Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 
29 มกราคม 2556
 
All Blogs
 

อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ทรงพบ

.





ต่อไปนี้มีการตรัสเล่าถึง การประพฤติอัตตกิลมถานุโยคจนอุปมาปรากฏ และทรงทำทุกรกิริยา แล้วทรงเลิกหมุนไปจับเอาการกระทำความเพียรทางใจ ดังแสดงไว้ในพระพุทธประวัติต่าง ๆ จนได้ "พบ" คือตรัสรู้ความจริงอันประเสริฐ.

...........................


ภิกษุ ท. !
เรานั้น, ครั้นเมื่อจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้ ไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว, ได้น้อมจิตไปเฉพาะต่อ ญาณเป็นเครื่องสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เรารู้เฉพาะแล้วตามเป็นจริงว่า ..

- นี้เป็นทุกข์,
- นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,
- นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
- และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์

- เหล่านี้เป็นอาสวะทั้งหลาย,
- นี้เป็นเหตุให้เกิดอาสวะ,
- นี้เป็นความดับไม่เหลือของอาสวะ,
- และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของอาสวะ
ดังนี้.

เมื่อเรารู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นแล้วจาก ..
- อาสวะคือกาม
- อาสวะคือภพ
- อาสวะคืออวิชชา.

ครั้นจิตพ้นแล้ว ก็เกิดญาณหยั่งรู้ ว่า "พ้นแล้ว" เรารู้เฉพาะแล้ว ว่า ..
- ชาติสิ้นแล้ว
- พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
- กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว
- กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความหลุดพ้นอย่างนี้ มิได้มีอีก
ดังนี้.

ภิกษุ ท. !
นี้แล วิชชาที่สาม ที่เราได้บรรลุแล้วในปัจฉิมยามแห่งราตรี. อวิชชาถูกกำจัดแล้ววิชชาเกิดขึ้นแล้ว; ความมืดถูกกำจัดแล้ว ความสว่างเกิดขึ้นแล้วโดยประการที่เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วแลอยู่
.
.
.
มู. ม. ๑๒/๒๓๗/๒๕๓.




 

Create Date : 29 มกราคม 2556
0 comments
Last Update : 29 มกราคม 2556 8:47:56 น.
Counter : 925 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.