happy memories
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๑๑๗




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










"ในสวนฝัน”
โดย ประภัสสร เสวิกุล


สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “อัคราภิรักษศิลปิน” เนื่องจากพระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการอุปถัมภ์และส่งเสริมศิลปะแขนงต่าง ๆ นับแต่งานหัตถกรรมพื้นบ้าน ศิลปะท้องถิ่นที่ใกล้จะสาบสูญ จนถึงศิลปะชั้นสูงเช่นโขน ซึ่งนอกจากจะเป็นการรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันมีค่าของไทยให้คงอยู่ต่อไปแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมแก่ประชาชนในพื้นที่ นอกเหนือจากการทำนาทำไร่ ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของผู้คนในชนบทจำนวนมาก






เนื่องในวาระวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาในปีนี้ ทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมจึงได้ร่วมกับเหล่าศิลปินแห่งชาติ และศิลปินแขนงต่าง ๆ จัดการแสดงวรรณวิจิตร-พิพิธทัศนา เรื่อง “ในสวนขวัญ” ซึ่งเป็นการผสานใจภักดิ์ แด่อัคราภิรักษศิลปิน ซึ่งมีการเตรียมงานกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยผมได้รับมอบให้เป็นผู้เขียนบทการแสดงในครั้งนี้โดยมีแนวคิดที่จะบอกเล่าถึงความเป็นไปของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผ่านวรรณกรรม บทเพลง ละครเวที ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์





ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ประธานในพิธีบวงสรวง



การแสดงจะเริ่มตั้งแต่ยุคสงครามที่บ้านเมืองได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่ช่วยพยุงจิตใจของผู้คนในยามนั้นก็คือละครเวที เมื่อสงครามสงบลงก็เป็นยุคของภาพยนตร์ไทย และต่อด้วยยุคพัฒนา ที่ความเจริญเริ่มขยายตัวสู่ท้องถิ่นที่ห่างไกล ตามมาด้วยยุคสงครามเวียดนาม ที่สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย จนเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในสมัย ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และการกลับสู่เมืองของนักศึกษาที่หลบหนีเข้าป่าหลังเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ จากนั้น บ้านเมืองก็คืนสู่ความสงบสุข และผู้คนหาความเพลิดเพลินจากการชมละครโทรทัศน์





ประภัสสร เสวิกุล



การแสดงวรรณวิจิตร-พิพิธทัศนา จะเป็นการร่วมใจของศิลปินแห่งชาติทั้ง ๓ สาขา คือ ทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และศิลปะการแสดง โดยฉากสำคัญจะเป็นจิตรกรรม และภาพถ่าย จากฝีมือของ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต, ดร.กมล ทัศนาญชลี, อ.ทวี รัชนีกร, อ.ปรีชา เถาทอง และ อ.วรนันท์ ชัชวาลทิพากร ซึ่งศิลปินหลายท่านจะขึ้นวาดภาพสด ๆ บนเวทีด้วย ทางด้านวรรณศิลป์ นอกจากจะเป็นการนำผลงานชิ้นเอกของศิลปินแห่งชาติ ระดับวรรณกรรมแห่งชาติหลายเรื่องมาร้อยเรียงแล้ว ยังจะได้ฟัง อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ขึ้นอ่านบทกวี “เพียงความเคลื่อนไหว” และสุรชัย จันทิมาธร ร้องเพลง “คืนรัง”





ขวัญ อุษามณี เกรซ กาญจน์เกล้า หนึ่งในทีมนักแสดงละคร "ในสวนฝัน"



สำหรับสาขาศิลปะการแสดง เริ่มด้วย พิศมัย วิไลศักดิ์ ที่รับบทเด่นตลอดเรื่อง คู่กับอุษามณี (ขวัญ) ไวทยานนท์ และ ภณัฐ สุจิรังกุล แล้ว ยังมีสุดยอดนักร้อง เช่น สุเทพ วงศ์กำแหง, ชรินทร์ นันทนาคร, สวลี ผกาพันธุ์, จินตนา สุขสถิตย์, ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ร่วมด้วยนักร้องชั้นนำ เช่น ฉันทนา กิติยพันธ์, ปกรณ์ พรพิสุทธิ์, สุชาติ ชวางกูร, พงษ์สิทธิ์ คำภีร์, ธีรนัย ณ หนองคาย, วงแฮมเมอร์ และนักร้องดาวรุ่ง เช่น พัดชา เอนกอายุวัฒน์, (อุ๊บอิ๊บ) กนกวรรณ อินทรพัฒน์, วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล (แม็ค เอเอฟ) ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล (ปุยฝ้าย เอเอฟ) ตุ้ย-รอน-ซานิ-โบว์ เอเอฟ และ กาญจน์เกล้า (เกรซ) ด้วยเศียรเกล้า รวมทั้ง พีระพัฒน์ เถรว่อง ที่จะขับร้องเพลงใหม่ที่ บอย โกสิยพงษ์ ประพันธ์ขึ้นเทิดพระเกียรติ


“ในสวนฝัน” กำกับการแสดงโดย อ.สุประวัติ ปัทมสูต การแสดงจะมีในวันเสาร์ที่ ๒ และอาทิตย์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ติดต่อจองบัตรโดยด่วนที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา


ผมไม่อยากให้คุณ ๆ พลาดการแสดงที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้ครับ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th
komchadluek.net














"อนาคตอาคารไทยลายทอง”


กรุงเทพมหานครยุคนี้กำลังตกอยู่ภายใต้สภาวการณ์การแย่งชิงพื้นดินเพื่อก่อสร้างอาคารสูงระฟ้า นายทุนทั้งไทยและเทศต่างจับจ้องเฝ้ามองที่ดินย่านทำเลทองเพื่อจะเข้าไปครอบครองให้จงได้ นายทุนบางรายกว้านซื้อที่ดินเก็บไว้ราวกับว่าต้องการจะกินรวบกรุงเทพมหานครไว้แต่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุผลที่ว่า การได้ครอบครองที่ดินใจกลางกรุงเทพฯ ก็เท่ากับครอบครองขุมทรัพย์ที่ประเมินค่ามิได้ไปโดยปริยาย แต่การครอบครองที่ดินเพียงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของเมือง คือการทำลายมนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์ของกรุงเทพฯ


ที่ดินทำเลทองได้แก่ย่านสีลม สาทร สุริวงศ์ และรอบๆ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พื้นที่เหล่านี้เปรียบเสมือนขุมทองคำหรือเหมืองเพชร ที่ดินในย่านดังกล่าวไม่ปรากฏว่าจะมีสวนสาธารณะแห่งใหม่เกิดขึ้น เพราะทุกตารางนิ้วจะกลายเป็นตึกสูงเสียดฟ้า อนิจา! กรุงเทพฯ กำลังกลายเป็นป่าคอนกรีตที่แห้งแล้ง ปราศจากธรรมชาติ ไร้สิ้นซึ้งต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ความร่มเย็น






นี่คือกรุงเทพฯ ในยุคมหาเศรษฐีไร้สำนึกสาธารณะกำลังไล่ล่ากว้านซื้อที่ดินอย่างบ้าคลั่ง และเอาเป็นเอาตาย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กรุงเทพฯ ในอนาคตจะเป็นเช่นไร ตึกเก่าที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์จะหลงเหลือได้อย่างไร ในอีกไม่ช้ากรุงเทพฯ คงไม่มีตึกโบราณให้เห็นอีกแล้ว


หนึ่งในอาคารเก่าแก่ที่มีความสูง ๒ ชั้น สร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยคือ อาคารไทยลายทอง ถนนสุรวงศ์ อาคารนี้กำลังตกอยู่ในสภาวการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะมีข่าวว่าอาจถูกทุบทำลายรื้อทิ้งในอนาคตอันใกล้ แต่บางกระแสก็เห็นว่า คณะกรรมการบริหารสภากาชาดไทยชุดปัจจุบันคงจะไม่ทำลายอาคารหลังนี้ เพราะผู้ทรงมอบที่ดินผืนนี้ให้สภากาชาดไทยก็คือ หม่อมเจ้าหญิงจงกลนี วัฒนวงศ์


อาคารไทยลายทองตั้งอยู่ใกล้ปากทางถนนสุริวงศ์ ติดโรงแรมมณเฑียร อาคารนี้เป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น เพราะหลังคาเป็นรูปแบบซ้อนลดหลั่นสามชั้น มีหน้าบันเป็นรูปเทวดาลวดลายสีทอง มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ ดูเผิน ๆ หลายคนอาจนึกว่าเป็นโบถส์หรือวิหารในพุทธศาสนา





หม่อมเจ้าหญิงจงกลนี วัฒนวงศ์



ผู้ออกแบบอาคารไทยลายทองคือ หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) ครูช่างสถาปัตยกรรมไทย ท่านผู้นี้คือผู้ออกแบบ เขียนแบบ และควบคุมการก่อสร้างที่ประทับในพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ (ร่วมกับหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร) และตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ รวมถึงพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร นอกจากนี้ยังออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาทจำลอง ซึ่งนำไปแสดง ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕o๑ โดยได้รับการชื่นชมอย่างมากจากนานาชาติ แล้วยังออกแบบเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ที่ใช้ในการพระราชพิธีพระศพตราบจนปัจจุบัน (อันที่จริงแล้วท่านได้ออกแบบอาคารในประเทศไทยอีกมากมาย แต่ขอยกตัวอย่างมาประกอบ ณ ที่นี่โดยสังเขปเท่านั้น)


หม่อมราชวงศ์มิตรารุณยังออกแบบตึกจงกลนี วัฒนวงศ์ ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่ง หม่อมเจ้าหญิงจงกลนี วัฒนวงศ์ ได้ประทานเงินในการก่อสร้างทั้งหมด หม่อมเจ้าหญิงจงกลนีคือพระธิดาใน พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ พระราชโอรสลำดับที่ ๖๓ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาบัว






ความเป็นมาของอาคารไทยลายทอง



หม่อมเจ้าหญิงจงกลนีทรงเห็นว่าประเทศไทยในยุคสมัยที่ท่านทรงยังมีพระชนม์อยู่นั้น บ้านเรือนต่างๆ มักจะสร้างโดยลอกเลียนแบบกันโดยทำเป็นห้องแถวที่ไม่มีความสวยงาม ทั้งๆ ที่ไทยมีสถาปัตยกรรมอันเป็นแบบฉบับของตน แต่การสร้างอาคารที่คงรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยโดยแท้ก็อาจจะทำได้โดยไม่ง่ายนัก เพราะต้องอาศัยฝีมือช่างชั้นสูง และต้องลงทุนมาก ท่านทรงต้องการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยไว้ให้คงอยู่ เพื่อให้คนไทยได้ภาคภูมิใจ และชาวต่างชาติได้เห็นว่าสถาปัตยกรรมไทยที่แท้จริงนั้นสามารถใช้ได้จริงกับชีวิตประจำวัน


ครั้งหนึ่งเมื่อท่านเสด็จกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส หม่อมเจ้าหญิงจงกลนีทรงสังเกตเห็นว่าฝรั่งเศสยังคงรักษาสถาปัตยกรรมของตนเองไว้ได้อย่างดี สถาปัตยกรรมแบบบาร็อก (Baroque) ในกรุงปารีสสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกไปเที่ยวกรุงปารีสได้มากมายมหาศาล ดังนั้นประเทศไทยก็น่าจะต้องมีอาคารที่มีรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบไทยปรากฏอยู่ในเขตพระนคร โดยอาคารที่ว่านี้จะต้องสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง มิใช่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเพียงอนุสาวรีย์เท่านั้น






ดังนั้นเมื่อท่านเสด็จกลับจากกรุงปารีสถึงประเทศไทย ท่านจึงทรงให้หม่อมราชวงศ์มิตรารุณออกแบบอาคารตึกไทยลายทอง แล้วได้ทรงทำสัญญาเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕o๘ ระหว่างท่านกับบริษัท ตันตกิตติ์ จำกัด โดยให้ก่อสร้างโรงแรมชั้นหนึ่งและอาคารไทยลายทอง


ข้อความหนึ่งในสัญญาระบุชัดว่า “ผู้ให้เช่าตกลงต่อไปอีกว่า ภายหลังที่ได้ก่อสร้างโรงแรมและอาคารดังกล่าวเสร็จแล้ว หากผู้เช่ามีความจำเป็นและเห็นสมควรจะรื้อส่วนหนึ่งส่วนใดลงเพื่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงแก้ไขเป็นอย่างอื่นหรือปลูกสร้างเพิ่มเติมอีก ถ้าการนั้นเป็นการลงทุนเพิ่มขึ้นและไม่ทำให้โรงแรมและอาคารลดขนาดหรือคุณภาพลง ก็ให้ผู้เช่าทำได้ทั้งสิ้น”


นี่คือส่วนหนึ่งของความตั้งพระทัยที่หม่อมเจ้าหญิงจงกลนีทรงมีต่ออาคารไทยลายทอง บัดนี้แม้กาลเวลาจะผ่านผันเลยล่วงไป แต่ความตั้งพระทัยของท่านมิเคยเสื่อมคลายไป ท่านทรงต้องการให้อาคารไทยลายทองเป็นสิ่งปลูกสร้างที่แสดงถึงสถาปัตยกรรมชั้นสูงของไทย


คณะกรรมการสภากาชาดไทยคงได้รับรู้ถึงความในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้อาคารไทยลายทองนี้ดำรงอยู่ต่อไปตามพระประสงค์ของหม่อมเจ้าหญิงจงกลนี ผู้ทรงบริจาคที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารนี้ให้กับสภากาชาดไทย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com














หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี (๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ - ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔o) สถาปนิก ออกแบบสถาปัตยกรรมไทยมีความชำนาญในการออกแบบผูกลาย ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) ประจำปีพ.ศ. ๒๕๓o


หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เกิดที่บ้านสี่กั๊กพระยาศรี ริมถนนเจริญกรุง ตำบลพาหุรัด อำเภอพาหุรัด (ขณะนั้น) กรุงเทพมหานคร เป็นโอรสของ พันโทหม่อมเจ้าสมภพ เกษมศรี และหม่อมเยื้อน เกษมศรี ณ อยุธยา


หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔o รวมอายุได้ ๘๒ ปี


ประวัติการศึกษา
พ.ศ. ๒๔๖๖ :ประถมศึกษา โรงเรียนวัดสุทัศนเทพวราราม
พ.ศ. ๒๔๗o :มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
พ.ศ. ๒๔๗๕ :มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนวัดเทพศิรินทราวาส
พ.ศ. ๒๔๗๘ :อนุปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ประวัติการทำงาน

หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรีสำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญา ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายหลังได้เข้ารับราชการที่กรมโยธาธิการ โดยได้รับมอบหมายให้ ออกแบบอาคารราชการหลายหลังได้ขึ้นไปปฏิบัติงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อรัฐบาลมีนโยบายจะย้ายเมืองหลวงไปที่นั่น ได้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างเมรุสำหรับเผาคนที่ตายเพราะพิษไข้ป่าเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นท่านก็ได้ทำงานส่วนตัวไปพร้อม ๆ กัน โดยออกแบบบ้านซึ่งเป้นที่นิยมชมชื่นของเจ้าของบ้านเป็นอันมาก


ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ทางกรมศิลปากรได้ ขอตัวหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ จากกรมโยธาธิการ ให้ไปสังกัดอยู่กองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ช่วงเวลานี้ท่านได้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างวิหารพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดชลบุรี พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ปราสาทจำลอง ซึ่งนำไปแสดง ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ในปี พ.ศ. ๒๕o๑ นอกจากนั้นยังได้ออกแบบเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์วัดเทพศิรินทราวาส ซึ่งใช้เป็นเมรุในการพระราชพิธีตลอดมาจนถึงทุกวันนี้


ท่านยังได้รับเชิญให้ เป็นอาจารย์พิเศษสอนสถาปัตยกรรมไทยให้กับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ทั้งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยศิลปากร ในระหว่างนี้ท่านได้มีโอกาสรับใช้เบื้องพระยุคลบาทออกแบบเขียนแบบ และควบคุมการก่อสร้างที่ประทับแบบพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ตำหนักที่ประทับและที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ต่อมา


ในปี พ.ศ. ๒๕o๔ หม่อมราชวงศ์ มิตรารุณขอลาออกจากราชการเพื่อปฏิบัติงานส่วนตัว แต่เมื่อทรงทราบได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มาปฏิบัติราชการ ในพระราชวัง สังกัดสำนักพระราชวัง ในตำแหน่งหัวหน้ากองมหาดเล็ก และปฏิบัติราชการในฐานะสถาปนิกพิเศษประจำสำนักพระราชวัง ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยตั้งแต่ออกแบบ เขียนแบบ และควบคุมการก่อสร้างพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร ทั้งยังพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกแบบพระตำหนักเพิ่มเติม ได้แก่ พระตำหนักสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี รวมทั้งหอพระประจำราชนิเวศน์ด้วย นอกจากนั้นยังโปรดฯ ให้เป็นผู้ควบคุมตกแต่งสถานที่พระราชนิเวศน์แห่งนี้ทั้งหมด ส่วนที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ซ่อมแซมสระสรงที่ตำหนักที่ประทับต่อมาเมื่อมีพระราชประสงค์ สร้างพระตำหนักเพิ่มเติม เป็นที่ประทับของพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ เป็นผู้ออกแบบและควบคุมทั้งหมดส่วนที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เมื่อมีพระราชประสงค์จะต่อเติมพระตำหนักส่วนใด ก็จะโปรดเกล้าให้หม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ เป็นผู้เขียนแบบและต่อเติมขึ้น พร้อมทั้งเขียนแบบการตกแต่งภายในทั้งหมดส่วนที่พระบรมมหาราชวัง หม่อมราชวงศ์มิตรารุณได้รับผิดชอบ ในการบูรณปฏิสังขรณ์ที่นั่งองค์ต่าง ๆ ในช่วงนี้


เมื่อหม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ พอจะมีเวลาว่างมากขึ้น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้ทูลขอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้หม่อมราชวงศ์ มิตรารุณไปช่วยงานด้านพระศาสนาออกแบบอาคารต่าง ๆ ในวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี งานที่สำคัญ ได้แก่ พระมหามณฑปพระพุทธบาท “ภปร” “สก” ศาลานาคเลนน้ำนานาชาติ


นอกจากงานออกแบบในวัดญาณสังวรารามแล้ว ยังได้ออกแบบพระอุโบสถ เจดีย์ ที่วัดตรีทศเทพฯ ศาลาที่ระลึกครบ ๑๕o ปี ของวัดบวรนิเวศวิหารนอกเหนือจากงานออกแบบสถาปัตยกรรมแล้วหม่อมราชวงศ์ มิตรารุณยังได้ออกแบบตรามหาวิทยาลัยมหิดล ตรามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตราสวนหลวง ร.๙


และเมื่อหม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ มีอายุครบ ๖o ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิบัติราชการต่อไปอีกจนถึงอายุ ๖๕ ปี หลังจากนั้น จึงขอรับใช้เบื้องพระยุคลบาทโดยมิขอรับเงินเดือน และไปปฏิบัติราชการทุกวันในช่วงนี้ได้ออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างอาคารหลาย ๆ หลัง ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดญาณสังวราราม วัดตรีทศเทพฯ วัดบวรนิเวศน วิหาร วัดถ้ำผาปล้อง จังหวัดเชียงใหม จะเห็นได้ว่า หม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ เกษมศรี ได้ปฏิบัติงานออกแบบสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมสม่ำเสมอมาตลอดระยะเวลากว่า ๕o ปี ตั้งแต่จบการศึกษามา ได้พัฒนาความรู้ ความสามารถในการออกแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานสถาปัตยกรรมไทย มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และยอมรับนับถือในงานวิชาการสถาปัตยกรรมจนทุกวันนี้


ในปี พ.ศ. ๒๕๓o หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี ยังได้ออกแบบเมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ซึ่งใช้เป็นเมรุในพระราชพิธีต่อมาจนทุกวันนี้


๒๔๘๒ : ช่างตรีแผนกสำรวจกองผังเมืองและช่างสุขาภิบาล กรมโยธาธิการ
๒๔๘๔ : ช่างตรีแผนกออกแบบ กองสถาปัตยกรรม กรมโยธาธิการ
๒๔๘๕ : ช่างตรีแผนกสถาปัตยกรรม กองแบบแผนและผังเมือง
๒๔๙๒ : รักษาการตำแหน่งหัวหน้าแผนกแบบแผน กองแบบแผนและผังเมือง กรมโยธาธิการ
๒๔๙๔ : ผู้ช่วยโทแผนกแบบแปลน กองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร
๒๔๙๔ : ช่างโทหัวหน้าแผนกแบบแผน กรมศิลปากร
๒๔๙๕ : หัวหน้าแผนกตรวจงาน กองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร
๒๔๙๖ : นายช่างผู้ช่วยโท กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
๒๔๙๘ : นายช่างโท กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
๒๕o๔ : นายช่างศิลปเอก กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
๒๕o๗ : หัวหน้ากองมหาดเล็ก สำนักพระราชวัง


ผลงานดีเด่นระหว่างปฏิบัติราชการกรมศิลปากร

วิหารพระพุทธสิหิงค์จังหวัดชลบุรี
เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์วัดเทพศิรินทราวาส
ร่วมกับหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากรออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งตกแต่งภายในพระตำหนัก และจัดตกแต่งสวนรอบพระตำหนัก
เรือนรับรอง สำหรับผู้ติดตาม (State visit) ในพระบรมมหาราชวัง
ออกแบบศาลาไทย โดยนำเค้าโครงจากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ไปแสดงณ ประเทศเบลเยี่ยม กรุงบรัสเซลส์ในงาน World Exposition ปี พ.ศ. ๒๕o๑
ตกแต่งภายในห้องไทย ที่เจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า


ผลงานส่วนตัว

เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบบ้านพักอาศัยทั้งในแบบสากล และแบบบ้านไทย
ออกแบบตึกจงกลนี วัฒนวงศ์ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ออกแบบอาคารไทยลายทอง เป็นการนำอาคารแบบไทยมาปรับปรุงใช็เป็นอาคารพาณิชย์ อาคารไทยลายทอง โรงแรมมณเฑียร ถนนสุรวงศ์


รางวัลและเกียรติคุณ

๒๕๑๓ : ปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๒๕๑๔ : ปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
๒๕๓o : รางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
๒๕๓๗ : ปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๒๕๓๘ : ได้รับยกย่องเป็นปูชนียบุคคลด้านสถาปัตยกรรม กรมกรรมการวันอนุรักษ์มรดกไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
พ.ศ. ๒๕๒๑ - Order of Chula Chom Klao - 3rd Class upper (Thailand) ribbon.png เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ
พ.ศ. ๒๕๓๒ - Order of the White Elephant - Special Class (Thailand) ribbon.png เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้น มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. ๒๕๒๙ - Order of the Crown of Thailand - Special Class (Thailand) ribbon.png เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
wikipedia














"Haiku in your heart”



“บางรูปบทกวีมาก่อนที่จะวาดรูป มีบ้างที่เกิดขึ้นระหว่างที่วาดภาพบทกวีถึงเกิดขึ้น”………กวีไฮกุของ เมธา เมธี เคร่งครัดต่อหลักโครงสร้างบทกวีฉันทลักษณ์ของ บาโช มาซึโอ กวีญี่ปุ่นที่คิดค้นขึ้น


ไฮกุ ๑ บท มี ๓ บรรทัด มี ๑๗ พยางค์ บรรทัดที่หนึ่ง ๕ พยางค์ บรรทัดที่สอง ๗ พยางค์ บรรทัด สุดท้าย ๕ พยางค์ โดยยืดถือเรื่องฤดูกาลไว้ในตัวบทอย่างสม่ำเสมอ ภาพวาดที่ปรากฏคู่กับบทกวีเป็นภาพคอนทัวร์ (Contour) ที่คู่กัน เฉพาะภาพหนึ่งภาพ กับบทกวีหนึ่งบท ที่สอดคล้องไปในครรลองเดียวกัน


นิทรรศการ : ภาพวาด คอนทัวร์ ตัวหนังสือ ไฮกุ จัดแสดงผลงานตั้งเเต่ วันที่ ๑ กรกฎาคม – ๓o สิงหาคม ๒๕๕๗ ที่ Hemlock Art Restaurant ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดบริการ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา ๑๖.oo – ๒๔.oo น. เเละวันเสาร์ เวลา ๑๗.oo – ๒๔.oo น.


นิทรรศการ : ภาพวาด คอนทัวร์ ตัวหนังสือ ไฮกุ
ศิลปิน : เมธา เมธี
วันที่ : ๑ กรกฎาคม – ๓o สิงหาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : Hemlock Art Restaurant ถนนพระอาทิตย์ (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา ๑๖.oo – ๒๔.oo น. เเละวันเสาร์ เวลา ๑๗.oo – ๒๔.oo น.)
รายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๒-๒๘๒-๗๕o๗



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














นิทรรศการ "ระบบชลประทานสมัยสุโขทัย”


เมืองโบราณของจังหวัดสุโขทัย เดิมตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาประทักษ์ บนเทือกเขามีลำธารต้นน้ำอยู่หลายแห่ง หล่อเลี้ยงคนสุโขทัยมายาวนานกว่า ๘oo ปี ไม่ใช่เพียงเพราะมีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ แต่เป็นการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ เกิดจากภูมิปัญญาที่ชาญฉลาดของบรรพบุรุษ ปัจจุบันการสร้างบ้านแปงเมืองของคนรุ่นหลังได้ทำให้ภูมิปัญญาเก่าถูกลืม ทว่าร่องรอยภูมิปัญญานั้นยังคงหลงเหลืออยู่ และเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้เกิดการต่อยอดสู่การพัฒนาเมืองสุโขทัยอย่างยั่งยืน ทางกรมศิลปากรจึงได้จัด นิทรรศการชั่วคราว เรื่อง "ระบบชลประทานสมัยสุโขทัย" ขึ้น ระหว่างวันนี้-๓o กันยายน ๒๕๕๗ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จังหวัดสุโขทัย


งานนิทรรศการได้รับเกียรติจาก เอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในการเปิด พร้อมขึ้นเวทีเสวนาวิชาการ เรื่อง ระบบชลประทานกับการตั้งถิ่นฐานของเมืองสุโขทัย พร้อมด้วย ผศ.ทิวา ศุภจรรยา จากสถาบันถิ่นฐานไทย ณ โรงแรมไพลิน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย


อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวถึงการสำรวจระบบชลประทานสมัยสุโขทัยที่ผ่านมาว่า ระบบชลประทานเมืองโบราณสุโขทัยเกิดจากการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคและบริโภค เนื่องจากสุโขทัยตั้งอยู่บริเวณขอบของพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นบริเวณที่มีภูเขาขนาดย่อม ก่อนจะลาดลงเป็นที่ราบ ซึ่งในสมัยก่อนการเลือกตั้งถิ่นฐานมีองค์ประกอบหลักคือ ที่ราบเชิงเขา มีภูเขาอยู่ด้านหลัง ตามคติความเชื่อทางศาสนาว่า เขาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปกปักรักษาบ้านเมือง ซึ่งในทางภูมิศาสตร์อธิบายได้ว่า บริเวณที่มีความลาดชันดังกล่าวจะทำให้ไม่เกิดภัยน้ำท่วม ทั้งนี้ ยังมีสร้างระบบเก็บกักน้ำที่มีประสิทธิภาพ พื้นที่จึงมีความอุดมสมบูรณ์


"หลักฐานการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า แหล่งต้นน้ำสำคัญในอดีตนั้นปรากฏอยู่ด้าบบนเขาประทักษ์มี "ร่องน้ำธรรมชาติ" หรือ "โซก" ในภาษาคนสุโขทัย กระจายอยู่ ๑๗ แห่ง เป็นหลังคารับน้ำฝน บริเวณล่องน้ำพบว่ามีหินศิลาแลงวางไว้เป็นชั้นๆ คล้ายพนังกั้นน้ำ สันนิษฐานว่าเป็นการทำฝายน้ำล้นของคนโบราณ และสันกั้นน้ำลักษณะดังกล่าวยังปรากฏทั้งในและนอกเมืองเก่า ด้านล่างนั้นยังมีทำนบโบราณ ๒ แห่ง คือ สรีดภงส์ ๑ และ ๒ สำรวจพบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕o๖ ตั้งอยู่ห่างจากกำแพงเมืองไม่ไกลนัก เป็นแหล่งพักน้ำที่ไหลมาจากภูเขา ก่อนจะส่งไปยังคลองเสาหอ และกระจายสู่ชุมชนต่าง ๆ ผ่านคลองแม่รำพัน"


ผู้เชี่ยวชาญกล่าวอีกว่า ภาพรวมระบบชลประทานเมืองโบราณสุโขทัยมีหลักการ ๓ ประการ คือ บังคับ กักเก็บ และทดน้ำ หลักการดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระทัยและทรงศึกษา เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในโครงการพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของพสกนิกร โดยเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕o๗ ได้เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรโซกพระร่วงลองพระขรรค์บนเขาประทักษ์ กระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรและศึกษาแหล่งน้ำโบราณ จึงได้มีการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับระบบชลประทานสมัยสุโขทัยขึ้น ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากนักวิชาการอย่างมาก


ด้าน ผศ.ทิวา ศุภจรรยา จากสถาบันถิ่นฐานไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๖ มีการสำรวจภาคสนามคลองชลประทานโบราณ "ท่อปู่พระยาร่วง" พบซุงไม้สักลักษณะเป็นส่วนหนึ่งของท่อรับน้ำบริเวณแม่น้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อคำนวณความเก่าแก่ของไม้แล้ว ตรงกับสมัยพ่อขุนศรีนาวนำถุม หรือราว ๘oo ปี และท่อน้ำดินเผาสังคโลกในเมืองสุโขทัย รวมไปถึงแนวคันดิน ที่แสดงถึงความเจริญทางด้านองค์ความรู้ของคนโบราณด้านการบริหารน้ำ


"สำหรับแนวคันดิน ที่ในอดีตเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเป็นถนนจากสุโขทัยไปยังเมืองลูกหลวงที่ศรีสัชนาลัยและกำแพงเพชรนั้น แท้จริงแล้วเป็นพนังการขุดคลองชลประทาน เพื่อนำน้ำจากแม่น้ำปิงที่ทางด้านใต้ของเมืองกำแพงเพชร ไปรวมกับน้ำจากศรีสัชนาลัยทางด้านเหนือ และระบายตามแนวคลองแม่รำพัน เมืองสุโขทัย ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำยม ถ้าหากมีการฟื้นฟูท่อปู่พระยาร่วงได้ จะสามารถนำน้ำจากแม่น้ำสายสำคัญมาใช้ในจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำยามหน้าแล้ง" นักวิชาการทิ้งท้าย


ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้จัดพิมพ์หนังสือระบบชลประทานเมืองสุโขทัย จำนวน ๑,ooo เล่ม กระจายให้แก่ห้องสมุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลให้แก่ผู้ที่สนใจได้ศึกษา ค้นคว้า แสดงให้เห็นถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรือง มีวัฒนธรรมสูงยิ่งของอาณาจักรสุโขทัย และได้รับการยอมรับว่าเป็นเอกลักษณ์ในเชิงวิทยากรชั้นสูงเพื่อการกักเก็บน้ำ และสามารถผันเข้าสู่บริเวณพื้นที่ที่ต้องการได้ ดังนั้นจึงสมควรได้รับการจัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้เกิดการต่อยอดด้านชลประทาน.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
เฟซบุคกลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร














"เยาวชนไทยคึกคัก ร่วมคัดเลือกนักแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ”


เสร็จสิ้นไปสดๆ ร้อนๆ กับการคัดเลือกนักแสดงรุ่นใหม่ สำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ” ซึ่งในปีนี้จัดให้มีการคัดเลือกนักแสดง จำนวน ๕ ตัวละคร คือ พระ(โขน) มีผู้สมัคร๒๕๖ คน ยักษ์ มีผู้สมัคร ๑๒๖ คน และ ลิง มีผู้สมัคร ๑๓๐ คน รวมทั้งสิ้นมีผู้สมัคร ๗๙๕ คน จนในที่สุดก็ได้เยาวชนไทยผู้ผ่านการคัดเลือกเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงโขนประจำปี ๒๕๕๗ ตัวละครละ ๕ คน สำหรับบรรยากาศในการคัดเลือกนักแสดงตัวเอกรุ่นใหม่ครั้งนี้ก็ได้รับความสนใจจากนักเรียน นักศึกษา จากวิทยาลัยนาฏศิลปและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ที่พร้อมใจกันมาร่วมสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทยเหมือนเช่นเคย เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ ห้องเทเวศร์ อาคารหอประชุม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
newsplus.co.th














"สงบใจในสวนซ่อนศิลป์”


ผืนดินว่างเปล่ากว่า ๑๒o ไร่ ถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์กลางดงป่าใหญ่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักในงานศิลปะ ซึ่งเป็นดินแดนในฝันของใครหลาย ๆ คน ผู้มาเยือนจะสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว สัมผัสกลิ่นอายความเป็นป่าได้อย่างเข้าถึง อีกทั้งได้เรียนรู้ศิลปะที่ถูกซ่อนไว้ผ่านสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เสมือนท่องอยู่ในโลกแห่งความฝันน่าอัศจรรย์ใจ ชวนให้เกิดความประทับใจไม่มีวันลืม


สถานที่ดังกล่าวคือ สวนซ่อนศิลป์(Secret Art Garden) ที่ตั้งอยู่ ณ ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ที่นี่ไม่ใช่แค่สวนดอกไม้หรือสวนป่าธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่ภายในนั้นมีความงดงามของศิลปะแฝงอยู่ตลอดทาง เพื่อเป็นประตูให้ทุกคนได้เข้าไปค้นหาความงามของธรรมชาติ พบเจอกับความสุขสงบในจิตใจ และได้พักผ่อนในสถานที่แห่งนี้อย่างจรรโลงใจ






พื้นที่ในการเดินชมถูกแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ ท่าเรือกอนโดล่า, บ้านนักเขียน, ดินแดนคนจิ๋ว, บ้านศิลปิน, สวนโมเสก, สวนหินล้านปี, สวนอังกฤษ, สวนญี่ปุ่น, บ้านทอฝัน, บ้านปั้นดิน, สวนป่าฝน, บ้านช่างไม้, โซนไอศกรีมและคาเฟ่ รวมถึงโซนขายของที่ระลึก


สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ผสมแนวศิลปะสุดคลาสสิคแห่งนี้ถือว่าเป็นดินแดนมหัศจรรย์กลางขุนเขาหนึ่งเดียวในประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่นี่นอกจากจะมีสวนศิลปะสุดอลังการแล้ว ยังมีตลาดน้ำขนาดย่อมที่เล็กที่สุดในโลก “ตลาดนัดกลางดง” ให้ผู้เยี่ยมชมได้จับจ่ายซื้อของกลับไปฝากคนทางบ้านอีกด้วย






ผู้ที่เข้าชมจะได้พบความงดงามของศิลปะในสไตล์ยุโรปและเอเชีย มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ในหลาย ๆ บรรยากาศ อาทิ โซนบ้านศิลปินริมน้ำที่มีงานภาพวาดวางไว้ให้ความรู้สึกถึงบ้านของศิลปินอย่างแท้จริง มีเตียงนอนสีแดง กับเครื่องประดับที่ตกแต่งด้วยเครื่องไม้ และหิน ด้านนอกจะมีภาพวาดที่ศิลปินวาดทิ้งไว้เหมือนกำลังพักรับประทานอาหารว่าง รอบตัวบ้านมีบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยป่าเขียวชอุ่มกับเสียงน้ำที่ไหลกระทบหิน ถือเป็นการสะท้อนอารมณ์ของศิลปินนักวาดได้อย่างลึกซึ้งผ่านองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมด


ด้านวิถีชีวิตของคนไทยเองก็ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านงานศิลปะของที่นี่ อาทิ โซนของบ้านปั้นดินเผา ระหว่างการเดินชมบ้านผู้เข้าชมสามารถร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปั้นดินเผา หรือทาสีตุ๊กตาเซรามิกให้สวยงาม สามารถนำกลับไปประดับสวนที่บ้านตนเองได้ ถือว่านอกจากจะได้เยี่ยมชมสถานที่สวย ๆ แล้ว ยังได้สัมผัสบรรยากาศการเรียนรู้ศิลปะท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างลึกซึ้ง






สุรินทร์ สนธิระติ หรือ ลุงน้อย เจ้าของผู้สร้างตลาดน้ำศิลปะกลางดงและสวนซ่อนศิลป์ กล่าวว่า “ผมใช้ระยะเวลากว่า ๓o ปีที่ความฝันของผมกับภรรยาจะกลายเป็นจริง มันเริ่มจากการที่เราปลูกต้นไม้ในเวลาหกโมงเย็นของทุกวัน และช่วยกันจัดวางหินลงบนดินโดยไม่มีการเขียนแบบ สุดท้ายเราก็ได้ต้นไม้มาไม่ต่ำกว่าหมื่นต้นด้วยมือของเราเอง การปลูกต้นไม้ถือว่าเป็นการทำให้ที่ดินของผมมีมูลค่า”


เจ้าของผู้สร้างสวนกล่าวต่อว่า หลังจากทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดีจึงเห็นว่าที่นี่มีระบบนิเวศน์ที่ดีมาก มีพรรณไม้ป่าจากทุกชนิดในเมืองไทย รวมถึงสัตว์ต่างสายพันธุ์เข้ามาอาศัยอยู่ จึงอยากให้คนได้มาเห็นว่าป่าสามารถสร้างได้ด้วยฝีมือคน และอยากให้ที่นี่เป็นสถานที่ในการสร้าง Inspiration ให้กับคนที่มาและช่วยกันรณรงค์ ปลูกป่าหรือรักษาผืนป่าเอาไว้ รวมถึงต้องการให้ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติในการศึกษาป่า และธรรมชาติของระบบนิเวศภายในป่าไปในตัว


สถานที่แห่งนี้ถือเป็นมรดกอันทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้คนไทยเห็นความสำคัญของป่าไม้ ธรรมชาติที่เราควรรักษาเอาไว้สืบไป



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bangkokbiznews.com














"นิทรรศการจิตรกรรมร่วมสมัยพานาโซนิค ครั้งที่ ๑๖”


นิทรรศการจิตรกรรมร่วมสมัยพานาโซนิค ครั้งที่ ๑๖ “เพื่อความสุขของมวลมนุษยชาติ”

ภายใต้หัวข้อ “สร้างสรรค์เพื่อความสมบูรณ์แห่งชีวิต”

แสดงผลงานจากการประกวดจิตรกรรมร่วมสมัยพานาโซนิค ครั้งที่ ๑๖

จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑o - ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














"นิทรรศการมายาของภาพสังขาร”


วันที่ : ๔ กรกฎาคม - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗
สถานที่: People's Gallery P1-P2 ชั้น ๒
โดย คุณสกล เต่ากล่ำ
พิธีเปิดงานในวันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม เวลา ๑๘.oo น.


ปัจจุบันกระแสนิยมจากต่างชาติเข้ามามีบทบาทในชีวิตความเป็นอยู่ของคนเรามากมายเช่นการแต่งหน้าทาปาก ตกแต่งร่างกายให้ดูดี เข้ายุคเข้าสมัย จนเราเองไม่สามารถที่จะแยกมันออกไปจากระบบการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้ รวมถึงสื่อหลายแขนงที่มุ่งนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการเสริมความงามของร่างกายในรูปแบบต่างๆมากมายเช่น การทำศัลยกรรม การใช้บริการในสถาบันเสริมความงามในรูปแบบต่าง ๆ อันส่งผลให้มีบุคคลบางกลุ่มบางชนชั้นมีพฤติกรรมที่เสพสื่อมากเกินไป จนบางครั้งลืมตระหนักถึงสัจธรรมความเป็นจริงของร่างกายตนเอง โดยสร้างพฤติกรรมอันหลากหลายที่คิดว่าจะช่วยปิดบัง เยียวยา บำรุง ฟื้นฟู และตอบสนองความต้องการในร่างกายตนเอง เพื่อให้เกิดความงาม อนาคตต่อไปอาจจะกล่าวได้ว่า ริ้วรอยต่าง ๆ ที่เกิดจากกาลเวลาก็เปรียบเสมือนโรคที่จะสามารถเยียวยาและรักษาได้ ด้วยวิธีใดก็ได้ ซึ่งทุกสิ่งอย่างนี้มนุษย์เป็นผู้สร้างค่านิยมขึ้นมาเองจนทำให้หลงไปกับกายภายนอก จนบางครั้งไม่สามารถที่จะยอมรับใน อัตลักษณ์ ที่แท้จริงของตนเองได้


แนวความคิดดังกล่าว จึงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ขึ้นมา เพื่อ สะท้อน ประชดประชัน เสียดสี ในเนื้อหาเรื่องราวของค่านิยมที่เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของคนในยุคสมัยปัจจุบันที่เกี่ยวกับความงามจนทำให้คนเราไม่สามารถแยกแยะ ตระหนักรู้ จนหลงลืมมัวเมาไปกับการใช้ชีวิตที่มีค่านิยมเหล่านี้แฝงอยู่ในชีวิตประจำวัน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th














"Ungrateful Records”


WTF เเกลลอรี่ มีความยินดีขอเชิญท่านเข้าร่วมงานนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ภายใต้ชื่อ Ungrateful Records โดย พงษ์สรวง คุณประสพ


กว่า ๑๒ ปีที่พงษ์สรวง คุณประสพ ได้สร้างสรรค์ผลงานกราฟฟิคเเละออกเเบบ คอนเซ็ปต์ทางการตลาดเเละโฆษณาให้กับสินค้า ที่เน้นการนำเสนอเเนวทางการ ใช้ชีวิตที่ก้าวลำกว่ากระเเสหลักทั่วไป พงษ์สรวงคลุกคลีอยู่ในวงการดนตรี เเฟชั่นเเละเป็นผู้นำทางการตลาดในวงการธุรกิจที่ต้องใช้ความคิดความสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง เเละด้วยบุคคลิกที่ฉลาด กระตือรือร้น ตรงไปตรงมา มีมุมมองต่อเหตุ-การณ์รอบตัวที่เเตกต่าง รวมถึงสามารถด้่านการสื่อสารที่ดีเยี่ยมผ่านทั้งตัวหนังสือเเละภาพ ทำให้เขาสามารถเข้ากับคนในทุกกลุ่ม เเละมีเพื่อนอยู่ในทุกสังคมเเละชนชั้นของประเทศไทย






ถึงกระนั้น ชื่อเสียงเเละความสำเร็จดังกล่าวไม่สามารถนำมาซึ่งความสุข ความสงบอย่างจริงเเท้ได้ เเละเขากลายเป็นคนที่มีกำเเพงทางด้านอารมณ์อย่างไม่รู้ตัว กลายเป็นตัวสร้างปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน คนรัก หน้าที่การงานตลอดสี่ปีที่ผ่านมา และหลายครั้งก็หดหู่โดยไม่ทราบสาเหตุ


ในปี ๒o๑o เขาได้เสียคุณเเม่ไปด้วยโรคลูปัส (Lupus) หลังจากนั้น สองปีเขาได้เห็นหน้าพ่อของเขาเป็นครั้งเเรก บนเฟสบุ๊ค เหตุการณ์สำคัญทั้งสองเหตุการณ์ในชีวิตของเขา กลายเป็นตัวกระตุ้นให้เขามองย้อนทบทวนชีวิตในเรื่องต่าง ๆ เพื่อค้นว่าสิ่งใดบ้างที่หล่อหลอมตัวตนของเขาขึ้นมา ผ่านผลงานศิลปะที่เขารักเเละถนัด


นิทรรศการ Ungrateful Records เป็นความพยายามในการทดลองบทบาท หนึ่งของศิลปะที่ถูกมองว่าล้าสมัยไปเเล้ว นั่นคือศิลปะเพื่อการสมานเเผล เป็นการสะท้อนเเละเเก้ไขรอยร้าวชีวิต โดยนำองค์ประกอบภาคที่เเตกต่างอย่างสิ้นเชิงของชีวิตกลับมารวมกันให้ได้อีกครั้ง เพื่อสามารถยอมรับภาพรวมทั้งหมดอย่างไม่สั่นคลอนให้ได้ ดังที่ Matthew Arnold นักวิจารณ์ศิลปะชาวอังกฤษเคยกล่าวไว้






หรือดังที่ที่นักปรัชญาชาวอังกฤษ อีกท่าน Alain De Bottom กับเพื่อนนักเขียน John Amstrong ได้พยายามเน้นในหนังสือ ”Art as Therapy” ว่าศิลปะ ไม่ได้เป็นเพียงเเค่เครื่องมือที่จะเก็บรักษาประสบการณ์ชีวิตที่มีค่ากับศิลปินไม่ให้เลือนหายจากความทรงจำ เเต่ศิลปะยังทำหน้าที่เผาผลาญเรื่องราวด้านลบในชีวิตอย่างมีเกียรติเเละศักด์ศรี เเละคอยยำ้เตือนให้เราเข้าใจว่าทุกคนต่างมีพื่้นที่ของตนเองสำหรับความเศร้า ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในการมีชีวิตที่ดีอย่างเเท้จริง


Ungrateful Records เป็นนิทรรศการศิลปะจัดวางที่ประกอบไปด้วยภาพวาดบนปกแผ่นเสียงจำนวน ๑oo ชิ้น เนื่องจากดนตรีเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิต ส่วนตัวเเละการทำงานของพงษ์สรวงมาตลอด เขาจึงเลือกที่จะเล่าเรื่องชีวิตผ่านปกเเผ่นเสียง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเก็บรักษาเรื่องราวอย่างทะนุถนอม หรือ การถูกตีค่าที่สูงหรือต่ำเกินความเป็นจริง


ภาพวาดทั้งหมดถูกนำเสนอในรูปเเบบร้านเเผ่นเสียงทีคึกคัก เพื่อสื่อภาพ ที่ชัดเจนที่สุดของชีวิตที่ผสมผสานรสชาติที่เเตกต่างของศิลปินอย่างจริงใจ






พงษ์สรวง คุณประสพ เป็นหนึ่งใน ‘คนไทย ๒o คนที่น่าจับตามอง’ โดย CNNgo.com หลังจบการศึกษาคณะมัณฑศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เขาทำงานเป็นนักเขียน เเละนักวาดภาพประกอบให้นิตยสาร เเพรวสุดสัปดาห์ (๒ooo-๒oo๑), นิตยสาร Lips (๒oo๑-๒oo๓), นิตยสาร MTV Trax (๒oo๔-๒oo๗) และเป็นผู้ก่อตั้ง Supersweet (๒oo๔- ๒oo๗) นิตยสารสัญชาติไทย -อังกฤษ


ในปี ๒oo๗ เขารวมตัวกับเพื่อนสนิทเปิด Slowmotion Design บริษัท กราฟฟิคดีไซน์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจากนี้เขายังเป็นภัณฑรักษ์ให้Elmgreen & Dragset ศิลปินดูโอชื่อดังของโลก ในนิทรรศการศิลปะจัดวางที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเมื่อปี ๒oo๗ เเละนิทรรศการ ‘Nocturne’ นิทรรศการภาพถ่ายโดยศิลปินไทยหน้าใหม่ ในปี ๒o๑o






พงษ์สรวงเป็นผู้ก่อตั้ง Dudesweet กลุ่มปาร์ตี้ ดนตรี เเละกิจกรรมทาง ศิลปะวัฒนธรรมให้กับคนกรุงเทพฯ มานานกว่า ๑๑ ปี นิทรรศการนี้ได้รับการสนับสนุนโดย Slowmotion Design เเละ It’s Happened To Be Closet.


ข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับนิทรรศการ
WTF Gallery & Cafe
๗ สุขุมวิทซอข ๕๑, คลองตันเหนือ, วัฒนา, กรุงเทพฯ ๑o๑๑o
โทร/เเฟกซ์ o๒-๖๖๒-๖๒๔๖
//www.wtfbangkok.com
สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ
จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๔ มิถุนายน – ๓o กรกฎาคม ๒๕๕๗
เปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา ๑๖.oo-๒๒.oo น.




ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














นิทรรศการดินเผา 'เอมโอชา'


ผลงานโดย ปานชลี สถิรศาสตร์


จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗


และจะมีพิธีเปิดในวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น.


ณ สถาบันปรีดี พนมยงค์ ทองหล่อ ๑-๓ (สุขุมวิท ๕๕)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














"นิทรรศการ Image Memory Meaning”


นิทรรศการ Image Memory Meaning ผลงานโดย สุริยะ ฉายะเจริญ และ ภูริช ศรีสวย จัดแสดงระหว่างวันที่ วันที่ ๕ - ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.๓o น. ณ หลังแรกบาร์ : Hlung Raak Bar เปิดนิทรรศการ วันเสาร์ ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.๓o น. โทรศัพท์ o๙o-๙๘๖-๙๙๓๗


แนวความคิด

“ภาพ” (image) ที่มนุษย์เห็นไม่เพียงเป็นสิ่งที่เพิ่มพูนการประสบพบเจอกันของประสบการณ์ของแต่ละปัจเจกบุคคล แต่ยังให้ความหมายในเชิงการระลึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะเรียกว่า “ความทรงจำ” (memory)


เมื่อภาพถ่าย (photography) มีหน้าที่หนึ่งคือการสร้าง “ภาพแห่งความทรงจำ” (Images of Memories) ขึ้นมา ด้านหนึ่งก็เป็นการสถาปนาความหมายใหม่ที่เกิดขึ้นจากผู้หนึ่งผู้ใด นั่นย่อมหมายความว่า ภาพถ่ายมีส่วนสำคัญในการสร้างภาพความทรงจำใหม่ (Creating new memories) ที่หาใช่ความจริงไม่ กระบวนถ่ายภาพจึงไม่เพียงสร้างสิ่งที่ไม่เป็นจริง (ทั้งหมด) เท่านั้น หากยังบิดเบือนความจริง (ทั้งหมด) ให้อยู่ในรูปขอบความเสมือนไม่ต่างจากโลกในจินตนิยาย


เพราะฉะนั้นแล้วภาพ (image) ความทรงจำ (memory) และความหมาย (meaning) จึงเป็นเพียงการประชุมกันของ “สิ่ง” ( ) ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสถาปนาโลกใหม่ภายใต้ร่มเงาของภาพมายาที่ดูประหนึ่งว่าเป็นโลกของความเป็นจริง ซึ่งปรากฏได้เพียงจินตนาการที่ถูกทำให้เชื่อว่ามีความเป็นจริงปรากฏอยู่


สุริยะ ฉายะเจริญ

เรื่องราวในประวัติศาสตร์มีส่วนช่วยในการทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ประวัติศาสตร์ศิลปะก็เช่นกันมีส่วนช่วยให้เราเข้าใจศิลปะในสมัยปัจจุบันมากขึ้น ยิ่งประเภทของงานศิลปะที่มีรากฐานแข็งแรงอย่างงานจิตรกรรมที่มีประวัติและเรื่องราวต่างๆ มากมายรวมทั้งการเปลี่ยนผ่าน การข้ามผ่าน การเป็นเครื่องมือ ทั้งร่วมกันและไม่ร่วมกันกับภาพภ่าย ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูผลิตขึ้นเพื่อผลิตภาพ ทำให้ข้าพเจ้าอยากทำความเข้าใจกับคำว่า ภาพ


ภูริช ศรีสวย

ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งที่เราเห็นในปัจจุบันเป็น "ยุคของการซ้อนทับ การบิดเบือนหรือการแยกกันของภาพที่นำไปสู่การเข้าถึงความจริง" เราควรจะพิจารณาต่อการรับรู้ภาพหรือสิ่งต่าง ๆ หรือเพิ่มการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ


ข้าพเจ้าเห็นความสำคัญของภาวะที่อ้างขึ้น ในเมื่อการเข้าถึงความจริงแท้นั้นเป็นไปได้ลำบาก เพราะแต่ละความจริงนั้นมีเหตุผลในการรองรับที่ต่างกัน จึงเป็นการยากต่อการเข้าถึงความจริง จึงอยากที่จะทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อหาสมดุลในการใช้ชีวิตระหว่างเหตุผลกับอารมณ์ผ่านการทำงานศิลปะ ๒ มิติ(จิตรกรรมและภาพถ่าย)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thailandexhibition.com
เฟซบุคหลังแรก บาร์




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะค่ะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2557
0 comments
Last Update : 11 กรกฎาคม 2557 9:15:10 น.
Counter : 2571 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.