อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. กว่ามนุษย์จะหลุดจากบ่วง (คือรู้อริยสัจ) - 2
.
๒. เมื่อจมกามครั้งที่สอง.
(ต่อไปนี้ ได้ตรัสถึงฝูงเนื้อจำพวกที่สอง ซึ่งเปรียบกันได้กับสมณพราหมณ์จำพวกที่สอง ว่า :-)
ภิกษุ ท. ! เนื้อพวกที่สอง (รู้ความวินาศของเนื้อจำพวกที่หนึ่งโดยประการทั้งปวงแล้ว) มาคิดกันว่า .. "ถ้าอย่างไร เราเว้นการกินผักซึ่งเป็นโภชนะอันตรายเหล่านี้โดยประการทั้งปวงเสีย เข้าไปอยู่ในราวป่ากันเถิด" ดังนี้.
เนื้อเหล่านั้น เว้นการกินผัก ซึ่งเป็นโภชนะอันตรายเหล่านั้นโดยประการทั้งปวง แล้วเข้าไปอยู่ในราวป่า แล้ว: ครั้งถึงเดือนสุดท้ายแห่งฤดูร้อนเป็นเวลาที่หมดหญ้าและน้ำ .. - ร่างกายก็ถึงซึ่งความซูบผอมอย่างยิ่ง - เมื่อมีร่างกายซูบผอมอย่างยิ่งกำลังอันแกล้วกล้าก็หมดไป - เมื่อกำลังอันแกล้วกล้าหมดไป ก็ ย้อนกลับมาสู่ถิ่นแห่งสวนผัก ที่เจ้าของสวนผักปลูกไว้อีก. - ฝูงเนื้อเหล่านั้น ได้เข้าไป กินผักในสวนผักอย่างลืมตัว - เมื่อเข้าไปกินอยู่อย่างลืมตัวก็ถึงซึ่งความเลินเล่อ - เมื่อเลินเล่อก็ถึงซึ่งความประมาท - เมื่อประมาทก็เป็นสัตว์ที่เจ้าของสวนผักกระทำได้ตามความพอใจในสวนผักนั้น.
ภิกษุ ท. ! ด้วยอาการอย่างนี้แล ฝูงเนื้อพวกที่สองนั้นก็ไม่พ้นไปจากกำมือแห่งเจ้าของสวนผัก.
(พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงยกเอาสมณพราหมณ์จำพวกที่สองมาเปรียบกับฝูงเนื้อจำพวกที่สอง ดังนี้ว่า :-)
ภิกษุ ท. ! บรรดาสมณพราหมณ์ทั้งหลาย สมณพราหมณ์จำพวกที่สอง (รู้ความวินาศของสมณพราหมณ์จำพวกที่หนึ่งโดยประการทั้งปวงแล้ว) มาคิดกันว่า ..
"ถ้ากระไร เราเว้นจากโลกามิสซึ่งเป็นเสมือนการบริโภคเหยื่อโดยประการทั้งปวงเสีย เว้นจากโภชนะอันตราย แล้วเข้าไปอาศัยอยู่ในราวป่ากันเถิด" ดังนี้.
สมณพราหมณ์เหล่านั้น .. - เว้นจากโลกามิส อันเป็นเสมือนการบริโภคเหยื่อโดยประการทั้งปวง - เว้นโภชนะอันตราย พากันเข้าไปอยู่ในราวป่า แล้ว.
สมณะพราหมณ์เหล่านั้น .. - เป็นผู้มีผักสากะเป็นภักษาบ้าง - มีผักสามากะเป็นภักษาบ้าง - มีลูกเดือยเป็นภักษาบ้าง - มีเปลือกไม้เป็นภักษาบ้าง - มีสาหร่ายเป็นภักษาบ้าง - มีรำเป็นภักษาบ้าง - มีข้าวตังเป็นภักษาบ้าง - มีเมล็ดผักกาดเป็นภักษาบ้าง - มีหญ้าเป็นภักษาบ้าง - มีโคมัยเป็นภักษาบ้าง - มีเง่าไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร - ยังอัตภาพให้เป็นไป เป็นผู้บริโภคผลตามที่มีอยู่โดยธรรมชาติ;
ครั้นถึงเดือนสุดท้ายแห่งฤดูร้อน เป็นเวลาที่หมดผักหมดหญ้าหมดน้ำ .. - ร่างกายก็ถึงซึ่งความซูบผอมอย่างยิ่ง - เมื่อมีร่างกายซูบผอมอย่างยิ่งกำลังเรี่ยวแรงก็หมดไป - เมื่อกำลังเรี่ยวแรงหมดไปเจโตวิมุตติก็เสื่อม - เมื่อเจโตวิมุตติเสื่อม ก็ย้อนกลับมาหาโลกามิส ซึ่งเป็นเสมือนกับสวนผักอันมารปลูกไว้เหล่านั้นอีก.
สมณพราหมณ์เหล่านั้น .. - เข้าไปบริโภคอยู่อย่างลืมตัว - ครั้นเข้าไปบริโภคอยู่อย่างลืมตัวก็ถึงซึ่งความมัวเมา - ครั้นมัวเมาอยู่ก็ถึงซึ่งความประมาท - ครั้นประมาทแล้วก็เป็นผู้ที่มารพึงกระทำได้ตามความพอใจ ในโลกามิสอันเป็นเสมือนสวนผักของมารนั้น.
ภิกษุ ท. ! ด้วยอาการอย่างนี้แล สมณพราหมณ์แม้พวกที่สองนี้ก็ไม่พ้นไปจากอิทธานุภาพแห่งมาร.
ภิกษุ ท. ! เรากล่าวสมณพราหมณ์พวกที่สองนี้ ว่ามีอุปมาเหมือนฝูงเนื้อพวกที่สองนั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น. . . . มู. ม. ๑๒/๒๙๘-๓๑๑/๓๐๑-๓๑๑.
Create Date : 05 มกราคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 5 มกราคม 2556 5:34:06 น. |
Counter : 1086 Pageviews. |
|
|
|