พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงแสดงธรรมด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
.ภิกษุ ท. ! พญาสัตว์ชื่อ สีหะ ออกจากถ้ำที่อาศัยในเวลาเย็น เหยียดยืดกาย แล้วเหลียวดูทิศทั้งสี่โดยรอบ บันลือสีหนาทสามครั้งแล้ว ก็เที่ยวไปเพื่อหาอาหาร. ราชสีห์นั้น ..- เมื่อตะครุบช้าง ก็ตะครุบด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. - เมื่อตะครุบควายป่า ก็ตะครุบด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. - เมื่อตะครุบวัว ก็ตะครุบด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. - เมื่อตะครุบเสือดาวก็ตะครุบด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. - แม้ที่สุดแต่เมื่อตะครุบสัตว์เล็ก ๆ เช่นกระต่ายและแมว ก็ตะครุบด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. เพราะเหตุไรเล่า ? เพราะราชสีห์นั้นคิดว่า เหลี่ยมคูของราชสีห์อย่าได้เสื่อมเสียไปเสียเลย ดังนี้. ภิกษุ ท. !ก็ คำว่า ราชสีห์ ๆ นี้เป็นคำแทนชื่อตถาคตผู้อรหันต์ตรัสรู้ชอบด้วยตนเองด้วยเหมือนกัน การแสดงธรรมแก่บริษัทนั่นแหละ คือการบันลือสีหนาทของตถาคต.ภิกษุ ท. ! เมื่อตถาคต ..- แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย ก็แสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. - เมื่อแสดงแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ก็แสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. - เมื่อแสดงแก่อุบาสกทั้งหลาย ก็แสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. - เมื่อแสดงแก่อุบาสิกาทั้งหลาย ก็แสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. - แม้ที่สุดแต่เมื่อแสดงแก่ปุถุชนชั้นต่ำทั่วไปเช่นแก่คนขอทานหรือพวกพรานทั้งหลาย ก็ย่อมแสดงด้วยความระมัด ระวังอย่างยิ่งไม่หละหลวมเลย. เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่าตถาคตเป็นผู้หนักในธรรม เป็นผู้เคารพต่อธรรม ดังนี้...บาลี ปญจ. อํ. ๒๒/๑๓๗/๙๙. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย