ทำอย่างไรให้โง่ : นั่นสิทำอย่างไรดี ?????



ทำอย่างไรให้โง่
Martin Page เขียน
อธิชา มัญชุนากร (น.ส.) แปล
จาก Comment je suis devenu stupide

เนื่องจากเดือนนี้ เป็นเดือนแห่งเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส ณ กรุงเทพ ( The French Cultural Festival in Bangkok ) จัดขึ้นวันที่ 6-24 มิถุนายน 2548 ศกนี้ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ (หรืออีกนัยหนึ่งคือการหาเรื่องเชื่อมโยง ) จึงหยิบหนังสือที่แปลจากภาษาฝรั่งเศสมาแนะนำกันค่ะ

จริงๆ แค่ชื่อหนังสือก็ "ฮือฮา" พอสมควร น่าจะเหมาะกับคนแถวๆ นี้ เรื่องเริ่มต้นด้วยชายหนุ่ม อองตวน ผู้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เขา โง่ มากขึ้นเขาค้นพบว่าความฉลาดทำให้เขาเครียดมาก ความรู้ที่เขามีอยู่ทำให้เขาเป็นคนคิดมาก อย่างเช่นถ้าเขาจะซื้อเสื้อผ้า เขามักจะตรวจดูว่าผลิตจากโรงงานไหน เขาไม่อยากจะส่งเสริมโรงงานที่ใช้แรงงานเด็ก (เหมือนโรงงานของไนกี้ที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตสินค้ากดขี่แรงงานเด็กในเอเชีย) แค่จะกินมันฝรั่งทอดสักชิ้นอองตวนก็ไม่สามารถหยุดคิดถึงประวัติศาสตร์ที่นองเลือดของมันฝรั่ง นึกถึงชีวิตของผู้คนที่ต้องสังเวยชีวิตในอารยธรรมอาซเต็ก และความน่าสะพึงกลัวที่เกิดขึ้นในไอร์แลนด์ นี่คือตัวอย่างความยากลำบากในชีวิตประจำวันที่เขาต้องพบเจอ

วันนึงเขาตัดสินใจที่จะตัดขาดจากความฉลาด เขาอยากติดเหล้า แต่เขาเลือกไปห้องสมุดก่อนเพื่อที่จะค้นคว้าว่าประวัติศาตร์อัลกอฮอล์ เริ่มต้นเมื่อใด เหล้าสัมพันธ์กับมนุษยชาติมาตั้งแต่หนไหน ฯลฯ เขาพยายามฆ่าตัวตาย โดยการเลือกเทคคอร์ส หลักสูตรการฆ่าตัวตายโดยอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ เขาพยายามเก็บข้าวของทุกอย่างที่อาจจะกระตุ้นความคิดเขาไม่ว่าจะเป็นนวนิยายร้อยกว่าเล่ม ตำรา พจนานุกรม แผ่นเสียง วรรณคดี โปสเตอร์หนัง รูปภาพของคนที่เป็นวีรบุรุษของเขา ฯลฯ ลงกล่องไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อนของเขา ซึ่งเพื่อนก็ยินดีรักษาขุมสมบัติทางวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้เป็นอย่างดียิ่ง

เขาพยายามแม้กระทั่งเสนอให้หมอผ่าตัดกลีบสมองบางส่วนของเขาออกไป เพื่อว่าเขาจะได้คิดน้อยลง

แต่ความพยายาม "โง่ "ของเขามาสำเร็จลงที่ยากล่อมประสาทชนิดที่ชื่อ เออโรซัค
เมื่อเขาได้เสพย์ยาชนิดนี้ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

........................
( แต่ดิฉันกำลังคิดว่า ตัวเองน่าจะเหมาะกับหนังสือ "ทำอย่างไรให้ฉลาด " มากกว่า 555555 )

สำหรับหนังในเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศสคราวนี้ดูไปแล้วสองเรื่องคือ L’équipier (The light) หนังของผู้กำกับ Philippe Lioret (2004 ) : Comedy drama




ค่อนไปทางชอบหนังเรื่องนี้พอสมควร
"ประภาคาร" ที่ปรากฎในหนังสวยงาม ช่วยเติมความฝันที่อยากเขียนสารคดีเรื่อง "ประภาคาร"ให้ดิฉันได้มากโข เรื่องย้อนไปในปี 1963 เมื่อคนแปลกหน้าต่างถิ่น เข้ามาในเมืองริมชายทะเลห่างไกล เขาเข้ามาทำงานเป็นคนเฝ้าประภาคารให้กับเมืองนี้ การปรากฎตัวของเขานำความเปลี่ยนแปลงมาสู่หญิงสาวคนหนึ่ง สู่ครอบครัวๆ หนึ่ง
และสู่ผู้คนในเมืองเล็กๆ ที่มีประภาคารสวยเหลือเกินเมืองนี้

และเมื่อ "คนแปลกหน้า" คนนี้บอกว่าเขาเคยเป็นทหารที่ถูกส่งไปรบที่อัลจีเรีย (สมัยที่ยังเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส)
ทำให้ดิฉัน "กรี๊ด" อยู่ไม่น้อย เขาเคยเป็นทหารที่ทำหน้าที่ "บดมือ" คนอาหรับท้องถิ่นที่โดนทหารฝรั่งเศสจับมาสอบสวน หลังๆ เขาเกลียดหน้าที่ของเขา ทหารฝรั่งเศสด้วยกันคิดว่าเขากระด้างกระเดื่องต่อกองทัพ มือข้างนึงของเขาเลยโดนบดเสียเอง คนฝรั่งเศสชาตินิยมจัดๆ มักจะไม่เห็นด้วยกับการปลดปล่อยอัลจีเรีย ดิฉันไม่ชอบการคลั่งชาติ หนังรักเรื่องนี้จึงได้ใจดิฉันไปเต็มๆ และมันทำให้ดิฉันคิดถึงนักเขียนคนโปรด อัลแบร์ กามูส์ อัลจีเรียเป็นที่เกิดของเขา
อ้อ แมวในเรื่องนี้ยังเล่นหนังดีเลยค่ะ มันเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่ดิฉันชอบมากเวลามันโผล่มา เป็นแมวที่อาศัยอยู่ในประภาคาร

Comme une image (Look at me) หนังของผู้กำกับ: Agnès Jaoui (2004 ) : Comedy drama





รู้สึกเฉยๆ กับหนังเรื่องนี้ ขำตามฝรั่งได้ไม่ค่อยมีปัญหาว่าไม่เก็ทมุขที่ฝรั่งขำ คือหัวเราะหึๆ ไปกับเรื่องได้ เรื่องเล่าเชื่อมโยงคนสองสามครอบครัวเข้าด้วยกัน แต่ละคนในเรื่องต้องการยอมรับจากบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวที่ต้องการความเอาใจใส่จากพ่อ คู่สามีภรรยาที่ต้องการรับฟังกันมากว่านี้ คู่รักที่ต้องการความเข้าใจกันมากขึ้นแต่โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ก็ให้ความรื่มรมย์ได้ระดับหนึ่ง (ไม่มากนัก) ชอบฉากคอนเสิร์ตในโบสถ์เล็กๆ มากทีสุด

(หนังทั้งสองเรื่องที่ดูถูกจัดให้อยู่ในประเภท Comedy drama แต่ไม่คิดว่า The Light เป็นหนัง Comedy เท่าไรนัก ส่วนเรื่องหลังได้ความหมาย Comedy drama ชัดเจน ปรกติเรื่องทำนอง" รักชวนหัว " นี่จะเข้าทางดิฉันพอสมควร แต่เรื่องนี้ "ไม่สนุก" อย่างที่ตั้งความหวังไว้เท่าไรนัก )

แต่หนังเรื่องนี้ก็ทำให้ดิฉันแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อย โดยปรกติดิฉันไม่ค่อยถูกชะตากับหนัง "พูดมาก" เท่าใดนัก แต่เรื่องนี้เป็นหนังพูดมากที่ทำให้ดิฉันไม่เบื่อ และติดตามฟังอย่างใกล้ชิด ตัวละครในเรื่องสื่อสารวิธีคิดของตัวเองผ่านการพูดตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าพูดกับคู่สนทนา พูดกับโทรศัพท์ หรือพูดกับวอยซ์เมล์บอกซ์ ตัวละครในเรื่องต้องการ "การรับฟัง" จากคู่สนทนาอยู่สูง และน่ายินดีที่บทสนทนาในเรื่องนี้ทำให้ดิฉันเพลิดเพลินในการฟังอยู่ไม่น้อย


Feux rouges (Red lights)
Cédric Kahn 2004 : Thriller



หนังเรื่องนี้เซอร์ไพร์สดิฉันพอสมควร แค่ดูหนังเรื่องนี้ในชั้นแรกก็ได้ความตื่นเต้นแล้ว เรื่องเริ่มต้นเมื่อสามีภรรยาคู่หนึงกำลังเดินทางโดยทางรถยนต์ (สามีเป็นคนขับ ) เพื่อไปรับลูกจากค่ายพักร้อนที่กลับมายังปารีส ระหว่างทางสามีก็แวะเพิ่มอัลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายเป็นพักๆ

และเมื่อการเดินทางของสามีภรรยาคู่นี้ ไกลออกจากเมืองปารีสไปเรื่อยๆ คนดูก็พบว่าชีวิตคู่ของพวกเขาคงใกล้ถึงจุดอวสานแล้วแน่ๆ และในเวลาต่อมาหนังก็ทำให้เราตื่นเต้นขึ้นไปมากกว่าการลุ้นให้คนขับรถที่กำลังเมาให้บังคับรถแล่นตรงทาง เมื่อพบว่าระหว่างทางของสามีภรรยาคู่นี้ มีคนแหกกำลังคุกคนนึงอยู่บนเส้นทางเดียวกับเขา และตำรวจก็กำลังตามล่าชายคนนี้อยู่

แต่สิ่งที่ทำให้ดิฉันตื่นเต้นกับหนังเรื่องไปอีกชั้นนึงนี้ก็คือ หนังมันเล่นกับความจริง-ความลวงอยู่สูง เพราะสักพักเมื่อเรื่องเริ่มดำเนินไปเกินครึ่งเรื่อง หนังก็ทำให้เราพบว่าเราอาจจะกำลังอยู่ใน "ภาพลวงตา " หรืออากร ประสาทหลอนของผู้ชายคนนึงอยู่หรือเปล่า อาการกำกึ่งของความมีสติ-ไม่มีสติ ของผู้ชายคนนี้ปรากฏอยู่ในหนังสูงมาก และเราต้องคาดเดาอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งที่เราเห็นในหนังขณะนี้อันไหนจริง อันไหนไม่จริง อันไหนเป็น "แฟนตาซีของคนเมา/ผู้ชายคนนึง"หรือ อันไหนคือเรื่องจริง คำถามเหล่านี้ เกิดเป็นระยะเมื่อหนังใกล้ๆ จบลง

แถม ตอนนี้ดิฉันยังคิดด้วยว่าจินตภาพที่อองตวนผู้สามีมีต่อโจรแหกคุกแขนเดียวในเรื่องคือ สิ่งที่เขาอยากกระทำกับภรรยาของเขา ช่างเป็นการสะท้อนปมทางจิตวิยาของชีวิตคู่ได้ดีจริงๆ

แต่หนังก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจคนดูมากนัก จบลงด้วยอาการที่ส่อเค้าว่าจะมีสิ่งดี ๆเกิดขึ้นต่อไปของสามี-ภรรยาคู่นี้

โอ นี่เป็นหนัง ทริลเลอร์ที่สะท้อนปมปัญหาอันกดทับชีวิตคู่ที่ดีมากเรื่องนึงทีเดียว





Create Date : 13 มิถุนายน 2548
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 17:26:06 น. 30 comments
Counter : 1843 Pageviews.  

 
ช่วงเดือนนี่มีเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพโดยสมาคมฝรั่งเศสประจำประเทศไทยเป็นโต้โผหลัก งานมีเกือบทั้งเดือน จัดขึ้นหลากหลายสถานที่ทั้งที่โรงหนัง หอศิลป์ทั้งของรัฐและเอกชน ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เป็นการรวบรวมงานวัฒนธรรมของฝรั่งเศสมาให้คนกรุงเทพได้ดู ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปร่วมสมัย ภาพยนตร์ ดนตรี การแสดงนาฎยลีลา เทศกาลอาหาร สัปดาห์แห่งการออกแบบ ฯลฯ สนใจดูรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ //www.france.or.th

เทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศสแห่งกรุงเทพมหานคร นอกเหนือจากเทศกาลหนังแล้ว เจ้าของบล็อคยังสนใจดนตรีที่จะจัดขึ้นที่สวนสันติชัยปราการวันที่ 18 มิถุนายนนี้ด้วย จะค่อยๆ ทยอยมาเล่าให้ฟังค่ะ


โดย: grappa วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:1:23:28 น.  

 
ค้นคว้าว่าประวัติศาตร์อัลกอฮอล์

เทคคอร์ส หลักสูตรการฆ่าตัวตาย

ผ่าตัดกลีบสมองบางส่วนของเขาออกไป เพื่อว่าเขาจะได้คิดน้อยลง

( - -" )

เหอะๆๆ สำหรับอิชั้น คงไม่ต้องวุ่นวายขนาด อองตวน เป็นแน่ค่ะ ไม่เฉลียวฉลาด เป็นทุนอยู่แล้วค่ะ เหอะๆๆๆ


โดย: ปีกที่ไม่อาจจะโบยบิน (WhaT iT'S W๐l2tH ) วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:1:56:26 น.  

 
อืม โง่อะครับ จะอ่านรู้เรื่องมั้ยก็ไม่รู้


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:2:54:26 น.  

 
ไม่อยากโง่อ่ะ ปัญญาเท่าที่มีก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว


โดย: rebel วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:8:58:47 น.  

 
เทศกาลหนังผมไปดู Arsene Lupin มาแล้วครับ
ใบปิดหนังสวยจับใจ
แต่ข้างในน่ะครับ...นี่มัน...

ธรรมดาน้ำแร่เอเวียงก็ไม่ปาน 55
ดูดีที่หีบห่อ
ข้างใน ถ้าเป็นหนังสือคงสนุกกว่า

คืนนี้มี Feux Rouge ได้ข่าวว่าสนุกมาก
และ 23 june นี้ มี Hotel ที่เฮ้าส์รามา
:]

ถ้าว่างไปนั่งแวะไปดูหนังพวกนี้
ในโรงเดียวกันนะครับ
:D


โดย: msg.diaryhub IP: 203.150.202.66 วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:9:30:20 น.  

 
หนังสือน่าสนใจสุดๆ เลย
(แม้เราจะรู้สึกเหมือน grappa เลยว่า เราคงเหมาะกะหนังสือเล่มเดียวกัน อิอิ)

น่าสนุกแฮะ

จะไปหาอ่านดูนะคะ ขอบคุณหลายๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:9:49:05 น.  

 
กลับมาอ่านตามคำชวน
เทศกาลหนังฝรั่งเศสคราวนี้ไม่ว่างเลยค่ะ
ทำแต่งาน
ฮือๆ อยากดูหนังอ่ะ


โดย: rebel IP: 203.155.129.130 วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:10:22:24 น.  

 
น่าอ่านดีนะพี่
อยากอ่านอะไรที่มีแนวคิดแปลกๆอย่างนี้แหละ

ความจริงอยากเขียนด้วย แต่ไม่มีความอดทนพอ

ส่วนหนังสือของแมวคงเป็น

ทำอย่างไรให้หายโง่ (ไม่ต้องให้ถึงกับฉลาดหรอก)มากกว่า


โดย: gata วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:10:26:55 น.  

 
>> แต่ดิฉันกำลังคิดว่า ตัวเองน่าจะเหมาะกับหนังสือ "ทำอย่างไรให้ฉลาด " มากกว่า 555555

แหะๆ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเอง 'ฉลาด' มากกกกกกก
จนรู้สึกว่า จะทำยังไงให้ตัวเองโง่ (อย่างในหนังสือ) ดี ฮา!


โดย: it ซียู วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:12:08:31 น.  

 
หนังสือเล่มนี้น่าอ่านดีนะคะ
ไว้ต้องลองหามาอ่านบ้างแล้ว

ส่วนงานดนตรีที่สวนสันติฯ
บางทีเราอาจเดินสวนกันในงานนะคะ


โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:13:57:38 น.  

 
คุณ grappa เป็นคนมีความสามารถสูง
ในการชักชวน หรือจูงใจคนนะคะ
ไม่ว่าจะแนะนำหนังสือ หรือภาพยนตร์
ก็ทำให้อยากตามไปอ่าน-ไปชมเสียทั้งนั้น

สำหรับเรื่องความโง่-ความฉลาด
ป้าติ๋วขอเป็นคนฉลาดขนาดกำลังดีแล้วกันค่ะ
คือไม่ฉลาดเกินไป จนชีวิตไม่มีความสุข
แล้วก็ไม่โง่จนตกเป็นเหยื่อของคนที่คอยคิด
เอารัดเอาเปรียบทั้งหลาย


โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:16:25:00 น.  

 
มีหนังสือ "ทำอย่างไรให้ฉลาดรึเปล่าเจ้าค่ะ"


น่าจะเหมาะกะข้าพเจ้ามากกว่าแฮ่ะ ...



โดย: peppy_ant วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:16:47:09 น.  

 
ชักสงสัยว่าตาอองตวน
เค้าฉลาด หรือเค้าเป็นคนคิดมากเกินไปกันแน่เนี่ย

แต่หนังสือน่าอ่านดีนะคะ

^^


โดย: นกซิลล่า IP: 202.44.32.9 วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:16:52:59 น.  

 
ผมก็ไม่คิดว่า The Light เป็น Comedy Drama แต่อย่างใด ...หนังมันตลกตรงไหนหว่า

อ่อๆ นึกออกละ อีแมวบ้าผู้ชายนั่นเอง ฮา!


โดย: it ซียู วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:17:10:16 น.  

 
ผ่านมาเยี่ยมค่ะ เปิดเข้าบ้านพี่มาปู๊บ เห็นหน้าปกหนังสือที่แปะๆ ไว้แล้วคุ้นๆ อ่านลงมาอีกสามบรรทัด ชื่อใครหว่า คุ้นน้อยกว่าหน้าปกนิดนึง

ชอบหนังสือเล่มนี้เหมือนกันค่ะ

ส่วนหนังต่างๆ คงไม่ได้ไปดู แหะๆ .. บ้านอยู่ไกลค่ะ


โดย: มิว (Mutation ) วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:19:47:14 น.  

 
แหม้.. แอบเห็นนะครับ ต้องวงเล็บ น.ส. ไว้ด้วย อิอิ
เคยเห็นหนังสือเล่มนี้บนแผง แต่ก็ไม่ได้หยิบมา
นึกว่าออกแนวหนังสือเด็กรึเปล่า ไว้จะหามาอ่านดูละกันครับ
ส่วนหนังฝรั่งเศส คงจะอดอีกตามเคย
มีรอบเย็น แถมไกลบ้าน เฮ้อ.. เศร้าใจ อยู่รังสิตก็คงตายรังแถบเมเจอร์อ่ะครับ


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 13 มิถุนายน 2548 เวลา:22:03:21 น.  

 
>> "แฟนตาซีของคนเมา/ผู้ชายคนนึง"
อ่า... ชอบคำๆ นี้จังครับ
ส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆ เช่นกัน
เป็นหนังที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นกับมันได้ตลอดเวลา
และยังไม่พอ ...ยังมีหลายอย่างให้ผมได้ขบคิด วิเคราะห์ หลังดูหนังจบอีกด้วย ไม่ผิดหวังจริงๆ :D


โดย: it ซียู IP: 161.200.255.162 วันที่: 14 มิถุนายน 2548 เวลา:6:05:42 น.  

 
แวะมาครับ

ชอบเพลงที่เปิดครับ ชุดMoon Safariเป็นชุดที่ผมชอบมากๆครับของAir


โดย: underdog(พ่อน้องโจ) IP: 203.156.71.219 วันที่: 15 มิถุนายน 2548 เวลา:1:58:32 น.  

 
>> กิ๊ก (เก่า ) กลับจากต่างประเทศ สับสน สับสน ทำไงดีหว่า

มารอติดตามตอนต่อไป อิอิ


โดย: it ซียู วันที่: 15 มิถุนายน 2548 เวลา:8:51:24 น.  

 
โอ้ มีกิ๊กเก่าด้วย

แนวมาก พี่ grappa ผม



โดย: ปิ่น ป. IP: 72.19.122.220 วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:1:27:17 น.  

 
กิ๊ก คนที่นั่งกรึ๊บเหล้ากรัปป้าด้วยหรือเปล่าก๊ะ

กริ๊ก กริ๊ววววว


โดย: Mutation วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:18:49:58 น.  

 
พี่กรัปป้า ไปสับสนอยู่ไหนค่ะเนี่ย

กลับมาเร็วๆ แฟนๆ คิดถึง


โดย: Mutation วันที่: 17 มิถุนายน 2548 เวลา:20:20:09 น.  

 
ไม่ได้ไปสับสนอยู่ที่ไหน
พึ่งไปดื่มไวน์กับกิ๊ก (เก่าแก่) มา
เพราะฉะนั้น คนที่ดื่มกรัปป้าด้วย
เป็นอีกคนนึง

จริงๆ จะบอกว่ามีหนังฝรั่งเศส(ว่าจะ) ไปดูอีกเรื่องวันอาทิตย์
ส่วนพรุ่งนี้จะไปดูดนตรีที่สวนสันติชัยปราการ
แล้วจะมาเล่าให้ฟังจ้า


โดย: grappa วันที่: 18 มิถุนายน 2548 เวลา:0:13:20 น.  

 
ขอบคุณครับ สำหรับเพลงนี้ ชอบจริงๆ


โดย: คุณน้องเต้ (คุณน้องเต้ ) วันที่: 18 มิถุนายน 2548 เวลา:0:24:40 น.  

 
มาแอบฟังความหลังด้วยคน
อยากไปดูหนัง ฟังเพลง ใจจะขาดอยู่แล้วครับ
แต่การบ้าน และหนังสือกองท่วมหัว เอาตัวไม่รอด
ยังไงกลับมาเล่าบรรยากาศให้ฟังบ้างนะครับ


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 18 มิถุนายน 2548 เวลา:10:58:53 น.  

 
มาเยี่ยมจ้ะ



โดย: Mutation วันที่: 19 มิถุนายน 2548 เวลา:14:01:30 น.  

 
ไม่ "จี๊ด" กับ Look at Me
แต่ชอบประเด็นของเรื่องเหมือนกันครับ ทุกคนเอาแต่พูดๆๆๆๆๆ จนไม่มีใครสนใจจะฟังคนอื่นเลย

เหมือนข้าพเจ้าเลย ฮา!


โดย: it ซียู วันที่: 19 มิถุนายน 2548 เวลา:14:59:49 น.  

 
ผมเขียนถึงหนัง Red Lights ไว้ใน blog เหมือนกัน แวะไปอ่านได้เน้อ แต่อายจัง blog ไม่ค่อยได้ update เนี่ย แหะๆ


โดย: ฟิลิปโป้ IP: 203.170.161.246 วันที่: 21 มิถุนายน 2548 เวลา:11:29:25 น.  

 
อ่านแค่เรื่องคร่าวๆของ ทำอย่างไรให้โง่ ก็หัวเราะแล้วอะค่ะ ท่าทางน่าสนุกดี


โดย: cottonbook วันที่: 1 กรกฎาคม 2548 เวลา:23:44:15 น.  

 
ผมเพิ่งซื้อมาอ่านครั้งนี้เหมือนกัน
ยอมรับว่าดีจริงๆ

คนอย่างอองตวน(ตัวเอกในเรื่อง)
กำลังเหลือน้อยลงทุกที

มันเป็นเรื่องประชดคนในสังคมที่เราเห็นกันอยู่ทุกวี่วัน
อ่านไปก็จะรู้ว่าเรานั่นโง่
แต่อ่านจบแล้วจะฉลาด


โดย: า IP: 210.203.179.146 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:22:01:04 น.  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]