- - - -- - Read Camp - รำลึกความหลัง - ฟิ้วเล่มใหม่ - Moonstruck - - - - - - -




( เครดิตรูปจาก //pradt.net/ จขบ.เอาโลโก้งานมาใส่อะไรกุ๊กกิ๊กเพิ่มเติม น่ารักดี :-)

วันเสาร์ที่ผ่านมาไปงาน Read Camp มา งานน่ารักดี สบายๆ และใครอยากเสนอการอ่านอะไรให้ใครฟังก็เสนอ ใครอยากอ่านอะไรก็เอาหัวข้อที่ตัวเองสนใจไปแปะไว้ที่ผนัง คนที่ไปงานก็ไปโหวดด้วยการเอาสติกเกอร์ที่ทางผู้จัดไปแปะไว้ที่หัวข้อที่เราต้องการฟัง หัวข้อไหนมีคนโหวตมากๆ คนที่สนใจก็ร่วมกัน"อ่าน" หัวข้อนั้น ภายในงานแบ่งออกเป็นสามห้อง แถมยังมีกลุ่มเล็กๆ พูดคุยกันอีกประปราย

ตัวเองเดินไปมา เดินมาอยู่ในงานพักหนึ่ง ก็ตัดสินใจเข้าร่วมฟังหัวข้อ 94 ปี หนังสือของขบวนการนักศึกษาฟังชื่อหัวข้อการอ่าน เหมือนงานวิจัยเลยเนอะ แต่จริงๆ การร่วมวงเสวนาวันนั้นก็สบายๆ ไม่มีอะไรมาก หัวข้อกว้างไปมาก และส่วนใหญ่นำมาจากสิ่งที่ประจักษ์ ก้องกีรติ เคยเขียนถึงมาแล้วในวารสารหอจดหมายเหตุธรรมศาสตร์ ซึ่ง สนคนนำการอ่านหัวข้อนี้ ก็บอกว่าตัวเองอ้างมากจากงานของประจักษ์ชั้นนั้น

สนเริ่มด้วยการยกตัวอย่างและจัดประเภทหนังสือและนิตยสารที่นักศึกษาเคยทำตั้งแต่เล่มแรกๆ เรื่อยมาถึงยุคจิตร ภูมิศักดิ์ แห่งจุฬา ที่ถูกโยนบกจากการเป็นบรรณาธิการนิตยสารสำหรับนักศึกษาของสมัยนั้น เรื่อยมาจนถึงยุคพระจันทร์เสี้ยว ยุคสภาหน้าโดม ลงมาอีกเรื่อย จนถึงรุ่นที่มีชมรมวรรณศิลป์ จุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตร และนี่เองที่ทำให้ข้าเพจ้าระลึกถึง "คำกรอง" นิตยสารที่ชมรมที่ข้าพเจ้าสังกัดจัดทำ

มันเป็นเทรดดิชั่นของ ชุมนุมวรรณศิลป์ ธรรมศาสตร์ ที่ต้องมีวารสารคำกรองออกมา น่าจะทำกันปีละเล่ม สองเล่ม จำไม่ค่อยได้แล้ส แต่ที่สนุก สำหรับพวกเราในตอนนั้นคือ ที่ผ่านๆ มารุ่นพี่มักจะเขียนกลอนแต่งกลอนกัน แต่พวกเรา เปล่าค่ะ เราเขียนบทความกันเสียส่วนใหญ่ จำได้ว่าเล่มที่ชอบมากคือ คำกรอง ฉบับ Existentialism จำได้ว่าพี่ที่เป็นประธานชมรม คลั่งไคล้ ซาร์ต และกามูส์ มาก (ทั้งสองเป็นนักปรัชญาและนักเขียนชาวฝรั่งเศส) พวกเราก็ต้องอ่าน ซาร์ตและกามูส์ ตามพี่ท่านไปด้วย แต่การอ่านตามพี่ท่านในครั้งนั้นก็สนุกดี เปิดหู เปิดตาการอ่านของเด็กปีหนึ่งอย่างเราในสมัยนั้นมาก

รู้สึกดีที่ได้รำลึกความหลังสมัยได้อ่านหนังสือเยอะๆ วรรณกรรมฝรั่งเศส วรรณกรรมรัสเซีย อ่านความเรียงดี ๆ อ่าน Text ยาก ๆ สมัยเรียนหนังสือเรามักจะชอบอ่านอะไรที่เป็นฝรั่งๆ ตอนนี้กลับมาพบว่าอยากอ่านอะไรที่เป็นเอเชียๆ และคงไม่มีแรงอ่านอะไรมากๆ เหมือนตอนเรียนหนังสืออีกแล้ว

กิจกรรมอีกอย่างที่พวกเราชาววรรณศิลป์ชอบจัด คือ ดูหนัง เสร็จแล้วมานั่งคุยกัน คุยกันเองไม่สุนุกก็ไปตามอาจารย์มาช่วยไกด์พวกเราในการดูหนังเรื่องนั้น ๆ จำได้ว่าที่สนุกที่สนุกมากคือการพูดคุยถึงหนัง The Name of The Rose หนังเราก็พยายามเลือกจากหนังที่ทำมาจากหนังสือมาพูดคุยกัน

นึกถึงความสนุกสมัยเรียนหนังสือ นึกถึงความสุขสมัยอ่านหนังสือกันจริงจัง และความสุขในการอ่านอะไร ๆ แล้วมีคนร่วมแชร์ ร่วมรับฟังความคิดเห็นด้วย จำได้ว่า เวลาที่เข้าไปในชมรม สิ่งแรกที่พวกเราจะทำเมื่อเจอกัน คือการมองหนังสือที่พวกเขาติดมือมา เผลอๆ อาจะมองหนังสือก่อนมองหน้าคนที่ถือหนังสือมาด้วยซ้ำ (ฮา) คำถามที่พวกเรามักจะถามกันตลอดเวลาคือ กำลังอ่านอะไรอยู่ มีอะไรตื่นเต้นบ้าง ( หมายถึงว่ามีหนังสือเล่มไหนน่าตื่นเต้นบ้าง )

จริงๆ โปรแกรมของ Read Camp ในวันนี้มีอีกหัวข้อที่ตัวเองสนใจคือ
อ่าน อิตาโล คาวิลโน ไปติดสติกเกอร์โหวตแปะไว้ให้หลายดวงมาก แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาอ่านกันเลยแอบหนีไปดูหนังในเทศกาลหนังยุโรป ที่เซ็นทรัลเวิร์ลเสียอย่างนั้น

...

grappa 's recommened




นิตยสารฟิ้ว ฉบับ 23 เดือนธันวาคม 2551
Cover Story : จักรวาล นิลธำรงค์
จักรวาล เป็นคนทำหนังอิสระ ใครๆ มักจะเรียกหนังเขาว่าหนังอาร์ต จริงๆ เขาก็คิดกับหนังแบบนั้น การทำหนังคือวิธีการนำเสนองานศิลปะของเขา ตัวเองรู้จักชื่อจักรวาล ครั้งแรกจากงานหนังสั้นของมูลนิธิหนังไทยปีที่แล้ว มีหนังเรื่อง Man with a video Camera หนังสั้นที่จักรวาลทำ tribute ให้ซิก้า เวอร์ท็อฟ (คนทำหนังอาวอง การ์ด รุ่นแรกๆ ของรัสเซีย) ฉายอยู่ด้วย จำได้ว่าชอบหนังเรื่องนี้ของจักรวาลมาก มันบอกความเป็น Socialist ในตัวเขามากๆ เขาได้ทุนไปเป็น Artist in Residence อยู่ที่อัมสเตอร์ดัม ณ ตอนนี้ และกำลังมุ่งมั่นกับโปรเจ็คหนังยาวเรื่องแรกของเขา ชื่อเรื่องว่า " ตรัย" มี พิมพกา โตวีระ เป็นโปรดิวเซอร์

รู้จักเขามากกว่านี้ได้ในฟิ้ว เล่มที่อยู่บนแผง ณ ขณะนี้

ขอบคุณแอนนา เพนกวินที่ชวนไปร่วมสัมภาษณ์จักรวาล แถมยังได้ดูเบื้องหลังการถ่ายภาพปกฟิ้วฉบับนี้ด้วย การได้เดินไปตามตรอก ซอก ซอย หลังวัดราชนัดดา จนไปทะลุออกศาลาว่าการ กทม. นั้นสนุกมาก มันคือโลเกชั่นในการุถ่ายภาพปกฟิ้วฉบับนี้ ( และเป็นสถานที่ในการถ่ายทำหนังเรื่องหนึ่งของจักรวาลด้วย )

---

Moonstruck
กลางคืนวันที่ 1 ธ.ค.ทำเอาคนไทยหลายๆ คนยิ้มออกและชี้ชวนกันดูดวงจันทร์ ( กับดาวพฤหัสและดาวศุกร์)



ป.ล. มีคนเล่าภาพงาน Read Camp ได้สนุกกว่า จขบ.นี้ ตามไปอ่านได้ที่นี่

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tentty&month=11-2008&group=2&date=30&gblog=11






Create Date : 01 ธันวาคม 2551
Last Update : 28 สิงหาคม 2557 13:27:25 น. 36 comments
Counter : 3298 Pageviews.  

 
ทำเลถ่ายปกฟิ้วเล่มใหม่นี่เป็นย่านที่ผมโคตรคุ้นเคยเลยครับ ตรอกเล็กตรอกน้อยหลังวัดราชนัดดามันมาทะลุถนนดินสอที่หอผมได้อย่างไรไม่รู้

พูดถึงหนังสือพี่หม่อง อ่านแล้วก็พึ่งได้รู้ว่าเป็นเด็กเสิร์ฟนี่ไม่ใช่งานง่าย ๆ จริง ทุกอย่างล้วนมีศิลปะ พี่ผมนี่แกร่งจริง ๆ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:11:56:01 น.  

 
หวัดดีค่า ขอบคุณที่แวะไปทักทายกัน..

เคยไปสิกขิมตั้งสองหนเชียว อิจฉาจัง

มีโอกาสอยากไปอีก เพื่อแก้ตัวหลายๆ อย่างที่พลาด เพราะตัวเองและธรรมชาติลงโทษ ที่สำคัญลงรักคนเมืองหยกสมเเต็มๆ เลย..


โดย: เหนือฟ้า IP: 58.11.71.139 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:12:02:55 น.  

 
ดีจังครับ มีความรู้สึกว่า การถูก... ไม่สิ ความต้องการปลูกฝัง ให้รักการอ่านด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้น มันสามารถทำให้เราเข้าถึงศิลปะในแขนงอื่นได้แบบไม่อิหลักอิเหลื่อ (ใช้คำถูกป่าวหว่า)

คืออย่างผมนั้น ไม่ได้สนใจอ่านหนังสือมาตั้งแต่วัยเยาว์ (โธ่ อ่านการ์ตูนหนังขี้เกียจอ่านตัวหนังสือเลย 55+) แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้ว บางทีเราก็อยากจะไปหา ว่าต้นตอนั้นมันจะเหมือนกับที่ถูกจินตนาการเอาไว้ในภาพยนตร์รึเปล่า (เอ รู้สึกว่าจะสลับกับคนอื่นน่ะ) ซึ่งสุดท้ายแล้ว ก็อยากสารภาพว่า 80 เปอร์เซ็นคืออ่านแล้วไม่เคยจบเล่มเลย...

ก็ไม่รู้ว่าจะมีทางแก้ไหม หรือว่ามีหนังสืออะไรที่คุณ grappa สามารถแนะนำ ที่สามารถรักษาอาการ "ถอดใจ" ของผมได้ (เอ หรือว่าเราจะเป็นโรค ADHD หว่า 55+)... แต่ก็เอาเถอะ ถ้าต่อมการอ่านของเรามันอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว อย่างน้อยเราก็เลือกเสพแต่หนังเป็นหลักก็ได้ (ว่ะ)

ปอลอ. ไปดูเรื่องอะไรในเทศกาลหนังยุโรปครับ...

ปอลอ2. ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจเหมือนกันครับ ว่า SB เป็นของใคร แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในจอนั้นมัน "แบงงง ตูมมม" มากๆ ก็เลยไปค้นหาดู อย่างไรก็ตาม สำหรับผมแล้ว MR คือส่วนผสมที่ลงตัวที่สุด คือมี quote รีวิวที่ผมอ่านแล้วชอบมากๆ เลยขอหยิบมาแชร์กันตรงนี้เลยละกัน...

"Moulin Rouge!, put 19th-century melodrama, 20th-century music, broad comedy, and high tragedy into a supercollider that could just as easily have produced a black hole as the resulting transcendent fusion."

ปอลอ3. ขออภัยที่เม้นส์ยาว แบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับเอนทรี้นี้ซะเท่าไร -,.-' ...


โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:14:16:45 น.  

 
้เสียดาย
อดไปเพราะติดภารกิจกับที่บ้าน
กำลังรอเด็กนิ้ว girlfriday เล่าให้ฟัง
นึกถึงพี่แป๊ดไ้ด้ เลยแว้บเข้ามาดูก่อน
แล้วพี่แป๊ดก็เร็วกว่าใครเหมือนเดิม
ขอบคุณค่ะ คิดถึงวงสนทนาสมัยเรียนมากมาย
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:14:26:31 น.  

 
เสียดายไม่ได้ไป (พลาดงานดีๆ ตลอด)

มีคนไปแปะแล้ว แต่พอดีติดนัดพวกแมวๆ ทั้งหลายน่ะ เสียดายๆ

อ้าว..หนีไปดูหนังซะงั้น เสียดายจัง

อ่านที่พี่เล่าบรรยากาศสมัยนั้นแล้ว สุดจะอิจฉาเลยอ้ะ

เดี๋ยวนี้หาเด็กอ่านหนังสือยากจริงๆ

วันนั้นอาจารย์ชมัยภรมามหาวิทยาลัย ถามโน่นนี่ (เพื่อประกอบการคุย) มีเด็กที่อ่านหนังสือที่พอตอบได้อยู่ เอ่อ..2-3 คนจากราวๆ 60 กว่าคน (หัวข้อคือ "โรงเรียนนักเขียน" ) เศร้ามากมายเลยค่ะพี่

94 ปี หนังสือของขวนการนักศึกษา - ตกบอใบไม้หรือเปล่าคะ?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:14:27:31 น.  

 
อยากไปจังค่า แต่ไปไม่ได้

ตอนอยู่มหาลัยที่จริงก็เรียนด้านภาษาเหมือนกัน แต่ทำไมไม่มีกิจกรรมน่าสนใจอย่างที่เล่าบ้างน้อ.. เอ๊ะ หรือว่ามีแต่เราไม่ได้ขวนขวายไปเข้าร่วมเอง ตอนเรียนก็รู้สึกว่ามัวแต่เรียนเพื่อที่จะไปสอบอย่างเดียวเลยพลาดประสบการณ์ดีๆไปเยอะค่ะ ได้แต่มานึกเสียดายเอาตอนนี้ เฮ้อ...

แต่ก็ยังดีที่ตอนนี้ได้แชร์ความคิดเห็นเรื่องหนังสือกับทุกคนในบล็อกค่ะ เย้ๆ


โดย: แอปเปิ้ลอบเชย (apple_cinnamon ) วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:15:01:35 น.  

 
94 ปี หนังสือนักศึกษา นี่เป็นหัวข้อที่ดุเดือดที่สุดในงานเลยก็ว่าได้มั้งพี่..ฮ่า

ผมว่าเราไปจำกัดกรอบความหมายของหนังสือนศ.กันเกินไปรึป่าว? มันจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเป็นเนื้อหาหนักๆ หรือเหมือนกับรุ่นพี่ที่ทำมา..คือช่วงเวลามันต่างกัน สมัยนี้อาจจะมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า หรือมีพื้นที่ให้แสดงออกมากกว่าแค่ในหนังสือ(รึป่าว? ไม่เคยอยู่สมัยก่อนนู้นด้วยสิ แหะๆ) ...เรื่องของเรื่องผมว่า คนเสนอหัวข้อก็ไม่คิดว่าคนเข้าฟังจะแรงขนาดนี้(แค่พี่ปุ๊ กับพี่ชูวัสก็เล่นเอาสน หงอยไปเลย) ฮ่าๆๆ

เห็นพี่แป๊ดพูดถึงล้อมวงคุย...เคยคุยกับพี่อาร์ต(bact')กับเพื่อนที่มธ.ก่อนที่จะจัดreadcamp ...ว่าแบบให้ใครคนหนึ่งไปอ่านหนังสืออะไรก็ได้ใน1-2อาทิตย์ แล้วก็เอามาคุยกันว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร คิดอย่างไรกับประเด็นนั้น หรือมันคิดแบบอื่นได้ด้วยรึป่าว ผมว่ามันน่าสนใจดีนะ..บางทีอ่านคนเดียวแล้วมันจมกับความคิดตัวเอง ไม่ค่อยเห็นมุมมองแบบอื่นเท่าไหร่

ปล. ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างเรื่องหุ่นประหลาด 2ตัวนั้น เออ..พี่รู้รึป่าวว่า ทำไมต้องเป็นผู้ญ ทั้ง2ตัวเลยด้วย?..


โดย: Tentty วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:16:26:00 น.  

 
อีกนิดครับพี่..ในexteen กำลังถกกันมันเลยว่า logo readcamp ละเมิดลิขสิทธิ์รึป่าว?...

//itshee.exteen.com/20081130/readcamp


โดย: Tentty วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:16:59:30 น.  

 
ผมเอง เพิ่งจะอายุเท่านี้ แต่ก็ยอมรับว่าพลังในการอ่านอะไรยากๆ หนาๆ หินๆ หดหายไปเยอะ ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว

ผมเรียนมาทางสายวิทยาศาสตร์มาตลอดเลยครับ เพื่อนสายนี้หาคนชอบอ่านหนังสือแบบเอาจริงเอาจังยากมาก สมัยเรียนนั้นก็ยังไม่มีสังคมอินเตอร์เน็ตให้คอเดียวกันได้มาเจอกันแบบนี้ รู้สึกเสียดายนิดๆที่อดแลกเปลี่ยนปะทะความคิดเห็นด้านการอ่านในสมัยที่สมองตัวเองยังเฟรชและความคิดช่างผลิดอกได้ง่ายดาย

ปกฟิ้วเล่มนี้เท่ดี ถ้าหนังยาวของจักรวาลเสร็จฉายเมื่อไหร่ ผมคนนึงล่ะที่จะไปดูแน่ๆครับ

กรี๊ดเลยสิพี่ ตอนถูกชวนไปสัมภาษณ์จักรวาล :-)


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.195.233 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:20:30:45 น.  

 
ขอบคุณที่มาเล่าค่ะ

เราก็อยากไป ...แต่ถูกล่อลวงไปงานเสียตังส์ (เนชั่น บุ๊คแฟร์) ซะงั้น ...

งานฟรีไม่ชอบ ชอบไปเสียเงิน


โดย: นัทธ์ วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:20:50:16 น.  

 
เสียดายที่ไม่ได้ไปค่ะ ต้องอยู่ดูช่างมาทำบ้านพอดี
เพื่อนเราอยู่ชมรมวรรณศิลป์ของเกษตรค่ะ แต่ช่วงนั้นเรายังไม่บ้าอ่านหนังสือขนาดนี้เลยไม่ได้เข้าไป แอบเสียใจนิดๆเหมือนกัน
แต่ก็คิดเหมือนคุณแอปเปิ้ลฯ แหล่ะค่ะว่าอย่างน้อยก็ได้มาแลกเปลี่ยนทัศนคติด้านการอ่านหนังสือกับเพื่อนบล็อก เพราะเพื่อนๆที่ม.หาคนที่อ่านหนังสือได้น้อยมาก ส่วนมากจะติดเกมกันมากกว่า


โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:22:41:59 น.  

 
โอ้ ขอบคุณสาวไกด์
เติม บ ใบไม้แล้วจ้า

- Tentty

พี่พอเข้าใจ สน อยู่นะ เจอทั้งปุ๊ ธนาพล จากฟ้าเดียวกัน เจอชูวัส จากประชาไทอีก (แต่ชูวัสไม่ได้คอมเม้นท์อะไรมาก)

พี่คิดว่า โลโก้เจ้าชายน้อย ของรีดแคมป์ ละเมิดลิขสิทธิ์ เต็มๆ เลยล่ะ
ตอนนี้เจ้าชายน้อยที่เป็นเท็กซ์ มันเป็นของสาธารณะ เพราะคนเขียนหายสาปสูญไปกว่า 50 ปีแล้ว แต่รูปภาพนี่ยังมีลิขสิทธิ์คุ้มครองอยู่

- ใครมีประสบการณ์การอ่านอย่างไร หรือจะรำลึกความหลังเชิญเลยค้า


ว่าแต่ว่า เห็นพระจันทร์คืนนี้กันใช่ไหม


โดย: grappa IP: 58.9.184.224 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:23:40:42 น.  

 
สารภาพว่าความคิดที่จะอ่านอะไรยากๆหนาๆแทบไม่เคยอยู่ในหัวเลย
ชีวิตสั้น หนังสือเยอะ ขออ่านอะไรที่น่าจะถูกใจก่อนดีกว่า


โดย: ทินา IP: 129.11.120.41 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:2:16:03 น.  

 
เสียดายไม่ได้ไปงาน read camp (เพราะไปชนกับงาน "แตกหน่อ" ซะก่อน)

เขาจะจัดอีกหรือเปล่าครับ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:3:00:10 น.  

 
ช่วงนี้ท้องนากำลังเขียว
รอข้าวออกรวง
เลยคงไม่ได้ไปเมืองหลวงอีกนานน


โดย: renton_renton วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:7:28:18 น.  

 

ตอนแรกก็งงมีคนส่ง sms มาหาเรื่องพระจันทร์ยิ้มๆ อะไรเ้นี่ยแหละ ไอ้เราก็นึกว่า fwd sms

มาเข้าบล็อกนี้ถึงเก็ท


โดย: merveillesxx วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:8:21:14 น.  

 
^
^ ตกลงเมื่อคืนได้ดูดวงจันทร์ไหม คนข้างบน

เรื่องโลโกงาน Read Camp
คนออกแบบออกมาชี้แจง
อืม...

//culturelab.in.th/readcamp/2008/12/readcamp-logo-free-culture/

ลืมตอบประเด็น Tentty เรื่องจำเป็นไหมว่านักศึกษาสมัยนี้ต้องทำหนังสือหนักๆ เหมือนรุ่นพี่ไหม

ไม่จำเป็นเลย ตัวหนังสือมันบอกยุคสมัยของมันเองแหล่ะ วันงานเจอน้องวรรณศิลป์ ธรรมศาสตร์รุ่นปัจจุบันด้วย
น้องเขาบอกว่า รุ่นพี่ชอบมาบอกว่าทำหนังสือไม่หนักแน่นเหมือนรุ่นก่อน พี่บอกว่าอย่าไปเชื่อรุ่นพี่พวกนั้น อยากทำอะไรทำเลย พี่ก็อยากเห็นหนังสือของคนรุ่นนี้นะ

ส่วนปัญหาของสนที่พรีเซ็นต์วันนั้น พี่ว่าสนไม่ยอมสนใจสิ่งต่อมาจากที่ประจักษ์ทำเอาไว้ มันเลยไปติดกับงานรุ่นพี่เเก่ๆ

ถ้ามีงานคราวหน้าอีก พี่อยาก "อ่าน Hi 5 "


โดย: grappa IP: 58.9.187.223 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:8:45:30 น.  

 
ว้าวว อ่าน hi5 ก็วัยรุ่นมากๆ เลยซิพี่


โดย: strawberry machine gun วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:16:44:02 น.  

 
อาเจล


โดย: อาเจล (mlmboy ) วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:20:46:08 น.  

 
นั่นแหละพี่คือประเด็นที่ผมตั้งคำถาม.. ผมเห็นด้วยกับพี่เลย ผมว่ากรอบความคิดที่พวกรุ่นพี่ๆชอบจับมายัดเยียดให้รุ่นน้องว่า หนังสือนักศึกษาต้องหนักๆ..นี่เป็นอะไรที่งี่เง่ามาก พอรุ่นหลังทำอะไรที่ผิดแปลกจากเดิม ก็มักจะบอกว่า ทำดีสู้รุ่นก่อนๆไม่ได้...ซึ่งเห้ย!ไอ้ความดี ไม่ดี คุณจะวัดมันจากอะไร มันsubjective โครตๆ.. แม้แต่ตัวสน เองก็หลุดไม่พ้นกรอบความคิดตรงนี้ ปัญหาไม่ใช่ว่าไม่ยอมสนใจต่อจากงานของอ.ประจักษ์ แต่สน ไปมองว่างานใหม่ๆไม่มีคุณค่า(หรือไม่หนักพอ) สู้งานรุ่นก่อนไม่ได้ (ว่าแต่..เราจะมาถกกันทำไมตอนนี้ ฮ่าๆ)

ปล. อ่านhi5 เรยรึพี่.. ที่จริงอยากนั่งถกกันเรื่อง God Delusion ของ Dawkin มากๆเลยพี่ แต่กลัวโดนแอนตี้ ฮ่าๆ

ปล.2 พระจันทร์ยิ้มสวยมาก พลาดไปเสียดายแย่ ต้องรอไปอีก2ปีครึ่ง..


โดย: Tentty วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:22:16:50 น.  

 
ชอบ ซาร์ต และกามูส์ ครับ


โดย: lolay IP: 58.9.184.243 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:1:18:06 น.  

 
ตั้งใจว่าจะไป แต่ไม่ได้ไป อย่างที่รู้ๆอ่ะพี่จู่ๆ สถานการณ์บ้านเมืองก็เป็นไปได้ว่าแล้วเลยขับรถหนีไปเขาใหญ่เสียเลย


โดย: เชอรี่ IP: 58.137.7.101 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:15:32:03 น.  

 
ยังไงก็ไม่รู้

รู้แต่ว่าอยากได้ห้องสมุดประชาชนที่หอศิลป์บ้างครับ เห็นที่ว่างเหลืออยู่เต็มเลย

ส่วนสมัยเรียนนั้นได้อ่านหนังสือเยอะจริงๆ ครับ(ขนาดผมเรียนสร้างบ้านยังแอบอ่านตลอดเลย)


โดย: พอกลอน ซาเสียง IP: 203.146.136.113 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:16:58:53 น.  

 
ผมได้ดูพระจันทร์ที่ออฟฟิศด้วยครับ ท้องฟ้าโรแมนติกมากเลยพี่แป๊ด (ดีนะไม่เป็นรูปแกะ ฮ่าๆ)


โดย: พอกลอน ซาเสียง IP: 203.146.136.113 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:17:02:38 น.  

 
-พอกลอน

หอศิลป์กทม. มีห้องสมุดนะคะ แต่มันเล็กจนน่าใจหาย
และอยู่ชั้นใต้ดิน T-T


โดย: grappa IP: 58.9.198.189 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:19:14:48 น.  

 
เข้ามาอีกทีเพื่อบอกว่าชอบโค้ตมุมบนขวาของจักรวาล เพื่อน (ดีๆ) ที่หายไป มันให้ความรู้สึกผิดลึกๆในใจเหมือนกันว่ามันอาจเป็นเพราะเราดูแลไม่ดีพอ ทำเขาตกหาย.. ไปจากชีวิต


พระจันทร์เมื่อคืนก่อนน่ารัก แต่คืนถัดมามองดูอีกที ปากยิ้มขึ้นไปอยู่เหนือลูกตาทั้งสองเสียแล้ว :-)

สงสัยจังว่าถ้าเราเห็นพระจันทร์ยิ้มเมื่อคืนนั้นเป็นคนแรก เราอาจจะมองผ่านมันไปงั้นๆก็ได้
ซึ่งก็แปลว่า เราดูพระจันทร์กันคืนนั้นเพราะมันเป็นรสนิยมสาธารณ์.. รึเปล่านะ


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.185.200 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:20:28:35 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่แวะไปชมภาพงานแต่ง
นุ้ยก็ชอบรูปกระโจมอกผ้าถุงเหมือนกันค่ะ

แต่ว่า...พี่ชายเจ้าบ่าวที่คุณgrappa
หมายถึงเนี่ย
น่าจะเป็น เพื่อนเจ้าบ่าวนะคะ

รูปที่นุ้ยลงว่า "พี่ชายยยย"
คือนุ้ยอยากล้อแฟนว่า
สองคนนี้หน้าตาคล้ายกัน
จนนุ้ยยังเคยพลาดทักผิดเวลาหันหลังมาแล้ว

และเพื่อนคนนี้ ก็เป็นหนึ่งในตากล้องในงานด้วยค่ะ
ภาพของเขา น่าจะได้เห็นสัปดาห์หน้า

แล้วแวะมาชมอีกนะคะ


โดย: Evil is Live วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:21:09:11 น.  

 
- เอกเช้า

เลี่ยนจริงๆ 55
มันไม่ใช่เรื่องของใครทำใครตกหายไปจากชีวิตหรอก

พี่ว่ามันเป็นเงื่อนไขของชีวิตที่ไม่เหมือนกันน่ะ บางทีเราก็อยากไปเจอเพื่อน หรือเพื่อนก็อาจจะอยากมาเจอเรา แต่เงื่อนไขของชีวิต ในแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน

โค้ดจักรวาลข้างบนนี่ทำให้คิดถึงเพื่อนๆ สมัยเรียนหนังสือน่ะ มันเข้ากับการรำลึกความหลังดี อีกอย่างวันก่อนนั่งคิดถึงรุ่นพี่ รุ่นน้องสมัยทำชมรมวรรณศิลป์ ไม่เจอกันนานแค่ไหนแล้ว

มันเป็นเรื่องเศร้านะ ที่ยังมีชีวิตอยู่แท้ๆ แต่ไม่เจอกันเลย


เรื่องดวงจันทร์
พี่ว่า ถ้าใครเห็นดวงจันทร์วันนั้นในแว่บแรกแล้วไม่รู้สึกว่ามันน่ารักก็เกินไปแล้วนะ

ส่วนเรื่อง รสนิยมสาธารณ์ ดีหรือไม่ดี
ขี้เกียจเปิดประเด็นว่ะ แต่ว่าการทำอะไรเหมือนคนหมู่มาก ไม่ใช่เรื่องเลวเสมอไป

- Evil is Live

ชอบชุดนั้นจริงๆ ค้า
เป็นเจ้าสาวที่เปรี้ยวมากกกกกกกกกกก


โดย: grappa IP: 58.9.198.189 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:22:22:25 น.  

 
เรื่องพระจันทร์นี่แม่ก็เล่าให้ฟังค่ะพี่ เหมือนคุณพระคุณเจ้าสงสาร + ให้กำลังใจคนไทย แต่เมื่อวานก็เห็นพระจันทร์เสี้ยว

อากาศก็ดีค่ะพี่แต่ตอนกลางคืนมีฝน ไปแล้วคิดถึงเมืองไทย


โดย: Special Ed. วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:7:02:16 น.  

 
ช่วงนี้อ่านหนังสือน้อยลงมากมายครับ
แต่ฟิ้วเล่มใหม่ซื้อแล้ว


โดย: getterTu วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:7:53:32 น.  

 
โอ๊ะ โลกนี้เค้ามีงานแบบนี้ด้วยแฮะ ท่าทางน่าสนุก

ทราบมาว่าคุณพี่ grappa อ่าน Twilight ไม่จบเพราะทนเลี่ยนไม่ไหว ถ้างั้นคงไม่ต้องไปดูหนังแล้วมั้งครับ เพราะผมไปดูมาเมื่อวานปรากฏว่าหลับสบายกันทั้งผัวทั้งเมีย กลับบ้านเลยต้องรีบคว้าหนังสือมาอ่านเพราะอยากรู้ว่าหนังมันพลาดอะไรถึงออกมา "เบา" ได้ขนาดนี้

หรือจะเป็นเราเองที่ผิดปกติ...


โดย: แฟนผมตัวดำ IP: 202.134.119.218 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:12:38:19 น.  

 
พูดถึง เจ้าชายน้อย
"เพื่อนสนิท" ก็ไปเทศกาลเมืองนอกได้ไม่เต็มที่เพราะติดลิขสิทธิ์ เจ้าชายน้อย เหมือนกันนะ


โดย: nanoguy IP: 202.176.88.152 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:17:54:56 น.  

 
ตอนแรกอายก็ว่าจะไปแหละพี่ แต่คืนก่อนงานมีปาร์ตี้ เมาค้างแบบไม่สบายไปเลย เลยไม่ได้ไป

พระจันทร์วันนั้นน่ารักจริงๆ ทำให้คนแถวบ้านมาชุมนุมดูจันทร์กันโดยไม่ได้นัดหมาย(จากที่ไม่เคยเห็นว่าข้างบ้านเราหน้าตาไงก็ได้เห็น) ฮ่าๆ


โดย: DropAtearInMyWineGlass วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:17:19:33 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่แป๊ด

เข้ามาบล็อกพี่แป๊ดทีไร
แล้วรู้สึกว่าโลกการอ่านของหนู

มันยัง "อนุบาล"อยู่มากเลยค่ะ



โดย: ปณาลี วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:20:14:34 น.  

 
ผมอยากจะลองดูว่า เราจะ 'ต่อสู้' เรื่องอายุและขอบเขตคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่ 'เกินพอดี' ผ่านการออกแบบได้ไหม

ในกรณีนี้คือการทดสอบกับเส้นของการคุ้มครอง ว่าตกลงจะถึงแค่ไหน
อะไรจะแปลว่าคัดลอกทำซ้ำ
อะไรจะแปลว่าดัดแปลง
แล้วอายุการคุ้มครองมันจะยาวไปถึงแค่ไหน
ตามกระบวนการกฎหมายปัจจุบัน

สุดท้ายแล้ว ตัดสินออกมาว่า มันถูกหรือมันผิดกฎหมาย ก็ว่าไปตามนั้น
ถ้าผล/การตัดสินมันไม่ขัดกับมโนสำนึก ก็คงจบแค่นั้น ไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไร
แต่ถ้ามันขัด ก็น่าสนใจว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรไหม

ประเด็นในเรื่องนี้ก็คือ
จะตั้งคำถามกับระบบลิขสิทธิ์ปัจจุบัน
ว่ามันยังเป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบบลิขสิทธิ์ตอนที่เริ่มเกิดขึ้นหรือเปล่า
คือเพื่อคุ้มครองผู้สร้างสรรค์งาน-เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์อย่างเต็มที่
แต่ในโลกปัจจุบันนี้ กลายเป็นว่า ในหลาย ๆ ครั้ง ระบบลิขสิทธิ์กลายเป็น burden เป็นภาระในการสร้างสรรค์งานไปซะนี่ ต้องทำ clearance อะไรต่าง ๆ ให้วุ่นวาย
(แล้วผลประโยชน์ที่ได้จากลิขสิทธิ์ เอาเข้าจริงมันตกไปถึงผู้สร้างสรรค์ตัวจริงเสียกี่มากน้อย แล้วไปอยู่กับนายหน้าเสียเท่าไหร่)
เจ้าเจตนารมณ์เริ่มแรกที่ว่า มันจะยังรักษาไว้ได้ไหม ?

คือในจุดประสงค์นี้ ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเอาเจ้าชายน้อยหรือพิซซ่าฮัทหรอกนะครับ แต่มันก็ต้องเป็นอะไรสักอย่างล่ะ ที่มันจะดูขัด ๆ แล้วทำให้ตั้งคำถาม

และโดยไม่ได้ตั้งใจมาก่อน ก็พบว่า การทดสอบกับชิ้นส่วนของเจ้าชายน้อย เป็นเรื่องที่น่าสนใจดี
เพราะดูจะเป็นเรื่องที่มีคนผูกพันด้วยสูง
ไม่แน่ใจว่า ถ้าไปหยิบชิ้นส่วนอะไรซักอย่างจากเรื่องอื่นที่อื่น feedback จะเป็นอย่างที่หยิบจากเจ้าชายน้อยไหม
(สมมติว่ามันมีสถานะทางลิขสิทธิ์เหมือน ๆ กัน)


อย่างไรก็ตาม ถ้าจะว่าให้ยุติธรรมแล้ว การทดสอบอย่างนี้ มันอาจจะหลุดบริบทของเมืองไทยไปหน่อยก็ได้
เหมือนกับกระแสต้านวิทยาศาสตร์ แล้วไปชื่นชมเอาอะไรที่มันอธิบายไม่ค่อยจะได้ อย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ที่ยังไม่ทันจะ secularized อย่างเต็มที่เลย (ถ้ามองว่า 'ความศักดิ์สิทธิ์' ที่ครอบการปกครองและกิจวัตรประจำวันของเราไม่ได้มีแค่ศาสนา)
(ในวงรอบของตะวันตก มันจะเป็น ศาสนา/พระเจ้ามีอำนาจ ต่อมาก็เป็นวิทยาศาสตร์/มนุษยนิยม แล้วต่อมาพวกปรัชญาวิทยาศาสตร์ก็ตั้งคำถามกับวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์มันเริ่มทำตัวเป็นศาสนาไปเสียเองแล้ว ... แต่ของไทยนี่ กลายเป็นว่า ยังไม่ทันที่วิทยาศาสตร์จะโยนพระเจ้าทิ้งไปได้ ก็จะไปโยนวิทยาศาสตร์ทิ้งเสียแล้ว - ผมหมายถึงความคิดแบบวิทยาศาสตร์นะ ไม่ใช่เทคโนโลยี อันนั้นเรารับมาเต็ม ๆ ไม่มีข้อแม้เลย)

คือในบริบทของไทย ความเคารพในลิขสิทธิ์มันอาจจะยังไม่ได้พัฒนาเต็มที่เลย
การไปต้าน 'ระบบลิขสิทธิ์ที่เกินพอดี' (เช่นกรณีโดยบริษัทสื่อของสหรัฐ) ก็อาจจะเป็นเรื่อง ผิดสเต็ป ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่แน่ใจว่าประวัติศาสตร์ของพวกเราจำเป็นต้องเดินเป็นลำดับตามตะวันตกหรือเปล่า
เช่น เราจะมี Renaissance โดยไม่ต้องมี Enlightenment ได้ไหม ? :P


ผมเห็น Doujinshi ของญี่ปุ่น (จาก BarCamp กรุงเทพ ครั้งแรก) แล้วก็ร้อง เฮ้ย นี่แหละ ของที่มันจะเกิดไม่ได้อย่างเต็มที่เลย ถ้าเรายังติดกับความคิดระบบลิขสิทธิ์แบบเดิม ๆ

//en.wikipedia.org/wiki/Doujinshi

ผมคิดว่า โดจินชินี่เป็นตัวอย่างชั้นดีของคำพูดที่ว่า "ผู้แต่งตายไปแล้ว" อำนาจมาอยู่ที่ผู้ 'อ่าน' ที่กลายเป็นผู้แต่งไปแล้วด้วยในขณะเดียวกัน

ผมจินตนาการถึงระบบอะไรซักอย่าง ที่มันจะทำให้ ผู้แต่ง ผู้อ่าน แลกเปลี่ยน แลกหมัด ยำ ผสม ร่วมกันสร้างอะไรใหม่ ๆ กันได้ ซึ่งผมไม่คิดว่าระบบลิขสิทธิ์เช่นในปัจจุบันจะเอื้อให้ได้ครับ
(กรณีโดจินชินี่ จะว่าไป มันเกิดขึ้นมาได้เพราะผู้ถือลิขสิทธิ์แกล้งทำเป็นไม่เห็นเสีย แล้วก็มันเติบโตออกมาอย่างที่ไม่มีใครจะคาดถึง ... แต่จะเป็นไปได้ไหม ที่จะทำให้กฎหมายมันพัฒนาตามทันเรื่องนี้ ?)


โดย: bact' IP: 58.136.52.239 วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:5:07:39 น.  

 
^
^ คนทำงานมาชี้แจงเรื่องลิขสิทธิ์ถึงนี่ :p

อย่าลืมงานคราวหน้ามาเร็วๆ เน้อ
รอๆ


โดย: จขบ. IP: 58.9.183.198 วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:6:30:35 น.  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]