Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 
1 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงยืนยันความเป็นมหาบุรุษ

.




วัสสการพราหมณ์ ได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทูลว่า :-

พระโคดมผู้เจริญ !
พวกข้าพเจ้าย่อมบัญญัติบุคคลที่มีธรรม ๔ ประการว่าเป็นมหาบุรุษมหาปราชญ์. ธรรม ๔ ประการเหล่าไหนเล่า ?

พระโคดมผู้เจริญ !
คือคนในโลกนี้ ..
- เป็นพหุสูต มีเรื่องที่ควรสดับอันตนได้สดับแล้วมาก.
- เป็นคนรู้เนื้อความแห่งข้อความที่มีผู้กล่าวแล้วนั้น ๆ ว่านี้เป็นความหมายแห่งภาษิตนี้,
- เป็นคนมีสติระลึกสืบสาวการที่ทำคำที่พูดแล้วแม้นานได้,
- และเป็นคนฉลาดในกิจการของคฤหัสถ์ที่ต้องจัดต้องทำ ..
- - ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการเหล่านั้น
- - มีปัญญาพิจารณาสอบสวนอันเป็นอุบายวิธีที่จะให้กิจการนั้นสำเร็จได้ด้วยดี
- - สามารถทำเอง และสามารถที่จะจัดให้ผู้อื่นทำ ในกิจการเหล่านั้น,

พระโคดมผู้เจริญ !
พวกข้าพเจ้าบัญญัติบุคคลผู้มีธรรม๔ ประการเหล่านี้แล ว่าเป็นมหาบุรุษ มหาปราชญ์. ถ้าคำของข้าพเจ้าควรอนุโมทนา ก็ขอจงอนุโมทนา, ถ้าควรคัดค้านก็ขอจงคัดค้านเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสตอบว่า :-

พราหมณ์ !
เราไม่อนุโมทนาของท่าน, เราไม่คัดค้านของท่าน. เราเอง ก็บัญญัติบุคคลที่มีธรรม ๔ ประการ ว่าเป็นมหาบุรุษ มหาปราชญ์.

ธรรม ๔ ประการเหล่าไหนเล่า ?

พราหมณ์ !
คือคนในโลกนี้ เป็นผู้ปฏิบัติเกื้อกูลแก่มหาชน เพื่อความสุขของมหาชน ยังประชุมชนเป็นอันมากให้ประดิษฐานอยู่ในอริยญายธรรม คือความเป็นผู้มีธรรมงาม มีธรรมเป็นกุศล.

อนึ่ง เขาเป็นผู้จำนงจะตรึกเรื่องใด ก็ตรึกเรื่องนั้นได้, ไม่จำนงจะตรึกเรื่องใด ก็ไม่ตรึกเรื่องนั้นได้, จำนงจะดำริเรื่องใด ก็ดำริเรื่องนั้นได้, ไม่จำนงจะดำริเรื่องใด ก็ไม่ดำ ริเรื่องนั้นได้เพราะเขาเป็นผู้มีอำ นาจเหนือจิต ในคลองแห่ง
ความตรึกทั้งหลาย.

อนึ่ง เขาเป็นผู้ได้ตามต้องการได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำ บากซึ่งฌานทั้ง ๔ อันเป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในภพปัจจุบันนี้ อันเป็นธรรมเป็นไปในทาง
จิตขั้นสูง.

อนึ่ง เขานั้นย่อมกระทำให้แจ้งได้ ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันไม่มีอาสวะเพราะสิ้นอาสวะแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงแล้วและอยู่ในวิหารธรรมนั้นในภพอันเป็นปัจจุบันนี้.

พราหมณ์ !
เราไม่อนุโมทนาของท่าน, เราไม่คัดค้านของท่าน, แต่เราบัญญัติบุคคลที่มีธรรม ๔ ประการนี้แล ว่าเป็นมหาบุรุณ มหาปราชญ์.

วัสสการพราหมณ์ ได้อนุโมทนาสรรเสริญคำของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมาก ในที่สุด

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคำนี้ว่า :-

พราหมณ์ !
ท่านกล่าวคำพาดพิงถึงเรา. เอาเถิดเราจะพูดให้แจ้งชัดทีเดียวว่า เราและเป็นผู้ปฏิบัติเกื้อกูลแก่มหาชน เพื่อความสุขของมหาชน ยังประชุมชนให้ตั้งอยู่ในอริยญายธรรม กล่าวคือความเป็นผู้มีธรรมงาม เป็นผู้มีธรรมเป็นกุศล. เราแล เป็นผู้ ..
- จำนงจะตรึกในเรื่องใด ก็ตรึกในเรื่องนั้นได้
- ไม่จำนงจะตรึกในเรื่องใด ก็ไม่ตรึกในเรื่องนั้นได้,
- จำนงจะดำริในเรื่องใดก็ดำริในเรื่องนั้นได้
- ไม่จำนงจะดำริในเรื่องใด ก็ไม่ดำริในเรื่องนั้นได้
เพราะ ..
- เราเป็นผู้มีอำนาจเหนือจิต ในคลองแห่งความตรึกทั้งหลาย.
- เราแล เป็นผู้ได้ตามต้องการได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้ง ๔ อันเป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในภพเป็นปัจจุบันนี้ อันเป็นธรรมเป็นไปในทางจิตขั้นสูง.
- เราแล เป็นผู้ทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันไม่มีอาสวะ เพราะสิ้นอาสวะแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงแล้วและอยู่ในวิหารธรรมนั้น ในภพอันเป็นปัจจุบันนี้ ดังนี้.
.
.
.
บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๔๕/๓๕.
ตรัสแก่วัสสการพราหมณ์ที่เวฬุวัน ใกล้เมืองราชคฤห์.




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2555
0 comments
Last Update : 1 สิงหาคม 2555 6:09:29 น.
Counter : 1169 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.