แด่ ม.ร.ว.กีรติ เหยื่อของฝรั่งคนสุดท้ายในวรรณกรรมไทย (1)


๑. แด่ ม.ร.ว.กีรติ
นิธิ เอียวศรีวงศ์



ความรักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่
ชายหนุ่มคนหนึ่งสบตาสาวเสิร์ฟ ส่งกระแสชื่นชมฝากรักให้เห็น ด้วยความเขินเขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาเสียบที่ริมฝีปาก แต่เสียบผิดข้าง สาวเสิร์ฟเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งรอยยิ้มอ่อนหวาน ในมือของเธอถือเหยือกน้ำเหมือนจะมารินน้ำในแก้วน้ำเพิ่มให้เขา แต่เธอกลับรินน้ำรดลงไปบนบุหรี่ที่ริมฝีปากของเขาแทน แล้วก็มีเสียงเตือนให้รู้ว่า เพราะความรักความห่วงไยต่างหากที่เธอทำเช่นนั้น เป็นการตอบไมตรีที่เฉอะแฉะที่สุดฉากหนึ่ง

หนังโฆษณาต่อต้านบุหรี่ทำนองนี้ยังมีอีกหลายตอน ทุกตอนล้วนแสดงความรักความห่วงไยให้แก่คนติดบุหรี่ทั้งสิ้น และทุกตอนคนติดบุหรี่ล้วนตกเป็น "เหยื่อ" ของความรัก ที่กลายเป็นอำนาจในการล่วงละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนที่เรารัก ด้วยวิธีเด็ดขาดรุนแรงเสมอ เช่น เอาน้ำราด, เอาบุหรี่ไปทิ้ง หรือยึดไฟเสีย

ผมไม่คับข้องใจกับหนังโฆษณาเหล่านี้หรอกครับ แต่เห็นใจคนทำโฆษณาว่า เขาต้องเลือกเอาประเด็นที่ศิลปะการแสดงของไทยอ่อนแอที่สุดมาใช้ นั่นคือ การแสดงความรัก คงจำได้นะครับว่า ถ้าถึงตอนจบเมื่อพระเอกนางเอกแสดงความรักต่อกันได้โดยไม่มีฝ่ายใดแคลงใจฝ่ายใดอีกแล้วนั้น หนังไทย (และละครทีวีด้วย) จะมีสูตรตายตัวที่คนดูคุ้นเคย นั่นก็คือพระเอกนางเอกต้องวิ่งไล่กันในวิวสวยๆ ทำไมการวิ่งไล่กันจึงเป็นสัญลักษณ์ถึงความรักอันลึกซึ้งระหว่างหญิงกับชาย ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน

อาจไม่แฟร์เท่าไรที่ผมใช้คำว่าหนังไทย เพราะผมไม่ใช่แฟนหนังสักประเภทเดียว ฉะนั้น หนังไทยที่ผมได้ดูจึงเป็นหนังเก่าที่เขาเอามาฉายทางทีวี หนังไทยตามโรงอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะครับ เพราะผมตามไม่ทัน

ในชีวิตจริงคนไทยแสดงความรักกันอย่างไร ผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวเสาะหาข้อมูลพอจะรู้ได้ แต่การแสดงมักรวบยอดเอาความคิดหรือแบบแผนของพฤติกรรมสังคมมาใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับการแสดง แล้วก็ไม่ง่ายนะครับ ที่จะให้พระเอกนางเอกโผเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยง ร้องซี้ดซ้าดไปพร้อมกันในตอนหนังจบ เพราะมันดูไม่มีศิลปะเลย ซ้ำยังทำให้คนดูไม่เชื่อด้วยว่าพระเอกจะรักนางเอกไปชั่วกัลปาวสาน โดยเฉพาะเมื่อน้ำหนักของเธอแตะเลข 60 ในอนาคต

จะใช้อาการอย่างไรที่จะแสดงความรักของคนสองคน ที่ดูบริสุทธิ์ (จากกามารมณ์), มั่นคง, เต็มไปด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่ และงดงามสำหรับเป็นแบบอย่างแห่งนักรักทั่วโลก หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือความรักโรแมนติคขนานแท้และดั้งเดิม-อันหมายถึง ความรักของปัจเจก ที่ไร้เหตุผลอธิบาย ดูดดื่ม ทุ่มเท และเป็นชีวิตทั้งชีวิตของเขาหรือเธอ ดังบทสวดมนต์ว่า "ฉันเกิดมาเพื่อรักเธอคนเดียว"
การแสดงความรักอย่างนี้แหละครับที่ศิลปะการแสดงของไทยทำไม่เป็น และผมพาลคิดว่าคนไทยโดยทั่วไปก็ทำไม่เป็นด้วย จึงไม่ปรากฏในศิลปะการแสดงและวรรณคดีไทยหรือประเพณีไทย

อันที่จริงข้อนี้ก็ไม่ประหลาดอันใดนักนะครับ เพราะรากเหง้าของความรักแบบนี้มาจากสังคมยุโรป นับตั้งแต่สมัยอัศวินเสี่ยงชีวิตไปรบราฆ่าฟันกับใครต่อใครเพื่อมอบกุหลาบแสนสวยให้แก่หญิงที่รอคอยอยู่บนระเบียงประสาท มาจนถึงรักหวานจ๋อยใน "นว" นิยายรุ่นหลัง. ผมไม่ได้หมายความว่าหญิง-ชายไทยในวัฒนธรรมโบราณนั้นรักกันไม่เป็นนะครับ แต่แสดงความรักต่อกันอีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่ใช่ความรักแบบโรแมนติค เช่น เกือบจะแยกไม่ออกจากกามารมณ์ (ยังมีต่อ)

ป.ล. บทความที่เขียนโดยอาจารย์นิธินี้นำมาจากบทความเผยแพร่ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน และบทความชิ้นนี้เคยตีพิมพ์ในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ด้วยค่ะ







Create Date : 18 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 16:34:32 น. 12 comments
Counter : 2816 Pageviews.  

 


โดย: rebel วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:31:55 น.  

 
แล้วจะมาอ่านต่อครับ


โดย: ป้อจาย วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:51:48 น.  

 
รออ่านตอนต่อค่ะ...


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:17:04 น.  

 
หวัดดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ


โดย: Kitsunegari วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:35:00 น.  

 
อื้มมม


โดย: กลัวที่หนาย วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:03:31 น.  

 



ข้าพเจ้าเป็นอีกคนนึงที่ไม่ชอบนิทานพวกเทพนิยาย



โดย: keyzer วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:48:10 น.  

 
รออ่านต่อครับพี่

อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอ่าน "mythology" ของ Roland Barthes อย่างไรไม่รู้


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:10:08 น.  

 
ท่าทางจะมีบทต่อไปแน่ๆเลย

จะมาอ่านต่อครับ


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:51:32 น.  

 
เราว่าที่วิ่งไล่กันในสวนเป็นรูปแบบหนังอินเดียมากกว่าน๊า
เกือบทุกเรื่องเลยเป็นงั้น


โดย: Bee1st วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:05:11 น.  

 
รออ่านบทต่อไปคร้าบบ


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:46:39 น.  

 
การเอาความรักมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการสื่อสานมันใช้ได้ดีเลยเพราะทุกคนก็ไขว้คว้าหารักกันทุกคนค่ะ แต่ยากหน่อยว่าจะทำยังไงน๊อให้มันเข้าถึงได้ถูกเป้าที่สุด ...

ติดตามอ่านกันต่อไปค่ะ


โดย: JewNid IP: 62.163.95.223 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:57:34 น.  

 
วัยรุ่น
เพลง Art of Life มาแล้วค่ะ


โดย: rebel วันที่: 19 พฤศจิกายน 2548 เวลา:7:26:03 น.  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]