- - - - - - Invisible Waves : คำพิพากษาของคลื่นที่มองไม่เห็น - - - - --







บทหนัง อินวิซิเบิล เวฟส์ คำพิพากษาของมหาสมุทร
ปราบดา หยุ่น : เขียน
รวมฉบับ ร่างแรกและร่างสุดท้าย (ไว้ในเล่มเดียว)
สำนักพิมพ์ระหว่างบรรทัด พิมพ์
344 หน้า ราคา 165 บาท

ให้คนเขียนบทเขาบอกเล่าที่มา ของบทหนังเล่มนี้นะคะ
(ตัดตอน จากคำนำหนังสือเล่มนี้ )

เริ่มแรกที่ผมลงมือเขียน อินวิซิเบิล เวฟส์ ผมมีภาพ ฟิล์มนัวร์ ( Film Noir) อยู่ในหัวตลอดเวลา : กลางคืน เงาทะมึน สายฝนกระหน่ำ ลมหนาว คาวโลกีย์ สาวโฉด เสียงปืน ฆาตกรรม คาวเลือด เหยื่ออธรรม การดิ่งลงสู่นรกของผู้กระทำบาป และจุดจบที่สาสมของคนชั่ว

สำหรับผม เนื้อหาสาระแบบฟิล์มนัวร์ ทำให้โลกบันเทิงน่าเอ็นดูขึ้น เพราะนอกจากนำความเพลิดเพลินมาสู่สายตา ฟิล์ม นัวร์ยังสะท้อนด้านมืดของมนุษย์อย่างสะใจสมจริง

เมื่อเขียนร่างแรกจบ สำหรับผม Invisible Waves คือบทหนังนัวร์ร่วมสมัยที่อยากย้อนกลับไปพูดถึงประเด็นพื้นฐานเกี่ยวกับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นเรื่อง ความผิดบาป และ ความละอายใจ

ผมไม่คิดว่าคนต้องทำตัวสมบูรณ์แบบจึงจะเรียกว่าน่ายกย่อง กระทั่งไม่ต้องกระเสือกกระสนที่จะเป็นคนดี หากมันเป็นผิดธรรมชาติหรือขัดกับสันดาน แต่หากทำชั่วแล้ว ความละอายใจ ความรู้สึกผิด ความต้องการหาทางไถ่บาป หรืออย่างน้อยคำว่าขอโทษ ก็น่าจะผุดโผล่ ขึ้นมาบ้าง

โลกมนุษย์คงจะโหดร้ายเกินกว่าจะน่าอยู่อีกต่อไป หากการทำร้ายกันและกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด กลายเป็นความชอบธรรมเพราะคนทำชอบทำไปเสียทั้งหมด


เหล่านี้คือสิ่งที่ Invisible Waves ตั้งใจจะพูด

หลังจากเขียนบทร่างแรกเสร็จ งานของผมก็ต้องเดินทางผ่านมือ ผ่านตา ผ่านสมองบุคลากรอีกมากหน้าหลายหู นอกจากพี่ต้อม ยังมีลุงคริสโตเฟอร์ ดอล์ย มีน้าๆ โปรดิวเซอร์ มีป๋าๆ นักลงทุน และอีกหลายชีวิตที่ล้วนมีอิทธิพลต่อการปรับเปลี่ยนบท ในลำดับต่อไปทั้งสิ้น

Invisible Waves เป็นบทหนังที่ผ่านกระบวนการทำงาน "ร่วมกัน" มากกว่าประสบการณ์การเขียนบทครั้งแรกของผม...

หลายปากถามผมว่ารู้สึกอย่างไรกับการเขียนบทหนังเมื่อเทียบกับการเขียนเรื่องสั้นหรือนวนิยาย ผมมักตอบด้วยการชี้แจงอย่างน่าหมั่นไส้ (เช่นเคย) ว่างานทั้งสองมีขั้นตอนและจุดประสงค์ที่ไม่เหมือนกัน งานเขียนบทคือการทำงานร่วมกับคนอื่นในขณะที่งานเขียนเรื่องสั้นหรือนวนิยายคือการดิ่งลงสู่โลกส่วนตัวที่คุ้นชิน

สำหรับคนที่ไม่ค่อบชอบปฏิสัมพันธ์กับคนหมู่มากอย่างผม การเขียนบทหนังจึงเป็นเรื่องยากกว่า แต่มันก็สอนอะไรให้ผมมากกว่า การหมกตัวอยู่กับโลกเดิมๆ งานเขียนบทหนังคือ "บทเรียน" ที่มีค่า ผมเชื่อว่าถ้าชีวิตคนเราไม่มีบทเรียนอะไรเสียบ้าง หากเรามุ่งแต่จะอยู่กับสิ่งแวดล้อมตามใจตัวเองตลอดเวลา การเป็นมนุษย์คงไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าการเป็นคราบตะไคร่น้ำระหว่างนิ้วเท้าของปลาตีน

ความแตกต่างระหว่าง Invisible Waves ร่างแรกและร่างสุดท้ายที่รวมอยู่ในเล่มเดียวกันนี้ เป็นกรณีศึกษาที่ดีเกี่ยวกับการทำงานภาพยนตร์ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกๆ ปัจจัยผสมผสานกันลงตัว หรืออย่างน้อยพยายามผสมผสานกันจนสำเร็จ ร่างแรกเป็นตัวผมมากกว่าร่างสุดท้าย แต่นั่นไม่ได้แปลว่าผมคิดว่ามันดีกว่า สนุกกว่า หรือน่าจะได้ร้อยล้านมากกว่า ร่างที่ผ่านการปรับเปลี่ยนร่วมกันกับพี่ต้อมและคริส บทร่างสุดท้าย แม้จะไม่ใช่ตัวผมทั้งหมด แต่มันเป็นร่างที่ผมภูมิใจ
ภูมิใจที่สามารถทำงานกับคนอื่น ภูมิใจที่ได้สร้างความสัมพันธ์ สร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้งและมีค่ากับกลุ่มคนที่น่านับถือ

และละอายใจที่บทร่างแรก ปราศจากคุณสมบัติแห่งมิตรภาพนั้นโดยสิ้นเชิง

ปราบดา หยุ่น
กุมภาพันธ์ 2549 เบอร์ลิน

ในหนังสือ ปราบดา เขียนคำนำยาวกว่านี้ สนุกกว่านี้ ต้องไปหาอ่านกันค่ะ จขบ.ตัดตอนมาให้อ่านเพื่อการทำความเข้าใจเนื้อหาของบทหนังเล่มนี้

สำหรับหนัง คำพิพากษาของมหาสมุทร จขบ.ชอบมาก นี่เป็นหนังที่ดิฉันชอบมากที่สุดในบรรดาหนังของเป็นเอก รัตนเรือง มันพุ่งตรงประเด็น นิ่งและนิ่มนวล ไม่มีอะไรเกินเลย ต้องรีบไปดูค่ะ ท่าทางหนังจะเข้าโรงไม่นาน แนะนำให้ดูโรงที่ไม่ใช่พากษ์ไทยนะคะ ฟังเสียงจริงของอาซาโน่ และทูน หิรัญทรัพย์ (เสียงมีเสน่ห์ทั้งคู่ )

“ ผู้ฆ่าคือเหยื่อ เหมือนกับคนที่ถูกฆ่า เขาคือเหยื่อของการฆาตกรรม ” - เป็นเอก รัตนเรือง



ป.ล. คุณนพดล ได้รับหนังสือแล้วค้า ขยันจริงๆ



Create Date : 03 มีนาคม 2549
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 15:52:58 น. 92 comments
Counter : 3084 Pageviews.  

 
ถ้าอยากทราบความคิด ทัศนคติ และการใช้ชีวิตของผู้กำกับหนังเรื่องนี้ อินวิซิเบิล เวฟส์ คำพิพากษาของมหาสมุทร
ต้องไม่พลาดหนังสือเล่มนี้ค่ะ บทสัมภาษณ์ เป็นเอก รัตนเรือง โดย วรพจน์ พันธุ์พงศ์ "อย่างน้อยที่สุด " โดยสำนักหนังสือไต้ฝุ่น



โดย: grappa วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:8:57:17 น.  

 
รับทราบค่ะ คุณแกร๊ป
เมื่อไหร่จะได้เจอกันซะทีหนอ คลาดกันไปคลาดกันมาเนอะ
กรุงเทพฯไม่กว้างเท่าไหร่ ไว้เจอกันในโอกาสหน้าละกันค่ะ
แล้วจะทานเผื่อนะคะ


โดย: Black Tulip วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:9:41:20 น.  

 
อ่านที่คุณปราบดาเขียนถึงสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อแล้ว น่าสนใจดีจังค่ะ
ชอบหลายๆคำกล่าวของเค้า ดูเค้าเติบโตขึ้น ไม่ดึงดันเป็นตัวของตัวเองสุดกู่เหมือนแรกๆ
รู้จักปรับเปลี่ยน ปรองดอง แต่ไม่ถูกครอบงำทางความคิดดีค่ะ
ความคิดของคนเขียนบทหนัง น่าสนใจดี ทำให้รู้สึกว่าหนังน่าจะสนุกดี
แล้วจะลองชวนน้องสาวกะคุณมีไปดูหนังเรื่องนี้ นะคะ


โดย: Black Tulip วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:9:55:41 น.  

 
เข้ามาฟัง คนชอบอ่าน มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

สุขสันต์วันศุกร์ นะคะ


โดย: samranjai วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:9:55:59 น.  

 
เรื่องนี้ก็เล็งๆ (อีกตามเคย) ว่าจะไปดูให้ได้เหมือนกันครับ

แต่ก็เกรงว่าจะได้แต่ เล็ง อีกตามเคย


โดย: กุมภีน วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:10:12:40 น.  

 
เดี๋ยวตอนบ่ายกะจะไปดูหนัง และซื้อหนังสือ

เอาไว้เดี๋ยวดูจบ และอ่านเสร็จ จะมาสนทนาอีกทีนะครับ


โดย: it ซียู IP: 161.200.83.138 วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:10:12:42 น.  

 
โดนนนนนนนนนนนน.....



สองเล่มแรก สำหรับสิ้นเดือนนี้ค่ะพี่


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:11:11:10 น.  

 


จะรีบไปดูหนังค่ะ

ส่วนหนังสือ..ต้องรอสิ้นเดือนเหมือนคุณแพนด้าเลย 555


โดย: มัชฌิมา วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:11:20:07 น.  

 
^
^ รอสิ้นเดือน ระวังหนังสือหมด หาซื้อไม่ได้เน้อ อิอิ (เว่อ เจงๆ )


โดย: grappa วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:11:24:34 น.  

 
อ้อๆๆ เรื่องนี้เองเหรอคะ

ไม่รู้มาก่อนเลย ... เฮ้อ... หลังเขาจริงๆ เลยฉัน


โดย: Mutation วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:11:25:04 น.  

 
เมื่อวานดูโปรแกรมในเนตมันมีฉาย
พอไปถึงโรงดันไม่มีซะนี่ค่ะพี่
เลยดูเด็กหอแทน

แต่เดี๋ยววันนี้ไปใหม่ค่ะ

หนังสือสัมภาษณ์พี่เป็นเอกน่าสนใจค่ะ




โดย: keyzer วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:11:33:15 น.  

 
ไม่ค่อยดูหนังแนวนี้ค่ะ แต่ถ้าเป็นหนังสือจะโอเค กลางเดือนคงได้อ่าน อิอิอิ


โดย: เสือจ้ะ วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:11:35:03 น.  

 
น่าจะได้อ่านหนังสือมากกว่าดูหนังอ่ะค่ะ

เสียดายจังค่ำๆ ไม่ได้เจอกันเหรอคะ



...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:11:40:53 น.  

 
ไม่รู้เป็นไร?

อ่านบล็อกคุณ วันนี้แล้ว
คิดถึงเจ้าของ "หุบเขาฝนโปรยไพร"

ขอบันทึกฝากความอาลัยหา และคารวะ
แด่ เพื่อนผู้จากไป

"กนกพงศ์ สงสมพันธุ์"

ณ ที่นี้ เวลานี้


(จขบ. คงไม่ว่ากันนะ)


โดย: a_somjai วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:12:50:48 น.  

 
หนนี้ลืมจนได้ ว่าจะหาหนังสือของปราบดา มาอ่านบ้างก็ได้แต่คิดๆ สุดท้ายก็ลืมซื้อติดมามือด้วยอ่ะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:13:05:10 น.  

 
ท่าทางหนังจะน่าดูเหมือนกันนะครับ แต่ในพันธ์ทิพย์ เห็นมีคนลงกระทู้วิจารณ์ในด้านไม่ดีเหมือนกัน


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:14:29:45 น.  

 
เดี๋ยวไปดูครับ เย็นนี้เลย หนีรถติดสนามหลวง (จะรอดไหมนี้)

เมื่อวานพึ่งไปดูเด็กหอมา ตอนแรกกะฟิตโดยการจะดู Invisible Wave และ The History of Violence ต่อเลย แต่เวลาพลาดหมด เลยไม่ได้ดู


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:14:30:40 น.  

 
คุ่นเขียนคำนำได้ดีมากๆเลยอ่ะค่ะ
อยากอ่านจัง

ปล ลิ้งที่พี่เขียนไว้ในไดหญิงมันใช้ไม่ได้อ่ะค่ะ แง



โดย: ยอดมนุษย์หญิง IP: 86.143.141.165 วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:19:27:13 น.  

 
ไปดูแน่ค่ะ


โดย: Thebrightestsunisthepurestgun วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:19:43:58 น.  

 
เฮ้ย ปก สวยมากค่ะคุณ
เดี๋ยวมาอ่านอย่างรอบคอบอีกทีค่ะ ประเดี๋ยว


โดย: Crisis IP: 58.8.187.214 วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:20:09:13 น.  

 
ชอบชื่อเรื่องภาษาไทย

ปกหนังสือสวย เดี่ยวนี้กำลังฮิคปกแพทเทิร์นนะ คุณปราบดา
แต่ปกนี้สวย ชอบจัง


โดย: แมวปิลาร์ วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:21:13:22 น.  

 
อืมมม เป็นปกที่ชวนให้เมาคลื่นดีจริงๆ ค่ะ วันนี้เห็นหนังสือสัมภาษณ์คุณต้อมที่ร้านเหมือนกัน แต่กะจะไปสอยที่งานหนังสือ หุหุ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:21:25:17 น.  

 
อยากดู อยากดู อยากดู
อยากอ่าน อยากอ่าน อยากอ่าน

ฝากคุณgrappa บอกเจ้าของสำนักพิมพ์ให้เตรียมพิมพ์ครั้งที่สิบได้เล้ยยย


โดย: ปรีดา (Aka Prita ) วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:0:07:46 น.  

 
^
^ สาธุ เจ้าของสำนักพิมพ์ฝากบอกคุณปรีดาว่า สมพรปากนะค้า

อยากให้รีบไปดูหนัง กลัวหนังออกจากโรงไปเสียก่อน ผู้กำกับเรื่องนี้บอกว่า เจ้าของโรงหนังไม่อยากฉายหนังเขานักหรอก มันเปลืองแอร์เขา


โดย: grappa วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:2:07:58 น.  

 
ท่าทางจะเคร่งเครียดอะ พี่ชอบแบบเบาๆอะจะ
แต่ก็แบบนี้ไม่น้ำเน่าดีนะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:9:11:33 น.  

 
เล่นเน็ตที่บ้าน ไม่เห็นปกค่ะพี่


พอดีพฤหัส-ศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ได้มีโอกาสเข้าเนตเลย เลยไม่ได้อ่านเลยเหมือนกันค่ะ


คิดว่าไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้คงจะไปดูหนังค่ะ

ส่วนหนังสือ..รอไปซื้องานหนังสือได้เปล่าคะพี่? แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:9:37:52 น.  

 
ไปอ่านบล็อกวันบ่นเบื่อ

มาขอบคุณสำหรับเพลงอย่า อยู่ อย่าง อยาก ค่ะ


บางทีหนูก็รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า ที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่ก็ไม่ก้าวไปไหนซะที


ขอบคุณอีกครั้งค่ะ สำหรับเพลง


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:10:17:03 น.  

 
invisible wave ไม่แน่ใจนะ ... ขอเป็น invisible viewer ไปก่อนแล้วกัน //แว๊บ


โดย: bellerophon วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:12:38:30 น.  

 
ไปดูคลื่นที่มองไม่เห็นมาแล้วครับ
ชอบมากกกกก
ชอบมากกว่า Last Life อีกครับ

คือ Last Life ผมรู้สึกว่าโทนหนังตอนท้ายๆ อารมณ์มันแปร่งๆยังไงไม่รู้อ่ะครับ (คือมันมีเรื่องของตลกร้ายมาปน เลยทำให้ผมรู้สึกว่าอารมณ์ของหนังมันไม่ต่อเนื่อง)

แต่เรื่องนี้ คุณเป็นเอก กลับควบคุมโทนหนังให้เนิบ นิ่ง และหนืดได้ตลอดทั้งเรื่อง ...ได้ใจจริงๆ :D

นอกจากนี้ ในส่วนของบท ยังต้องยกนิ้วให้คุณคุ่นเต็มๆ ด้วยครับ ...เพราะแม้ว่าพล็อตจะไม่ได้สลับซับซ้อนมากมาย แต่โดยรวม ผมกลับเห็นว่าเนื้อหามี มิติ และมีความลึกอยู่มาก ทั้งการที่ให้คิโยจิ ซึ่งเป็นคนผิด อยู่ในสถานะของคนที่เป็นเบื้องล่าง (เช่น เป็นลูกน้องวิวัฒน์, และฉากสุดท้าย ที่แม้จะ "ขึ้น" เขาไปฆ่าวิวัฒน์ แต่ในที่สุด กลับต้อง "ลง" จากเขาเพื่อให้ลิซาร์ดมาฆ่าตัวเอง), หรือจะเป็นบทสนทนาระหว่างคิโยจิ กับลิซาร์ด ที่เจ๋งสุดๆ ดูแมนมากๆ ครับ

สรุปชอบ ให้หนังเรื่องนี้ A+

ป.ล.
- ลืมไปเลย อีกอย่างที่ชอบก็คือ สถานการณ์ของเรื่องครับ หนังดูคลุดเครืออย่างบอกไม่ถูก ...คือมันมีทั้งภาพจริง และภาพฝันปะปนกันอยู่ จนบางครั้งก็แยกแทบจะไม่ออกอ่ะครับ

โดยส่วนตัว ผมคิดว่าคล้ายๆ Red Light น่ะครับ ที่ทุกสิ่งใน Red Light อาจเป็นเพียงจินตนาการของพระเอก ที่ทะเลาะกับภรรยา - แฃ่งมีความกดดัน จนเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ

คล้ายๆ กัน เรื่องนี้ ตัวคิโยจิ ก็อาจกดดันจากความผิดที่ตัวเองทำ จนฉากบางฉากในเรือ อาจกลายเป็นสิ่งที่เค้าคิดไปเอง (เช่น ฉากในบาร์ ตอนคิโยจิ เจอบาร์เทนเดอร์หน้าคล้ายพ่อ ก็อาจเป็นเหมือนภาพในจิตสำนึก ทำให้คิดถึงพ่อ มั้ง?)

- นอกจากนี้ ส่วนตัวยังคิดว่า การแสดงของอาซาโน่ในเรื่องนี้ ก็ยังดูสอดคล้องกับชื่อเรื่องด้วยครับ

คือ บางที คลื่นที่มองไม่เห็นของผกก. และคนเขียนบทอาจหมายถึง ความรู้สึกผิดที่ตามหลอกหลอนคิโยจิ

แต่ในอีกนัยหนึ่ง การที่อาซาโน่เล่นแบบราบเรียบ (เช่น ตอนฆ่าเซโกะเสร็จ ก็เดินแบบธรรมดาๆ ไม่มีสีหน้ากดดันมาก) ก็อาจทำให้ตีความได้ว่า

คลื่นที่มองไม่เห็น อาจหมายถึง
ในภายนอก (Physical) เราอาจมองไม่เห็นคลื่นความผิด
แต่หากมองไปภายใน (Mental) และตามติดเรื่องของคิโยจิไป เราก็จะพบว่า จริงๆ คลื่นมันตามติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา !

- เอาไว้เดี๋ยว่างๆ จะมาถกอีกทีครับ
- อ้อๆ เกือบลืมๆ อ่านหนังสือไปนิดนึงแล้ว สแกนดู รู้สึกว่า ร่างสุดท้ายมีข้อแตกต่างจากหนังบ้างพอสมควร ถ้าอ่านจบ จะมาเล่าว่าชอบหนังหรือหนังสือมากกว่ากันครับ

ตอนนี้ต้องรีบอ่านหนังสือแล้น


โดย: it ซียู IP: 61.90.151.228 วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:13:32:03 น.  

 
ขอเมื่อวาน ไปดูที่ คิโนะ พารากอน ยังไม่เห็นเลยค่ะ (เอ..หรืว่าเราหาไม่เจอเองนี่?)
ถ้าหาไม่เจอจริงๆ คงต้องติดต่อซื้อที่สำนักพิมพ์แล้วสิคะเนี่ย :)


โดย: Tiktok IP: 58.11.98.218 วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:13:47:42 น.  

 


ขอบคุณนะค้าบที่ไปอวยพรวันเกิดผม

ได้ใจผมไปเลยครับ


โดย: me2you วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:13:49:20 น.  

 
อยากดูมากๆเลยค่ะ อิจฉาคนได้ดูจัง =)
เห็นหนังสือแล้วอยากอ่านเลย ว่าเดี๋ยวจะฝากเพื่อนส่งมาดีกว่า



โดย: DropAtearInMyWineGlass วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:15:19:46 น.  

 
ขอให้ขายดีทั้งสองเล่มจ้า ฮ่าๆ :)


โดย: foneko (fonkoon ) วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:15:29:47 น.  

 
น่าอ่านจังเลยค่ะ

มีความสุขมากๆวันหยุดนะค่ะ


โดย: Star in the Sky วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:15:48:02 น.  

 
Image Hosted by ImageShack.us
ทานอะไรค่ะ วันนี้


โดย: erol วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:17:18:51 น.  

 
“ ผู้ฆ่าคือเหยื่อ เหมือนกับคนที่ถูกฆ่า เขาคือเหยื่อของการฆาตกรรม ”

ประโยคนี้ถูกใจมากๆค่ะ
ได้ใจไปเต็มๆ

ถ้ามีโอกาส จะไม่พลาดค่ะ


โดย: แมงปอเฒ่าเจ้าค่ะ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:21:03:38 น.  

 
ที่พอจะอ่านเข้าใจได้
ก็เพราะมีที่แม่จดไว้แหล่ะค่ะ
ไม่งั้นก็คงอ่านมันเหมือนนิยายธรรมดาๆเรื่องนึง

ส่วน คนนอก ภาษาไทยนั้น คุณพ่อมีค่ะ
จำได้ว่าตอนที่เอาของแม่มาอ่าน
พ่อก็มาบอกว่า มีภาษาไทยนะ
เผื่ออ่านไม่รู้เรื่อง
(พ่อนั่นแหล่ะ อ่านไม่รู้เรื่อง เชอะ 555+)


โดย: แมงปอเฒ่าเจ้าค่ะ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:21:43:00 น.  

 
จขบ เป็นไงบ้างคะ
หนูอัพบล๊อกไม่ได้เลยค่ะ ลืมวิธีทำ
ช่วงนี้สบายดีไหมคะ คิดถึงจัง
แล้วเจอกันนะคะ


โดย: พิมปาย IP: 58.8.111.214 วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:21:55:48 น.  

 
ถึง พี่แกร๊ป
พูดอย่างนี้หนูอยากDrinkอะจิ
โต(แฟนพี่ )โทรมาชวนไปข้าวสารให้ชวนพี่ด้วย หนูขี้เกียจเพราะมีธุระที่คอนโดพรุ่งนี้แต่ตอนนี้อยากไปแล้วอ่ะ ไปเปล่า ยังทันนะ ถ้าเราไปก็เป็น 4 ,จะหยิบหนังไปฝากด้วย

Image Hosted by ImageShack.us


โดย: erol วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:22:38:07 น.  

 
^
^ ^
^ อ่ะ ชั้นยังไม่หายแฮ้งค์ จากเมื่อคืนเลยอะดิ ตอนนี้เริ่มง่วงแล้น



โดย: grappa วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:23:01:24 น.  

 
อ่านแนวนี้ทีไรรู้สึกว่าคนเรานี่ทำไมช่างทำได้ขนาดนี้


โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:23:31:23 น.  

 


โดย: หนูจำมัย วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:23:38:01 น.  

 
เป็นหนังอีกเรื่องนึง ที่ตั้งใจว่าจะไปดูเหมือนกันค่ะ


โดย: นมัสเต IP: 203.118.70.176 วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:23:49:12 น.  

 
อยากดูมากเรื่องนี้อ่ะค่ะ
ขอบคุณคำอวยพรดีดี
สำหรับน้องสาวนะคะ
แอดบล็อกไปด้วยนะคะ แฮ่


โดย: prncess วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:12:51:46 น.  

 
- ไอทีซียู
เห็นด้วยทุกประการเลยจ้า

อันนี้เป็นคอมเม้นท์ของตัวเองที่ไปตอบ I will see you in the next life ไว้ที่บล็อกของเขา ก็อปมาไว้ที่นี่ด้วย
(คอมเม้นท์นี้มีสปอยล์ อย่างรุนแรง
ใครยังไม่ดู กรุณาข้ามไปได้เลย )

อย่างที่บอกไว้ในบล็อก
ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พี่ชอบมากที่สุดของคุณป็นเอก
ดูเสร็จ โทรฯไปบอกผู้กำกับด้วย

ปรกติ พี่ดูหนังคุณเป็นเอกแล้วจะลุ้นทุกครั้ง
ว่าขอให้ชอบ ขอให้ชอบ

บางทีมันมีบางมุมที่พี่ไม่เก็ทอารมณ์ในหนัง
อย่างเรื่องรักน้อยนิดมหาศาล
พี่ก็ไม่เก็ทอารมณ์เหงาแบบนั้น

แต่เรื่องนี้พี่เก็ทเกือบทุกฉาก
พี่ว่าประโยค ที่ว่า "ใครควรจะมีชีวิตอยู่กันมากกว่าระหว่าง คนที่มีความสุขกับวิญญานที่เร่ร่อน " มันตอบทุกอย่างเลยนะ ตอบว่าทำไมคิโยจิ ถึงเลือกเดินเข้าหาความตาย

อีกอย่างการฆ่าคนอื่น (เซโกะ ) ความผิดบาป นั้นมันติดอยู่ในใจเขาตลอด รวมทั้ง อาการ พิพากษา จากคลื่นที่มองไม่เห็นอีก มันตามหลอนเขาตลอด

พี่ว่า ในที่สุด คิโยจิก็ เลือกที่จะพิพากษาตัวเอง เพื่อ "หลุดพ้น" จากคำพิพากษาของสิ่งอื่น

คราวนี้เขาไม่วิ่งหนีความตายแล้ว
เขาเดินเข้าหามันเลย

จำคำพูดที่ลิซาร์ดพูดได้ไหม ผมอิจฉาคุณ นะที่รู้ว่าจุดจบจะเป็นเช่นไร คิโยจิ เคลียร์กระจ่าง ว่าตัวเองจะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองต่อไป
ดูสีหน้าเขาสิ (ฉากใกล้จบ ) แถมยังกินไอติมไปด้วย (ชอบจริงๆ )

ชอบหลายๆ ฉากของเรื่องนี้ มัน นุ่มนวล นิ่งเนียน ไม่มีอะไรเกินเลย ตัดทอนทุกอย่าง ปรกติหนังคุณเป็นเอกชอบเพิ่มเติม แต่อันนี้กลับ "ตัดออก" ซึ่งพี่ชอบมากกกกกกกกกก

ส่วนประเด็นเรื่อง ไม่มีจุดพีค พี่เห็นว่าอย่างนี้
เอาเข้าจริงเราอาจชินกับเรื่องที่ค่อยๆ พาเราไป แล้วพีค ต่อมาก็คลี่คลาย คนดูอมยิ้ม กลับบ้าน ทุกอย่างลงตัว จบ
แต่เป็นเอกคงไม่ทำอย่างนั้น ไม่เดินตามขนบแบบนั้น

พี่เก็ทอารมณ์แบบนี้ เร่ร่อนๆ ไม่มีที่ยึด (ตอนนี้พยายามยึดงานการของตัวเองไว้อยู่ ) ไม่มีศรัทธาต่ออะไรเท่าใดนัก
อารมณ์ลอยๆ แบบนี้พี่เก็ทมาก

ชอบฉาก ไม่มีทางออก ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร (ตอนอยู่บนเรือ) ของคิโยจิ
อาซาโน่ นี่เป็นอย่างไรหนอ แค่นั่งเฉยๆ พี่แกก็ส่งอารมณ์แล้วน่ะ เป็นนักแสดงระดับขั้นเทพจริงๆ
(กรี๊ดๆ ฉากใส่กางเกงในตัวเดียวของเฮียแกด้วย )

หนังสือ "อย่างน้อยที่สุด" เป็นเอกบอกไว้ตอนหนึ่งว่า

"ประเด็นหนังของผมไม่ใช่เรื่องที่จะมาเปลี่ยนแปลงมนุษย์หรือปรัชญายิ่งใหญ่ เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ผมมีปัญหา มีคำถาม ไม่ใชหนังส่งเสริมให้คนทำความดี ผมไม่มีเชื้อเพลิงแบบนั้น คงทำไม่ได้ ไม่มีความสนใจด้วย เวลาทำหนังผมหวังแค่ให้คนที่มาดูหนังแล้วอยากทำอย่างอื่นต่อ มีผลอย่างอื่น เช่น ดูจบแล้วกลับไปนั่งเฉยๆ กินกาแฟ ดูดบุหรี่ หรือคิดถึงใครสักคน ผมถือว่าประสบความสำเร็จ "

สำหรับพี่เรื่องนี้คุณเป็นเอกประสบความสำเร็จมากกกกกกกกกกกกก




โดย: grappa วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:14:17:33 น.  

 
หวังว่าจะทันได้ดูหนังในโรงค่ะ
ส่วนหนังสือคงไม่พลาดแน่ค่ะ


โดย: rebel วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:14:53:16 น.  

 
เมื่อวานสั่งคนที่บ้านลองไปหาเล่นนี้แต่ไม่เจอแฮะ สงสัยต้องหาเองซะแล้ว


โดย: นายเบียร์ วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:16:24:10 น.  

 
ว่าจะไปดูอยู่เหมือนกันครับ
เเล้วค่อยมาหาหนังสืออ่านอีกที


โดย: Dark Secret วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:19:25:09 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่

ไปดูคำพิพากษาของมหาสมุทร (ชอบชื่อไทยจริงๆ) มาเมื่อวานค่ะ พร้อมกับหนังอีกเรื่อง คาดว่าคงจะได้อัพบล็อกไม่เกินพรุ่งนี้


ซื้อคิดถึงทุกวันมาอ่านแล้วค่ะ

ชอบเรื่องที่เธอเล่า 2-3 เรื่อง ที่จำได้คือเรื่องที่เปรียบความรักเหมือนการเล่นกระดานหก ที่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของตัวคู่เล่นด้วย (น้ำหนักของความรักที่ให้แก่กัน) แล้วก็เรื่องสมุดบันทึกหาย ที่บอกว่า อดีตบางอย่างมันก็ถูกปรุงแต่งขึ้นน่ะค่ะ



รู้สึกว่าเธอเป็นนักเขียนช่างคิดช่างค้นอย่างไรไม่ทราบ และค่อนข้างหลงรัก "ความรัก" พอตัวทีเดียว

ฝากบอกคุณพิมปายเธอด้วยแล้วกันนะคะ


ว่าแต่เรื่องแรกที่มีบทสัมภาษณ์ "ความคิดถึง" ที่เป็นบรรณาธิการสนพ. ใช่พี่มั้ยคะ?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:19:48:22 น.  

 
ตกข่าวอย่างแรง...

มีหนังเรื่องนี้ด้วยเหรอเนี่ย....



โดย: namit วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:21:21:24 น.  

 
-สาวไกด์ใจซื่อ
<ว่าแต่เรื่องแรกที่มีบทสัมภาษณ์ "ความคิดถึง" ที่เป็นบรรณาธิการสนพ. ใช่พี่มั้ยคะ?>

ไม่ใช่จ้า พี่เก็บตัว อิอิ


โดย: grappa วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:21:25:48 น.  

 
คิดเหมือนน้องแขเลยค่ะ หวังว่าจะได้ดูหนังเรื่องนี้
แต่ยังไง คงซื้อหนังสืออ่านแน่ๆค่ะ

ปล. ตอนนี้ อยู่ไหนคะ อยู่สนามหลวง กะเค้ารึเปล่าเนี่ย


โดย: Black Tulip วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:21:28:30 น.  

 
ว้า อย่างนี้ พอหนังเเผ่นออกมันก็มีเเต่พากษ์ไทยสินะ

last life ที่มีอยู่ก็เป็นเเผ่นพากษ์ไทย (วีซีดี) ดูไม่สนุกเท่าฉบับ subtitle
ปล.ตอนไปซื้อ มีการถกเถียงกับคนขาย พี่คนขายคิดว่าเราบ้าไปเเล้ว ที่ไปจู้จี้จะซื้อหนังไทย ที่ไม่พากษ์ไทย

---

อยากดู invisible waves ในโรงหนัง ถ้าเป็นไปได้ :D ถ้ามันฉายถึงสงกรานต์ก็ อาจจะได้ดู






โดย: fawnv.blogspot.com จ้า IP: 24.210.47.68 วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:23:24:49 น.  

 
เขียนถึงอะไรก็น่าลองอ่านไปหมดเลย แต่ว่า ตอนนี้ได้เวลาประหยัดอีกแล้ว...


โดย: to be continued วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:2:08:18 น.  

 
เคยอ่านหนังสือของปราบดา รู้สึกว่าเข้าใจยากไปนิด
เเต่ตอนนี้อยากดูหนังเรื่องนี้ของเป็นเอกมากค่ะ
ชอบหนังของหนุ่มคนนี้ทุกเรื่อง


โดย: ปลาทอง9 วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:4:25:38 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่แกร้ป
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ
ขอให้พี่ความสุขมากๆ เช่นกันค่ะ




บอกแล้วว่าขนม(ที่ซื้อมาฝาก) อร่อย อิอิ...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:7:39:37 น.  

 
โอ้ยยย อ่านแล้วอยากดูหนังมาก ตอนนี้ติดสอบเลยไม่ได้ไปซักที


โดย: strawberry machine gun IP: 192.150.249.114 วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:9:18:07 น.  

 
แหม film noirไม่ได้มีแต่ด้านมืดซะหน่อย แค่ขาวดำเอง เนื้อเรื่องก็ยังพระเอกผู้ร้ายอยู่ดีครับ


โดย: แป๊กก วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:9:31:00 น.  

 
สวัสดีวันจันทร์ค่ะคุณกรัปป้า ... ดีใจที่ได้คุยกันนะค่ะ ตื่นเต้น เพราะไม่คิดจะได้คุยรอบโต๊ะเลย เอาไว้หนหน้าคงมีโอกาสได้เจอกันตัวเป็นๆ นะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:12:32:00 น.  

 
ยังไม่ได้ไปดูเลยครับ เรื่องนี้


โดย: กุมภีน วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:12:49:29 น.  

 
"หากเรามุ่งแต่จะอยู่กับสิ่งแวดล้อมตามใจตัวเองตลอดเวลา การเป็นมนุษย์คงไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าการเป็นคราบตะไคร่น้ำระหว่างนิ้วเท้าของปลาตีน"

ฮืมมม...
ชอบปราบดาก็ไอ้ตรงนี่แหละ


โดย: kimprite วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:14:18:07 น.  

 
ย้ากกกกก กาซซซซซซซซซซซซซ หุดหิด ขนาดใช้ไหสปีดที่ทำงานแล้วยังฟังเพลงหยุดๆเลยอ่า

เอ่อ แต่เพลงเพราะดีนาครับ ฟังแบบต้องปะติดปะต่อไปด้วย อ่า แต่จะให้ดีน่าส่งเป็นเมล์เลยนาครับ งี้ดๆๆ กุสลแรงเป็นแน่

ง่ะ กลัว (ย่องๆๆกลับบล้อก)


โดย: คูต้าว IP: 203.113.0.193 วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:16:18:04 น.  

 
วันนี้ไปร้านหนังสือ ยังไม่เห็นวางแผงเลยครับ เลยมาถามว่าซื้อสองเล่มนี้ที่ไหน หรือว่าจะวางแผงเมื่อไหร่อ่ะครับ


โดย: strawberry machine gun วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:17:05:40 น.  

 
^
^ วางแผงแล้วค่ะ วันนี้ไปที่ดอกหญ้าสยาม ศูนย์หนังสือจุฬา ร้านนายอินทร์เอ็มโพเรียม ซีเอ็ดสยาม คิโนคุนิยะ สาขาพารากอน ก็เห็นแล้วค่ะ
strawberry machine gun ไปถามที่ร้านหนังสือแถวไหนคะ ถ้าไม่เห็นจะได้บอกสายส่งให้


โดย: grappa (grappa ) วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:18:02:26 น.  

 
เห็นtrailer ตอนที่ดูเด็กหอเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ว่าจะรีบไปดูแล้วล่ะค่ะ แต่ยังรอคนที่นัดกันจะไปดูด้วยอยู่เลย


โดย: le petit panx IP: 203.147.55.35 วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:19:57:04 น.  

 
เห็นหนังสือแล้วอยากดูหนัง ฮ่าฮ่า เกี่ยวไหมนั่น

จริงๆ อยากดูเรื่องนี้อยู่แล้วค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสไปดูเลย คราวนี้ตั้งใจว่าจะต้องดูหนัง เพราะคราวรักน้อยนิดนั้น ไปอ่านหนังสือก่อน แล้วตีความไม่เหมือนกับหนังของคุณเป็นเอก เลยทำให้ไม่ชอบหนังไปเลย

คราวนี้เลยตั้งใจว่าต้องดูหนังก่อน เห็นความเห็นท้ายๆของ จขบ บอกว่าชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เลยยิ่งอยากดูมากขึ้น แต่จะได้ไปดูในโรงไหมนะ


โดย: cottonbook วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:21:42:22 น.  

 
อ่อ ปะกี้ลืมบอก ถ้าสนใจเพลงในคอนเสิร์ตที่รีวิวไว้ที่ blog ก็ลองแวะกลับไปที่ blog ได้ค่ะ ได้เอาเพลง Athemyst มาให้โหลดค่ะ เพลงบรรเลงออเคสตราตามที่รีวิวไว้น่ะค่ะ


โดย: cottonbook วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:21:49:33 น.  

 
วันนี้เห็นหนังสือที่คุณ grappa แนะนำไว้ด้วยครับ แต่ว่ารีบๆ เลยไม่ได้หยิบมาดู อีกอย่างนึงช่วงนี้งานเยอะและวุ่นๆ นะครับ ขออภัยด้วยนะครับ ถ้าไม่ได้เข้ามาเยี่ยมบ่อยๆ ครับ

ส่วนหนังและหนังสือเรือ่งนี้ ผมคงไม่พลาดครับ ได้ดูแล้วเดี๋ยวเข้ามาคุยครับ ;) ชอบหนังคุณเป็นเอกอยู่แล้ว


โดย: BAYROCKU วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:22:30:55 น.  

 
งานของคุณ ปราบดานี่
กึ่งชอบ กึ่งไม่ชอบ
..พูดไม่ถูกครับ
แต่ยอมรับว่า มีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวทีเดียว
..


โดย: แร้ไฟ วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:1:08:08 น.  

 
อ๊ะ ! มีเป็นหนังสือด้วย
ต้องไปหามาอ่านบ้างแล้ว



โดย: ShadowServant วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:2:51:04 น.  

 

ครั้งที่เเล้วเข้ามาอ่าน เสียบหูฟังไว้กับเครื่อง เเต่ไม่ได้เสียบไว้กับหูตัวเอง

เพลงที่เล่นอยู่ เพลงของใครอ่ะคะพี่
ฟังเหมือนอาร์มเเชร์(ยุคเเรกๆ)


โดย: fawn ค่ะพี่ IP: 24.210.47.68 วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:7:48:48 น.  

 
ไม่เคยอ่าน งาน ของ ปราบดาหยุ่น เลย ดี ไหม คะ


โดย: ไม้ยมก&แหนมมัด วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:7:58:11 น.  

 

หาหนังสือของพี่ไม่เจอซักทีค่ะ
อีกทีคือตอนเจอหนังสือของพี่เป็นเอกแต่มันก็ช่างตรงกับเวลาที่เงินในกระเป๋าตังไม่เหลือเสียแล้ว

หนังก็ยังไม่ได้ดู เพราะว่าไม่มีเวลา ไอ้ตอนที่เวลามันลงตัว รอบที่จะไปดูก็เป็นพากษ์ไทยเสียนี่ ถูกค่ะว่าพากษ์ไทยไม่มีเสียงหล่อๆของเฮียอาซาโน่ แต่ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นอีก
คือหนูเข็ดค่ะ หลังจากตอน Last Life ที่ตอนนั้นหนูยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เข้าไปดูพากษ์ไทย แล้วคิดว่าพี่น่าจะเข้าใจน่ะนะคะ หนังมีสามภาษา ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น ที่ตอนนั้นได้ดูก็คือ ญี่ปุ่นมันก็ไทย อังกฤษมันก็ล่อไทย ไทยมันก็เอาไทย ไทยๆๆหมดเลย ตอนนั้นหนูเด็กๆกว่านี้อยู่ ดูหนังของพี่คุ่นไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่แล้ว มาเจออย่างนี้อีก ยิ่ง งงเต๊ก ค่ะ เดินออกมาหัวหมุนเลยค่ะ ได้มาดูอีกทีที่เป็นเวอร์ชั่นซาวน์แทร็คค่อยรู้เรื่องมาหน่อย

พึ่งได้ดูหนังของคุณอาซาโน่เรื่อง Shark Skin Man and Peach Hip Girl ค่ะ(เชยไปไหมนี่) เลยทำให้อยากดู Invisible Waves หนังใหม่ของเขาเข้าไปใหญ่เลยค่ะ

และอาทิตย์หน้าหนูก็จะสอบแล้วค่ะ ซึ่งอาทิตย์นี้ก็เป็นอาทิตที่งานมาสุมๆๆๆกันเต็มโต๊ะหนูเลยค่ะ ขอให้อย่าออกโรงเร็วละกันเน้อ

พี่ได้หนังสือใหม่ (คาฟคา?) ของคุณนพดลแล้วหรือคะ

เจอกันงานหนังสือครั้งที่จะถึงนี่คะ


โดย: Crisis IP: 203.148.177.210 วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:7:59:46 น.  

 
- fawn
เพลงของ kid Loco จ้า
อัลบัม A Grand Love Story
เพลงที่เปิดชื่อ Relaxin'With Cherry

- ไม้ยมก&แหนมมัด
ต้องลองหาอ่านดูค่ะ

- Crisis

Shark Skin Man and Peach Hip Girl พี่ก็ยังไม่ได้ดูเลยจ้า หนังสือของคุณนพดลที่ว่า ไม่ใช่เล่มคาฟกาน่ะ เป็นเล่มแปลที่ชื่อว่า 7 อุปนิสัยสำหรับครอบครัวที่ทรงประสิทธิผลยิ่ง (เล่มทหนาปึ้ก)
คุณนพดลขยัน มีงานแปลออกมาเต็มไปหมด

จะสอบแล้วเหรอ จะขึ้นเกรด 11 แล้วสิใช่ไหม (พี่จำได้ว่าเราอยู่เกรด 10 ใช่หรือเปล่าหว่า ) ยังไงก็ตามขอให้ผ่านพ้นการสอบไปด้วยดีเน้อ







โดย: grappa วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:8:12:03 น.  

 
ผมไม่ได้อ่านบ็อกนี้ครับ กะว่าจะไปดูหนังเสียก่อน


โดย: อุปกรณ์ประกอบแฉก IP: 203.113.81.37 วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:8:12:28 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่แกร๊ป

เช่านี้ ทานไรกันดีคะ


โดย: Black Tulip วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:8:15:53 น.  

 
อยากดูหนังเรื่องนี้มากๆ

อยากอ่านหนังสือด้วย กว่าผมจะกลับเมืองไทยนี่มันจะหมดยังอ่ะ

แล้วเล่มบทสัมภาษณ์เป็นเอก นี่ใช่ที่ลงในมติชนสุดสัปดาห์เป็นตอนๆหรือเปล่าครับ พอดีได้อ่านอยู่ ๓ ตอนก่อนกลับมาที่นี่


โดย: Etat de droit IP: 84.100.103.45 วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:9:09:37 น.  

 
"เถ้าถ่านแห่งวารวัน "
ชื่อเรื่องเพราะดีครับ
ผมทำตามที่คุณแนะนำไม่ได้หรอก
เพราะเรื่องนั้นมันจบบริบูรณ์แล้ว
สิ่งที่เหลืออยู่ ก็คือความทรงจำที่งดงาม


โดย: สะเทื้อน วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:10:00:25 น.  

 
แหะๆ ไม่รู้สิคะพี่

อาจเป็นเพราะเต้ยติดอยู่กับความละเอียดอ่อนหลายๆ อย่างในเรื่องรักน้อยนิดฯ ก็ได้ค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าคุ่นน่าจะเป็นสไตล์นั้น (ซึ่งที่ผ่านมาหนังของเป็นเอกไม่มีความละเอียดอ่อนด้านความรักในแบบที่เรื่องรักน้อยนิดฯ มี ก็เลยคิดว่าน่าจะมีผลมาจากคุณคุ่น)

แล้วตอนอ่าน "ฝนตกตลอดเวลา" ก็รู้สึกไม่ต่างกันในเรื่องของความรู้สึกในความรักของคุ่น

แต่สำหรับคำพิพากษาฯ เรากลับรู้สึกว่าความรู้สึกดังกล่าวมันเจือจางไปน่ะค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าคุ่นน้อยลงอะค่ะ


แต่ยังไงก็จะซื้อหนังสืออ่านอีกทีค่ะ

อ้อ..เต้ยไปถามหาหนังสือเล่มนี้จากซุ้มไต้ฝุ่นที่สวนเบญจฯ งานมหกรรมความสุขที่ผ่านมา ปรากฏว่ายังไม่มีค่ะ เลยได้พรมแดนทดลองมาแทน

อ่านของคุณมุกหอมมาสองเล่ม

รู้สึกว่าชอบเวลาเธอเล่นกับสำนวนและถ้อยคำจังเลย เธอประชด แดกดัน และเล่นได้ "หึๆ" ดีค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:10:01:58 น.  

 
หวัดดีค้าบ คิดถึงจังเลย เดี๋ยวปลายเดือนมีสังสรรกันอีกนะครับ คุณแกร๊ปไปนะ นะๆ


โดย: me2you วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:10:37:43 น.  

 
พี่แป๊ดครับ

เอางานที่ผมเขียนในโอเพ่นไปแปะได้ตามสบายเลยครับ ไม่มีปัญหา อยากให้คนอ่านเหมือนกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่า นักกฎหมายหรือนิติ มธ. ไม่ได้เห็นอะไรไปในทางเดียวกันหมด


โดย: Etat de droit IP: 84.100.103.45 วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:11:52:58 น.  

 
ดีนะที่พี่ชอบน้องแน๊ทไม่ชอบลุงหนุ่ย ไม่งั้นมีโป้ง ชอบอาโตดีก่า โอเค๊?



โดย: erol วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:13:19:50 น.  

 
เปิดเพลงไฮโซมาก ชอบ


โดย: erol วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:13:22:08 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณกรัปป้า ... ใช่เลยค่ะ คนไม่ค่อยชอบบอนด์คนใหม่เลย นัยว่าประการสำคัญสำหรับแฟนๆ หนังสาวๆ อ่ะค่ะ คาดว่าถ้าความหล่อและความเท่ห์ก็คงไม่เท่าบอนด์คนเก่าๆ เลย แต่ก็นะค่ะ คนเก่าก็เริ่มโรยแล้วก็อยากเปิดโอกาส ผู้สร้างก็อยากหาอะไรใหม่ ๆ ก็คงต้องให้โอกาสเค้าพิสูจน์อ่ะค่ะ

เรื่องนี้เลยทำให้เราได้รู้เหมือนกันนะค่ะว่าการจะทำอะไรให้ใครพอใจไปหมดมันก็ทำไม่ได้มันต้องดูหลายๆ อย่าง และอย่างที่สองก็คือว่าการเปิดโอกาสให้พิสูจน์เป็นสิ่งสำคัญ ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะพูดได้ยังไงว่ามันไม่ดี ใช่ไม๊ค่ะ ... เพราะฉะนั้นไม่ว่าบอนด์ใหม่จะเป็นยังไงเราก็ต้องพิสูจน์ค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:13:35:55 น.  

 
ขอบคุณนะครับบบ สำหรับพรที่เอาไปอวย


โดย: กุมภีน วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:14:07:37 น.  

 


โดย: rebel วันที่: 7 มีนาคม 2549 เวลา:16:10:57 น.  

 


โดย: เจ้าหญิงวีนัส (ohvenus ) วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:2:32:57 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่า


...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:7:11:59 น.  

 
มีคำถามเกี่ยวกับหนังสือค่ะ ไปเห็นที่ร้านเกือบจะซื้อมาอยู่แล้ว แต่เห็นว่าแปลมาอีกทีเลยลังเล (อยากให้คุณปราบดาแปลเองน่ะค่ะ)

เลยอยากถามว่าเดิมที คุณปราบดาเขียนบทหนังเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดหรือเปล่าคะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: รับขวัญ IP: 58.136.212.22 วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:18:39:33 น.  

 
ปราบดา เขียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดค่ะ

ให้แปลเอง ปราบดาคงไม่แปลน่ะค่ะ
เขาทำหน้าที่เขียนไปแล้ว


โดย: grappa วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:12:51:15 น.  

 
มาแล้ว ตามสัญญา ขออภัยที่ช้าไปหน่อย พอดีเพิ่งสอบเสร็จอ่ะจ้ะ

ความรู้สึกที่มีต่อ Invisible Waves

ตอนแรกชอบหนังเรื่องนี้ในประมาณหนึ่ง แต่พอเวลาผ่านไปจะรู้สึกชอบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสิ่งที่ยังตกค้างอยู่ในหัวสมองของตัวเอง นั่นก็คือ "บรรยากาศ" ของหนัง ส่วนเนื้อเรื่องหรือรายละเอียดต่างๆ จำไม่ได้แล้ว เพราะช่วงนั้นดูหนังเทศกาลอัดกัน 20 เรื่อง ดังนั้นถ้าจะให้พูดถึงหนังได้ตอนนี้คงจะเป็นเรื่องพวกเสียงหรือภาพมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ชอบ Last Life มากกว่า เพราะรู้สึก preject ตัวเองลงไปใน Last Life ได้เกือบ 100%


ข้อความต่อไปนี้มาจาก //www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=26541


ตอนนี้รู้สึกว่าชอบหนังเรื่อง Invisible Waves มากขึ้นเรื่อยๆ (อาจจะเลื่อนความชอบจาก A เป็น A+) ถ้ามีเวลาพอก็อยากจะไปดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่สอง (รอบแรกดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร เพราะคนเดินออกเยอะมาก แล้วก็มีคุยโทรศัพท์กันบ่อยมาก อยากลุกขึ้นเอามีดไปจ้วงจริงๆ)

ตอนแรกที่ดู Invisible Waves รู้สึกตกใจกับ “ภาพ” ของหนังเหมือนกันว่าทำไมมันถึงมืดๆ มัวๆ แบบนั้น (ทำให้หนังกลายเป็นหนัง “ฟิล์มมัวร์” แทนที่จะเป็น “ฟิล์มนัวร์”) ดูไม่เหมือนงานภาพก่อนๆ ของคริสโตเฟอร์ ดอยล์ ช่วงแรกก็เลยรู้สึกปวดตาเหมือนกัน แต่พอตอนกลางๆ เรื่องก็เริ่มชิน

จุดที่ชอบก็คือ การที่หนังเล่นกับบรรยากาศและสถานที่ได้ในแนวทางที่ถูกใจตัวเองมากๆ เช่น การทำให้ “เรือ” และ “โรงแรม” กลายเป็นอะไรสักอย่างที่เหมือนกับ “แดนสนธยา” และการทำให้ภูเก็ตดูไม่เหมือนภูเก็ต (แต่จริงๆ แล้วตัวเองก็เคยไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ตแค่ครั้งเดียว)

ส่วนที่ชอบที่สุดก็เหมือนกับพี่แมดเดอลีนคือ sound ของหนังเรื่องนี้ (จริงๆ ติดใจเรื่อง sound ในหนังคุณเป็นเอกมาตั้งแต่เรื่อง Last Life in the Universe แล้ว) ชอบที่ว่าเสียงใน Invisible Waves จะลอยขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว เราจะรู้สึกถึงเสียงนั้นตอนที่ผ่านไประยะหนึ่งหรือตอนที่หนังกลับมาเงียบอีกครั้ง

เมื่อกี้ได้ฟังรายการหนังหน้าไมค์ทางคลื่น FaT Radio ซึ่งคุณเป็นเอกมาร่วมรายการ ก็ได้ข้อมูลน่าสนใจหลายอย่างเหมือนกัน เช่น ตอนแรกคุณเป็นเอกกะว่าจะไม่ใส่เพลงประกอบลงไปในหนังเรื่องนี้เลย เพราะต้องการทำให้หนังเรื่องนี้ดู “แห้ง” ที่สุด แต่สุดท้ายพอปรึกษากับทีมงานแล้วความคิดนั้นก็ตกไปด้วยความที่ทีมงานคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “สงสารนายทุนหน่อยเถอะพี่แค่นี้เขาก็แย่แล้ว” (ฮา)

กระบวนการของการทำเพลงประกอบในหนังเรื่องนี้ก็คือ เริ่มจากให้คุณโหน่ง (แห่งค่ายหัวลำโพงริดดิม, หนึ่งในสมาชิกวง The Photo Sticker Machine) แต่ง score ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ส่งต่อให้กับ Koichi (รีมิกเซอร์ชาวญี่ปุ่นที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในเมืองไทย รู้สึกว่าเขาจะ mix เพลงให้กับศิลปินค่ายเบเกอรี่อยู่บ่อยๆ) ซึ่งวิธีที่ Koichi ทำต่อก็คือ เอา score ไปมิกซ์รวมกับเสียงบรรยากาศ (live sound) ของหนัง ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ ความประสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างที่ปรากฏในหนัง

ฉากหนึ่งที่คุณเป็นเอกชอบมากก็คือ ฉากต้นเรื่องที่โคอิจิอยู่กับเซโกะ --> กล้องจับภาพแก้วไวน์ --> หนังตัดภาพไปที่คุณป้ามาเรียที่กำลังดูทีวี --> ตัดกลับมาตอนที่โคอิจิกำลังเทไวน์ทิ้ง, ล้างแก้ว, เช็ดรอยนิ้วมือ ซึ่งเสียงในตอนนี้จะเป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกว่า “มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น” (ซึ่งก็คือการที่เซโกะถูกวางยาตาย) และซาวด์ที่ Koichi เลือกใช้ในฉากนี้คือ เสียงลม (????) (สงสัยต้องกลับไปดูใหม่จริงๆ แล้ว เพราะจำฉากเหล่านี้โดยละเอียดไม่ได้เลย)

-------------------

แล้วก็ขอยกข้อความของคุณแมดเดอลีนมาด้วยนะครับ เพราะเห็นว่าน่าสนใจดี

--ตอนนี้ชอบ INVISIBLE WAVES (A+++++) มากๆเลยค่ะ ถ้าหากจัดอันดับหนังเรื่องนี้เทียบกับหนังในเทศกาลที่ได้ดูมา หนังเรื่องนี้คงอยู่ไม่ต่ำกว่าอันดับ 4 อย่างแน่นอน เพราะชอบหนังเรื่องนี้มากกว่า ULTRANOVA แต่ยังไม่แน่ใจว่าชอบหนังเรื่องนี้มากกว่า THE BURIED FOREST หรือเปล่า คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

แต่ที่แน่ๆก็คือ INVISIBLE WAVES เป็นหนังที่ชอบที่สุดของเป็นเอกค่ะ ส่วนอันดับสองยังคงเป็น FUN BAR KARAOKE

สิ่งที่ชอบมากใน INVISIBLE WAVES ก็คือบรรยากาศและจังหวะของเรื่อง

ดู INVISIBLE WAVES แล้วก็นึกถึง ULTRANOVA ด้วยเหมือนกัน เพราะหลายๆฉากใน INVISIBLE WAVES อาบไปด้วยสีฟ้าเขียว ซึ่ง ULTRANOVA ก็มีหลายๆฉากที่ให้สีฟ้าๆเขียวๆเหมือนกัน แต่ภาพในหนังทั้งสองเรื่องก็สวยในแบบที่แตกต่างกันมาก เพราะเกรนภาพใน ULTRANOVA จะดูแตกๆหยาบๆมาก แต่ INVISIBLE WAVES ไม่มีเกรนภาพแบบนั้น

(อย่างไรก็ดี สาเหตุที่ดิฉันชอบ INVISIBLE WAVES กับ ULTRANOVA มากๆ ไม่ได้เป็นเพราะว่าดิฉันชอบสีฟ้าๆเขียวๆแต่อย่างใด เพราะหนังที่ “รังเกียจสีเขียว” อย่างรุนแรงอย่าง EDEN AND AFTER (1970, ALAIN ROBBE-GRILLET, A++++++++++) ก็เป็นหนึ่งในหนังที่ดิฉันชอบที่สุดในชีวิตเช่นกัน)


--ดีใจมากค่ะที่คุณเจ้าชายน้อยชอบ INVISIBLE WAVES มากๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังเซอร์ไพรส์เรื่องนึงสำหรับดิฉัน เพราะจริงๆแล้วดิฉันไม่เคยคาดว่าตัวเองจะชอบหนังของคุณเป็นเอกมากเท่านี้มาก่อน แต่พอเข้าไปดูแล้วก็ช็อคกับมนตร์เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้เข้าอย่างจัง ชอบตั้งแต่ต้นเรื่องที่จะเหมือนมีเสียงคนพูดกันอื้ออึง ก่อนที่เสียงจะค่อยๆหายไปและภาพบนจอหนังปรากฏขึ้นมาเป็นภาพของพระเอกกับทูน หิรัญทรัพย์อยู่ในห้องกันสองคน

--ดีใจมากๆที่ได้ดู INVISIBLE WAVES ในโรง เพราะสิ่งที่ดิฉันชอบมากในหนังเรื่องนี้คือ “เสียงบรรยากาศ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ลำโพงทีวีบ้านดิฉันคงไม่สามารถถ่ายทอดได้อย่างทรงพลังมากเท่ากับในโรงหนังแน่ๆ มีอยู่บางฉากในหนังเรื่องนี้ที่มีเสียงหึ่งๆ หรือเสียงอะไรบางอย่างสอดแทรกอยู่ในบรรยากาศ เสียงเหล่านั้นส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของดิฉันอย่างมากๆ และรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้ดิฉันรู้สึกอย่างนี้ ปกติแล้วดิฉันจะรู้สึกว่าหนังบางเรื่องเหมาะที่จะดูในโรงเพราะภาพในหนังมันยิ่งใหญ่มากๆ หรือไม่ก็ภาพในหนังมันมืดมากๆ แต่สำหรับ INVISIBLE WAVES นั้น ดิฉันรู้สึกว่ามันเหมาะที่จะดูในโรง ไม่ใช่เพราะพลังทางภาพมันโดนใจดิฉัน แต่เป็นเพราะ “คลื่นเสียง” ในหนังมันโดนใจดิฉันมากๆ (แต่ถ้าหากคุณมีโฮมเธียเตอร์ที่มีระบบเสียงที่ดี นั่นก็คงเป็นอีกเรื่องนึง)

--หนึ่งในฉากที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ คือฉากที่ถ่าย “คุณป้าข้างบ้าน” (MARIA CORDERO) ในช่วงต้นเรื่อง ก่อนที่จะเกิดการฆาตกรรม เป็นฉากที่ฝังใจมาก ทั้งๆที่ถ้าหากตัดฉากนี้ออกไป มันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อเนื้อเรื่องแม้แต่นิดเดียว

รู้สึกว่า MARIA CORDERO จะเล่นหนังมาแล้วเยอะมาก แต่ดิฉันแทบไม่เคยดูหนังของเธอมาก่อน ผลงานการแสดงของเธอก็เช่น

1.SEXY AND DANGEROUS (1996, HIN SING “BILLY” TANG)

2.WHORES FROM THE NORTH (1993)

3.WOMEN PRISON (1988, DAVID LAM)
//www.imdb.com/title/tt0095758/
ไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยดูหนังเรื่องนี้หรือเปล่า แต่จำได้ว่าตอนเด็กๆเคยดูหนังเกี่ยวกับคุกหญิงของฮ่องกงเรื่องนึงที่ดูแล้วมันมากๆ ตบกันแหลก กดดันอย่างรุนแรงมาก เพื่อนทุกคนบอกว่าดูแล้วรู้สึกคันมือคันเท้าอยากกระโจนเข้าไปในจอภาพยนตร์เพื่อช่วยนางเอกตบตีกับเหล่าร้ายในหนังเรื่องนี้

4.VAMPIRE VS. VAMPIRE (1989, LAM CHING-YING)
//www.imdb.com/title/tt0095758/
//images.amazon.com/images/P/B00008V5S7.01.LZZZZZZZ.jpg
MARIA CORDERO รับบทเป็น MOTHER SUPERIOR ในหนังเรื่องนี้

5.CHOCOLATE INSPECTOR (1986, PHILIP CHAN)
//www.imdb.com/title/tt0091940/
นำแสดงโดยเหมยเยี่ยนฟาง

จากคุณ : M.Scudery Worships Montxo Armendariz : - [ 08 มีค. 2006 23:11:00 ]


โดย: merveillesxx วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:20:53:43 น.  

 
ตามน้องเมอมาจาก bioครับ
เลยมาฝากลิงค์ไว้มั่ง
แหะๆ

//filmsick.exteen.com/20060309/invisible-wave


โดย: filmsick IP: 202.5.87.142 วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:22:22:34 น.  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]