- - - - - ล่อง / รอย แห่งกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ - - - - -






วันเสาร์ที่ผ่านมา สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ร่วมกับกองทุนกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ได้จัดงานราหูอมจันทร์ ขึ้น Theme หลักคราวนี้เพื่อการรำลึกถึงกนกพงศ์ โดยเฉพาะ กิจกรรมภายในงานมีทั้ง ปาฐกาถา อ่านบทกวี และประกาศรางวัลเรื่องสั้นกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ และ 10 หนังสั้นที่ได้แรงบันดาลใจจากงานเขียนของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ สำหรับโครงการหนังสั้น มี "นฆ ปักษนาวิน" แห่งร้านหนัง (สือ) 2521 ณ เกาะภูเก็ต คนหนุ่มแรงเหลืออีกคน เป็นแม่งานโครงการหนังสั้นครั้งนี้


จากการไปร่วมงานเมื่อวันเสาร์ ทำให้ดิฉันคิดถึงหนังสือเล่มโปรดของตัวเอง บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร

ปกฉบับพิมพ์ครั้งแรก และ พิมพ์ครั้งที่สอง


และ บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร ขบวนที่สอง ยามเช้าแห่งชีวิต


หนังสือทั้งสองเล่ม เป็นบันทึกของคนที่ทุ่มเทให้กับการเขียน เลือกวิถีชีวิตที่สงบ สงัด เพื่อให้เขียนหนังสือได้ หลังจากได้รับรางวัลซีไรท์ กนกพงศ์ เลือกที่จะกลับไปอยู่ที่ใต้ ดินแดนที่เขาคุ้นเคย เช่าบ้านท่ามกลางสวนไม้ผล และหุบเขาแห่งพรหมคีรี นครศรีธรรมราชเป็นที่เขียนหนังสือ บันทึกทั้งสองเล่ม พูดถึงการใช้ชีวิตที่นั่น ต่อสู้กับความโดดเดี่ยว ความเย้ายวนต่ออาชีพที่อาจจะทำเงินได้มากกว่า ถ้าเลือกที่จะอยู่เมืองหลวง แต่ดูเหมือนว่ากนกพงศ์จะตระหนักรู้แล้วว่า เขาเหมาะกับสิ่งใด เขาเกิดมาเพื่อสิ่งไหน กนกพงศ์จึงเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้

บ้านแห่งขุบเขาฝนโปรยไพร (ภาพจากคอลัมน์ Being there โดยวรพจน์ พันธุ์พงศ์ นิตยสารอิมเมจ )


บันทึกทั้งสองเล่ม บันทึกถึงการใช้ชีวิตถึงคนหนุ่ม พูดถึงบ้าน ผู้คน ต้นไม้ สัตว์ป่า กำลังใจ ความเข้มแข็ง พลังที่จะต่อสู้กับความอ่อนแอของตัวเอง นอกจากนี้มันยังบอกถึงสภาพแวดล้อมของเขา เป็นบันทึกแห่งหมู่บ้าน แสดงถึงวิถีชีวิตของหมู่บ้านชนิดที่นักมานุษยวิทยาไม่สามารถทำได้เทียบเท่า เพราะมันเต็มไปด้วยเลือดเนิ้อและชีวิตของผู้ชายวัยหนุ่มที่กำลังตั้งมั่น จดจ่อกับการทำงาน

ดิฉันชอบหยิบหนังสือสองเล่มนี้มาอ่านยามที่ต้องการเติมไฟให้ตัวเอง

หมายเหตุ หนังสือเล่มล่าสุดของกนกพงศ์ คือ จดหมายถึงนักเขียนหนุ่ม เป็นจดหมายส่วนตัวที่เขาเขียนถึงเพื่อนนักเขียนด้วยกัน ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เมื่ออ่านจบแล้วจะมารีวิวต่อไป





Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 29 สิงหาคม 2557 18:38:49 น. 13 comments
Counter : 2753 Pageviews.  

 


ขอบคุณค่ะ
ทำให้เรา
ต้องไปรื้อตู้หนังสือว่าเรามีเล่มไหนมั่งค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:50:18 น.  

 
ผมเคยอ่านงานของคุณกนกพงศ์เล่มเดียวคือเล่มที่ได้ซีไรท์น่ะครับ แต่อ่านสมัยมัธยม ตอนนี้เลยจำอะไรไม่ได้แล้ว แต่รู้สึกว่าหนังสือของเขา ต้องมีวุฒิภาวะระดับนึงน่าจะเข้าถึงได้มากกว่า ถ้าหยิบมาอ่านตอนนี้อาจจะดีขึ้น


โดย: pick IP: 203.131.217.33 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:24:06 น.  

 
^
^ 5 5 หมายถึงต้องแก่ระดับหนึ่ง ใช่ไหมปิ๊ก แต่เห็นด้วยว่า หนังสือบางเล่ม คนอ่านต้องมีวุฒิภาวะ ด้วยเช่นกัน ถึงจะเก็ทสารที่นักเขียนต้องการส่ง


โดย: grappa วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:34:33 น.  

 
ผมก็เหมือนปิ๊กที่เคยอ่านแต่เล่มที่ได้ซีไรต์ ตอนเด็ก ๆ ที่อ่านก็ไม่ค่อยเก็ทเท่าไร


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:37:01 น.  

 
ชอบหน้าปกเล่มยามเช้าของชีวิตจังค่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:00:35 น.  

 
หนังสือของคุณกนกพงศ์มีสไตล์ที่ต้องเป็นคนอ่านแบบหนึ่งค่ะ ถึงจะอ่านแล้วรู้สึกอะไรบางอย่าง


ชื่นชมที่คุณกนกพงศ์เข้มแข็งที่จะเลือกเดินในหนทางที่ตัวเองเชื่อนี่แหละค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:34:02 น.  

 
อ่านคอมเมนต์ของพี่ที่บลอกคุณเมอร์แล้วครับ
ทำให้เกิดความคิดว่า ถ้าจะฉายครั้งต่อไป ควรจะมี director's statement
ว่าคนทำหนังแต่ละคนได้เกิดปฏิสัมพันธ์กับงานชิ้นไหนของกนกพงศ์อย่างไร

แม้ว่างานศิลปะที่ต้องการคำอธิบาย จะบ่งบอกถึงข้อจำกัดของตัวงานนั้นๆเอง
แต่ก็คงช่วยให้หนังคุยกับคนดูได้ดีขึ้น และถ้ามันจะช่วยให้คนดูคุยกนกพงศ์ต่อได้ด้วย คงจะน่ายินดีมากๆ

สำหรับตัวพี่กนกพงศ์เอง เราคงรับรู้ถึงความทุ่มเท และใช้คำว่า-อุทิศชีวิตให้- ของพี่กนกพงศ์ต่อวรรณกรรมได้ โดยส่วนตัว พี่กนกพงศ์คือบรรณาธิการที่ดีที่สุดคนหนึ่ง เขาอ่านและพูดคุย ชี้แนะกับนักเขียนรุ่นน้อง หรือรุ่นเด็กๆ โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร
(จดหมายหลายสิบหน้าในหนังสือ จดหมายจากนักเขียนหนุ่ม ที่แต่ละคนได้่นั่นเป็นตัวอย่างหนึ่ง)

จวบจนก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต ทั้งที่ไม่สบาย เขาก็ยังอ่านต้นฉบับนิยายให้เพื่อนคนหนึ่งของผม(ภานุ ตรัยเวช)

ความมุ่งมั่นของเขา คงสะท้อนและทำให้เรายังรักในวรรณกรรมต่อไป แม้ว่าในยุคสมัยปัจจุบันมันมีข้อจำกัดหลายอย่างเต็มที



โดย: นิล IP: 61.7.137.54 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:39:08 น.  

 
เสียดาย...ไม่ได้ไป


โดย: เพลงฝนต้นลมหนาว วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:15:24 น.  

 
สรุปว่าวันนี้ยังหาไม่เจอเลยค่า


โดย: fonkoon วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:54:23 น.  

 
อ้าว เหรอฝน พี่นึกว่าเจอคนที่ต้องการเจอแล้วเสียอีก


โดย: grappa IP: 58.9.217.36 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:02:02 น.  

 
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พี่เค้าชอบทำแล้วผมก็เลยทำตามบ้าง
คือการถ่ายภาพท้องฟ้าในมุมเดิมๆทุกวัน
ผมก็เลยถ่ายภาพท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์ตกบ้าง แต่ไม่ทุกวัน
ส่วนสาเหตุที่ผมเลือกถ่ายท้องฟ้าช่วงตะวันตกดิน
ก็เพราะว่าผมตื่นสาย ไม่เคยทันพระอาทิตย์ขึ้นซักที


โดย: getterTu วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:16:21 น.  

 
ไม่ได้อ่านงานของคุณกนกพงศ์เลยค่ะพี่ ...
ร่ำๆ หนก่อนว่าจะลองหาดูเพราะว่าคุ้นตาปกหนังสือ
แต่งงว่าไม่เคยได้อ่านแต่ว่าทำไมมีในครอบครอง
ต้องไปค้นดูแล้วล่ะคะ


โดย: JewNid วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:02:23 น.  

 
แวะมารำลึกถึงคุณกนกพงศ์ด้วยคนครับ
เคยเขียนถึงพี่เขาไว้เมื่อปีที่แล้วครับ ที่
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amp-atom&month=26-04-2007&group=3&gblog=44


โดย: คนขับช้า วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:53:30 น.  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]