนะ ) ฉันขำที่ตัวละครของมูราคามิเป็นหนุ่มสาวชาวสก็อต และถ่ายที่สก็อตแลนด์ แต่อย่างน้อยมันก็ยืนยันว่า หนังสือของมูราคามิครองใจหนุ่มสาวทั่วโลก



อ่านเรื่องสั้น On seeing the 100% perfect girl one beautiful April morningได้ที่นี่
//www.mat.upm.es/~jcm/murakami-perfect.html

สั้นและเศร้าดี เรื่องของมูราคามิเรื่องไหน ไม่เศร้ามั่งหว่า ?

อันนี้ของแถม ใครอยากเห็นหน้าตา นาโอโกะ ลองเข้าไปดูที่นี่
https://www.youtube.com/watch?v=pPxhMDnEMwo
"นาโอโกะ " เป็นหนังสั้นที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่อง " ด้วยรัก ความตายและหัวใจสลาย" จริงๆ ฉันอยากเห็นหน้ามิโดริ มากกว่า ชอบตัวละครแบบมิโดริมาก หนังสั้นเรื่องนี้ใช้เพลงประกอบของ Sigur Ros และ เพลงของ Sonic Youth ซึ่งฉันว่าเข้ากันกับหนังสือเล่มนี้ดี

มูราคามิอีกแล้ว

บล็อกที่เกี่ยวข้อง

นอร์วีเจียน วูดของมูราคามิ และนอร์วีเจียนวูดของ จอห์น เลนนอน เกี่ยวอะไรกันไหม
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=a-wild-sheep-chase&month=11-2006&date=21&group=1&gblog=36

Sputnik Sweetheart - - - ฮารูกิ มูราคามิ - - GOD องค์ใหม่แห่งโลกโพสท์โมเดิร์น
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=a-wild-sheep-chase&month=05-2005&date=10&group=1&gblog=65

คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ : การเดินทางข้ามสองโลก
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=a-wild-sheep-chase&month=05-2006&date=02&group=1&gblog=29




 

Create Date : 14 กันยายน 2550   
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:21:18 น.   
Counter : 2271 Pageviews.  

- - - สง่าและงดงามราวกับ "ไหม" - - -

ได้ข่าวว่าหนังที่สร้างจากหนังสือที่ฉันชอบมากเรื่องหนึ่ง กำลังจะฉายในอเมริกากลางเดือนนี้ ข่าวนั้นทำให้ฉันคิดถึงหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ไหม : อเลซซานโดร บาริกโก เขียน , งามพรรณ เวชชาชีวะ แปล
( ฉบับแก้ไข สำนักพิมพ์ผีเสื้อ พิมพ์ : 2547 )



ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่ตีพิมพ์ครั้งที่หนึ่ง โดยสำนักพิมพ์สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ฉันชอบหน้าปกสีขาวเรียบๆ เมื่อครั้งที่ตีพิมพ์ครั้งแรก
นั้นมาก ยังจำอาการจมหายไปในหนังสือเมื่อ่านคราวนั้นได้ดี โดยพล็อทและบรรยากาศของเรื่อง (ซึ่งเป็นเรื่องย้อนยุค) คนเขียนน่าจะพรรณาด้วยความเยิ่นเย้อ และหนังสือควรจะหนาอย่างยิ่ง

แต่เปล่าเลย ไหมเล่มนี้ มีความหนาเพียงร้อยสามสิบกว่าหน้า คนเขียนและคนแปล ส่งสารให้ผู้อ่านด้วยที่ภาษากระชับและไม่เยิ่นเย้อสักนิดเดียว เวลาอ่านยังรู้สึกได้ว่าคนเขียนใช้เทคนิคของหนังเล่าเรื่อง มีการฟอร์เวิร์ดภาพผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อต้องการเล่าเรื่องอย่างรวดเร็ว และเมื่อต้องการสะกดคนอ่านก็จะโฟกัสนิ่งๆ ให้คนอ่านไล่ภาพอ่านไปอย่างช้า ๆ เน้นๆ

ไหมเริ่มต้นตัวมันเองไว้ว่าอย่างนี้

...ปีนั้น เป็นปี ค.ศ 1861 โฟลแบร์กำลังเขียนนวนิยายเรื่อง "ซาลัมโบ" แสงสว่างจากไฟฟ้ายังเป็นเพียงทฤษฏี และ ณ อีกฟากฝั่งของมหาสมุทร ฮับราฮัม ลินคอล์น กำลังเริ่มสงครามที่ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด
แอร์เว ฌองกูร์ อายุ 32 ปี
เขาซื้อและขาย
หนอนไหม

บาริกโก บอกไว้ในคำนำหนังสือของเขาว่า

นี่ไม่ใช่นิยาย อีกทั้งไม่ใช่เรื่องจริง นี่คือเรื่องเล่า เริ่มต้นที่ชายคนหนึ่งเดินทางข้ามโลก และจบลงที่ทะเลสาบแห่งหนึ่ง อยู่ที่นั่น เช่นนั้น ในวันลมพัดแรง ชายคนนี้มีชื่อว่า แอร์เว ฌองกูร์ ไม่มีใครรู้ว่าทะเลสาบชื่ออะไร

อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องรัก แต่หากเพียงแค่นั้นก็ไม่ควรค่าแก่การนำมาเล่า ในเรื่องยังมีความปรารถนา ความเจ็บปวด คุณก็รู้ดีที่สุดว่าเป็นเช่นไร ทว่าสำหรับชื่อเรียกสิ่งเหล่านี้ แท้จริงแล้วคุณก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่ใช่ความรัก (นั่นเป็นเรื่องเก่าแก่มาก ยามที่คุณไม่มีชื่อเรียกขานสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะใช้เรื่องเล่าแทน เป็นเช่นนี้มาหลายร้อยปี ...)

บางทีอาจต้องอธิบายให้กระจ่างว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าในศตวรรษที่สิบเก้า ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดหวังถึงเครื่องบิน เครื่องซักผ้า และนักจิตวิทยา ไม่มีทั้งสิ้น

ครั้งหน้า อาจจะมี
( ตัดตอนจาก "จากผู้แต่ง" ในไหม หน้า 128-129 )



อเลซซานโดร บาริกโก เกิดที่ตูริน อิตาลี จบการศึกษาด้านปรัชญาและดนตรี ทำงานครั้งแรกในบริษัทโฆษณา ตำแหน่งก็อปปี้ไรเตอร์ และเขียนบทความวิจารณ์ดนตรีให้หนังสือพิมพ์รายวัน "ไหม" เป็นนวนิยายเรื่องที่ 3 ของเขาที่สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการวรรณกรรมอิตาลี ด้วยยอดขายสามแสนเล่มในเวลาอันรวดเร็ว

บาริกโก กลายเป็นดาราดวงเด่น ได้รับความสนใจจากหนุ่มสาวที่ยินดีเฝ้ารอหน้าร้านกาแฟเพื่อขอลายเซ็นมากเป็นพิเศษ เขาสร้างปรากฏการณ์ด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่งดงามจากศิลปะน้อยคำ

ปัจจุบันบาริกโก ยังเขียนหนังสืออย่างสม่ำเสมอ ผลงานเรื่อง Senza sangue ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางอีกครั้ง หนังสือเล่มนี้ของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้วในชื่อว่า "ไร้เลือด" ถ้าไหม แสดงให้เห็นถึง "...ความเจ็บปวดประหลาดนัก ที่จะตายด้วยอาลัยสิ่งซึ่งมิเคยได้สัมผัส" ไร้เลือด อาจจะบอกกับคนอ่านว่า" ...เราปรารถนาจะกลับไปสู่จุดที่ตัวตนเราแตกสลายลง"

อ่านที่นิ้วกลมเขียนถึง ไร้เลือด ได้ที่นี่

//roundfinger.wordpress.com/2007/08/29/

เข้าไปดูตัวอย่างหนังเรื่อง Silk ได้ที่นี่ //www.silkmovie.com/

ฉันเข้าไปดูตัวอย่างแล้ว ไม่ค่อยชอบแฮะ ดูขาดเสน่ห์ความลึกลับบางประการของหนังสือไป




 

Create Date : 10 กันยายน 2550   
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:24:09 น.   
Counter : 2258 Pageviews.  

- - - - - เมนูนักเขียนที่ Vanilla Garden - - - - -

วันก่อน"จอม" วิสาขา ไรวา เจ้าของไอเดียร้านอาหาร สวน และ ร้านหนังสือ อยู่ในที่เดียวกัน Vanilla Garden (นอกจากร้านจะสวยมากแล้วเจ้าของร้านยังสวยจัดอีกด้วย ) บอกว่ากำลังทำเมนูนักเขียน สำหรับร้านสวยเก๋ กลางกรุงของเธอ

อันนี้คือตัวอย่างเมนูนักเขียน ที่เธอกำลังทำอยู่



จอมบอกว่าต้องการประวัติฯ สั้นๆ ของนิ้วกลมด้วย ฉันเลยทำหน้าที่ส่งผ่านตัวหนังสือของนักเขียนหนุ่ม ณ เซี่ยงไฮ้ ลอยผ่านไซเบอร์สเปซสู่กลางซอยเอกมัย 12 - นิ้วกลม บอกกล่าวถึงชีวิตของเขาไว้ดังนี้

นิ้วกลม เกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ จบการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สะพายเป้ออกเดินทางไปโตเกียวหลังลาออกจากที่ทำงานแห่งแรก ผลลัพธ์ของการเดินทางครั้งนั้นคือ โตเกียวไม่มีขา หนังสือเล่มแรกที่เขาเขียนคำอุทิศว่า “แด่ ความฝัน” ปัจจุบันเป็นครีเอทีฟคิดโฆษณาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และเขียนหนังสืออย่างมีความสุข



บรรยากาศส่วนที่เป็นร้านหนังสือของ Vanilla Garden

foneko เคยเขียนถึงร้านนี้ไว้ คลิกไปอ่านได้ค้า

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=foneko&month=07-2007&date=25&group=2&gblog=231



. . .

กระทู้โหวตที่เฉลิมไทยถูกใจฉันอย่างแรง


ซินเดอเรลล่า สโนไวท์ เจ้าหญิงนิทรา แต่งงานกับเจ้าชายเพราะ ‘รัก’ จริงหรือ? ในเรื่องมีบอกไว้ตอนไหนเหรอ?...
กระทู้นั้น มีreply เด็ดๆ อย่าง
ความคิดเห็นที่ 10
" ซินเดอเรลล่า - แต่งงานเพื่อจะได้แก้แค้น พอแต่งแล้วก็มาจับแม่เลี้ยงกับพี่ๆ ไปทรมาน
สโนไวท์ - ความจริงสโนวไวท์เธอมีอายุเจ็ดขวบเท่านั้น เธอโดนเจ้าชายที่เป็นโลลิค่อนหลอก
เจ้าหญิงนิทรา - เธอโดนเจ้าชายลักหลับ เกิดตั้งครรภ์ ต้องปล่อยเลยตามเลย
อ้าว...ลืมไป พูดถึงฉบับดิสนีย์นี่นา ขออภัย ^^;;
จากคุณ : vee vee'

ความคิดเห็นที่ 109

Sleeping Beauty - เราไม่คิดนะว่าเพราะรัก เจ้าหญิงหลับไปตั้ง 100 ปี เชียวนะ ถ้าไม่แก่ ก็ปากเหม็นนะเราว่า 555+ แล้วเจ้าชายมั่นใจได้ไงว่าเจ้าหญิงสวยจริง ตื่นมาแล้วจะรักเจ้าชาย เราว่าเป็นไปไม่ได้นะ ที่จะทำเพราะรัก เราคิดว่าที่เจ้าหญิงแต่งด้วยอาจเพราะ ไม่เหลือใครอีกแล้วก็ได้ คิดดูหลับไปตั้ง 100 ปี ญาติพี่น้องคงตายหมดอ่ะ ไม่แต่งกะเจ้าชายแล้วจะอยู่ยังไงล่ะ จริงมะ

Cinderella - หึ หึ นางนี้เราเห็นชัวร์ว่าแต่งเพราะอิทธิพลของเจ้าชาย ไม่ใช่เจ้าชายบังคับแต่งนะ แต่เธอแต่งเพราะเค้าเป็นเจ้าชายไงล่ะ 555+ หลังจากเป็นคนใช้ในบ้านตัวเองมานาน จู่ ๆ มีเจ้าชายมาหลงรัก ไม่ต้องเป็นคนใช้อีกต่อไปแล้ว แถมยังได้อยู่เหนือแม่เลี้ยงกะพี่สาวใจร้ายอีก ไม่แต่งก็บ้าแล้ว แต่เจ้าชายก็บ้าเนอะ หาเจ้าสาวจากรองเท้า...

Snow White - อันนางนี้เราก็ว่าหาใช่เพราะรักไม่ พ่อหลงเมียใหม่ โดนแกล้งจนต้องระเห็ดออกจากบ้านหนีเข้าป่า!! เรื่องนี้เราว่าคนแคระเก่งนะ ทำโลงแก้วใส่นางนี้ได้ด้วย เจ้าชายผ่านมาคงสงสัยว่าเป็นใครชะโงกไปดู แล้วหลงรัก? ใจง่ายชะมัดเลย นางนี้ไม่แต่งก็กลับบ้านลำบาก สู้แต่งกะเจ้าชายไปแล้วไปอยู่แบบสบาย ๆ ดีกว่าอยู่กะพ่อที่หลงเมียใหม่ ว่าแล้วก็จับเจ้าชายซะเลย

สรุป มันเป็นนิทานกล่อมเด็กนะ ทุกท่าน
จากคุณ : vanishgirl

ใครอยากทำลาย"มายาคติ" แห่งนิทานคลิกไปอ่านโดยพลัน อย่าพลาดความคิดเห็นที่ 274 อย่างเด็ดของคุณ Ginevra ด้วยล่ะ
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5697812/A5697812.html




ยังๆ ไม่พอเรายังโปรโมทนักเขียนคนโปรดของเราต่อไป



"ฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนนามอุโฆษชาวญี่ปุ่นได้กลับบ้านเกิดแล้ว" - ปรีดี หงษ์สต้น แปล -บทความจากนิตยสาร TIME Asia สัปดาห์ที่สอง เดือนสิงหาคม 2007 มาให้แฟนๆ มูราคามิได้อ่านกัน

ไปอ่านได้ที่โอเพ่นออนไลน์ เว็บไซด์ที่เพียบพร้อมด้วยสาระ
//www.onopen.com/2007/editor-spaces/2105

. . .จอห์น อัพไดก์ กล่าวว่า มูราคามิเป็น “นักวาดผู้นุ่มนวลในดินแดนที่ไร้คำนิยาม” บางทีนั่นอาจจะเป็นศักยภาพในการเขียนที่สามารถครองใจคนทั่วโลกได้

“เวลาผมเขียนนิยาย ผมจมลงไปในที่ซึ่งไร้คำนิยาม” มูราคามิกล่าว

จะมีอะไรสากลไปกว่าการเล่าถึงสิ่งต่างๆ อันไร้ชื่อในฝันยามหลับของคนเรา? มูราคามิไม่ได้ให้คำนิยามกับดินแดนซึ่งไร้คำอธิบายนั้น เขาปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นดำเนินไป แต่ให้เพื่อนเดินทางมาแก่คนอ่าน, นั่นคือน้ำเสียงของเขา เพื่อที่เราจะได้ไม่เผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง

เออิโซ มัทสุมูระ ช่างภาพผู้รู้จักมูราคามิตั้งแต่เขาเปิดแจ๊สคาเฟได้เล่าถึงน้ำเสียงนั้น เขามีปัญหาเรื่องการได้ยิน ตามปกติจึงต้องอ่านปากในการสนทนา ยกเว้นญาติและเพื่อนสนิท แต่เขากลับได้ยินมูราคามิอย่างสมบูรณ์ที่สุด

เขาว่า “ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อาจจะเป็นแรงสั่นสะเทือน...หรืออาจเป็นอย่างอื่น”มันอาจฟังดูเป็นภาษากวีเหลือเกิน แต่สีหน้าเปี่ยมสุขของมัทสุมูระไม่ได้โกหก

“ผมได้ยินเสียงเขา มันดังกังวานอยู่เสมอ

ป.ล. ในบทความแปลข้างบนเราจะเห็นการทำงานที๋โคตรจะมีวินัยของมูราคามิ แถมทุกวันนี้เขายังออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการเขียนนวนิยาย ซึ่งมูราคามิบอกว่าต้องใช้พลังงานสูงมาก ( ซึ่งจริงมาก เวลาอ่านนวนิยายของมูราคามิจบลงฉันรู้สึก " หมดพลัง" อยู่เสมอๆ)

คลิกไปอ่านกันโลดค่ะ




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2550   
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:25:59 น.   
Counter : 7018 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]