- - -- ลับแล, แก่งคอย : ประวัติศาสตร์ และสัญญะแห่งตัวตนของอุทิศ เหมะมูล - - - -







ดิฉันอ่านหนังสือเล่มหนา 444 หน้าเล่มนี้รวดเดียวจบ ใช้เวลาไปวันกว่าๆ จมหายไปกับนวนิยาย
เรื่องนี้ อุทิศ เหะะมูล คนเขียนบอกว่า "หนังสือเล่มนี้เรียกร้องสมาธิและความใส่ใจจากคนอ่านมากกว่าผลงานชิ้นอื่นๆ ของผม ด้วยว่าขนาดของมันดูจะสวนทางกับความเป็นไปได้ที่วัฒนธรรมการมองมีอิทธิพลมากกว่าการอ่านยิ่งขึ้นเรื่อยๆ "

อ่านจบดิฉันพบว่ามันไม่ได้เรียกร้องคนอ่านเท่าไรเลย ความหนาขนาดนี้ถือเป็นเรื่องสามัญสำหรับดิฉัน และยิ่งเราพบว่าหนังสือมันสนุก มันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรกับคนอ่านมากไปกว่า การให้อรรถรสอันดีเยี่ยมในการอ่านกลับมาตอบแทน แค่ภาคแรกที่ "ผม"เล่าเรื่องย่าของเขานั้นดิฉันก็น้ำตาไหลพรากๆ ขณะอ่าน ดิฉันมักจะแพ้ทางอะไรแบบนี้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้หนังสือ ที่สามีตาย แต่เลี้ยงลูกหลายคนให้เติบโต เติบใหญ่ ดิฉันว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มหาศาลที่ผู้หญิงคนหนึ่งทำอะไรให้แก่โลก ( และกลับมาร้องไห้อีกครั้งในตอนใกล้ๆจบของหนังสือ )

"ลับแล,แก่งคอย " เป็นนวนิยายเล่มล่าสุดของอุทิศ เหมะมูล คราวนี้เขานำเอาประวัติศาสตร์แห่งครอบครัว "ผม" ( ตัวละครเอก-และผู้เล่าเรื่อง) ประวัติศาสตร์หมู่บ้านที่แก่งคอย ประวัติศาสตร์แห่งถนนมิตรภาพอันเป็นตำนานเส้นนั้นมาร้อยรัดชีวิตผู้คนที่รายล้อมตัว "ผม" คนเล่าเรื่องเข้าไว้ด้วยกัน เขาจับเอาเอาประวัติศาสตร์ช่วงก่อนที่ "ผม" จะถือกำเนิดขึ้น จนกระทั่งผมอายุ 15 ปี เป็นประวัติศาสตร์ของสังคมไทยที่ลากยาวตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2533

นวนิยายเรื่องนี้จึงให้ภาพครอบครัวไทย ครอบครัวหนึ่ง มีบริบททางสังคมกำกับแต่ละช่วงเวลา เมื่อมันเป็นครอบครัวไทยๆ มันจึงมีเรื่องราวตั้งแต่เรื่องของครอบครัวที่มีชายเป็นใหญ่ (ในที่นี้คือ"พ่อ" อันเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องตัวหนึ่งเช่นกัน ) มีลักษณะของช้างเท้าหลัง (แม่) มีภาพและวิธีคิด การใช้ชีวิตของคนชนบท (ล้าหลัง-นับถือผี-งมงาย-เชื่อคนง่าย ถ้าเราจะคิดว่าชุดคำเหล่านี้คือการบอกเล่าคนบ้านนอก ) อีกทั้งมีประวัติศาสตร์การสร้างเนื้อสร้างตัวและการตั้งรกรากของครอบครัวอยู่ในนั้น

ถ้ามันเป็นแค่การบอกเล่าเรื่องราว การสร้างประวัติศาสตร์ครอบครัว มันคงเป็นหนังสือนวนิยายธรรมดาๆ สำหรับดิฉัน ( แต่ที่จริงการเขียนวรรณกรรมของชนชั้นธรรมดา ก็มีคุณูปการในตัวเองของมันมากโขอยู่ ดิฉันว่ามันเป็นการเปิดพื้นที่ทางประวัติศาสตร์วรรณกรรมให้คนธรรมดา คนต่างจังหวัด (หรือคนบ้านนอก) ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ได้ดี )

แต่นวนิยายเรื่องนี้ยกระดับเรื่องเล่าขึ้นไปอีก อุทิศแบ่งนวนิยายเรื่องนี้ออกเป็นห้าภาค - กำเนิดจากเรื่องเล่า-ประวัติศาสตร์ที่เริ่มสร้าง-ในป่าหิมพานต์-ฌาปนกิจความจริง-เถ้าอังคารของความลวง แต่ละภาคมีโปรยนำเรื่องที่เขาคัดมาจากวรรณกรรมเอกของโลกเป็นตัวนำเรื่อง ขณะเมื่ออ่านเจอโปรยนำเรื่องเหล่านี้ ดิฉันรู้สึกเหมือนกับว่าอุทิศกำลังบอกคนอ่านว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ดิฉันเลยรู้สึกว่าเรื่องเล่าของอุทิศเล่มนี้มีการทับซ้อนกันหลายชั้นของเรื่องเล่า แน่ล่ะชั้นแรกเป็นเรื่องเล่าของครอบครัวที่ "ผม"ตั้งใจจะเล่าให้คนอ่านฟัง สิ่งที่ทับซ้อนขึ้นมาอีกชั้นคือคนเขียน-อุทิศออกมาบอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ผ่านโปรยนำเรื่องแต่ละภาค (และที่ดิฉันชอบมาอีกอย่างคืออุทิศมีกิมมิคในการเล่าเรื่องของเขาด้วยการมีวงเล็บซ้อนการบรรยายความรู้สึกนิดคิดของตัวละครอีกต่อหนึ่ง เหมือนอุทิศออกมาบอกคนอ่านด้วยท่าทีที่มีอารมณ์ขันยิ่ง)

ที่ดิฉันชอบอีกอย่าง (และดูเหมือนจะพูดไปแล้วตอนที่เขียนถึงหนังสือกระจกเงา-เงากระจกของเขา) ดิฉันชอบภาษาของอุทิศ ดิฉันชอบความเปรียบของเขา เวลาเขาเปรียบอะไรที่พูดถึงเรื่องการสูญเสีย พูดถึงเรื่องความเศร้าโศก ดิฉันรู้สึกว่าอุทิศเข้าไปถึงใจกลางความเศร้าโศกอันนั้น และมันทำให้ดิฉันต้องใจสลายเป็นพักๆ

และที่ชั้นสุดท้ายที่ดิฉันรู้สึกว่านวนิยายเรื่องนี้ไม่ธรรมดาคือนวนิยายเรื่องนี้ ประกอบสร้างตัวตนของ"ผม"ขึ้นมาจากหลายแง่มุม แง่มุมแรกคือตามวิถีทางและบริบทของสิ่งที่รายล้อมตัวเขา และแง่มุมอีกอย่างที่สร้าง"ผม" ขึ้นมาคือร่องรอยของมโนทัศน์ ( ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องแจ่มชัด มันอาจจะพล่าเลือน มันอาจจะจับต้องไม่ได้ แต่เราก็เลือก (หรือไม่ได้เลือก) ให้มันก็ประกอบสร้างตัวตนเราขึ้นมา) สิ่งนี้เองที่ทำให้ดิฉันรู้สึกว่านวนิยายเรื่องนี้เหนือชั้นขึ้นไปมากกว่านวนิยายที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของตัวตนและครอบครัวแต่เพียงอย่างเดียว มันบอกเราว่ามีสัญญะบางอย่าง มีเศษเสี้ยวความทรงจำ หลายๆ เศษเสี้ยว เป็นเศษเสี้ยว เป็น frangment ของมโนทัศน์ที่ประกอบสร้างเราขึ้นมา


แถมอุทิศยังทิ้งปมบางอย่างในตอนท้ายเรื่องให้ซับซ้อนและชวนคิดขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
...

" ไม่ว่าจะเป็นชีวิตใดก็ตาม ไม่ว่ามันจะยาวนานหรือซับซ้อนเพียงใดก็ตาม โดยแก่นแท้แล้วก็ล้วนแต่ประกอบขึ้นมาจากชั่วขณะหนึ่งเดียวที่ว่านั้นด้วยกันทั้งสิ้น ชั่วขณะที่ผู้เป็นเจ้าของชีวิต-ครั้งเดียวเท่านั้นตลอดชั่วชีวิตของเขา-ได้พบว่าแท้จริงแล้วเขาคือใคร "

J.L Borges, The Life of Tadeo Isdoro Cruz

(จากคำโปรยหน้า 299 ของหนังสือเล่มนี้ )






Create Date : 20 เมษายน 2552
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 19:12:29 น. 43 comments
Counter : 5649 Pageviews.  

 
เออคือ...ไม่เคยอ่านงานของแกเลยซักเล่ม แต่จากความหนา 400กว่าหน้า คงต้องขอบาย เหอะๆ

ปล.อ่านหนังสือฉลองวันเกิดให้ตัวเองเลยเหรอพี่ อิอิ


โดย: Tentty วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:9:45:54 น.  

 
หนังสือหนาๆ หลายเล่มมีแรงดึงดูด

ส่วนความซับซ้อน บางครั้งก็น่าค้นหา (น่าอ่าน)
แต่บางครั้งก็ผลักเราออกห่าง

ช่วงนี้อ่านแต่หนังสือหนาๆ ค่ะ นิยายทั้งนั้น
ูู^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:11:04:23 น.  

 
เล่มนี้เห็นแว้บๆ แล้วละพี่ เล็งไว้ว่าจะอ่านหลังส่งงานสิ้นเดือนนี้ ^^


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:11:13:42 น.  

 
หนังสือเล่มนี้ยังมาไม่ถึงภูเก็ต! ฮือฮือ


โดย: FILMSICK IP: 117.47.204.108 วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:11:15:03 น.  

 
"ความหนาขนาดนี้ถือเป็นเรื่องสามัญสำหรับดิฉัน"

แต่มันวิสามัญสำหรับผมครับพี่ หลังๆนี่ไม่ค่อยได้อ่านอะไรที่หนาเกินสามร้อยหน้าเลย

ผมว่าบทรีวิวของพี่ก็น่าจะเหนือชั้นไม่แพ้นิยายเลยนะครับ เพราะกลุ่มคำอย่าง "ร่องรอยของมโนทัศน์" นี่มันเกินจินตนาการของผมจริงๆ (ชาตินี้ทั้งชาติผมคงเขียนอะไรแบบนี้ไม่ได้)

เปิดสงกรานต์มาแล้วยังยุ่งๆอยู่ อีกซักพักถึงจะอัพบล็อคได้ครับ (ดันเอาเวลางานมาอัพก็เงี้ย)


โดย: แฟนผมฯ (แฟนผมตัวดำ ) วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:12:54:13 น.  

 
ส่วนผม ฝ่าฟันกับ บันทึกนกไขลาน อยู่

ตอนนี้ถึงหน้า 300 แล้ว 555


โดย: merveillesxx วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:13:15:04 น.  

 

ยังไม่เคยอ่านงานของเขาเลย แต่พี่แป๊ดทำให้อยากอ่านขึ้นมาติดหมัด

จำนวนหน้าไม่ทำให้ท้อใจอยู่แล้ว ถ้าคนเขียนกับเรารับส่งสัญญาณกันได้

ช่วงวันหยุดยาวหลายวัน มันรุ่มร้อนเหลือเกินค่ะพี่ อ่านไปน้อยกว่าที่ตั้งใจ รออ่านที่พี่อัพดีกว่า


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:13:31:22 น.  

 
ประชาคม ลุนาชัย เล่มล่าสุด ก้าวไปเก็บจันทร์พันดวง อยากให้พี่แป๊ดอ่าน เพราะเขามีเบื้องหลังแวดวงสิ่งพิมพ์ด้วยอ่ะ คือเขาเล่าเรื่องจริง แต่ใช้นามแฝงอื่น ผมอยากรู้ว่าใครเป็นใครบ้างอ่ะพี่ รบกวนอ่านแล้วมาบอกหน่อยนะจ๊ะ จุ๊กกรู้ (ยัดเยียดให้อ่านแบบแฝง)


โดย: strawberry machine gun วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:13:43:51 น.  

 
เคยอ่านแต่บทวิจารณ์หนังครับ

ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าอยากอ่านเล่มก่อนหน้านี้เหมือนกันครับ

444 หน้าสำหรับตอนสมัยเรียนสบายมากครับ (เพราะอ่านในห้องเรียนตลอด)

แต่ปัจจุบันไม่ง่ายแล้วครับ แต่ว่าแฮรี่ พอตเตอร์ 800 หน้านี่ยังได้อยู่ครับ น่าเสียดายไม่มีเล่ม 8 อีกT_T


โดย: พอกลอน ซาเสียง IP: 203.146.136.113 วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:14:36:55 น.  

 
เป็นบทรีวิวที่อ่านสนุกมากครับ อ่านไปก็หยุดคิดตามไปด้วย รู้สึกได้ถึง passion ที่พี่มีกับหนังสือเล่มนี้ได้เลย

ป.ล. Change นี่ก็มีช่วงตลกและโรแมนติคผสมอยู่ครับ แต่ด้วยสัดส่วนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับดราม่า


โดย: เอกเช้า IP: 165.89.84.88 วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:18:43:04 น.  

 
ถ้าพี่ไม่แนะนำ
ไม่คิดว่าจะอ่านเลยอ่ะพี่
หน้าปกพอจะโดน แต่ชื่อไม่รู้ดิยังไม่โดนใจพอที่จะให้หยิบมาก่อน
แต่แนะนำโดยพี่อ่ะนะ ไม่อ่านได้ไง

อิอิ



โดย: เชอรี่ (cherydnk ) วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:19:40:08 น.  

 
อ่านแล้วอยากเดินไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านเลยค่ะ


โดย: DropAtearInMyWineGlass วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:7:24:21 น.  

 
ความหนาไม่สำคัญสำหรับคนอ่านค่ะ ถ้าหนังสือนั้นดีและชวนอ่านพอ

แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เสพติดการอ่าน ก็ค่อนข้างทำให้ "แหยง" ได้พอควรนะคะ

จดไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ เอาไว้จะหามาอ่านนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:8:49:54 น.  

 


โดย: ขวัญค่ะ (toyor ) วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:14:42:46 น.  

 
เหอะ ๆ เห็นความหนาแล้วตกใจ!
พักนี้สมาธิสั้นค่ะ อ่านแต่พวกเล่มบาง ๆ ทั้งนั้นเลย
ไว้สมาธิยาวเมื่อไหร่ ค่อยกลับมาคว้าเล่มนี้แล้วกันนะ :)


โดย: mangomoment IP: 203.153.173.205 วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:3:26:25 น.  

 
โอ่ย ยังไม่ได้ซื้อมาเลยค่ะพี่ มีห้าภาคเชียวหรือ
เล่มนี้ส่งซีไรท์ด้วยหรือเปล่า หรือยังไง

หนูเพิ่งทราบว่าคุณอุทิศทำหนังกับคุณกิตติพลด้วยอ่ะ (ใช่ป่ะคะ) อยากดูจัง


โดย: b u IP: 58.8.112.193 วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:5:22:51 น.  

 
ว่าจะเอาบล๊อกพี่ไปให้น้าสาวปลาอ่านเพราะน้าเค้ามีร้านเช่าหนังสือแถวบ้านค่ะพี่ปกติแกจะถามคนขายว่าเล่มใหนดีหรือใหม่ก็จะรับไปที่ร้านแต่น้าแกน่าจะชอบอ่านบล๊อกแนะนำของพี่ไปด้วย



โดย: Special Ed. วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:22:29:20 น.  

 
รู้สึกทึ่งกับพลังงานของคุณอุทิศมาก

ไหนจะต้องเขียนวิจารณ์หนังทุกสัปดาห์ แล้วยังปลีกเวลามาเขียนเรื่องนี้ได้อีก


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:3:07:02 น.  

 
โห อ่านรีวิวนี้แล้วเหมือนได้อ่านตัวหนังสือเลยครับ...

แต่ก็เหมือนเพื่อนบล็อคคนอื่นๆ (เอ๊ะ หรือว่าเราคนเดียวฟร่ะ 55+) ก็คือความหนาสี่ร้อยกว่าหน้า พยายามผลักให้เราถอยกลับไปตั้งหลักรวบรวมสติ ถ้าคิดจะหยิบมันขึ้นมาอ่าน -,.-


โดย: BdMd IP: 124.121.233.75 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:10:54:39 น.  

 
เล่มนี้คุณเฮียซื้อมาครอบครองแล้ว
แต่ยังไม่มีเวลาอ่านเลย
หนังสือที่ซื้อมาตอนงานหนังสือเยอะมากๆ


โดย: fonkoon วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:20:27:50 น.  

 
เข้ามาบอกพี่ว่าผมอ่าน "เส้นแสงที่สูญหายฯ" จบแล้วครับ ตอนนี้กำลังตามหาเรื่องยาวเรื่องอื่นๆของมุราคามิมาอ่าน แต่วันนี้เพิ่งไปสอย "คำพิพากษาของพระเจ้า" มา โอ้... เจ็ดร้อยหน้า บ้าไปเลย


โดย: แฟนผมฯ IP: 222.123.241.114 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:22:48:59 น.  

 
ตืดตามอ่านผลงานของอุทิศ ในฟิล์มไวรัส

แต่ยังไม่เคยอ่านนิยายของอุทิศเลยครับ ^^



โดย: lolay IP: 58.9.184.95 วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:1:52:16 น.  

 
เป็นคน บ้านไกล้ อุทิศ (เอ ) ยินดี มากที่น้องได้รางวัล อยากหาอ่าน บ้าง เผื่อเขียนถึง หมู่บ้าน เรา


โดย: Tui IP: 124.121.89.249 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:12:19:36 น.  

 
ไม่ได้อ่านหนังสือนิยายมานานมาก เร็วๆนี้ได้อ่าน "นิทานการเงิน" อ่านจบภายในคืนวันเดียวเพราะร้อยกว่าหน้าเอง

อ่านคำวิจารณ์ของคุณgrappa กับ "ลับแล,แก่งคอยแล้ว" ทำให้อยากอ่านบ้่าง ทั้งที่ไม่ค่อยชอบหนังสือหนาๆ

ถ้ามีโอกาสอยากอ่านคำวิจารณ์หนังสือ "นิทานการเงิน" จากคุณบ้างค่ะ เพราะอ่านแล้วยังรู้สึกว่าผู้เขียนมีอะไรจะบอกอีก..


โดย: วิวรรณ IP: 125.27.184.179 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:13:25:23 น.  

 
มัวแต่ดำนา ปลูกข้าว และดายหญ้า
หาเวลาอ่านหนังสือยาก ที่สำคัญ
ราคาแพง หนังสือดีดี ก็อยากอ่าน
ฮือ " จ๊างมันเต๊อะ"


โดย: นายทุ่งนา IP: 118.172.74.170 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:13:40:12 น.  

 
เดี๋ยวเราอ่านเสร็จ จะส่งไปให้เอาปะ
บอกที่อยู่มา



โดย: นายในเมือง IP: 118.172.74.170 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:13:41:39 น.  

 
ปกติก็อ่านแต่วรรณกรรมแปล ไม่เคยได้อ่านนิยายเรื่องใดๆของ เอ เลย แต่งานเขียนวิจารณ์หนังก็พอได้อ่านบ้าง มีเพื่อนในกลุ่มโทรบอกว่า เอ ได้ซีไรต์ ทำให้เราอึ้งและทึ่งในพลังสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ขนาดนี้ สงสัยต้องหาลับแล, แก่งคอย มาอ่านแล้วล่ะ ยินดีด้วยเว้ย นายทำได้เว้ย... ยินดีด้วยนะเอ


โดย: นายแว่นอินดี้ IP: 124.122.251.222 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:21:49:38 น.  

 
ซีไรเล่มก่อนๆคะอ่านหมดทุกคนแล้ว
แต่ยังไม่อ่านซีไรเล่มล่าสุดเลย
อยากอ่านนะคะ...เดี๋ยวจะรีบซื้อมา
อ่านแน่คะ...แต่อ่านหนังสือเรียนก่อน
แล้วกันตอนนี้...พี่เอไม่ต้องห่วง อิอิ


โดย: เด็กคนนึง IP: 118.173.52.212 วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:18:25:41 น.  

 
เรื่องนี้ได้รับรางวัลซีไรซ์ประจำปี 2552 ไปแล้วเรียบร้อยนะคะ

คนเขียนเขาก็ได้รับไปด้วยนะคะ


โดย: เจ้าหญฺงในนิยาย IP: 124.157.150.66 วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:10:28:48 น.  

 
ลับแล แก่งคอย ที่ได้นิยายชีไรต์2552
น่าอ่านดีครับต้องไปหาชื้อมาอ่านแล้วละ


โดย: ปฐพีหอม (ปฐพีหอม ) วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:17:44:16 น.  

 
ชอบมุมมอง แง่คิดในการเขียน
อยากให้อธิบายแง่คิดบางแง่คิดที่อ่านแล้วเข้าใจยาก
อาจเป็นหมายเหตุไว้ด้านหลังก็ได้ครับ


โดย: เด็ก อีสาน IP: 202.12.97.100 วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:17:40:39 น.  

 
อ่านจบแล้วใช้เวลาหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน สนุกมาก ยอมลาป่วยหนึ่งวันเพื่ออ่านให้จบ


โดย: xyho พ.ศ.๒๕๐๘ IP: 117.47.144.76 วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:20:38:59 น.  

 
เพิ่งอ่านจบเช่นกันค่ะ

ใช้เวลาหลังเลิกงาน อ่านอยู่ 4 วัน

ชอบวิธีเล่าเรื่องของคุณอุทิศมากค่ะ ตัดสลับฉากไปมา มีลุ้นตลอดว่าบทต่อไปจะตัดไปที่ไหน

เมื่อมาถึงตอนจบ ก็ต้องย้อนกลับไปอ่านอยู่สามรอบ



..ยังตีโจทย์ไม่ออกค่ะ... เสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้อยู่ตรงนี้เอง


โดย: gigem วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:16:48:36 น.  

 
สนุกมาก ค่ะ


โดย: ae38 IP: 111.84.45.118 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:17:47:28 น.  

 
เพิ่งอ่านจบ ชอบมาก มีอะไรหลายอย่างให้เราได้คิด ร้องไห้ไปหลายฉาก แต่ยังตีโจทย์ไม่ออก ตอนจบแล้วก็ยังไม่อยากให้จบ สุดท้ายแล้วมันคืออะไรกันแน่นะ


โดย: hana IP: 192.168.1.211, 119.42.69.116 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:20:20:21 น.  

 
ตกลงลับแลเป็นเกย์หรือเปล่า? เพราะแม่เขามาเฉลยความจริงตอนจบ สนุกดี ยิ่งถ้าคุณเข้าใจภาษาอีสาน ตลกมาก ถึงแม้จะเหมือนนิยายต่างประเทศที่เคยอ่านมาก่อน


โดย: ท่าบ่อ หนองคาย IP: 125.25.146.47 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:23:25:47 น.  

 
อ่านจวนจบแล้ว แต่ยังไม่จบคื ชอบวิธีการเล่าเรื่องที่มีการตัดต่อเหมือนดูภาพยนต์ บรรยายเปรียบเทียบดี เนื้อหาจูงใจให้พลิกอ่านไปเรื่อยๆ

มีเล็กน้อยเป็นข้อสังเกต ภาษาบางคำยังประดักประเดิด อาทิ ใช้คำว่า "แม่ทรุดกายลง" โผล่เข้ามาในท่ามกลางการบรรยายที่เป็นสภาพแวดล้อมของชาวบ้าน ทั้งคำพูดก่อนหน้า ทั้งกิริยาทั้งมวล น่าจะใช้แค่ "ทรุดตัวลง" และอื่นๆอีกหลายแห่ง

แต่ที่น่ากังขา คือเริ่มต้นเรื่องมาเรื่อยๆ ใช้คำก่นว่าแม่ เสียดสีแม่ ค่อนข้างอันตรายหากเด็กได้อ่านจะรู้สึกว่านี่ไงขนาดนักเขียนซีไรต์ยังใช้ภาษาไม่สุกาพว่าแม่ตัวเองได้เลย อาจกลายเป็นข้อความสนับสนุนศีลธรรมภายใจจิตใจเด็กกรณีเกิดความขัดแย้งกับพ่อแม่ได้ อันนี้พึงระวัง



โดย: แลลับ IP: 58.137.145.222 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:16:02:54 น.  

 
ชอบอ่านหนังสือที่ได้รับรางวัล จะลองอ่านดู ความหนาของหนังสือไม่เป็นอุปสรรค อ่านมาเยอะแล้วพวกหนังสือหนาๆ แต่ชอบอ่านหนังสือที่ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิต ยังไม่ได้อ่านเลยบอกไม่ได้ว่าหนังสือดีอย่างไร


โดย: คนรักการอ่าน IP: 124.120.171.43 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:11:19:56 น.  

 
น่าสนครับ อยากอ่าน


โดย: c (chaiwatmsu ) วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:15:56:10 น.  

 
ไม่ได้อ่านหนังสือพวกเรื่องสั้นหรือนิยายมานาน จนจำไม่ได้แล้วว่าล่าสุดอ่านเมื่อไหร คงประมาณช่วงวัยรุ่น นี้ก็จะวัยกลางคนแล้ว

แต่หนังสือเล่มนี้อ่านเพราะ คำนำและคำนิยมด้านหลังของหนังสือ
กอรปกับอ่านเพราะมันได้ sea write

แต่พออ่านไปได้สักพัก ก็ติดซะแล้ว แต่อ่านได้แค่ช่วงค่ำของแต่ละคืนเท่านั้น


โดย: ป้อม ไพรัช IP: 10.7.51.253, 202.28.181.220 วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:10:54:44 น.  

 
หนูอ่านเรื่องนี้แล้ว หนุกดี แต่เรื่องราวค่อนข้างซับซ้อน ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจอยู่นานเชียว


โดย: amt IP: 125.26.97.6 วันที่: 31 ตุลาคม 2552 เวลา:14:26:35 น.  

 
เพิ่งอ่านจบ เข้าขั้นชอบมากครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:24:11 น.  

 
ก่อนอื่น...คุณคิดเรื่องนี้ได้ยังไงคะ นับถือจริงๆ นี่แหละคือความเป็นจริง เพราะบางครั้ง ความลวงเพื่อต้องการ....ความ...สวย...งาม...ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว


โดย: Gifza IP: 118.173.30.236 วันที่: 25 ธันวาคม 2552 เวลา:16:18:45 น.  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]