|
|
- - - นวนิยายมีมือ และ บทสนทนาข้ามไปมาระหว่างเมือง เชียงใหม่-เซี่ยงไฮ้ - กรุงเทพ - - -
ว่าด้วยหนังสือ นวนิยายมีมือ
นวนิยายจริงตนาการ ที่เขียนขึ้นเพื่อความสนุกสนานสถานเดียว ประกอบด้วยส่วนผสมของความรักและการสืบสาว (สืบหาสาว) ในปริมาณเท่าๆ กัน เรื่องราวเกิดขึ้น เมื่อเขาเริ่มอ่านหนังสือของ ฮารูกิ มูราคามิ เพราะข้องใจว่ามีอะไรดี แล้วเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นในชีวิตของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้ต้องไขปริศนาไปตลอดเล่ม และชวนให้คุณร่วมไขไปพร้อมๆ กัน
แนะนำตัวละคร ในบทสนทนา
แจ่ม นั่งพิมพ์คำพูดอยู่ที่คอนโดเก่าๆ แห่งหนึ่งในกรุงเทพ แจ่มเป็นชื่อใน MSN ( บางวันเธอเป็นบรรณาธิการ บางวันก็นั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ จนปวดตา )
การไล่ล่าความสุข นั่งพิมพ์คำพูดอยู่ในบ้านกึ่งโมเดิร์น กึ่งอนุรักษ์นิยมที่เชียงใหม่ มีชื่ออีกชื่อว่า หมูดำ (บางวันหมูดำนั่งเขียน วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท บางวันเป็นสถาปนิค )
A + นั่งพิมพ์คำพูดอยู่ที่ออฟฟิศทันสมัย ( หรือเปล่าหว่า ? ) ที่เซี่ยงไฮ้ มีชื่ออีกชื่อว่า เอ๋ ( บางวันเป็นนักเขียน บางวันเป็นนักโฆษณา ) เอ๋ เป็นคนเขียน นวนิยายมีมือ
. . .
แจ่ม ค.ส. ที่ร้านหนังสือในพารากอน พี่รีบเดินตรงรี่ไปหา ถามว่าไม่ชอบนวนิยายมีมือหรือ เห็นเงียบไป
A+ ฮ่า ฮ่า
แจ่ม ค.ส.บอกว่าไม่เชิงไม่ชอบ แต่คิดว่า นวนิยาย น่าจะมีอะไร นุ่มนวล ขยี้ๆ กว่านี้ ค.ส เข้าใจเรื่องการครีเอท วิธีการสื่อสาร นักเขียนก็ต้องสร้างอะไรใหม่ๆ
A+ มันก็เหมือนต้องเลือกนะครับพี่ ขยี้ หรือทำให้มันมีเรื่อง มีรายละเอียดมากกว่านี้ก็ได้
แจ่ม ค.ส ถามพี่ว่า เอ๋ ไม่เคยอกหักใช่ไหม 5 5 ถ้าอกหัก จะเขียนได้ขยี้ๆ กว่านี้
A+ เคยดิพี่ แต่ไม่เฮิร์ทแล้ว ฮ่า ฮ่า
A+ ผมรู้สึกตั้งแต่เขียนเสร็จแล้วว่ามันคล้ายการ์ตูนมากกว่าคือ ฉึบฉับ เร็วๆ รายละเอียดน้อย แล้วจุดใหญ่เลยที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น เพราะผมไม่ได้โฟกัสที่ "เรื่อง" มาก ผมโฟกัสที่ "วิธี คนที่อ่านเอา "เรื่อง" ก็อาจผิดหวังหน่อย
A+ อยากให้คนอ่านแบบพวกถอดโครงสร้างได้ลองอ่าน เพราะผมว่า นิยายเล่มนี้มันมีวิธีอ่านได้อีกแบบ คือถอยตัวออกมาจากเรื่อง อ่านก็ได้ การไล่ล่าความสุข has been added to the conversation. แจ่ม ทำไมถึงคิดว่านวนิยายมีมือ เป็นนวนิยายดีคอนล่ะ
การไล่ล่าความสุข ก็พออ่านไปถึงตอนเกือบๆสุดท้ายที่เฉลยตอนจบ ก็แบบว่ารู้สึกนึกถึงหนังอะแดบเตชั่น
A+ ใส่ได้เต็มที่เลยหมูดำ ชอบฟังๆ มาถูกทางแล้ว (นี่ถอดรหัสอะไรกันอยู่หว่า?) ตั้งใจตั้งแต่แรกว่า อยากเชื่อมสามโลกเข้าด้วยกัน โลกจริงของเรา, โลกแต่งของมูราคามิ, โลกแต่งของเรา มันเป็นงั้นมั้ยฮะ
การไล่ล่าความสุข ตอนผมอ่าน ผมคิดงี้ฮะ มีโลกในนิยายของตัวเอกชื่อผมโลกเดียว แล้วอีกสองโลกมันส่งผลกระทบเข้ามา คือคิดว่าเรื่องนี้เกิดจากการเก็บ"ความทรงจำ"ของมูราคามิมาเป็นเหมือนร่องรอยบางอย่าง แล้วพี่ก็เอาเรื่องแต่งซ้อนเข้าไป เหมือนกับว่ามีจุดๆ อยู่แล้วพี่ลากเส้นต่อด้วยเรื่องของผม
การไล่ล่าความสุข ชิมิๆ
การไล่ล่าความสุข พออ่านไปจนจบ พี่ยังสร้างเรื่องของคนเขียนซ้อนไปอีก อะจะว้ากกก การไล่ล่าความสุข คือผมคิดว่า เรื่องที่เห็นมีเรื่องเดียวอะฮะ แล้วอีกสองอันที่ซ้อนๆอยู่ก็ทำให้นวนิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายที่เปิดให้พื้นที่สำหรับคนอ่านสามารถ "อ่าน" ได้ A+ เรื่องเดียวที่ว่าคือ...
การไล่ล่าความสุข เรื่องของ"ผม"อะครับ เหมือนกับว่า เรื่องของมูราคามิเป็นเส้นร่างๆ ที่เราไม่เห็น แต่มันมีอิทธิผล อ้อ ๆ เหมือนไม้แบบๆ ป่าวว ถอดออกไปแล้ว แต่ว่าฟอร์มที่เกิดขึ้นยัง แสดงถึงไม้แบบนั้นอยู่
A+ โหย...คมคาย
การไล่ล่าความสุข (เรื่องของผมเป็นเหมือนโปรดักท์สุดท้าย) แต่พี่ได้แสดงร่องรอยของไม้แบบในนิยายด้วย แล้วยังไม่พอยังเอาบันทึกคนเขียนมาใส่ตอนท้ายอีก อิอิ มันทำให้ไม่มีอำนาจของคนเขียนอย่างเดียวแต่ยังสามารถให้คนอ่านอ่านได้ด้วย จึงเป็นนวนิยายดีคอนด้วยประการฉะนี้แล
A+ แล้วรู้สึกว่ามันอนุญาตให้คนอ่าน "เขียน" ไหม? คนเขียนกระโดดขอบหนังสือตายทิ้งคนอ่านไว้ให้เขียนต่อไหม?
การไล่ล่าความสุข อืม ยากจัง
การไล่ล่าความสุข ผมคิดว่า มันมีช่องว่างที่กว้างใหญ่พอสมควรระหว่าง มูราคามิ เรื่องของผม และ เรื่องของพี่นิ้วกลม (อิอิ) ผมว่าพื้นที่กว้างๆตรงนั้นมันเปิดโอกาสให้คนอ่านตีความคิดไปได้สารพัด และ อาจจะเขียนขึ้นมาได้
การไล่ล่าความสุข ก็สำหรับผมไม่ค่อยชอบตอนนิ้วกลมออกมาอะครับ
A+ เพราะ? การไล่ล่าความสุข ผมว่ามันชัดไปหน่อย คือถ้าเทียบกับระดับร่องรอยของมูราคามิที่ เป็นบทสนทนา ที่ส่งผลต่อเรื่องกับ การที่นิ้วกลมเข้ามานั่งพูดผมว่ามันทรีทไม่เท่ากัน
A+ คิดว่า ควรให้ความสำคัญอะไรมากกว่า? ประเด็นนี้น่าสนแฮะ เพราะมันเริ่มจากการผสมนิยายมูราคามิ แต่ดันมาจบด้วยการมีคนเขียนอีกคนเข้ามา อืม...จะว่าไป มันซ้อนกันสองเทคนิค
การไล่ล่าความสุข ผมว่ามูราคามิเหมือนไม้แบบคือไม่เข้ามามีอิทธิพลโดยตรง แต่คนเขียนนั้น เข้ามามีอิทธิพลโดยตรง แต่ว่าถ้าคนเขียนไม่เข้ามามันก็จะไม่รื้อสร้างนิยายตัวเองนิ คือผมคิดว่าเข้ามาน่าสนใจดีฮะ แต่ว่ามันอาจจะมาแบบ ไม่รู้อะ แบบอื่นๆ
A+ จริงๆ แล้ว การที่คนเขียนเข้ามาถูกวางไว้แต่แรกแล้ว เพราะมันถูกย้ำมาตลอดว่า เหมือนมีคนขยับปากให้มันพูด แจ่ม เออๆ น่าสนใจประเด็น คนเขียนรื้อสร้างนวนิยายตัวเอง
แจ่ม พี่คิดว่า ตอนที่เอ๋เขียนแรกๆ กับตอนที่เอ๋จบเรื่อง วิธีคิดของเอ๋จะเปลี่ยนตลอด เลย ตอนที่พี่อ่าน พี่ก็อ้าว มันคิดอีกแบบไปแล้ว
A+ ช่ายๆๆๆๆๆๆๆๆ
A+ จริงครับพี่ เหมือนวาดเติมไปเรื่อยๆ
การไล่ล่าความสุข มันเหมือนแบบว่า ใช้เอาตัวเราเป็นที่ตั้งแล้วไปเก็บข้อมูล พอมีอะไรมากระทบเราก็ตีความมันออกมา จริงๆแล้วนวนิยายมีอคือประสบการณ์หนึ่งๆต่างหาก
การไล่ล่าความสุข มันไม่ใช่นิยายแต่เป็นการเอาประสบการณ์ในการเขียนนิยายมาตีความในรูปของนิยาย
แจ่ม นวนิยายมีมือ คือ ตัวเอ๋ไง พอเขาเปลี่ยนวิธีคิด เขาก็บอกคนอ่าน
การไล่ล่าความสุข แล้วอีกอย่าง มันเหมือนดูหนังแล้วตัวเอกมันหันมาคุยกับเราอะครับ ผลักเราออกมาว่า เฮ้ย อย่าอิน อันนี้หนัง
A+ ช่ายเลย โหย ยิ่งพูดยิ่งชัด (ตื่นเต้นนะเนี่ย)
แจ่ม ปัญหาคือ คนอ่าน ชอบอ่านแบบ อิน ไง ยิ่งเป็น นวนิยาย ขอ "อิน" หน่อย ภาษาค.ส. คือ ต้อง" ขยี้ๆ การไล่ล่าความสุข อ้าว รักจะเป็นดีคอนก็ต้องบอกชาวบ้านสิ ว่า เอ้ย อย่าอิน
A+ แล้วไอ้เล่มนี้บอกไหม ว่า อย่าอิน
การไล่ล่าความสุข บอกครับๆ โดยเฉพาะตอนพี่นิ้วกลมออกมา นี่ชัดมากๆ ถ้าอ่านเอาเรื่องมาก่อนนี่จะรู้สึกถูกหักหลัง! เหมือนกับเอาก้อนหินมาทุบๆ ตื่นๆ A+ เพราะมันไม่เล่าต่อด้วย มีคนโกรธเยอะเหมือนกัน มีเพื่อนคนนึงบอกว่า โอเคกูไม่ยุ่งกับมึงก็ได้ กูจะอ่านของกูไปเรื่อยๆ ก็มึงกำหนดหมดแล้วนี่ (ฮ่าฮ่า) แจ่ม 5 5 คนอ่านอยากให้เอ๋เป็นหนุ่มน้อยไร้เดียงสา เหมือน "ผม" ในโตเกียวไมมีขา
...
Create Date : 17 สิงหาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:27:39 น. |
| |
Counter : 1682 Pageviews. |
| |
|
|
|
+ + + + + + + นวนิยายมีมือ ( ระวังถูกจับ ) + + + + + +
ออกมาจากโรงพิมพ์สดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ สำหรับนวนิยายเรื่องแรกของ "นิ้วกลม" ที่ตอนนี้ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่านักเดินทางไปแล้ว ( แต่ดิฉันชอบที่จะเรียกเขาว่านักหาทางออกมากกว่า )
นิ้วกลม บอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า คุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ บอกว่า อย่าเพิ่งเรียกใครว่า "นักเขียน" จนกว่าเขาหรือเธอจะเขียนนวนิยาย และตอนนี้นวนิยายเล่มแรกของเขาก็สำเร็จเรียบร้อย รอให้คุณพิสูจน์ว่าเขาจะถูกเรียกว่า "นักเขียน" ได้หรือยัง
นวนิยายเล่มนี้ แปลกใหม่ทั้งเนื้อหา และวิธีการ เมื่อคุณอ่านจบ อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า " นี่มันนวนิยาย หรือวะเนี่ย"
คุณอาจจะถามต่อว่า แล้วเค้าเขียนนวนิยายกันอย่างไร
เส้นแบ่งที่กำหนดว่า ขอบเขตของการเขียนวนิยายอยู่ตรงไหน ได้ถูกทำให้เบลอไปแล้ว ในนวนิยายเรื่องนี้ คุณจะพบว่า "วิธีการ" ก็กลายมาเป็น "เนื้อหา" ได้
ดิฉันอ่านไปก็พบว่า "นักหาทางออก" สนุกสนานกับวิธีการของเขาจริง ๆ
นวนิยายเรื่องนี้ เริ่มต้นเมื่อ 'ผม' เริ่มอ่านหนังสือของฮารูกิ มูราคามิ เพราะข้องใจว่ามีอะไรดี ( แถมแอบๆ หมั่นไส้ด้วย-ดิฉันคิดว่า ) แล้วเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นในชีวิตของ'ผม' ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ 'ผม' ต้องไขปริศนาไปตลอด และชวนให้คุณไขปริศนาไปพร้อมๆ กัน คุณอาจโดน"มือ" ของหนังสือเล่มนี้ จับไว้ จนวางไม่ลง ( แม้แต่ตอนกินข้าว-ว่าเข้าไปนั่น )
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้า" คุณ" มีสิ่งค้างคาอยู่ในใจ สิ่งที่ไม่ยอมออกจากหัว(ใจ) คุณเสียที อ่านหนังสือเล่มนี้ไป คุณอาจจะพบว่า คุณจะทำอย่างไรกับสิ่งค้างคาใจเหล่านี้ดี ( สาบานว่าหนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยาย ไม่ใช่ ฮาวทู)
อยากอ่านนวนิยายมีมือเล่มนี้หรือยัง
ย้ำอีกครั้ง โปรดระวัง โดนจับ
ถ้าซื้อในงานอัมรินทร์บุ้คแฟร์ ซึ่งจะมีถึงวันที่ 24 มิ.ย.นี้ที่ศูนย์สิริกิติ์ ลด 15 เปอร์เซ็นต์ค้า
Create Date : 21 มิถุนายน 2550 |
| |
|
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:29:36 น. |
| |
Counter : 2038 Pageviews. |
| |
|
|
|
- - - Skoob ร้านหนังสือมือสอง ใจกลางเมือง - - -
วันก่อนเสิร์ชหาร้านหนังสือในอินเตอร์เน็ท เสิร์ชไปเสิร์ชมา เจอร้านหนังสือร้านนี้เข้าโดยบังเอิญ ถึงได้รู้ว่าร้านหนังสือมือสองอย่างร้าน Dasa มีสาขาแล้ว ( Dasa ร้านหนังสือภาษาอังกฤษมือสองอยู่ตรงริมถนนสุขุมวิทใกล้ๆ กับเอ็มโพเรี่ยม ) โดยหุ้นส่วนคนหนึ่งของร้านดาสะ ร่วมทุนกับหุ้นส่วนชาวญี่ปุ่น เปิดร้านหนังสือมือสองขึ้นอีกร้านที่ในซอยทองหล่อ บนคอมเพล็กซ์ Penny's Balcony เยื้องๆ กับเจ-อะเวนิว
Skoob แตกต่างกับ Dasa เน้นหนังสือภาษาญี่ปุ่นมือสองควบคู่ไปกับหนังสือภาษาอังกฤษ มีมุมกาแฟ และเค้กเหมือน Dasa และที่แตกต่างอีกอย่างคือมีมุมซีดีเพลงแจ๊ส ซีดีเป็นของใหม่ ไม่ใช่ของมือสอง เป็นคอลเลคชั่นที่น่าสะสม ( เจ้าของร้านบอกอย่างนั้น - คอเพลงแจ๊ส คงชอบแน่ๆ )
( รูปทั้งหมดมาจากเว็บไซด์ของร้าน )
แวะเข้าไปดูรายชื่อหนังสือและรายละเอียดของร้านได้ที่นี่ //www.skoob-bkk.com/
ร้าน Dasa ริมถนนสุขุมวิท ใกล้เอ็มโพเรี่ยม //dasabookcafe.com.www.readyplanet.net/
อ้อๆ คำว่า Skoob เป็นการกลับตัวหนังสือ ของ คำว่า Books นั่นเอง
Create Date : 14 มิถุนายน 2550 |
| |
|
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:31:10 น. |
| |
Counter : 2463 Pageviews. |
| |
|
|
|
- - - - - No one belongs here more than you : หนังสือรักแบบนี้ที่อยากอ่าน
จำมิแรนดา จูลายกันได้ไช่ไหม คนทำหนัง (ที่เค้าบอกกันว่าหนังของเธอเป็นหนัง "อินดี้") หนังของเธอเคยมาฉายบ้านเรา Me and You and Everyone we know ฉันชอบหนังของเธอมาก เคยเขียนถึงหนังของเธอไว้ที่นี่
เดือนที่แล้ว เธอเพิ่งมีหนังสือใหม่ออกมาเป็นหนังสือเล่มแรกของเธอมีชื่อว่า No one belongs here more than you ฟังแค่ชื่อก็อยากอ่านแล้ว
มิแรนดาบอกว่าหนังสือรวมเรื่องสั้นของเธอเล่มนี้โดยเทคนิคการเขียนล้ว มันไม่ใช่หนังสืออัตชีวประวัติแต่โดยอารมณ์ความรู้สึกมัน"ใช่ "
เธอบอกว่า ช่วงเวลาที่หนังเรื่องแรกของเธอออกฉาย เธอต้องเดินสายเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอออกสู่สาธารณะมากมาย ทำให้เธอหมกมุ่นและคิดเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น และมันไปก่อกวนต่อมความคิดสร้างสรรค์ของเธอ เธอหันกลับไปมองเรื่องที่เคยเขียนเก็บไว้ และช่วงเวลาหมกมุ่นกับตัวเองนี้เอง เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เธอจะเขียนหนังสือเล่มนี้ให้เสร็จเสียที
ทุกสิ่งที่เธอเขียน เธอบอกว่า มัน "terrible" ( นี่แหล่ะ ที่ฉันอยากอ่าน 555)
เข้าไปอ่านที่คนพูดถึงหนังสือของเธอไว้ในเว็บต่างๆ หลายคนบอกว่า มิแรนดายังคงสนใจในเรื่อง ความปรารถนา แต่เป็นความปราถนาของหัวใจที่ไม่อาจเรียบเรียงเป็นคำพูดได้
" ฉันพยายามพูดถึงความรักในแบบต่างๆ และแสดงให้เห็นว่าความรักที่พวกเขา ( ตัวละครในเรื่องของเธอ) มีอยู่ส่งผลต่อเรา ( คนอ่าน) อย่างไร
บางทีเราอาจคิดว่า เราแค่ต้องการแค่ความรักที่แสนโรแมนติค แต่จริงๆ สิ่งที่ทำให้ชีวิตเราดำเนินต่อไปคือ ความรักที่แตกต่างหลากหลาย และมันอาจไม่ใช่ความรักที่เป็นแค่เรื่องโรแมนติค เลิฟ เพียงอย่างเดียว
นักวิจารณ์บางคนบอกว่า เรื่องของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโหยหา แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของความสัมพันธ์ มันเกี่ยวกับความหวัง และความสิ้นหวังของความใกล้ชิด การทำความเข้าใจ และการเป็นส่วนหนึ่งของอีกคนหนึ่ง "How," ตัวละครของเธอมักจะตั้งคำถามแบบนี้ และคำถามแบบนี้ "can I belong to you? Or you?"
They want to be loved. Badly . Now .
ที่สำคัญอยากให้เข้าไปดูเว็บไซด์แนะนำหนังสือของเธอ ศิลปินนี่ ครีเอทีฟในการโปรโมทหนังสือจริงๆ
เข้าไปดูเลยว่า ว่าวิธีการของเธอมัน สร้างสรรค์ น่ารัก และเป็นผู้หญิ๊ง ผู้หญิงอย่างไร
//www.noonebelongsheremorethanyou.com/
ขอบคุณ น้องฝนด้วยจ้า ที่ส่งลิงก์เว็บนี้มาให้ดู หายวุ่นวายจากการย้ายบ้านข้ามรัฐ หรือยังนี่ ?
Create Date : 04 มิถุนายน 2550 |
| |
|
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:32:46 น. |
| |
Counter : 3320 Pageviews. |
| |
|
|
|
+ + + สมองไหวในฮ่องกง : พร่างพรายอยู่ในสิ่งประดิษฐ์อันซ้ำซาก + + +
ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบลงใหม่ๆ ดิฉันอมยิ้มพร้อมกับวางหนังสือลงช้าๆ ลีลาจริงๆ พ่อหนุ่ม- ดิฉันหมายถึง นิ้วกลม คนเขียนหนังสือเล่มนี้ ลีลาจัดๆ ทีเดียว
การเดินทางของเขาเที่ยวนี้ ไม่ได้พาเราเที่ยวอย่างกระชั้นชิด อยากเล่าอะไรก็เล่า เหมือนที่เขาเขียนในโตเกียวไม่มีขา หนังสือเดินทางเล่มแรกของเขา ไม่มีภาพของหนุ่มน้อยตื่นเต้นกับการเดินทางในหนังสือเล่มนี้ เปล่าๆ ดิฉันไม่ได้หมายความว่า เขา แก่ ขึ้น สุขุม ขึ้น แต่เขา ลีลามากขี้นต่างหาก
(จริงๆ ดิฉันกรี๊ดหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่เปิดหน้าแรกๆ ที่เขาบอกว่า เขาเอา Norwegian Wood ของมูราคามิ ไปอ่านระหว่างการเดินทางคราวนี้ Norwegian Wood เป็นหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดของดิฉัน )
เขาประดิษฐ์ลีลาการเขียน (ใช่หรือไม่ว่า งานเขียนทุกชิ้นก็เป็นการสร้างอารมณ์ประดิษฐ์?) ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง การเรียกแท็กซี่ไปส่งที่สนามบิน- บนเครื่องบิน-และเรื่องราวการสั่นไหวในดินแดนฮ่องกงชั่วระยะเวลา 3 วันที่เขาอยู่บนเกาะแห่งนี้ เขาประดิษฐ์เรื่องเหล่านี้มากมาย
เราจะรู้ว่า นิ้วกลม อ่านหนังสืออะไร ฟังเพลงอะไร ชอบงานศิลปะแบบไหน หนังเรื่องไหนค้างคาอยู่ในสมองของเขา พร้อมกับการเดินทางครั้งนี้ เวลาเราเดินทาง เราก็มักจะนำพาความทรงจำของเราไปที่ไหนๆ ด้วยทุกครั้ง "การเดินทางของแต่ละคน เป็นเรื่องส่วนตัวพอสมควร นิ้วกลมบอกอย่างนั้น ดิฉันก็เชื่อเหมือนเขา
ที่ดิฉันชอบมาก คือเขา ลดทอน การเดินทางของเขาให้อยู่ในรูปของ สี ได้อย่างน่าอัศจรรย์
เขาไปเดินเล่นที่เกาะจงเชา เกาะที่ไม่มีรถยนต์วิ่ง และมีคนชราอยู่บนเกาะนั้นมากกว่าคนหนุ่มสาว เขามองเห็นเกาะแห่งนั้นเป็น"สีซีเปีย"
เขาไปเจอนางฟ้า ของเขาในร้านอาหาร เขาก็แช่ภาพนั้นไว้ชั่วขณะ ตอนที่อ่านมาถึงตรงนี้ เขาเล่ามันอย่างช้าๆ เน้นๆ คุณนึกภาพหนังที่อยู่ในช่วงสโลว์โมชั่นออกไหม นิ้วกลมเล่าแบบนั้นเลย ช้าๆ สโลว์ ๆ และหยุดนิ่งมันด้วย "สีชมพู"
ในขณะที่บางเรื่อง บางจังหวะ เขากรอภาพผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ให้เราเห็นฮ่องกง พร่าเลือน ไหวๆ ไม่ชัดนัก มีสีหลายๆ สีพร่าๆ อยู่ในปลายสายตา
ดิฉันชอบจริงๆ ที่อ่านหนังสือเล่มหนึ่งแล้วได้อรรถรสครบครัน หนังสือหนึ่งเล่ม นำเราไปสู่ เพลงเพลงอื่น หนังสือเล่มอื่น หนังเรื่องอื่น งานศิลปะชิ้นอื่นๆ
โอ้ คิดได้อย่างไรนี่นิ้วกลม
ดิฉันยังชอบตอนจบของคำนำของหนังสือเล่มนี้ ที่เขียนโดยโตมร ศุขปรีชา
"... ใช่ แม้เราจะอยู่ในโลกของสิ่งประดิษฐ์ซ้ำซาก แต่ในวันที่เราซ้ำซากอยู่กับความคิดหมกมุ่นที่ไม่รู้แล้ว เราก็มักอยากพบสิ่งประดิษฐ์นั้น ซ้ำๆ บ่อยๆ โดยเฉพาะสิ่งประดิษฐ์อันละมุนละไมและทำให้เราได้ย้อนกลับไปทำความรู้จัก กับความรักอีกครั้งหนึ่ง เหมือนหนังสือเล่มนี้ "
...
Can't Help Falling in Love - Elvis Presley
เวลาคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะมีเพลงนี้ล่องลอยอยู่ในหัว นิ้วกลม - สะกดเราไว้อย่างนั้น
Wise men say only fools rush in. But I can't help falling in love with you. Shall I stay ? Would it be a sin If I can't help falling in love with you ?
...
ป.ล. 1 สำหรับใครบางคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ เขาน่าจะรู้แล้วว่า ดิฉันเปิดเพลงนี้ให้เขาเช่นกัน
ป.ล. 2 ถึงแมงนูน พี่ดีใจมากที่ได้พูดคุยกับแมงนูน พี่จะรอถึงวันที่ไม่ต้องบอกแมงนูนว่าวันนี้ สู้ๆ นะ วันที่แมงนูนเข้มแข็งขึ้นมา โดยที่พี่ไม่ทันสังเกตมันด้วยซ้ำ
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2550 |
| |
|
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 14:55:53 น. |
| |
Counter : 2218 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
grappa |
|
|
|
|