Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 
12 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงแสดงธรรมเพราะเห็นความจำเป็นของสัตว์บางพวก

.




ภิกษุ ท. !
บุคคลบางคนในโลกนี้ ..
- ได้เห็นหรือไม่ได้เห็นตถาคตก็ตาม
- ได้ฟังหรือไม่ได้ฟังธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วก็ตาม
ก็หาเข้ามาสู่คลองแห่งกุศลธรรมได้ไม่. (บัวใต้น้ำ - ปัญญาทราม อ่อนด้อย)

แต่บุคคลบางคนในโลกนี้ ..
- ได้เห็นหรือไม่ได้เห็นตถาคตก็ตาม
- ได้ฟังหรือไม่ได้ฟังธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วก็ตาม
ย่อมเข้ามาสู่คลองแห่งกุศลธรรมทั้งหลายได้โดยแท้. (บัวพ้นน้ำ - ปัญญามีกำลังยิ่งยวด)

ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ..
- ต่อเมื่อได้เห็นตถาคต
- หรือได้ฟังธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
จึงเข้ามาสู่คลองแห่งกุศลธรรมทั้งหลายได้ ถ้าไม่ได้เห็นตถาคต หรือไม่ได้ฟังธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วย่อมไม่เข้ามาสู่คลองแห่งกุศลธรรมทั้งหลายได้เลย.(บัวเรี่ยน้ำ - ปัญญาปานกลาง เป็นค่าเฉลี่ย คนส่วนใหญ่จะอยู่ในประเภทนี้)

ภิกษุ ท. !
ในบุคคล ๓ ประเภทนั้น มีบุคคลอยู่ประเภทหนึ่ง ซึ่ง ..
- ต่อเมื่อได้เห็นตถาคต
- หรือได้ฟังธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
จึงจะเข้ามาสู่คลองแห่งกุศลธรรมทั้งหลายได้, ถ้าไม่ได้เห็นตถาคตหรือไม่ได้ฟังธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ย่อมไม่เข้ามาสู่คลองแห่งกุศลธรรมทั้งหลายได้เลย. (หมายถึงพวกบัวเรี่ยน้ำ)

เราเพราะเห็นแก่บุคคลประเภทนี้แหละ จึงอนุญาตให้มีการแสดงธรรม. และเพราะอาศัยบุคคลประเภทนี้เป็นหลักอีกเหมือนกัน จึงจำต้องแสดงธรรมแก่บุคคลประเภทอื่นด้วย
.
.
.
บาลี ติก. อํ. ๒๐/๑๕๒/๔๖๑.
ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2555
2 comments
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 8:56:37 น.
Counter : 1253 Pageviews.

 

จะแน่ใจและยืนยันได้เช่นไร ว่า ข้อความเหล่านี้จะเป็น ข้อความจากพระพุทธเจ้าจริง เพราะยังมีการอ้างข้อความต่างๆที่ไม่สุจริต และกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่อ้างว่ามาจากท่านอยู่เกลื่อนกลาด. แค่วรรณกรรมกล่อมคนไทย มันง่ายมากที่จะหลอกอะไร แค่วรรณกรรมตื้นๆก็เก็บทานไปเท่าไรแล้ว มันมีผลประโยชน์ ซ่อนทุกช๊อต.

 

โดย: แน่ใจหรือ IP: 27.55.8.137 12 สิงหาคม 2555 22:22:37 น.  

 

.

เอาล่ะ เห็นว่ามากระแซะนานแล้วกับภาษาท่องจำเขามาจากสำนักไหน ไม่แน่ใจ .. เจ้าเรือนธรรมชาติ อะไรนี่ 55

พูดสักหน่อยแล้วกัน


ที่จริงใน ตรรกะวิภาษ ก็เขียนประเด็นนี้อยู่แล้ว .. ทำไมไม่ไปโต้แย้ง ที่นั่น ?


O แก่นธรรม .. แท้จริง ของพุทธ คืออย่างไร .. ? O
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=29-06-2012&group=164&gblog=27


ไม่น่าเชื่อว่ามองไม่เห็น ?


..............................


"จะแน่ใจและยืนยันได้เช่นไร ว่า ข้อความเหล่านี้จะเป็น ข้อความจากพระพุทธเจ้าจริง " ...

คำถามนี้ ไม่น่าถาม

เราศึกษา รับรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 2600 ปีที่แล้วได้จากไหน ? ... หากไม่ใช่ ตำราที่จดจารสืบทอดกันมา


หากถามอย่างนั้น .. ก็ต้องถามต่อว่า .. แล้วคนถาม รู้ได้อย่างไรว่ามีพระพุทธเจ้าอยู่จริง ?

อาจเป็นเรื่อง อุปโลกน์ ขึ้นมาทั้งเพ ก็ได้


การรับรู้เรื่องราว .. มันน่าแปลกมากหากว่า ..

... เชื่อว่ามีพระพุทธเจ้าอยู่ ...
... แต่ไม่เชื่อว่า คำพูดต่างๆในหนังสือเดียวกันเป็นของพระพุทธเจ้า !

แค่ตรรกะพื้นฐานนี้ ก็ไม่ผ่านแล้ว !

เพราะหากยอมรับก็ต้องยอมรับทั้งตัวตนและคำพูด .. และหากไม่ยอมรับก็ต้องไม่ยอมรับทั้งตัวตนและคำพูด ..


ท่านพุทธทาส เอง ไม่ได้ยอมรับทั้งหมด ต้องดูที่ความหมายที่สืบทอดมาด้วย..

เรื่องอะไรบ้าง ที่ว่า ท่านพุทธทาสท่านไม่รับข้อความที่บันทึกมา

คือ เรื่องในคืนตรัสรู้ .. ที่บางแห่งบันทึกไว้ว่า


เรานั้น ครั้นเมื่อจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใสไม่มีกิเลส ปราศจากกิเลสเป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ถึงความไม่หวั่นไหวตั้งอยู่เช่นนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเฉพาะต่อ ..

- บุพเพนิวาสานุสสติญาณ. เรานั้นระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนได้หลายประการ คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติ สามชาติ สี่ชาติ ห้าชาติบ้าง, สิบชาติ ยี่สิบชาติ สามสิบชาติ สี่สิบชาติ ห้าสิบชาติบ้าง, ร้อยชาติ พันชาติ แสนชาติบ้าง, ตลอดหลายสังวัฏฏกัปป์ หลายวิวัฏฏกัปป์ หลายสังวัฏฏกัปป์และวิวัฏฏกัปป์บ้าง, ว่าเมื่อเราอยู่ในภพโน้น มีชื่ออย่างนั้น มีโคตร มีวรรณะ มีอาหาร อย่างนั้น, เสวยสุขและทุกข์เช่นนั้น ๆ มีอายุสุดลงเท่านั้น; ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้เกิดในภพโน้น มีชื่อ โคตร วรรณะ อาหาร อย่างนั้นๆ, ได้เสวยสุขและทุกข์เช่นนั้นๆ มีอายุสุดลงเท่านั้น; ครั้นจุติจากภพนั้นๆ ๆ ๆ แล้ว มาเกิดในภพนี้. เรานั้นระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนได้หลายประการ พร้อมทั้งอาการและลักขณะดังนี้.


..............................


ในขณะที่การบันทึกบางแห่ง พูดเรื่อง ทรงใคร่ครวญ ปฏิจจสมุปบาท ทั้งด้านเกิดขึ้นและด้านดับลง คือ อนุโลมและปฏิโลม ..


บุพเพนิวาสานุสสติญาณ .. นี้คือการบันทึกแบบ มีอัตตา
เพราะคนคนเดียวเกิดดับนับชาติไม่ถ้วน .. แปลว่า อัตตาเที่ยง ทำนองเดียวกับ อุปนิษัทของพราหมณ์เรื่องอาตมัน

ข้อสงสัยคือ .. นัยะของ บุพเพนิวาสานุสสติญาณ นี้ผู้บันทึกบันทึกเอาเอง และ พระพุทธองค์ไม่น่าเป็นผู้ตรัสขึ้นมา เพราะมันขัดแย้งกับหลักอนัตตา .. เพราะธรรมที่พระองค์สอนจะไม่มีทางขัดแย้งกันอย่างเด็ดขาด

ท่านพุทธทาส จึงเสนอให้รับเอา การใคร่ครวญ และแทงทะลุในหลักธรรม ปฏิจจสมุปบาท เป็นที่สิ้นสุด เพราะหลักธรรมนั้นมีขึ้นเพื่อทำลายอัตตา อันลงกันได้กับหลัก ไตรลักษณ์
.
.
.

ข้อความจากพระพุทธวจนะ ได้มาจากพระไตรปิฎก ที่จดบันทึกมาตั้งแต่สังคายนาครั้งที่ 1, 2 และ 3-สมัยพระเจ้าอโศก ..เมื่อประมาณ พศ. 300

การที่จะรู้ด้วยตนเองของคนเราในยุค พศ.2555 จึงเป็นไปไม่ได้
คนรุ่นปัจจุบันจึงต้องใคร่ครวญดูในแต่ละประเด็น โดยใช้หลักไตรลักษณ์ หลักมหาประเทศ เป็นแนวทาง อย่างที่ท่านพุทธทาสทำ

ที่ท่านพุทธทาสทำวิเคราะห์ใคร่ครวญ จนพบความขัดแย้งในหลักการ ของการตีความ"ปฏิจจสมุปบาท" ที่คัมภีร์ชั้นหลัง(วิสุทธิมรรค) มีนัยะที่ขัดกับนัยะที่ปรากฎในพระไตรปิฎก ...

นั้นขัดแย้งในประเด็นไหน ?

คือหลักการ "ไตรลักษณ์" ที่มองว่า การตีความข้อธรรมใด ที่มีนัยะของการเป็น "อัตตา" เช่นวิญญาณล่องลอยข้ามภพข้ามชาติแล้วยังระบุว่าเป็นคนคนเดิม คือ สัสสตทิฐิ คือหลักการแบบ อาตมัน

ถามว่า ใครเชื่อ หรือไม่เชื่อ เรื่องในพระไตรปิฎก ?

ก็ทั้งคน ทั้งพระ ในแผ่นดินนี้ไง ที่หลับหูหลับตาพูดตาม ท่องตาม สิ่งที่บันทึกมาอย่างไม่ขัดแย้ง ..

ใคร ในชาตินี้ ที่ยอมถูกโจมตี ถูกด่า ในรอบพันปี ?

ก็ไม่เห็นสักคนที่จะแย้งสิ่งที่ผิดพลาดที่สืบทอดมา .. เยี่ยงสวนโมกข์ ..

หรือมิใช่ ?


ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ธรรมกาย ที่เป็นสัทธรรมปฏิรูปทั้งแท่ง คือ อุปนิษัทดีดีนี่เอง .. แต่เหล่าลาโง่ เดินตามอยู่ มีปริมาณมากมาย ...


จริงไหม ?

 

โดย: สดายุ... 13 สิงหาคม 2555 7:27:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.