แล้วแบบไหนจึงจะใช่เพื่อน
แบบที่จขบ.จะพึงใจคบ
ในหนึ่งชีวิตของคนเรา น่าจะได้พบเจอเพื่อนหลากหลายรูปแบบ
แต่จขบ.เป็นลูกโทน พ่อแม่เลี้ยงมาแบบไม่มีเพื่อน ไม่ได้รับอนุญาต
ให้ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนนอกบ้าน ทำให้เป็นคนค่อนข้าง
โดดเดี่ยวและถนัดพึ่งพาตัวเองมากกว่าจะต้องมีเพื่อนทำอะไรๆด้วยกัน
หรือหวังพึ่งเพื่อนเมื่อเกิดปัญหา
แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าจะทำอะไร ก็วันวูเมนโชว์ตะพึด
ไปเดินห้าง ไปห้องสมุด ไปกินข้าวกลางวันที่ไหน ไปคนเดียวทั้งนั้น
แต่งงานแล้วจึงได้มีคนเดินด้วยประจำ
เราจึงคิดว่าเพื่อนนั้น มีก็ดีไม่มีก็ได้ แต่ก็มีนิยามคำว่าเพื่อนนะ
สำหรับเรา เพื่อนต้องจริงใจต่อกัน พยายามเข้าใจกัน
เห็นอกเห็นใจกันยามเจ็บป่วยทุกข์ยาก เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ทำให้
เพื่อนลำบากใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ตามสมควร
ความจริงใจเป็นเรื่องสำคัญมาก
หากว่าเพื่อนไม่สามารถตอบแทนความจริงใจของเราได้
โดยไม่มีเหตุผลสมควร ก็คงต้องทบทวนมิตรภาพนั้น
สมัยนี้ เรามีเพื่อนที่เห็นตัวตนกันน้อยลง ด้วยเหตุผลมากมาย
แต่ก็กลับมีเพื่อนออนไลน์มากขึ้น อยากมีเพื่อนกี่พันคนก็เพิ่มเข้ามา
อยากเลิกคบก็ลบทิ้งไป เมื่อก่อนมีคนพูดไว้สวยหรูว่า
เพื่อน เป็นแล้วรักษาไม่หาย
แต่เดี๋ยวนี้ มิตรภาพลบทิ้งง่ายดายยิ่งนัก เหมือนเขียนคำว่า
"เพื่อน" ลงบนพื้นทราย แล้วเพียงใช้ฝ่าเท้าลูบเบาๆก็ลบสิ้น ก็คงเข้าใจได้
ไม่ยาก เราอาจหยิบยื่นมิตรภาพโดยอัธยาศัยไมตรี แต่อีกฝ่ายคิดอะไรบ้าง
เราไม่มีทางรู้ เราเปิดเผยตามสบายในขณะที่ไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นใคร
ทำอะไร มาจากไหน วันหนึ่งที่ถึงคราว เราก็คงต้องนิ่งงันไปกับจุดจบ
แห่งมิตรภาพกับเพื่อนนิรนาม เมื่อสำนึกว่า เขาไม่รู้จักคำว่าจริงใจ
ต่อเพื่อน เราก็ต้องเข้าใจว่า เขาก็แค่ระวังตัวมากกว่าเท่านั้น
และนั่นคือบทเรียนอันมีค่าที่เขามอบให้ ว่าเราควรต้องตระหนัก
เมื่อคบเพื่อนออนไลน์