พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ไม่ทรงเป็นสัพพัญญูทุกอิริยาบท
.
วัจฉะ ! พวกชนเหล่าใด ที่กล่าวว่า "พระสมณโคดม เป็นผู้สัพพัญญู" รู้สิ่งทั้งปวงอยู่เสมอเป็นธรรมดา เป็นผู้สัพพทัสสาวี เห็นสิ่งทั้งปวงอยู่เสมอเป็นธรรมดา และปฏิญญาความรู้ความเห็นทั่วทุกกาลไม่มีส่วนเหลือว่า เมื่อเราเที่ยวไป ๆ ก็ดี หยุดอยู่ก็ดี หลับอยู่ก็ดี ตื่นอยู่ก็ดี ความรู้ ความเห็นนั้น ย่อมปรากฏแก่เราติดต่อเนื่องกันอยู่เสมอ" ดังนี้ ชนพวกนั้นไม่ได้กล่าวตรงตามที่เรากล่าว, แต่เขากล่าวตู่เราด้วยคำอันไม่มีจริง ไม่เป็นจริง.
วัจฉะ ! ต่อเราต้องการจะน้อมจิตไปเฉพาะเพื่อบุพเพนิวาสานุสสติญาณเราจึงตามระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อน ฯลฯ.
ต่อเราต้องการจะน้อมจิตไปเฉพาะเพื่อทิพพจักขุญาณ เราจึงน้อมจิตไปเพื่อทิพพจักขุญาณ ฯลฯ.
เราทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ ฯลฯ แล้วแลอยู่.
(คำที่ละด้วย ...ฯลฯ... ดูเต็มที่ได้ในตอนตรัสรู้ วิชชาวาม, ในภาค ๒.)
วัจฉะ ! เมื่อผู้ใดกล่าวให้ชัดว่า "พระสมณโคดม มีวิชชาสาม" ดังนี้จึงจะชื่อว่า ไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง, เป็นการกล่าวถูกต้องตามธรรม และผู้ที่กล่าวตามเขาต่อ ๆ ไป ก็จะไม่ตกไปในฐานะอันใครจะพึงติเตียนได้.
(หมายเหตุ จขบ .. วิชชา ๓ คือ ๑. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ความรู้ที่ให้ระลึกชาติได้ ๒. จุตูปปาตญาณ ความรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย ๓. อาสวักขยญาณ ความรู้ที่ทำอาสวะให้สิ้น;
วิชชา ๘ คือ ๑. วิปัสสนาญาณ ญาณในวิปัสสนา ๒. มโนมยิทธิ ฤทธิ์ทางใจ ๓. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ต่าง ๆ ๔. ทิพพโสต หูทิพย์ ๕. เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่นได้ ๖. ปุพเพนิวาสานุสติ ๗. ทิพพจักขุ ตาทิพย์ (= จุตูปปาตญาณ) ๘. อาสวักขยญาณ) . . . บาลี ม.ม. ๑๓/๒๓๗/๒๔๑. ตรัสแก่วัจฉโคตตปริพพาชก ที่อารามเอกบุณฑริก
Create Date : 31 กรกฎาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2555 6:19:03 น. |
Counter : 1607 Pageviews. |
|
|
|