*~*~*~*~* ชายผู้มีความสุข *~*~*~*~*



ระยะนี้ จขบ.แบกจอบ (Job ) งานอยู่ชิ้นหนึ่ง นั่นคือการจัดทำหนังสือประกอบงาน "มหกรรมความสุข" ซึ่งจะจัดขึ้นที่สวนเบญจศิริ วันที่ 4-5 มีนาคมศกนี้ (ไว้ใกล้วันงานจะมาเล่ารายละเอียดค่ะ )

ด้วยจ็อบชิ้นนี้ จขบ.ต้องถามไถ่ผู้คนเกี่ยวกับเรื่องความสุข (ซึ่งคนแถวๆ นี้ได้โดนรบกวนไปบ้างแล้ว 555 ) เชิญผู้คนมาเขียนความเรียงสั้นๆ เกี่ยวกับความสุขของพวกเขา หนึ่งในผู้คนที่ จขบ.เชิญมาเขียนความเรียงคือ พี่เวียง วชิระ บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน และบรรณาธิการนิตยสาร คน ค้น คน (สำนักพิมพ์สามัญชน ผลิตหนังสือดี ๆ อย่าง ผ่านพบไม่ผูกพัน ของ อาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล )

พี่เวียง ส่งความเรียง ชิ้นนี้มาให้ค่ะ

ชายผู้มีความสุข

บ่อยครั้งเมื่อมีการหวนรำลึกถึงใครบางคนที่ชวนให้คารวะ ในฐานะของผู้รู้จักจัดชีวิตได้ดี-มีความสุข ชายแจวเรือนาม “วาสุเทพ” มักปรากฏขึ้นในห้วงคิดเป็นลำดับต้นๆ เสมอ

เขามีอาชีพแจวเรือรับส่งผู้โดยสารจากฝั่งหนึ่งไปสู่อีกฝั่งหนึ่ง มีกระท่อมที่พักตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายนั้น วันคืนของเขาหมุนวนไปกับการงานอันดูเสมือนซ้ำซากจำเจ ผู้มาใช้บริการผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ขณะที่เขายังคงอยู่

ยามไม่มีผู้ผ่านทาง วาสุเทพมักจะทอดมองผืนน้ำกว้าง สูดกลิ่นอายสายนที สดับฟังสรรพสำเนียงที่ห้อมล้อมรอบกาย กระทั่งผนึกตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง...

ยังไม่ต้องเอ่ยว่า วาสุเทพเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ไม่ดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ศฤงคารอันใด จะว่าเขาไม่มีเพื่อนเอาเสียเลยก็ไม่ใช่ แมกไม้ สายน้ำ กรวดหินดินทราย สายลม ตลอดจนหรีดหริ่งเรไรในยามพลบและล่าสัตว์ในยามราตรี ล้วนเป็นเพื่อนสนิทแน่นกับเขาทั้งสิ้น

และที่สำคัญเหนืออื่นใด เขาพึงใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่

เรียนรู้เรื่องราวของวาสุเทพแล้ว หากไม่อนุญาตให้เชื่อว่า นี่คือชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริง ก็ไม่รู้จะอ้างอิงชีวิตใครมาเอ่ยถึงในกรณีนี้ได้อีก

ขออนุญาตทำความเข้าใจ...
หากถือเอาชีวิตของวาสุเทพเป็นตัวตั้งในแง่ของมนุษย์ที่มีความสุขโดยแท้
ผมพบว่ารวมๆ แล้ว เพราะผู้ชายคนนี้ไม่มีความขัดแย้งหลงเหลืออยู่ในชีวิตสักนิดเดียว
ชีวิตที่ปราศจากความขัดแย้งทุกมิตินี่แหละ ที่ผมเห็นว่า เป็นชีวิตที่ดี-มีความสุข

เช่นนี้ก็ขึ้นอยู่กับ แต่ละคนแล้วละครับว่า เราจะพาตัวเองเดินไปในวิถีเดียวกับวาสุเทพได้อย่างไร

ต้องไปหากันเอาเอง ...

แรงบันดาลใจจาก สิทธารถะ ของเฮอร์มาน เฮสเส


จขบ.อ่านแล้วก็ทอดถอนใจ ผู้ชอบพาตัวเองไปพบความขัดแย้งอย่างจขบ. จะพบความสุขกับเขาไหมนี่



สิทธารถะ (Siddrtha) วรรณกรรมเยอรมันเล่าเรื่องของสองสหายจากตระกูลพราหมณ์ นาม 'สิทธารถะ' และ 'โควินทะ' ผู้แสวงหาความสงบแห่งชีวิต สิทธารถะปฏิเสธที่จะเดินตามรอยพระพุทธองค์ แต่เลือกที่จะแสวงหาธรรมและสัจจะด้วยทางของตัวเอง ส่วนโควินทะได้ตัดสินใจออกบวช แต่ละคนต่างมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง ตอนท้ายเรื่องดูราวกับว่า สิทธารถะ ค้นพบ "อะไรบางอย่าง" จากวาสุเทพ ชายแจวเรือรับจ้างคนนั้น

'สิทธารถะ' ผลงานประพันธ์ของ 'เฮสเส' เขียนขึ้นตั้งแต่สมัยต้นศตวรรษที่ผ่านมา วรรณกรรมเยอรมันเล่มนี้ ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย คนหนุ่มสาวทั่วโลกต่างเคยซาบซึ้งและได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายคลาสสิกเรื่องนี้มาแล้ว เฮสเส ผู้เขียนเรื่องนี้เป็นชาวตะวันตกอีกคนหนึ่งที่หันมาสนใจปรัชญาตะวันออก

สำหรับภาษาไทยมีสามสำนวนแปล สำนวนแรกเป็นของนายฉุน ประภาวิวัฒน พิมพ์เมื่อปี 2510 สำนวนต่อมาเป็นของ 'สดใส' พิมพ์เมื่อปี 2526 และสุดท้ายเป็นสำนวนของ 'สีมน' ซึ่งแปลโดยตรงจากต้นฉบับภาษาเยอรมัน พิมพ์ครั้งแรกปี 2540 สำนักพิมพ์วิริยะจัดพิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 3 ในปี 2547 และได้ตรวจแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้ง

พี่น้องค๊าบ ความสุขของพี่น้องคืออะไรค๊าบ



เพลง Many Rivers to Cross
อัลบัม Cafe del Mar Vol 9



Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 15:55:40 น. 50 comments
Counter : 2425 Pageviews.  

 
ความสุขส่วนหนึ่งอยู่ที่บลอกนี้คับ อิอิ


โดย: me2you วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:10:57 น.  

 
คุณเวียงเขียนดีจังค่า แต่สงสัยว่าไม่มีความขัดแย้งในใจเลย ทำได้จริงเหรอคะ อยากทำได้อ่ะ

อยากรู้ว่าความสุขของพี่ grappa คืออะไรอะค่ะ



โดย: yodmanud^ying IP: 81.132.56.150 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:37:30 น.  

 
ขอแจมเรื่องอิตาลีด้วยคนครับ

ผมเขียนวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง "จอมขโมยลาซานญ่า" เป็นเรื่องเด็กไทยตัวเล็กๆพลัดหลงกับพ่อแม่ที่ฟิเรนเซ่ หนังสือเพิ่งจะออกวางแผง ซีเอ็ดกับบีทูเอสเอาไปวางกับวรรณกรรมแปลซะนี่ กะว่า ตอนต่อไป น้องจอมจะไปเจอกับเลคเตอร์ ฮันนิบาลที่โรม


โดย: ชัยกร หาญไฟฟ้า IP: 202.142.218.111 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:36:11 น.  

 
เรื่องนี้ใช่ที่เค้าเอามาทำเป็นภาพยนตร์มะจ้ะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:42:55 น.  

 
โพสต์ผิดที่เสียแล้ว ที่จริงตั้งใจจะให้อยู่ที่หน้าเดินทางน่ะครับ
เห็นติดตามมูราคามิอยู่ คงได้อ่านเรื่องราวของพี่นพดล เวชสวัสดิ์ในจุดประกาย วรรณกรรมฉบับวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2548 แล้วนะครับ


โดย: ชัยกร หาญไฟฟ้า IP: 202.142.218.111 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:43:38 น.  

 
เฮฮสะเขียนเรื่องนี้ได้ดีมากครับ เหมือนเขาต้องการจะบอกว่า ความสุขมันอยู่เพียงลมหายใจ หรืออยู่ภายในตัวเรานี่เอง ไม่ได้อยู่กับทรัพย์สมบัติอะไร คนที่ประกอบอาชีพต่ำๆ แท้ที่จริงกลับได้พบกับความสุขที่คนรวยไม่อาจหา
ถ้าคุณ Grappa ไปหาอ่านหนังสือของเฮสสะก่อนหน้านี่เช่นเรื่องสั้นก็จะพบว่า เขาเอาของเก่ามาผสมกลายเป็นเรื่องสิทธารถะเยอะเหมือนกัน

ที่คุณถามว่าผมจะไปร่วมประท้วงหรือเปล่า ไม่ได้ครับเพราผมอยู่ต่างจังหวัดและติดงานพิเศษเสาร์ อาทิตย์ที่หาคนทำแทนไม่ได้เลย (ตอบแบบชนชั้นกลางที่เห็นแก่ตัว) แล้วคุณล่ะครับ ?


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:08:05 น.  

 
ความสุขคือการยังพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น อยู่ มี

ส่วนตัวหนู ความสุขคือการอยู่กับหวานใจ (เพราะหนูยังพอใจที่มีเขาอยู่)


โดย: Mutation วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:21:44 น.  

 
ความสุขของตัวเองคือการได้อยู่ในสถานการณ์ที่สงบค่ะ


ได้อยู่กับคนที่รัก ได้อยู่กับสิ่งที่รัก โดยไม่ต้องคำนึงถึงอะไรที่ผ่านตัวเราอยู่ ณ ขณะนั้น



ณ เวลานี้ วันเวลาอย่างนี้ไม่ค่อยอยู่กับเต้ยมานานมากแล้วพี่



ไม่เคยพบองค์ประกอบครบถ้วนแบบ..สงบ อยู่กับคนและสิ่งที่รัก จนทำให้ก่อสุขได้เลย



ไม่ขาดอะไรไปก็ขาดอะไรไปเสมอ (บรรทัดนี้ดูงงๆ มั้ยคะ?)





โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:41:58 น.  

 
น่าสนใจครับ จะลองหาอ่านดู


โดย: gangman IP: 61.7.141.177 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:35:37 น.  

 
ความสุขของผม คือ การได้เห็นคนอื่นมีความสุขครับ.... .... โอ้... มันช่าง นามธรรมจริง ๆ เลยคร๊าบ เจ้านาย


โดย: POL_US วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:47:49 น.  

 
ก่อนหน้านี้คิดว่าชีวิตตัวเองช่างว่างเปล่าเหลือเกิน
ความสุขมันไม่ได้อยู่ที่ว่า'มี' หรือ 'ไม่มี' นะคะ
บางทีก็รู้สึกว่าเรามีพอแล้ว แต่ทำไมยังทุกข์อยู่
จุดมุ่งหมาย แรงบันดาลใจ ก็จำเป็นสำหรับชีวิตเหมือนกัน

เมื่อสองสามวันก่อน ไปดูคอนเสิร์ตมา
มันส์มากค่ะ รู้สึกดีจังเลยที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ดนตรี
มันทำให้เรามีกำลังใจที่จะอยู่ดูโลกต่อไป
แต่อันนี้คงจะเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆในชีวิตนะคะ

ความสุขที่แท้จริงยังหาไม่เจอเหมือนกันค่ะ


โดย: helvetica lover IP: 58.147.70.223 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:36:11 น.  

 
ตอนไม่สบายหนักๆ รอดมาด้วยหนังสือสิทธารถะนี่แหละค่ะ ไม่รู้จะทำอะไรก็อ่านแต่สิทธารถะ ฉบับแปลสำนวนแรกค่ะ

เม้นต์ไม่ตรงประเด็นอีกแล้วค่ะ

วกกลับเข้ามาก็ได้ค่ะ

ความสุขคือเสี้ยวเวลาที่รู้สึกพอเพียงและพอใจค่ะ


โดย: rebel วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:19:04:52 น.  

 
อันที่จริงพระท่านว่าความสุขก็คือทุกข์น้อยค่ะ

สุข=nonทุกข์

แต่คนตอบทำบ่ได้ จึงขอตอบว่าความสุขคือขณะจิตที่ลืมไปว่าตัวยังมีทุกข์ค่ะ


โดย: ลูกสาวโมโจ โจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:21:18 น.  

 
ความสุขของผมคือการที่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก และส่งผลดีให้คนอื่นโดยทำให้คนอื่นมีความสุขและทำให้สังคม อย่างน้อยที่สุด ดีขึ้นบ้างครับ

ผมก็เหมือนคุณกรัปป้าเลย ชอบพาตัวเองเข้าไปพบความขัดแย้งเสมอๆครับ แหะๆ


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:43:36 น.  

 
โหหหหหห

พอนึกว่าถ้ามีคนมาให้ขีดเขียนอะไรเกี่ยวกับความสุขนี่ มันช่างเป็นโจทย์ที่ตอบยากมากๆๆๆ เลยอ่ะค่ะ สำหรับตัวเราเอง คิดๆ ดูแล้วไม่รู้จะเริ่ม จะจบ หรือจะ เอาเนื้อหาตรงไหนรอบๆ ตัวมาเรียงร้อยดี เพราะบางที เวลาที่เรามีความสุข มันเป็นห้วงที่เราจับไม่ได้ มันเหมือนมีรังสีแผ่กระจายอยู่รอบๆ จับต้องไม่ได้ สุขยังไง ก็รู้สึกได้แต่รวมๆ ว่า ตอนนี้เรา happy จัง ซึ่งหลายครั้งมาก เราไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร

แล้วก็หลายครั้งที่เราคิดว่า สิ่งที่เราเผชิญอยู่นั้นเป็นความสุข แต่ลึกๆ ในใจเรากลับไม่รู้สึกเป็นสุขเลยอ่ะค่ะ


งงตัวเองแล้วอ่ะพี่ ขอแสดงความเห็นแค่นี้ก็สุขแล้วค่ะ อิๆๆ


โดย: Le Petit Panx IP: 203.147.55.35 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:04:23 น.  

 
^
^ อ่ะ ข้างบนเห็นด้วยอย่างแรง
หลายครั้ง ๆ รู้สึกว่า ความสุข จับต้องไม่ได้
บางทีถ้าใครถามก็คิดนาน ว่าความสุขคืออะไร รู้สึกว่ามันมาชั่วครั้งชั่วยาม
แล้วหายไป

ไม่เหมือนความทุกข์ ที่โคตรจะเป็นจริง


โดย: grappa วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:44:38 น.  

 
ความสุขคือการค้นพบตัวเอง...
ซึ่งณ บัดนี้ยังหาไม่เจอ

=)


โดย: hunjang วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:10:06 น.  

 
...วันนี้หนึ่งในทีมงานของ มหกรรมความสุข เพิ่งมาทำกลุ่ม "สุนทรียสนทนา"(Bohmian Dialogue) ไปเมื่อตอนหัวค่ำนี้เอง ได้โบรชัวร์งานมาแล้ว น่าสนใจมาก ตั้งใจว่ามีโอกาสจะไปให้ได้

...ความสุขล่าสุดที่เพิ่งสัมผัสได้ภายในอย่างที่แตกต่างออกไป เพิ่งได้มาจากการไปเข้า workshop Mind&Mental development แนวพุทธ ได้อะไรดีๆมาเยอะมาก ทั้งการมีสติตลอดเวลา การรู้จักพอ รู้จักปล่อยวาง

บางครั้งอ่านมาก็เยอะ ฟังมาก็เยอะ เจอมาก็เยอะ แต่มันอยู่ทีแค่ความคิดไม่ได้เข้าลึกไปกว่านั้น ความสุขที่สัมผัสได้ หากเข้าลึกไปถึงใจ มันตอบได้โดยไม่ต้องมีนิยาม

ปล ... อย่างไรก็ดี ขณะนี้กำลังทุกข์เนื่องจาก Blog หายยังไม่มีวี่แววกู้ได้ ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจที่ให้มา


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:28:12 น.  

 
ความสุขก็หาได้รอบตัวนี่แหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการได้กินอะไรอร่อย ๆ การได้ออกไปเห็นภาพคนอื่นแล้วฉุกคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ การได้ใช้เวลากับครอบครัว (แกล้งหลาน อิอิ) หรือแม้แต่การทำงานเสร็จสักชิ้น (แต่ก่อนหน้านั้น มักจะทุกข์ก่อน...เพราะมันไม่เสร็จซะที)

...หรือที่สุขแท้แน่นอน คือสุขจากการช้อปหนังสือ เวลาเจอหนังสือที่หามานาน หรืออ่านถูกหนังสือสนุก มันแสนจะสุขใจ ถือว่าวันนั้นสมบูรณ์แล้ว

จากที่ไปถามในบล็อกนะคะ
ที่บอกว่าเบื่อ คือเบื่อหนังสือรักประเภทเบาหวิวน่ะค่ะ หมู่นี้ออกเยอะเกินไป จนไม่มีพื้นที่ให้แนวอื่นเท่าไหร่ มองไปเป็นแนวนี้หมด วันไหนกะว่าจะเข้าไปแก้เซ็งในร้านหนังสือ เจองี้แล้ว ยิ่งเซ็งเลย


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:11:42 น.  

 
อ่านบรรทัดแรกของคุณเวียง วชิระ ก็นึกถึงสิทธารถะขึ้นมาทันที ชอบสไตล์การเขียนของเฮสเสเป็นพิเศษครับ (แต่ยังหาเวลาอ่านเกมลูกแก้วไม่ได้เลย) นอกจากสิทธารถะแล้วก็ชอบ นาร์ซิสซัสกับโกลมุนด์ครับ

เรื่องความสุขคงไม่ต้องตอบซ้ำนะครับ


โดย: ปรีดา (Aka Prita ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:16:23 น.  

 
อ่านสิทธารถะครั้งแรกตอนเรียนมหา'ลัย หนังสือในห้องสมุดเก่าขาดซอมซ่อมากๆ เป็นสำนวนแปลของนายฉุน จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงพยายามเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง (แต่ก็ไม่เข้าใจ)

อ่านครั้งที่สอง ตอนมีปัญหาและไม่สบายใจมากๆ อ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจ พยายามหาสาเหตุของปัญหาที่มี จนเลิกเศร้าหรือฟูมฟาย และค้นพบว่าสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้มันใช้ได้กับทุกสถานการณ์หรือทุกเรื่องในชีวิตจริงๆ

เล่มที่มีอยู่ปัจจุบัน สำนวนการแปลของสีมน พี่ที่ออฟฟิศเก่าซื้อให้ แต่อ่านใหม่ไปไม่ถึงไหน

ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงวาสุเทพ นึกถึงหนังสือสิทธารถะทุกครั้งเลยค่ะ เหมือนกับตอนนี้ เพราะเป็นหนังสือเล่มสำคัญในชีวิตเลยละค่ะ (ฮ่าๆ ... เลยเขียนตอบซะยาวไง)

ป.ล.ตอนนี้ก็มีความสุขกับเรื่องง่ายๆ อาบน้ำ กินข้าว บลา...บลา แต่ถ้าเอาช่วงที่จิตใจปลอดโปร่ง สบายๆ สุดๆ เป็นตอนที่ทำอาหารทุกที ไม่รู้ทำไมนะคะ


โดย: foneko (fonkoon ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:46:24 น.  

 
Image Hosted by ImageShack.us


โดย: erol วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:08:44 น.  

 
พี่ grappa คะ
นั่งดื่มไวน์คุยกับเพื่อน ก็เป็นความสุขของหญิงเหมือนกันล่ะ ชอบมากๆเลย
ชอบมากกว่าเดินทางอีก

ไว้หญิงกลับไป เราไปนั่งดื่มไวน์คุยกันเนอะๆ


โดย: yodmanud^ying IP: 86.144.28.69 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:42:55 น.  

 
ของอ้วนนะ ความสุขคือ นอนอ่านหนังสือดีๆซักเรื่อง พร้อม เลย์หนึ่งถุง น้ำส้ม Tipco กับเตียงอุ่นๆค่ะพี่ Grappa

ง่ายๆไปป่ะคะ

แล้วพี่ Grappa ล่ะค่ะ


โดย: ที่ได้พบกับเธอ นั่นคือโชคชะตา วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:43:54 น.  

 

หนังสือน่าอ่านที่ว่านี่จัดว่าอยู่ในประเภทหนังสือให้กำลังใจด้วยหรือเปล่าคะนี่

ความสุขของหนูคือการคงอยู่อย่างมีตัวตนแต่แบนเรียบและไร้ซึ่งความสนใจค่ะ
ยังไงก็แล้วแต่ หนูคิดว่านี่ไม่ใช่ความสุขของหนูจริงๆหรอกค่ะ หนูคิดว่า ความสุขยังไงก็เป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นถ้อยคำได้ยาก หรือบางทีอาจจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มันต้องอธิบายด้วยความรู้สึกมากกว่ามังคะนี่
แต่บางครั้งหนูก็คิดว่า ชีวิตหนูไม่จำเป็นต้องมีความสุขมากมายอะไรขนาดนั้นก็ได้ ไม่อยากหวังอะไรนักหนา ขอแค่ไม่ทุกข์ ก็เพียงพอแล้วค่ะ


โดย: Crisis IP: 203.148.177.210 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:40:53 น.  

 
ความสุขของผมมีหลายอย่างครับ ที่เห็นชัดๆ ว่ามีความสุขคือได้ทำอะไรที่ตัวเองรัก

ความสุขแบบนี้ก็มีนะครับ เช่นการยิ้มกับกระจกก่อนออกจากบ้าน แล้วบอกกับตัวเองว่า "วันนี้จะเป็นวันดี" -- ของเรา



โดย: BAYROCKU วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:29:27 น.  

 
ความสุข มันมีหลายรูปแบบจังค่ะ
อธิบายไม่ถูกว่าสุขคืออะไร
รู้แต่ว่าสุข มีความสุขในใจ
เหตุ ปัจจัยที่ทำให้สุข อธิบายง่ายกว่านะคะ
แต่สุขคืออะไร อธิบายยากจัง


โดย: Black Tulip วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:34:10 น.  

 
เปนเรื่องนึงที่ชอบของเฮสเสเหมือนกันเลยฮะ แต่ถ้าพูดเรื่องความสุขแล้ว ผมชอบการคิดอย่างมีความสุขแบบวินนี่เดอะพูห์มากกว่า อิอิ


โดย: ศล IP: 203.159.36.10 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:34:36 น.  

 
เคยเห็นและลองเปิดๆหนังสือเล่มนี้เหมือนกันครับ ปกอันนี้เลยล่ะ แล้วไม่ได้ซื้อ เพราะผมอคติไปว่าชาวตะวันตกชอบตีความพุทธศาสนาหรือพุทธประวัติผิดๆตามมุมมองของตน (ตามที่เห็นกันบ่อยๆ) เลยไม่ได้สนใจเล่มนี้อ่ะครับ อีกอย่างเห็นเล่มมันบางๆด้วย ไม่คุ้ม 555 (อันหลังนี่เหตุผลหนักแน่นกว่า)

เพิ่งสังเกตว่าคุณสีมนเป็นผู้แปล เลยจำได้ว่าเคยอ่านงานเขียนของเธอ ที่เกี่ยวกับร้านอาหารไทยของเธอสนุกดีอ่ะครับ


โดย: คูต้าว IP: 203.113.0.193 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:45:04 น.  

 
ตอบยากมากเลย คิดอยู่นานว่าจะตอบว่าอะไร แต่ก็คิดไม่ออก

ตอนนี้ฟังเพลงอยู่ก็มีความสุขดี แต่ไม่ได้สุขเพราะเพลงอย่างเดียว มันประกอบกับใจที่มันพร้อมจะมีความสุข แต่ถ้าไม่ได้ฟังเพลงนี้(ที่เนื้่อหามันน่ารัก ฟังแล้วชวนยิ้ม) ก็คงไม่ได้รู้สึกว่ามีความสุข
เขียนเองก็งงเองนะคะเนี่ย ฮือ

สิทธารถะ นี่ได้มาเป็นสิบกว่าปีแล้ว อ่านตอนแรกก็ไม่ชอบ อ่านไม่จบด้วย(อาจจะเพราะยังเด็กหรือเปล่าไม่รู้)
อยู่ๆมาวันนึงก็มีคนๆนึงบอกว่าจะมาอ่านหนังสือเล่มนี้ให้ฟังนะ เพราะมันเป็นหนังสือเล่มโปรดของเขา อย่าเพิ่งอ่านเอง จากบัดนั้นจนถึงบัดนี้ เขาคงลืมไปแล้วว่าเขาติดสัญญาว่าจะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้ใครฟัง...


โดย: DropAtearInMyWineGlass วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:02:18 น.  

 
ความสุข ไม่รู้สิครับ แล้วแต่อารมณ์มั้ง

บางทีนั่งเฉย ๆ ก็มีความสุขแล้ว.....



อย่างที่ไม่มีใครรู้ ฉันเดินมองดูข้างทาง
ออกเดินไปพลาง ฉันฮัมเพลงที่ชอบใจ
ไม่ต้องมีใครรู้ ฉันมีความสุขเท่าไหร่
ต่อให้ไกลแค่ไหน ยังมีเธออยู่ข้างกัน ทุกวันเวลา


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:18:08 น.  

 
ผมชอบความสุขครับ แต่มักมีความทุกข์เป็นเพื่อนเสมอ

ผมไม่เกลียดความทุกข์หรอกนะ เพราะมีความทุกข์ ก็เลยทำให้รู้ว่าความสุขเป็นอย่างไร และสำคัญแค่ไหน

ขออย่างเดียวขอแค่สุขบ่อยๆ และทุกข์นานๆครั้งเท่านั้น กำลังพยายามอยู่ครับ


โดย: ป้อจาย วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:30:20 น.  

 

ความสุขคืออะไร
ตอบยากจังค่ะพี่

ความสุขในแต่ละช่วงเวลา
ก็ไม่เหมือนกันนะคะ
บางทีความสุขในวันนี้
ก็กลายเป็นความทุกข์ในวันหน้าก็มี

บี๋ว่า การไม่เป็นทุกข์นี่ก็เป็นความสุขอย่างนึงเหมือนกันนะพี่นะ

ปล.ที่บ้านบี๋น่ะ โป๊ยเซียนเยอะมากค่ะ
แม่ปลูกไว้เพียบเลย มีเกือบครบทุกพันธุ์ล่ะมั๊ง หวงซะด้วยนะ


โดย: ยัยบี๋ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:19:41:41 น.  

 
ขอเป็นอีหนึ่งคนที่เข้ามาอ่านบลอกนะครับ

ผมสงบ ดื่มด่ำ กับงานของเฮอร์มานน เฮสเส มากเลยครับ เช่น steppenwolf

คงคล้ายกับที่พี่เมฆบ้าเคยพูดกับผมว่า ความจริงกูรูตะวันตกท่านนี้ เป็นปราชญ์ตะวันออกโดยแท้ หากเขาก้าวพ้นทวิภาวะทางความคิดได้

เมื่อก้าวข้ามแล้ว คำว่า"ความสุข"ก็จะสลายไป

จึงยังความสุขที่แท้

มี ไม่มี จึงมี

ชอบครับ ชอบ (อุ้ยก้าวไม่พ้นทวิภาวะอีกแล้ว)

จากเด็กทุกข์คนหนึ่งครับ แล้วได้หนังสือเหล่านี้แหล่ะเพื่อเติบโต


โดย: soulseeker IP: 202.28.88.253 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:19:46:15 น.  

 
ฮัลโหล เทสต์ 123


โดย: rebel วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:43:43 น.  

 
''ชีวิตที่ปราศจากความขัดแย้งทุกมิตินี่แหละ ที่ผมเห็นว่า เป็นชีวิตที่ดี-มีความสุข''

ชอบคำพูดนี้จังเลยครับ ส่วนตัวเเล้วผมก็เป็นคนประเภทเฉื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่องข้องเกี่ยวกับใครนี่เลยมักไม่เกิดความขัดเเย้ง เพราะความไม่กระตือรือร้นของตัวเองนี่หล่ะครับ หลายๆคนเลยมักบ่นว่าปล่อยๆไอบ้า(ตัวผม)นี่ไปเถอะ 55

ความสุข ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ บางเรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นความสุขได้ ก็เป็นความสุข ทุกวันนี้ผมเลยไม่คาดหวังอะไรมากครับ สุขก็ทุกข์ได้ ทุกข์ก็สุขได้ หลายอย่างมักกลับกันเสมอในความคิดของผม ตอนนี้ปล่อยเลยตามเลยครับ บางทีความสุขทั้งหมดอยู่ที่ใจเราเป็นตัวตัดสินในโอกาสนั้นครับ



โดย: Dark Secret วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:47:15 น.  

 
ความสุขเป็นยังไง แต่ละคนก็ว่ากันไป ในส่วนตัวคิดว่าเมื่อเลิกคิดจะหาความสุขแล้วนั่นแหละคงจะใกล้ความสุขที่แท้เข้าไปบ้าง ถ้าจะว่าเป็นสภาวะก็คือเวลาที่เราไร้ความกังวล ด้วยประการทั้งปวงกระมัง


ส่วน Siddhartha นั้นเคยได้ยินมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่แต่ไม่เคยได้อ่านหนังสือสักที จนเมื่อได้ดูหนังที่ Conrad Rooks ทำออกมานั่นแหละถึงได้ชอบเรื่องนี้มากทำให้เลิกล้มความคิดที่จะอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ไปเลย เพราะนอกจากภาพจะสวย (ถ่ายโดย Sven Nykvist) แล้วตัวหนังก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว และได้ซาชิ การ์ปูร์ มาแสดงเป็นสิทธารถะด้วย ความจริงวาสุเทพฯ หาได้มีความหมายอย่างใดต่อสิทธารถะไม่ หากชะตาชีวิตของเขาไม่ได้ผกผันและผ่านอะไรต่างๆ มาก่อน


โดย: bellerophon วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:25:27 น.  

 
ความสุข
มันแล้วแต่ว่าเป็นระดับไหนค่ะ

ระดับแรก
ก็คงใจและกายเราเป็นสุข เห็นแก่ตัวเองน่ะค่ะ

ระดับต่อมา
น่าจะเป็น อยากให้ผู้อื่นมีความสุข

***
สำหรับเราน่าจะเป็น
การทำให้ประเทศไทยสูงขึ้น
หรือภาวนาให้ดินช่วยสูบใครบางคนลงไปน่ะค่ะ



ออกแนวโหดเล็กน้อยนะคะ


โดย: quin toki วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:02:01 น.  

 
ความสุข คือ การคิดบวกกับสิ่งรอบตัวไม่เก็บเรื่องรกๆ มาคิด


โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:13:09 น.  

 
ขอบคุณมากๆเลยนะจ้ะที่ให้กำลังใจจ้า


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:38:36 น.  

 
อืม.. ความสุขคืออะไร?
ตอบยากเหมือนกันครับ

รู้อยู่อย่างเดียวว่าตอนนี้
ความสุขของตัวเอง คือ การได้ดูหนัง + ฟังเพลง / ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

...ส่วนความทุกข์ของตัวเอง คือ การเรียนหนังสือ (ฮา)

ป.ล.
เมื่อวันก่อน เพิ่งได้ดู The House of Sand ไป ตัวหนังพูดถึง "ความสุข" ได้น่าสนใจเหมือนกันครับ

*SPOIL*****





หนังเล่าถึงชีวิตของสองแม่ลูก (แม่และออรีอา) ที่จู่ๆ ก็จับพลัดจับผลู ต้องมาตกระกำลำบากอยู่กลางทะเลทราย ...ณ ตอนนั้น พวกเธอรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ...ในทุกๆ อณูของความคิด พวกเธอจึงคิดแต่เพียงคำว่า "หลบหนี" เท่านั้น - กับการหนีไปสู่เมืองหลวง และการหนีไปสู่ที่ที่พวกเธอจะได้พบกับ "ความสุข" อีกครั้งหนึ่ง....

อย่างไรก็ดี โชคชะตากลับเล่นตลกกับทั้งสอง เพราะจู่ๆ ตัวผู้เป็นแม่ก็ถูกกองทรายทับจนตาย ...และคนลูก (ออรีอา) ก็ดันมาคลอดลูกกลางทะเลทราย!
โถ่... ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน

แต่ ....นี่ยังไม่โหดร้ายสักเท่าไหร่หรอกนะ
เพราะสิ่งที่โหดร้ายยิ่งกว่า คือ สองแม่ลูก (ในอีกรุ่นหนึ่ง) ต้องทนติดแหง็กอยู่กลางเนินทรายแห่งนี้ เป็นเวลามากกว่าสิบปี!

สิบกว่าปี กับการไม่ได้ยินเสียงเพลง
สิบกว่าปี กับการอยู่ในสังคมป่าเถื่อน ไร้ความศิวิไลซ์

มันช่างเป็น "ความทุกข์" ที่แสนสาหัสเสียเหลือเกิน อย่างไรก็ดี ในที่สุด ฟ้าก็เมตตา

เพราะในที่สุดตัวลูกสาวของออรีอา ชื่อว่ามาเรีย ก็ได้รับการช่วยเหลือจากนายทหาร

ใช่แล้ว... เธอจะได้หลุดพ้นจาก "ความทุกข์" นี้ซะที

แต่...
เมื่อเวลาผันผ่าน
หลังจากที่มาเรียได้ไปใช้ชีวิตอยู่ ณ เมืองหลวงหลายปี ในที่สุด เธอก็ได้กลับมาหาแม่ของเธออีกครั้ง

ในวันนั้น เธอเล่าเรื่องหลายอย่าง เช่น "ตอนนี้ มนุษย์สามารถไปถึงดวงจันทร์ได้แล้วนะคะแม่"

แม่ก็ถามว่า "แล้วพวกเขาได้เจออะไรหรือเปล่า พวกเขาเด็กลง (ตามทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์) ไหม?"

มาเรียก็ตอบแม่ว่า "No, Nothing - ไม่หรอก พวกเขาไม่เจออะไรเลย - สิ่งที่พวกเขาเจอ มีแต่ทราย..."

เมื่อมาเรียตอบอย่างนั้น สีหน้าของผู้เป็นแม่ดูผิดหวังเล็กน้อย ...แต่เอาเถอะ นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก เพราะอย่างไรเสีย ทั้งคู่ก็ยังคงสนุกสนานกันอยู่ เพราะกาลเวลาทำให้พวกเธอทั้งสองรู้ว่า

จริงๆ แล้ว "ความสุข" ของพวกเธอไม่ได้อยู่กับการอยู่ในที่ที่เจริญ
และจริงๆ แล้ว "ความสุข" ของพวกเธอไม่ได้อยู่ที่อายุที่อ่อนเยาว์ลงเลย
เพราะจริงๆ แล้ว "ความสุข" ของพวกเธอ มันอยู่ที่นี่ ...ที่ที่สองแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้า และที่ที่สองแม่ลูก มีความเข้าใจซึ่งกันและกันนั่นเอง


โดย: it ซียู IP: 161.200.83.138 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:56:22 น.  

 
สวัสดีเช้าวันศุกร์ค่ะ คุณแกร๊ป



โดย: Black Tulip วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:00:50 น.  

 
ชอบเล่มนี้มากๆเหมือนกันค่ะ

ความสุข...คือ เวลาที่ไม่มีเรื่องต้องกังวล ต้องคิด ค่ะ (คิดว่างั้นนะ อิอิ )


โดย: เสือจ้ะ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:05:21 น.  

 
หวัดดีครับ

อืม เพิ่งจะทราบว่ามีฉบับแปลของคุณ นายฉุน ประภาวิวัฒน ด้วย ^^

ได้อ่านแต่ฉบับแปลของคุณสีมนอ่ะครับ
เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ชอบมาก ๆ

อยากอ่าน Narcissus and Goldmund มาก
แต่เคยพยายามหาอ่าน แล้วหาไม่ได้

เห็นด้วยและรู้สึกเหมือนกันกับคุณเวียงอ่ะครับ
ว่าชีวิตที่ไม่มีความขัดแย้งในทุกมิติ คือ ความสุข

เกี่ยวกับ "สิทธารถะ" ของเฮอร์มาน เฮสเส
ผมมีความรู้สึกว่า ...
สิทธารถะ ของเฮอร์มาน เฮสเส
ไม่เชิงเน้นไปที่การค้นหาความสุข
แต่เน้นไปที่ การค้นหา และค้นพบ ด้วยตัวเอง มากกว่า ล่ะครับ

อาจจะเรียกว่า เป็นการค้นหาวิถี และค้นพบวิถี (The Way) ของตนเอง ด้วยตนเอง

ไม่ว่าสิ่งที่ค้นพบนั้นคืออะไร
แต่หากพบแล้ว และ ด้วยตัวเอง
ก็คือพบแล้ว

และหากมิใช่ ด้วยตัวเอง
ถึงอย่างไร ก็จะไม่มีวันเข้าใจ ตลอดไป

ความคิดเห็นโดยส่วนตัว
คิดว่า นั่นเป็น theme หลักของหนังสือเล่มนี้อ่ะครับ ^^


โดย: เดินสองดวงจันทร์ IP: 218.170.122.90 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:36:01 น.  

 
อ่านงานของเฮสเสทุกเล่มแล้ว ชอบมาก แต่ต้องอาจารย์สดใสแปลเท่านั้นค่ะ เพราะได้อรรถรสและลึกซึงกินใจมากกว่าเพราะสดใสได้รู้จักตัวเฮสเสโดยผ่านตัวละครที่ละตัวจนมาถึงเล่มท้ายๆที่แสดงถึงการตกผลึกด้านความคิดของเฮสเสอ่านสิทธารถะแล้วต้องอ่านนาร์ซิซัส กับโกลด์มุนด์ และทุกเล่มของเฮสเสแล้วจะได้อะไรเยอะมาก เหมือนการได้เปิดโลกใหม่ให้กับตัวเอง


โดย: อะตอม IP: 125.25.69.144 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:33:00 น.  

 
อ่านงานของเฮสเสทุกเล่มแล้ว ชอบมาก แต่ต้องอาจารย์สดใสแปลเท่านั้นค่ะ เพราะได้อรรถรสและลึกซึงกินใจมากกว่าเพราะสดใสได้รู้จักตัวเฮสเสโดยผ่านตัวละครที่ละตัวจนมาถึงเล่มท้ายๆที่แสดงถึงการตกผลึกด้านความคิดของเฮสเสอ่านสิทธารถะแล้วต้องอ่านนาร์ซิซัส กับโกลด์มุนด์ และทุกเล่มของเฮสเสแล้วจะได้อะไรเยอะมาก เหมือนการได้เปิดโลกใหม่ให้กับตัวเอง


โดย: อะตอม IP: 125.25.69.144 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:33:55 น.  

 


โดย: เอ็ม IP: 58.8.181.212 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:44:13 น.  

 
หวัดต่อเย็น


โดย: เอ็ม IP: 58.8.181.212 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:45:17 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:8:49:24 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:3:32:58 น.  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]