Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 
6 มกราคม 2556
 
All Blogs
 

อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. กว่ามนุษย์จะหลุดจากบ่วง (คือรู้อริยสัจ) - 3

.




๓. เมื่อเฉไปติดบ่วงทิฏฐิ.


(ต่อไปนี้ได้ตรัสถึงฝูงเนื้อพวกที่สาม ซึ่งเปรียบกันได้กับสมณพราหมณ์จำพวกที่สามสืบไปว่า :-)

ภิกษุ ท. !
ฝูงเนื้อพวกที่สาม (รู้ความวินาศของเนื้อจำพวกที่หนึ่งและจำพวกที่สอง โดยประการทั้งปวงแล้ว) มาคิดกันว่า ..

"ถ้าอย่างไร เรา อาศัยที่ซุ่มซ่อนอยู่ใกล้ ๆ สวนผัก ของเจ้าของผักนั้น ครั้นอาศัยที่ซุ่มซ่อนอยู่ใกล้ ๆสวนผักนั้นแล้ว ..
- ก็ไม่เข้าไปกินผักนั้นอย่างลืมตัว
- เมื่อไม่เข้าไปกินอย่างลืมตัวอยู่ก็ไม่ถึงซึ่งความเลินเล่อ
- เมื่อไม่เลินเล่ออยู่ก็ถึงซึ่งความไม่ประมาท
- เมื่อไม่ประมาทก็ไม่เป็นสัตว์ที่ใคร ๆ จะพึงทำอะไร ๆ ได้ตามความพอใจในสวนผักของเจ้าของผักนั้น" ดังนี้.

ฝูงเนื้อเหล่านั้น (ก็ประพฤติกระทำความคิดนั้น).

ภิกษุ ท.!
ความคิดได้เกิดแก่เจ้าของสวนผักกับบริวารเหล่านั้นว่า ..

"ฝูงเนื้อพวกที่สามเหล่านี้ ..
- คงจะมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงเหมือนมีฤทธิ์เป็นแน่
- ฝูงเนื้อพวกที่สามนี้ คงจะเป็นสัตว์พิเศษชนิดอื่นเป็นแน่
มันจึงมากินผักที่เราปลูกนี้ได้. และเราก็ไม่เข้าใจการมาการไปของมัน. ถ้ากระไรเราพึงล้อมซึ่งที่นั้นโดยรอบ ด้วยเครื่องล้อมชนิดทัณฑวาคุระใหญ่ ๆ ทั้งหลาย เราคงจะได้เห็นที่ซุ่มซ่อนของฝูงเนื้อพวกที่สาม อันเป็นที่ซึ่งมันแอบเข้ามากิน" ดังนี้

ชนเหล่านั้นได้ทำการล้อมพื้นที่ปลูกผักนั้นโดยรอบด้วยเครื่องล้อมชนิดทัณฑวาคุระใหญ่ ๆ ทั้งหลายแล้ว.

ภิกษุ ท. !
เจ้าของสวนผัก และบริวารก็หาพบที่ซุ่มซ่อนของฝูงเนื้อพวกที่สาม อันเป็นที่ซึ่งมันแอบเข้ามากิน.

ภิกษุ ท. !
ด้วยอาการอย่างนี้แล ฝูงเนื้อแม้พวกที่สามนั้น ก็ไม่พ้นไปจากกำมือของเจ้าของสวนผัก.

(พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงยกเอาสมณพาหมณ์จำพวกที่สาม มาเปรียบกับฝูงเนื้อจำพวกที่สาม ดังนี้ว่า :-)

ภิกษุ ท. !
บรรดาสมณพราหมณ์ทั้งหลาย สมณพราหมณ์จำพวกที่สาม (รู้ความวินาศของสมณพรามหมณ์จำพวกที่หนึ่งและที่สอง โดยประการทั้งปวงแล้ว) มาคิดกันว่า ..

"ถ้ากระไร เราจะอาศัยที่ซุ่มซ่อนอยู่ใกล้ ๆ โลกามิสซึ่งเปรียบเสมือนสวนผักของมาร
- ครั้นอาศัยอยู่ในที่ซุ่มซ่อนนั้นแล้ว จักไม่เข้าไปบริโภคโลกามิส อันเป็นเสมือนสวนผักแห่งมารนั้นอย่างลืมตัว
- ครั้นไม่เข้าไปบริโภคอย่างลืมตัวอยู่ ก็ไม่ถึงซึ่งความมัวเมา
- เมื่อไม่มัวเมาอยู่ก็ไม่ถึงซึ่งความประมาท
- เมื่อไม่ประมาทอยู่ก็เป็นผู้ที่มารจะพึงกระทำตามความพอใจไม่ได้ อยู่ในโลกามิสอันเป็นเสมือนสวนผักแห่งมารนั้น" ดังนี้.

สมณพราหมณ์เหล่านั้น (ก็ได้ประพฤติกระทำตามความคิดนั้น;) ก็แต่ว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้นได้เป็นผู้มีทิฏฐิ ขึ้นมาแล้วอย่างนี้ ..

ว่า "โลกเที่ยง" ดังนี้บ้าง;
ว่า "โลกไม่เที่ยง" ดังนี้บ้าง
ว่า "โลกมีที่สุด" ดังนี้บ้าง;
ว่า "โลกไม่มีที่สุด" ดังนี้บ้าง;
ว่า "ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น" ดังนี้บ้าง;
ว่า "ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น" ดังนี้บ้าง;
ว่า "ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีก" ดังนี้บ้าง;
ว่า "ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก" ดังนี้บ้าง;
ว่า "ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็มี ไม่มีอีกก็มี" ดังนี้บ้าง.;
ว่า "ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็หามิได้ไม่มีอีกก็หามิได้" ดังนี้บ้าง

ภิกษุ ท. !
ด้วยอาการอย่างนี้แล สมณพราหมณ์แม้พวกที่สามนี้ ก็ไม่พ้นไปจากอิทธานุภาพแห่งมาร.

ภิกษุ ท. !
เรากล่าวสมณะพราหมณ์พวกที่สามนี้ว่ามีอุปมาเหมือนฝูงเนื้อพวกที่สามนั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น.
.
.
.
มู. ม. ๑๒/๒๙๘-๓๑๑/๓๐๑-๓๑๑.




 

Create Date : 06 มกราคม 2556
0 comments
Last Update : 6 มกราคม 2556 9:47:12 น.
Counter : 1154 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.