|
|
ทำอย่างไรให้โง่ : นั่นสิทำอย่างไรดี ?????
ทำอย่างไรให้โง่ Martin Page เขียน อธิชา มัญชุนากร (น.ส.) แปล จาก Comment je suis devenu stupide
เนื่องจากเดือนนี้ เป็นเดือนแห่งเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส ณ กรุงเทพ ( The French Cultural Festival in Bangkok ) จัดขึ้นวันที่ 6-24 มิถุนายน 2548 ศกนี้ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ (หรืออีกนัยหนึ่งคือการหาเรื่องเชื่อมโยง ) จึงหยิบหนังสือที่แปลจากภาษาฝรั่งเศสมาแนะนำกันค่ะ
จริงๆ แค่ชื่อหนังสือก็ "ฮือฮา" พอสมควร น่าจะเหมาะกับคนแถวๆ นี้ เรื่องเริ่มต้นด้วยชายหนุ่ม อองตวน ผู้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เขา โง่ มากขึ้นเขาค้นพบว่าความฉลาดทำให้เขาเครียดมาก ความรู้ที่เขามีอยู่ทำให้เขาเป็นคนคิดมาก อย่างเช่นถ้าเขาจะซื้อเสื้อผ้า เขามักจะตรวจดูว่าผลิตจากโรงงานไหน เขาไม่อยากจะส่งเสริมโรงงานที่ใช้แรงงานเด็ก (เหมือนโรงงานของไนกี้ที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตสินค้ากดขี่แรงงานเด็กในเอเชีย) แค่จะกินมันฝรั่งทอดสักชิ้นอองตวนก็ไม่สามารถหยุดคิดถึงประวัติศาสตร์ที่นองเลือดของมันฝรั่ง นึกถึงชีวิตของผู้คนที่ต้องสังเวยชีวิตในอารยธรรมอาซเต็ก และความน่าสะพึงกลัวที่เกิดขึ้นในไอร์แลนด์ นี่คือตัวอย่างความยากลำบากในชีวิตประจำวันที่เขาต้องพบเจอ
วันนึงเขาตัดสินใจที่จะตัดขาดจากความฉลาด เขาอยากติดเหล้า แต่เขาเลือกไปห้องสมุดก่อนเพื่อที่จะค้นคว้าว่าประวัติศาตร์อัลกอฮอล์ เริ่มต้นเมื่อใด เหล้าสัมพันธ์กับมนุษยชาติมาตั้งแต่หนไหน ฯลฯ เขาพยายามฆ่าตัวตาย โดยการเลือกเทคคอร์ส หลักสูตรการฆ่าตัวตายโดยอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ เขาพยายามเก็บข้าวของทุกอย่างที่อาจจะกระตุ้นความคิดเขาไม่ว่าจะเป็นนวนิยายร้อยกว่าเล่ม ตำรา พจนานุกรม แผ่นเสียง วรรณคดี โปสเตอร์หนัง รูปภาพของคนที่เป็นวีรบุรุษของเขา ฯลฯ ลงกล่องไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อนของเขา ซึ่งเพื่อนก็ยินดีรักษาขุมสมบัติทางวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้เป็นอย่างดียิ่ง
เขาพยายามแม้กระทั่งเสนอให้หมอผ่าตัดกลีบสมองบางส่วนของเขาออกไป เพื่อว่าเขาจะได้คิดน้อยลง
แต่ความพยายาม "โง่ "ของเขามาสำเร็จลงที่ยากล่อมประสาทชนิดที่ชื่อ เออโรซัค เมื่อเขาได้เสพย์ยาชนิดนี้ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
........................ ( แต่ดิฉันกำลังคิดว่า ตัวเองน่าจะเหมาะกับหนังสือ "ทำอย่างไรให้ฉลาด " มากกว่า 555555 )
สำหรับหนังในเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศสคราวนี้ดูไปแล้วสองเรื่องคือ Léquipier (The light) หนังของผู้กำกับ Philippe Lioret (2004 ) : Comedy drama
ค่อนไปทางชอบหนังเรื่องนี้พอสมควร "ประภาคาร" ที่ปรากฎในหนังสวยงาม ช่วยเติมความฝันที่อยากเขียนสารคดีเรื่อง "ประภาคาร"ให้ดิฉันได้มากโข เรื่องย้อนไปในปี 1963 เมื่อคนแปลกหน้าต่างถิ่น เข้ามาในเมืองริมชายทะเลห่างไกล เขาเข้ามาทำงานเป็นคนเฝ้าประภาคารให้กับเมืองนี้ การปรากฎตัวของเขานำความเปลี่ยนแปลงมาสู่หญิงสาวคนหนึ่ง สู่ครอบครัวๆ หนึ่ง และสู่ผู้คนในเมืองเล็กๆ ที่มีประภาคารสวยเหลือเกินเมืองนี้
และเมื่อ "คนแปลกหน้า" คนนี้บอกว่าเขาเคยเป็นทหารที่ถูกส่งไปรบที่อัลจีเรีย (สมัยที่ยังเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส) ทำให้ดิฉัน "กรี๊ด" อยู่ไม่น้อย เขาเคยเป็นทหารที่ทำหน้าที่ "บดมือ" คนอาหรับท้องถิ่นที่โดนทหารฝรั่งเศสจับมาสอบสวน หลังๆ เขาเกลียดหน้าที่ของเขา ทหารฝรั่งเศสด้วยกันคิดว่าเขากระด้างกระเดื่องต่อกองทัพ มือข้างนึงของเขาเลยโดนบดเสียเอง คนฝรั่งเศสชาตินิยมจัดๆ มักจะไม่เห็นด้วยกับการปลดปล่อยอัลจีเรีย ดิฉันไม่ชอบการคลั่งชาติ หนังรักเรื่องนี้จึงได้ใจดิฉันไปเต็มๆ และมันทำให้ดิฉันคิดถึงนักเขียนคนโปรด อัลแบร์ กามูส์ อัลจีเรียเป็นที่เกิดของเขา อ้อ แมวในเรื่องนี้ยังเล่นหนังดีเลยค่ะ มันเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่ดิฉันชอบมากเวลามันโผล่มา เป็นแมวที่อาศัยอยู่ในประภาคาร
Comme une image (Look at me) หนังของผู้กำกับ: Agnès Jaoui (2004 ) : Comedy drama
รู้สึกเฉยๆ กับหนังเรื่องนี้ ขำตามฝรั่งได้ไม่ค่อยมีปัญหาว่าไม่เก็ทมุขที่ฝรั่งขำ คือหัวเราะหึๆ ไปกับเรื่องได้ เรื่องเล่าเชื่อมโยงคนสองสามครอบครัวเข้าด้วยกัน แต่ละคนในเรื่องต้องการยอมรับจากบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวที่ต้องการความเอาใจใส่จากพ่อ คู่สามีภรรยาที่ต้องการรับฟังกันมากว่านี้ คู่รักที่ต้องการความเข้าใจกันมากขึ้นแต่โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ก็ให้ความรื่มรมย์ได้ระดับหนึ่ง (ไม่มากนัก) ชอบฉากคอนเสิร์ตในโบสถ์เล็กๆ มากทีสุด
(หนังทั้งสองเรื่องที่ดูถูกจัดให้อยู่ในประเภท Comedy drama แต่ไม่คิดว่า The Light เป็นหนัง Comedy เท่าไรนัก ส่วนเรื่องหลังได้ความหมาย Comedy drama ชัดเจน ปรกติเรื่องทำนอง" รักชวนหัว " นี่จะเข้าทางดิฉันพอสมควร แต่เรื่องนี้ "ไม่สนุก" อย่างที่ตั้งความหวังไว้เท่าไรนัก )
แต่หนังเรื่องนี้ก็ทำให้ดิฉันแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อย โดยปรกติดิฉันไม่ค่อยถูกชะตากับหนัง "พูดมาก" เท่าใดนัก แต่เรื่องนี้เป็นหนังพูดมากที่ทำให้ดิฉันไม่เบื่อ และติดตามฟังอย่างใกล้ชิด ตัวละครในเรื่องสื่อสารวิธีคิดของตัวเองผ่านการพูดตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าพูดกับคู่สนทนา พูดกับโทรศัพท์ หรือพูดกับวอยซ์เมล์บอกซ์ ตัวละครในเรื่องต้องการ "การรับฟัง" จากคู่สนทนาอยู่สูง และน่ายินดีที่บทสนทนาในเรื่องนี้ทำให้ดิฉันเพลิดเพลินในการฟังอยู่ไม่น้อย
Feux rouges (Red lights) Cédric Kahn 2004 : Thriller
หนังเรื่องนี้เซอร์ไพร์สดิฉันพอสมควร แค่ดูหนังเรื่องนี้ในชั้นแรกก็ได้ความตื่นเต้นแล้ว เรื่องเริ่มต้นเมื่อสามีภรรยาคู่หนึงกำลังเดินทางโดยทางรถยนต์ (สามีเป็นคนขับ ) เพื่อไปรับลูกจากค่ายพักร้อนที่กลับมายังปารีส ระหว่างทางสามีก็แวะเพิ่มอัลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายเป็นพักๆ
และเมื่อการเดินทางของสามีภรรยาคู่นี้ ไกลออกจากเมืองปารีสไปเรื่อยๆ คนดูก็พบว่าชีวิตคู่ของพวกเขาคงใกล้ถึงจุดอวสานแล้วแน่ๆ และในเวลาต่อมาหนังก็ทำให้เราตื่นเต้นขึ้นไปมากกว่าการลุ้นให้คนขับรถที่กำลังเมาให้บังคับรถแล่นตรงทาง เมื่อพบว่าระหว่างทางของสามีภรรยาคู่นี้ มีคนแหกกำลังคุกคนนึงอยู่บนเส้นทางเดียวกับเขา และตำรวจก็กำลังตามล่าชายคนนี้อยู่
แต่สิ่งที่ทำให้ดิฉันตื่นเต้นกับหนังเรื่องไปอีกชั้นนึงนี้ก็คือ หนังมันเล่นกับความจริง-ความลวงอยู่สูง เพราะสักพักเมื่อเรื่องเริ่มดำเนินไปเกินครึ่งเรื่อง หนังก็ทำให้เราพบว่าเราอาจจะกำลังอยู่ใน "ภาพลวงตา " หรืออากร ประสาทหลอนของผู้ชายคนนึงอยู่หรือเปล่า อาการกำกึ่งของความมีสติ-ไม่มีสติ ของผู้ชายคนนี้ปรากฏอยู่ในหนังสูงมาก และเราต้องคาดเดาอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งที่เราเห็นในหนังขณะนี้อันไหนจริง อันไหนไม่จริง อันไหนเป็น "แฟนตาซีของคนเมา/ผู้ชายคนนึง"หรือ อันไหนคือเรื่องจริง คำถามเหล่านี้ เกิดเป็นระยะเมื่อหนังใกล้ๆ จบลง
แถม ตอนนี้ดิฉันยังคิดด้วยว่าจินตภาพที่อองตวนผู้สามีมีต่อโจรแหกคุกแขนเดียวในเรื่องคือ สิ่งที่เขาอยากกระทำกับภรรยาของเขา ช่างเป็นการสะท้อนปมทางจิตวิยาของชีวิตคู่ได้ดีจริงๆ
แต่หนังก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจคนดูมากนัก จบลงด้วยอาการที่ส่อเค้าว่าจะมีสิ่งดี ๆเกิดขึ้นต่อไปของสามี-ภรรยาคู่นี้
โอ นี่เป็นหนัง ทริลเลอร์ที่สะท้อนปมปัญหาอันกดทับชีวิตคู่ที่ดีมากเรื่องนึงทีเดียว
Create Date : 13 มิถุนายน 2548 |
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 17:26:06 น. |
|
30 comments
|
Counter : 1843 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:1:23:28 น. |
|
|
|
โดย: ปีกที่ไม่อาจจะโบยบิน (WhaT iT'S W๐l2tH ) วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:1:56:26 น. |
|
|
|
โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:2:54:26 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:8:58:47 น. |
|
|
|
โดย: msg.diaryhub IP: 203.150.202.66 วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:9:30:20 น. |
|
|
|
โดย: rebel IP: 203.155.129.130 วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:10:22:24 น. |
|
|
|
โดย: gata วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:10:26:55 น. |
|
|
|
โดย: it ซียู วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:12:08:31 น. |
|
|
|
โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:16:25:00 น. |
|
|
|
โดย: peppy_ant วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:16:47:09 น. |
|
|
|
โดย: นกซิลล่า IP: 202.44.32.9 วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:16:52:59 น. |
|
|
|
โดย: it ซียู วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:17:10:16 น. |
|
|
|
โดย: มิว (Mutation ) วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:19:47:14 น. |
|
|
|
โดย: it ซียู IP: 161.200.255.162 วันที่: 14 มิถุนายน 2548 เวลา:6:05:42 น. |
|
|
|
โดย: underdog(พ่อน้องโจ) IP: 203.156.71.219 วันที่: 15 มิถุนายน 2548 เวลา:1:58:32 น. |
|
|
|
โดย: it ซียู วันที่: 15 มิถุนายน 2548 เวลา:8:51:24 น. |
|
|
|
โดย: ปิ่น ป. IP: 72.19.122.220 วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:1:27:17 น. |
|
|
|
โดย: Mutation วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:18:49:58 น. |
|
|
|
โดย: Mutation วันที่: 17 มิถุนายน 2548 เวลา:20:20:09 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 18 มิถุนายน 2548 เวลา:0:13:20 น. |
|
|
|
โดย: คุณน้องเต้ (คุณน้องเต้ ) วันที่: 18 มิถุนายน 2548 เวลา:0:24:40 น. |
|
|
|
โดย: Mutation วันที่: 19 มิถุนายน 2548 เวลา:14:01:30 น. |
|
|
|
โดย: it ซียู วันที่: 19 มิถุนายน 2548 เวลา:14:59:49 น. |
|
|
|
โดย: ฟิลิปโป้ IP: 203.170.161.246 วันที่: 21 มิถุนายน 2548 เวลา:11:29:25 น. |
|
|
|
โดย: cottonbook วันที่: 1 กรกฎาคม 2548 เวลา:23:44:15 น. |
|
|
|
โดย: า IP: 210.203.179.146 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:22:01:04 น. |
|
|
|
| |
|
|
grappa |
|
|
|
|
เทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศสแห่งกรุงเทพมหานคร นอกเหนือจากเทศกาลหนังแล้ว เจ้าของบล็อคยังสนใจดนตรีที่จะจัดขึ้นที่สวนสันติชัยปราการวันที่ 18 มิถุนายนนี้ด้วย จะค่อยๆ ทยอยมาเล่าให้ฟังค่ะ