happy memories
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
3 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๓๘




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto






1


นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชนนก


มูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ร่วมกับ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยความร่วมมือของคณะแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ จาก ๖ สถาบัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า จัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรม ราชชนก กับ การสาธารณสุขไทย” ในหัวข้อ ‘ครอบครัวอบอุ่น วัยรุ่นสุขสันต์’ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประเทศชาติ และทรงได้รับการยกย่องเป็นพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขไทย โดยนิทรรศการจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓ – ๗ กันยายน ๒๕๕๗ ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ (Life Style Hall) ชั้น ๒ ศูนย์การค้าสยามพารากอน






ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ รองประธานกรรมการจัดนิทรรศการฯ กล่าวว่า “เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จฯ พระบรมราชชนก ผู้ทรงมีคุณูปการแก่กิจการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นอย่างมาก นิทรรศการในครั้งนี้เป็นการสานต่อโครงการที่มูลนิธิฯ ได้ร่วมกับ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และ ศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ ๑๒ นำเสนอพระราชประวัติของสมเด็จฯ พระบรมราชชนก ด้วยพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ที่ทรงเล็งเห็นว่าสุขภาพอนามัยของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญซึ่งต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ ทรงตระหนักว่า



2



การสาธารณสุข มีส่วนสำคัญในการพัฒนาของประเทศ และการสาธารณสุขจะได้ผลดี ก็ต้องมีแพทย์ที่มีคุณภาพสูงและมีการศึกษาแพทย์ที่เหมาะสม ดังนั้นเพื่อร่วมสืบสานพระราชปณิธานในสมเด็จฯ พระบรมราชชนก ปีนี้จึงได้จัดนิทรรศการฯ ในหัวข้อ ‘ครอบครัวอบอุ่น วัยรุ่นสุขสันต์’ ด้วยเล็งเห็นความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น เนื่องจากปัจจุบันประชากรของประเทศไทย โดยส่วนใหญ่ยังตกอยู่ภายใต้ภาวะเสี่ยง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ยังขาดทักษะชีวิต ขาดความรู้ และขาดความตระหนักในการดูแลตนเอง ที่ส่งผลกระทบและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ซึ่งปัจจัยหลักมาจากปัญหาครอบครัว”



3



ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการจัดแสดงให้ความรู้การส่งเสริมสุขภาพ และการดูแลสุขภาพช่องปาก จากคณะแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์จาก ๖ สถาบัน อีกทั้งจัดหน่วยบริการและให้คำปรึกษา พร้อมช่องทางการบริการพิเศษเฉพาะกิจผ่านโปรแกรมแชท Line (ไลน์)



4



นอกจากนี้ยังมีการจัดเสวนาเรื่อง ‘วัยรุ่นยุคใหม่ รักสดใส ใส่ใจเรียน’ โดย นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์, การตอบปัญหาชิงรางวัลของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา, การให้คำปรึกษาปัญหาครอบครัวและวัยรุ่น รวมทั้งการให้บริการทางการแพทย์ต่างๆ อาทิ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่, การตรวจสุขภาพ และการตรวจทางทันตกรรม, การตรวจวัดสายตา, การทดสอบสมรรถภาพร่างกายแบบครบวงจร โดยจะเปิดให้บริการระหว่างเวลา ๑๓.๐๐ – ๑๘.๐๐ น. อีกทั้งกิจกรรมการแสดงและบันเทิง จากเหล่าศิลปินเดอะ สตาร์ ๑๐ นำทีมโดย กั้ง เต้ และซีดี ที่จะมา ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องสุขภาพใกล้ตัว ตลอดจนการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนวัดปทุมวนารามฯ และโรงเรียนบ้านรำไทย ครูศรีเวียง อีกด้วย



5



ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมทั้งพระราชทานรางวัลบัณฑิตแพทย์ บัณฑิตทันตแพทย์ และบัณฑิตเภสัชศาสตร์ดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๗ ที่ได้รับการคัดเลือกจากมูลนิธิฯ และพระราชทานเกียรติบัตรบัณฑิตแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชศาสตร์ที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมของแต่ละสถาบัน พร้อมทั้งพระราชทานทุนการศึกษาแก่นิสิตนักศึกษาแพทย์ ทันตแพทย์ และ เภสัชศาสตร์ ในวันศุกร์ที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น ๒ ศูนย์การค้าสยามพารากอน






ผู้สนใจร่วมชมนิทรรศการ และรับบริการตรวจสุขภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่วันที่ ๓ – ๗ กันยายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑๓.๐๐ – ๑๘.๐๐ น. ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น ๒ ศูนย์การค้าสยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร.๐-๒๖๑๐-๘๐๐๐



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
pr.pn.psu.ac.th
thairath.co.th
wikipedia.org














เรื่องเล่าจากโต๊ะทรงงานใน 'ราชินี'


ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นต่อปวงพสกนิกร ด้วยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อพัฒนาประเทศชาติในหลายด้าน หนึ่งในนั้นคืองานด้านการส่งเสริมการศึกษา ทรงเล็งเห็นว่าการศึกษาเป็นแนวทางสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต และส่งเสริมการอนุรักษ์งานศิลปวัฒนธรรมไทยที่ยั่งยืน พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ เพื่อสืบสานพระราชปณิธาน รวมทั้งเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในหัวข้อ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กับการศึกษา” หนึ่งในกิจกรรมคืองานเสวนาเรื่อง “สิ่งที่แม่สอน: เรื่องเล่าจากโต๊ะทรงงาน” ซึ่งจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันก่อน


ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ผู้ถวายงานเรื่องการต่างประเทศ และนั่งประจำโต๊ะทรงงานเวลาตามเสด็จฯ เล่าว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะเสด็จฯ ไปที่ใด เมื่อเสด็จฯ ออกไปพบประชาชนและทรงทราบว่าประชาชนมีปัญหา มีความทุกข์ยาก ก็ทรงลงพื้นที่ทันที และทรงขับรถด้วยพระองค์เอง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ได้เพียงเสด็จฯ ตาม และพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เสด็จฯ นั้นไม่เคยมีปรากฏในแผนที่ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ถึงก็ทรงลงพื้นที่ไปดูปัญหาต่างๆ ของราษฎร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็จะทรงไถ่ถามทุกข์สุขของประชาชน แม่บ้าน แรก ๆ นั้นไม่มีโต๊ะทรงงาน ทรงประทับได้ทุกที ส่วนใหญ่เป็นพื้นหญ้า หรือศาลาวัด แม้กระทั่งมัสยิด






“อีกนานเลยที่จะมีโต๊ะทรงงาน ซึ่งก็เพียงโต๊ะพับเล็ก ๆ ที่กางออกแล้วเอาผ้ามาปู แล้วพื้นที่บนโต๊ะทรงงานก็มีของศิลปาชีพวางเต็มไปหมด เพื่อให้เป็นตัวอย่างให้ราษฎรที่มาเข้าเฝ้าฯ ได้เห็น มีพื้นที่ทรงงานนิดเดียว บางครั้งฝนตกหนักก็ไม่ทรงท้อ ทรงขอถุงพลาสติกใบใหญ่เพื่อใส่กระดาษที่จดข้อมูลของประชาชน แล้วทรงสอดมือเข้าไปในถุงเพื่อทรงจดข้อความต่าง ๆ ที่ทรงได้คุยกับประชาชน ทรงทักทายสวัสดีจ้ากับทุกคน หรือถ้าเป็นคนแก่ก็ทรงทักว่าสวัสดีจ้าแม่ ทรงเป็นกันเองและทรงชักชวนให้แม่บ้านมาร่วมงานศิลปาชีพ ซึ่งก็ไม่ใช่ง่าย ๆ แต่สุดท้ายด้วยพระปรีชาสามารถประชาชนก็มาเรียนรู้งานศิลปาชีพ และทำงานถวายพระองค์ท่านจนเกิดมาเป็นศิลปาชีพถึงทุกวันนี้” ท่านผู้หญิงภรณี เล่า


ในขณะที่ คุณหญิงรัตนาภรณ์ แชจอหอ เจ้าหน้าที่กองงานศิลปาชีพ เล่าว่า ก่อนจะเสด็จฯ ลงในพื้นที่ต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ต้องไปถึงก่อนแล้ว เพื่อพูดคุยกับประชาชนซักถามข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำถวายเมื่อเสด็จฯ มาถึง และจะทรงจดทุกสิ่งที่รับสั่งกับประชาชนไว้ในกระดาษอย่างละเอียด ทรงถามถึงทุกข์สุข กินข้าวกับอะไร มีเงินรายได้เท่าไหร่ เมื่อประชาชนตอบว่ากินข้าวกับปลาในภูเขา จะรับสั่งกับเจ้าหน้าที่กรมประมงหรือกรมชลประทานที่ตามเสด็จฯ ให้นำมาปลาไปปล่อย เพื่อให้เป็นอาหารของราษฎร เพราะอย่างไรเสียถ้ากินกันเป็นประจำก็ต้องหมดไป นั่นคือความห่วงใยที่ทรงมีต่อประชาชนในพระองค์เสมอมา






“ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎร ไม่มีเลยที่จะเสด็จฯ กลับเร็ว บางครั้งเกิดพายุกระหน่ำ ลมแรง ฝนตกแรงมาก จนหลังคาเต็นท์ที่เป็นผ้าจะเปิดปลิวตามลม เจ้าหน้าที่เปียกกันหมด พระองค์ท่านก็ทรงเปียก แต่ก็นั่งทรงงาน ทรงคุยกับประชาชนที่มาเข้าเฝ้าฯ พร้อมรับสั่งด้วยว่าพายุมาเดี๋ยวก็ไป และก็ทรงงานอย่างต่อเนื่องจนดึกดื่น และเมื่อเสด็จฯ กลับแล้วก็ยังมาทรงงานต่อ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เสวย จนเช้าอีกวัน มีบางครั้งทรงประชวรแต่ก็เสด็จฯ ไปเยี่ยมประชาชน รับสั่งว่าประชาชนมารอจะไม่ไปได้อย่างไร ครั้งนั้นทรงงาน อยู่ ๆ ก็พระดำเนินออกไปทางหลังเต็นท์ ทรงอาเจียนอย่างมาก พวกเราน้ำตาไหล ทรงเห็นประชาชนมาก่อนพระองค์เสมอ” คุณหญิงรัตนาภรณ์ เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ


ปิดท้ายที่ พล.อ.ณรงค์ แสงชนะศึก รองสมุหราชองครักษ์ กล่าวว่า แม้พวกเราจะเป็นองครักษ์ในพระองค์ แต่ทรงรับสั่งว่าอย่ามาเพียงดูแลความปลอดภัยเท่านั้น ต้องช่วยกันดูแลประชาชน ดูว่าประชาชนในแต่ละพื้นที่มีความเดือดร้อนอะไร เมื่อมีโอกาสไปประจำในพื้นที่เหล่านั้นจะได้รู้แนวทางและแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างถูกต้อง



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














เปิดบ้านคีตกวีลูกทุ่งไทย ครูไพบูลย์ บุตรขัน


เปิดบ้านคีตกวีลูกทุ่งไทย ครูไพบูลย์ บุตรขัน อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัวหุ่นเหมือนในงานทำบุญครบรอบ ๔๒ ปี ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ถัดจากวัดสำแล ปทุมธานี บริษัท เมโทรแผ่นเสียง-เทป (๑๙๘๑) จำกัด โดย วรชัย ธรรมสังคีติ ร่วมกับ สุริยะ บุตรขัน ทายาทครูไพบูลย์ นำสื่อมวลชนศิลปินนักร้อง จัดงานเปิดบ้านทำบุญตั้งหุ่นเหมือน ในงานครบรอบ ๔๒ ปี วันเสียชีวิตของครูไพบูลย์ บุตรขัน ราชานักแต่งเพลงลูกทุ่ง ณ วัดสำแล บ้านบางกระแชง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ในวันศุกร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ที่ผ่านมา






งานเริ่มประมาณ ๑o.oo น. ที่วัดสำแล มีพิธีสงฆ์ ซึ่งมีศิลปินแห่งชาติ ชัยชนะ บุญนะโชติ กับ ชินกร ไกรลาศ พร้อมด้วยนักร้องครูเพลงและบุคคลในวงการเพลง อาทิ รุ่งเพชร แหลมสิงห์, ชัยณรงค์ บุญนะโชติ, โฆษิต นพคุณ, เพชร พนมรุ้ง, วิไล พนม, สดใส รุ่งโพธิ์ทอง, จอมขวัญ กัลยา, สุรินทร์ ภาคสิริ, ภูพาน เพชรปฐมพร, สุริยา ฟ้าปทุม, สมบัติ บุญศิริ, ภาวนา ชบาไพร, แดน บุรีรัมย์, เจนภพ จบกระบวนวรรณ, ใหญ่ อยุธยา, จิตรกร บัวเนียม, น้ำผึ้ง พรพะเยา, กานต์ การันต์, ทีเด็ด เพชรบ้านนา, บุญเลิศ ช้างใหญ่, แดง เจดีย์, คิงส์ โพธิ์ดำ และญาติมิตรเพื่อนฝูง แฟนเพลงมาร่วมงานกันหนาตา






หลังจากเสร็จพิธีสงฆ์และรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว ได้พร้อมใจกันล่องเรือเพื่อเข้าเยี่ยมชม “บ้านครูไพบูลย์ บุตรขัน” ซึ่งอยู่ถัดจากวัดสำแล ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อไปถึงบ้านครูไพบูลย์ สุริยา ฟ้าปทุม หรือ ไตรเทพ ณ เมืองปทุม ศิษย์รุ่นสุดท้ายของครูไพบูลย์ ได้ขับร้องเพลง “รังรักในจินตนาการ” หน้าบ้านของครู ก่อนที่วรชัย ธรรมสังคีต กับสุริยะ บุตรขัน จะทำพิธีเปิดผ้าแพรคลุมป้ายบ้านคีตกวีลูกทุ่งไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งใต้ถุนบ้านครู ได้มีการบรรเลงขับร้องเพลงของครูและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความผูกพันกับครูจากศิลปินต่างๆ อย่างน่าประทับใจแฟนเพลง โดยเฉพาะเพลง “ร้องไห้หาครู” ที่ รุ่งเพชร ร้องสด ๆ ให้ฟัง ซึ่งเป็นเพลงที่ศิลปินแห่งชาติ ครูพยงค์ มุกดา แต่งให้ขับร้องหลังจากครูไพบูลย์เสียชีวิต






บ้านแห่งนี้ เป็นสถานที่รวบรวมประวัติผลงานเพลงของครูไพบูลย์ บุตรขัน โดยมีหุ่นเหมือนครูไพบูลย์ บุตรขัน ในท่านั่ง กำลังเขียนเพลงอยู่ในบ้าน โดยมีรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ข้าวของเครื่องใช้ แผ่นเสียง สมุดลายมือครู ฯลฯ ตั้งแสดงไว้อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งหวังว่า ในอนาคตสถานที่แห่งนี้จะเป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับคนรุ่นหลังต่อไป











ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














'เมืองไทยไปทางไหน' แก่น 'หัวหกก้นขวิด' ๘o ปี ทวี รัชนีกร ศิลปินแห่งชาติ


ผลงานสีน้ำมันและสีน้ำมัน ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ รวมทั้งสิ้น ๓๕o ผลงาน โดย ทวี รัชนีกร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) วัย ๘o ปี ที่จัดแสดงในนิทรรศการครบรอบ ๘o ปี บนเส้นทางศิลปะของตัวเอง และนิทรรศการพิเศษเพื่อเชิดชูเกียรติศิลปินอาวุโส ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ภายใต้ชื่อ "วิถีไทยแบบ หัวหกก้นขวิด" จัดโดยกองกองทุนส่งเสริมวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป กรมศิลปากร ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพมหานคร ตลอดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ดึงดูดให้ผู้ชมเข้าไปสัมผัสผลงานจิตรกรรมที่สะท้อนสังคมไทย






สำนวนไทยคำว่า "หัวหกก้นขวิด" ที่อาจารย์ทวี รัชนีกร ใช้เป็นชื่อนิทรรศการ และชื่อภาพเทคนิคสีน้ำขนาดใหญ่ เขียนภาพผู้หญิงและผู้ชายหน้าตาพิลึก รูปร่างอ้วน แสดงท่าทางเอาหัวชี้ไปด้านบนบ้าง ด้านล่างบ้าง หัวเดินต่างเท้าบ้าง โดยวางผลงานบนพื้นต่อกันเป็นแนวยาว ปิดท้ายด้วยภาพผู้คนเบียดอัดกันแน่นยัดทะนาน






ศิลปินแห่งชาติเผยถึงที่มาของชื่อ "หัวหกก้นขวิด" ว่า มีความหมายเหมือนภาษาอีสานแปลว่า "ไปไม่ถูก" เมืองไทยของเรายังย่ำอยู่กับที่ ไม่ก้าวหน้า ทั้งการศึกษา ศาสนา การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ศิลปะจะไปยังไง ของเก่าก็ทำลาย ของใหม่ก็ไม่สนใจ พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ไม่มี บ้านเรายังไม่เข้าใจ ถึงสู้ประเทศอื่นไม่ได้ ส่วนการเขียนภาพเราไม่จำเป็นต้องเหมือนจริง รูปฟอร์มที่แปลกใหม่ทำให้คนดูตั้งคำถาม






และในห้องจัดแสดงถัดมามีผลงานสื่อผสมชุดใหม่ปี ๒๕๕๗ "ป่าตาย คนตาย" ที่ศิลปินสร้างสรรค์ขึ้นจากความสะเทือนใจที่ป่าไม้ของชาติถูกทำลาย อาจารย์ทวีพูดในฐานะคนรักป่าว่า ต่อต้านการทำลายป่า ไทยเคยมีพื้นที่ป่า ๘o% วันนี้เหลือไม่ถึง ๒o% ป่าตาย คนก็ตาย เพราะไม่มีป่า ไม่มีน้ำ วิถีชีวิตของชุมชนสูญหายไปด้วย ไม่ได้มีแต่ภาพเขียนเพราะจะดูแบน ๆ ยังมีงานไม้และงานเครื่องปั้นดินเผารูปทรงหัวคน คล้ายการตัดหัวเสียบประจาน ก็ประจานทั้งคนตัดป่าและไทยเฉยไม่อนุรักษ์ธรรมชาติ เห็นความไม่ถูกต้องอย่างการสร้างเขื่อนปากมูล วิถีชีวิตชุมชนล่มสลาย ก็ทำงานศิลปะค้านชื่อ "เทวดาบ้าเขื่อน" ตนคบพวกอนุรักษ์ป่าและศรัทธาสืบ นาคะเสถียร มีผลงานหลายชิ้นเกี่ยวกับสืบ แต่ไม่ได้เอามาแสดง






ในเรื่องพิธีกรรมไสยศาสตร์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในสังคมไทย ศิลปินวัย ๘o ปี ก็สะท้อนผ่านงานสื่อผสม อาจารย์ทวีบอกว่า คนไทยชอบเรื่องพิธีกรรม ติดรูปแบบ แต่ไม่ติดในเนื้อหาของธรรมะ เราไม่เอาแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ถึงถูกหลอกกันง่ายๆ อย่างเณรคำหรือเณรแอร์ จอมขมังเวทย์ สังคมเราต้องเป็นวิทยาศาสตร์ มีความเข้าใจชีวิตด้วยหลักพุทธศาสนา


กว่า ๓๕o ผลงาน ยังมีภาพลายเส้นของทวี รัชนีกร เป็นเรื่องของเส้นระหว่างการเดินทางสัญจรไปสร้างสรรค์งานศิลปะตามประเทศต่าง ๆ ทั้งยุโรปและเอเชีย ในฐานะศิลปินแห่งชาติของไทย เช่น ผลงานชื่อ "ถนนในฝรั่งเศส" "หอศิลป์ Picasso" "อินสนที่สวิตเซอร์แลนด์" "ปราสาทอองแดร์" "ลอนดอน" โชว์เทคนิคลายเส้นให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เรียนรู้






การทำงานศิลปะผ่านงานจิตรกรรมสื่อปัญหาสังคม ผู้คนไร้คุณธรรม แม้เรื่องราวหนัก แต่ศิลปินชั้นครูนำเสนองานเขียนด้วยองค์ประกอบและสีสันชวนมอง "ปัญหาสังคมในบ้านเรามีเยอะ ทำไมเราปล่อยเพศแม่มาหาเงินข้างถนน มันน่าเจ็บปวด แต่ก็ใช้สีสันชวนดู นี่คือเสน่ห์ของศิลปะ ก็เหมือนวรรณกรรมเขียนเรื่องตาย แต่น่าอ่าน มันเป็นวิธีการสื่อความหมายให้คนเข้าใจ" ศิลปินกล่าวด้วยรอยยิ้มพริ้มบนใบหน้า






ครบรอบ ๘o ปี บนถนนศิลปะ ถามว่าจุดยืนอยู่ที่ใด อาจารย์ทวีเน้นย้ำการทำงานศิลปะเหมือนเป็นการเดินทาง หรือที่ภาษาธรรมะเรียกว่า มรรค นั่นคือไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นเส้นทางที่เราเดินไป ระหว่างเส้นทางเจออะไรมากระทบก็สะท้อนออกมา บางช่วงเวลามีเรื่องของธรรมะมากระทบก็ทำออกมา เหมือนปิกัสโซที่ทำงานศิลปะจนตาย ตนก็เช่นกัน ตอนนี้อายุ ๘o ปีแล้ว แต่ยังอยากทำอะไรอีกเยอะ เพียงแต่จะตายเสียก่อน ไมเคิล แองเจโล บอกว่า ศิลปะมีแต่หัวไม่มีหาง เช่นกันจนเดี๋ยวนี้ตนก็ยังไม่จบ ถ้าตายไปงานที่ทำก็ยังค้างอยู่ ถ้าใครเห็นว่ามันมีค่าก็ต้องสืบต่อไป






ฉะนั้นต้องมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะเพื่อเก็บรักษาผลงานศิลปินรุ่นเก่าให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ภูมิปัญญา นำไปพัฒนาต่อยอด ไม่ใช่หัวหกก้นขวิดอย่างทุกวันนี้ หอศิลป์ ทวี รัชนีกร ที่ตัวเองสร้าง คนเยี่ยมชมมาก เพราะโหยหาศิลปะ


"ครบ ๘o ปี ผมเอาพลังชีวิตและสุนทรียภาพมาให้คนดู เราจะเป็นมนุษย์ได้ ไม่ใช่แค่การดำรงชีวิต แต่ต้องมีความดี ความงาม ความจริง นี่คือแก่นแท้ ต้องแสวงหาสัจธรรม แสวงหาคุณธรรม แสวงหาสุนทรียภาพ คุณค่าความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เพียงกิน นอน สืบพันธุ์ แสวงหาทรัพย์ ละโมบโลภมาก ผมมีหน้าที่อุทิศชีวิตให้ศิลปะ ศิลปะเหมือนศาสนาของผม ศิลปินรุ่นใหม่หากรักศิลปะให้ทุ่มเท ถึงลำบากบ้างก็ต้องยอม ศิลปินไม่จนก็พอแล้ว" ทวี รัชนีกร ฝากทิ้งท้ายเรื่องเส้นทางชีวิต นับเป็นแบบอย่างของศิลปินที่อุทิศชีวิตให้กับวงการศิลปะอย่างแท้จริง.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
เฟซบุคอ.ทวี รัชนีกร
เฟซบุคศิษย์เก่าศิลปกรรม เทคโนโคราช














'ตามไก่' (อีกครั้ง) กับพิเชษฐ กลั่นขื่น.
โดย นันทพร ไวศยะสุวรรณ์


กลับมาแสดงให้คนไทยได้ดูกันอีกครั้ง สำหรับการแสดงชุด "ตามไก่" ของศิลปินศิลปาธร "พิเชษฐ์ กลั่นชื่น"...

แต่ก่อนอื่นของพูดถึงเจ้าของผลงานสักนิด

นักออกแบบเต้นร่วมสมัย อย่างคุณพิเชษฐ์ ที่ทำงานต่อเนื่องมากว่า ๒o ปี ผู้ที่ได้รับฉายาว่า จอม "แหวกขนบ" และร้ายแรงไปถึงข้อหา "นักทำลาย" วัฒนธรรมไทยตัวฉกาจ

แต่ถึงวันนี้ เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การนำเสนอการแสดงในแบบรูปใหม่ เป็นการทำงานที่ตรงข้ามกับที่ถูกกล่าวร้าย แถมยังจะเป็นการอนุรักษ์มากกว่าด้วยซ้ำ !

คนที่เรียนจบ "โขน" โดยตรงอย่างพิเชษฐ์ มองลึกถึง "การเคลื่อนไหว" และนำมาปรับใช้ในการแสดงอย่างแปลกหูแปลกตา ทว่าลงตัว และเป็นภาษาสากลที่ทำให้คนทั่วโลกทึ่งมาแล้ว

นั่นน่าจะหมายถึงการเลือกนำเสนอ "แก่น" มากกว่า "เปลือก" ที่เขาพูดถึงทุกครั้งที่มีคนถาม!

ความมุ่งมั่นและอดทนเพื่อเดินหน้าในสิ่งที่เขาเชื่อ ในขณะที่ปราศจากความช่วยเหลือจากภาครัฐและเอกชนอย่างจริงจัง น่าจะเป็นการทำงานที่หนักหนาเอาการ






พิเชษฐ์เคยบอกไว้ว่า เขาไม่ใช่นักธุรกิจ และไม่เน้นปริมาณ(ผู้เสพ) แต่เขาคิดถึงเรื่อง "ศิลปะ" มากกว่า ซึ่งหากว่าสิ่งที่เขาทำสามารถสร้างความสำเร็จให้ประเทศชาติได้ มันจะมีค่ามากกว่าคำว่าธุรกิจเป็นไหน ๆ

นั่นเองที่เราได้ยินข่าวครั้งที่เขาได้รับเงินรางวัลจากสภาวัฒนธรรมแห่งเอเชีย พิเชษฐ์ก็เอาเงินส่วนนั้นมาทำโรงละครที่กรุงเทพฯ เพื่อรองรับการแสดงขึ้นอีกแห่งหนึ่ง

ถ้าอยากเห็นในสิ่งที่เขาทำ ก่อนที่จะเชื่อตามคำพิพากษา ลองมาชมการแสดงชุด "ตามไก่" ที่เขาเคยนำไปแสดงมาแล้วหลายประเทศ รวมทั้งเคยมาโชว์ที่บ้านเรากันอีกครั้งค่ะ

การเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างลื่นไหล ไร้กรอบ เพื่อโต้ตอบไปกับเพลงเดี่ยวระนาดอันทรงพลัง "กราวในทางเทวดา" ถือเป็นการปลดปล่อยตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจของนักเต้นทั้ง ๘ คน ดิฉันคิดว่าคงไม่ใช่แค่เป็นการ "ตามไก่" อย่างชื่อการแสดง

เพราะนั่นอาจเป็นการตั้งคำถามของเขา...






ศิลปินกำลังจะชวนพวกเราปลดปล่อยกระบวนการทางความคิดว่า "ความงามไม่ได้มีเพียงสิ่งเดียว" ก็เป็นได้

เอาเป็นว่า ของบางอย่างได้ถูกเก็บไว้บนหิ้งให้เราแค่รับรู้และภูมิใจ แต่ไม่สามารถอยู่ได้จริงในวิถีปัจจุบัน กับของบางสิ่งที่เราสัมผัสได้ และเข้าใจ คุณว่าอย่างไหนจะจีรังมากกว่ากัน

นี่คือโลกความเป็นจริง!!

การแสดงชุด "ตามไก่" จะมีวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น. ณ โรงละครช้าง ซอยประชาอุทิศ ๕๙ ชมฟรี โทรสอบถามที่ o๘-o๙๒๔-ooo๒ หรือติดตามได้ที่ เฟซบุค Pichet Klunchun Dance Company

ไปชมกันก่อนที่ "พิเชษฐ กลั่นชื่น แดนซ์ คอมพานี" จะเดินทางไปแสดงที่ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับ บรูซ แกสตัน ในเดือนตุลาคมนี้

หรือติดตามชมช่วง "Open Eye by Madame nan" ในรายการเนชั่นมิตรไนท์ช่องเนชั่น ทีวี ก็ได้ค่ะ

ทั้งหมดนี้แค่อยากฝากให้ไป "ตามไก่" ด้วยกันค่ะ!







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net
artbangkok.com
เฟซบุค Pichet Klunchun Dance Company














"พิมพ์โลหะ ของ วีระ" อ.วีระ โยธาประเสิรฐ


นิทรรศการ: พิมพ์โลหะ ของ วีระ (1971s-1977s)
จัดแสดงวันที่ ๑๕ สิงหาคม – ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗


หาดูยาก จาก พ.ศ. ๒๕๑๔-๒๕๒o ของ ศิลปินโมเดิร์นอาร์ตแนวหน้า ของไทยที่เคยได้รับรางวัลเหรียญเงินจากการแข่งขันศิลปะนาๆชาติ ณ. กรุงโรม ประเทศอิตาลี


อ.วีระ โยธาประเสริฐ เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ และ สิ้นชีวิตเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๕. ท่านจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรคณะ จิตรกรรมและประติมากรรม. และเมื่อปี พ.ศ. ๒๕o๕ ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลประเทศอิตาลี ไปศึกษาต่อ ณ.สถาบันศิลปศึกษา กรุงโรม (Dipploma Della Decorzione Di Belle Arti De Roma, Italia)


อ.วีระ เป็นศิลปินที่มีความเชี่ยวชาญ และ ได้พัฒนาผลงานศิลปะ ทางด้านสีน้ำ และ ภาพพิมพ์โลหะเป็นเวลานาน. ท่าน ถ่ายทอดผล งานจากความประทับใจในความสวยงามของธรรมชาติ, คน, สัตว์ และ แมลง โดยใช้ลักษณะการวาดแบบตัดทอนจากความเหมือนจริงให้ เหลือเฉพาะแขนขา และ โครงร่าง โดยเสนอ เป็นภาพ ๒ มิติ แบบ จิตรกรรมไทยโบราณ กล่าวได้ว่า อ.วีระ ได้นำเทคนิค ตะวันตก มาผสมผสานกับจิตวิญญาณความเป็นไทย ได้อย่างนุ่มนวล


ในขณะมีชีวิตอยู่ อ.วีระ โยธาประเสริฐ ได้ดำรงตำแหน่ง เป็น อาจารย์ประจำภาควิชาประยุกต์ศิลป์ศึกษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. ผลงานของอ.วีระได้อยู่ในนิทรรศการศิลปะการพิมพ์ในประเทศเยอรมัน, ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และ อเมริกาผลงานของท่านได้รวมอยู่ในคอลเลคชั่นของพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติกรุงบัวโนสไอเรสประเทศอาเจนติน่า



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
sombatpermpoongallery.com














I Didn't Launch A Thousand Ships : งามหน้า


I DIDN’T LAUNCH A THOUSAND SHIPS: ‘งามหน้า’ งานแสดงเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งแรกของ ปูเป้-ศศพินทุ์ ศิริวาณิชย์ นักแสดงหญิงตัวเล็กแต่มากความสามารถ จากสังกัด B-Floor Theatre กลุ่มละครแถวหน้าที่มีผลงานต่อเนื่องยาวนานในแวดวงละครของประเทศไทย ภายใต้คอนเซปท์ ไม่ได้สวย – ไม่ได้เลือก โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวรรคทองของวรรณกรรมที่เล่าถึงสงครามกรุงทรอยเรื่องด็อกเตอร์เฟาสตัส เมื่อยามแรกเห็นเฮเลน หญิงงามผู้เป็นชนวนศึกในสงครามเมืองทรอย ที่ว่า “Was this the face that launched a thousand ships?” นี่หรือคือโฉมหน้าที่นำพาเอาเรือรบนับพันมาถึงนี่ได้


ในสังคมปัจจุบันที่ความสวยงามและรูปลักษณ์ภายนอกมีบทบาทสำคัญ ผู้คนให้ความสนใจกับความสวยงามของตัวเองมากขึ้น I DIDN’T LAUNCH A THOUSAND SHIPS: ‘งามหน้า’ จึงเกิดขึ้นจากคนหนึ่งคนที่ไม่ได้สวยที่สุดในสามโลกอย่างเฮเลน ผู้ไม่ได้มีใบหน้างดงามพอที่จะเป็นชนวนศึกในสงครามใด ผู้ที่ถูกสังคมกดให้ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้เส้นความสวย โดยสะท้อนให้เห็นถึงปฏิกิริยาที่คนธรรมดาที่


ไม่ได้เกิดมาสวยต้องประสบพบเจอในแต่ละวัน รวมถึงคอนเซปท์ ไม่ได้สวย – ไม่ได้เลือก ที่ตกตะกอนมาจากวลีดัง สวย – เลือกได้ ก็มีคำถามมากมายรอคอยให้คิดและค้นหา ไม่สวยแล้วได้อะไร ไม่สวยแล้วผิดหรือไม่ อะไรคือความไม่สวย ความสวยต้องเป็นอย่างไร และความไม่สวยคือสิ่งที่ไม่ควรปล่อยไว้ให้งามหน้าจริงหรือเปล่า


จากความรู้สึกของความไม่สวยที่เกิดโดยไม่ได้เลือกและไม่เคยถูกปล่อยให้งามหน้าในสังคม มาสู่การแสดงเดี่ยวที่เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์ที่ถูกแสดงออกผ่านการเคลื่อนไหวของร่างกายและการแสดงออกทางใบหน้า ปูเป้-ศศพินทุ์ ศิริวาณิชย์ ตั้งใจให้ผลงานชิ้นนี้เป็นหนึ่งในช่องทางการสะท้อนถึงความเป็นผู้หญิง ความโรยรา ความไม่เท่าเทียม รวมถึงประเด็นทางสังคมและการเมืองในปัจจุบัน


มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความไม่สวยกับ I DIDN’T LAUNCH A THOUSAND SHIPS: ‘งามหน้า’ ในวันที่ ๕-๒๓ กันยายน ๒๕๕๗ (ยกเว้นวันพุธ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ที่ ๖) เวลา ๒o.oo น. ณ ห้อง B-Floor สถาบันปรีดีพนมยงค์ (ระหว่างทองหล่อซอย ๑ และซอย ๓) ราคาบัตร ๕oo บาท พิเศษ สำหรับผู้ที่จองและโอนล่วงหน้าภายในวันที่ ๒o สิงหาคมนี้ ๔oo บาท ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ทาง ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี ศุรันยา ปุญญพิทักษ์ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ o๔๕-๔-๒๘๕๗๔-๙ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/events/913842448644958/?ref=4 หรือ bfloortheatre@gmail.com เบอร์โทรศัพท์ 089-167-4039



ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














เปิดอาณาจักรศิลปะ W District จุดนัดพบของคนหัวใจศิลป์.


อาณาจักรศิลปะบนพื้นที่ ๑๒ ไร่ ใน โครงการไลฟ์สไตล์ที่ประกอบไปด้วย ชอปปิงมอลล์ ตลาดนัด แกลลอรี โรงแรมศิลปะ หลังจากสร้างสถิติในการโรงภาพยนตร์แบรนด์ EGV 65 โรงในเวลา ๑๘ เดือน ในปี ๒๕๓๖ จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนของวงการโรงภาพยนตร์ที่นำเอาธุรกิจภาพยนตร์ บันเทิงและรีเทลมาอยู่ด้วยกัน


วันนี้ วิชัย พูลวรลักษณ์ กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการสร้างอาณาจักรศิลปะบนพื้นที่ ๑๒ ไร่ ใน W District โครงการไลฟ์สไตล์ที่ประกอบไปด้วย ชอปปิงมอลล์ ตลาดนัด แกลลอรี โรงแรม และ พื้นที่จัดแสดงศิลปะขนาดใหญ่ โดยความร่วมมือกับ ฮอฟ อาร์ต โดยมุ่งหวังว่า ดับเบิลยู ดิสทริค จะเป็นศูนย์กลางงานศิลปะระดับนานาชาติในอนาคตอันใกล้


" เพราะศิลปะ คือ ท่วงทำนองที่บรรเลงอยู่ในพื้นที่แห่งนี้"










เชื่อมทุกสิ่งด้วยศิลปะ



หุ่นรูปมนุษย์ต่างดาวขนาดยักษ์ยืนตระหง่านอยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้คนที่พบเห็นไม่น้อย แม้อาคารชอปปิงมอลล์ที่อยู่ริมถนนยังไม่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ หากประติมากรรม จิตรกรรมสีสันฉูดฉาดที่ประสานสีกันอยู่ทั่วบริเวณก็เรียกความสนใจให้ไม่น้อยเลยทีเดียว


เมื่อเดินลึกเข้ามาเราจะพบกับ ฮอฟ อาร์ต สเปซ พื้นที่แสดงศิลปะบนอาคาร ๒ ชั้น ถัดมาเป็น ฮอฟ อาร์ต เรสซิเดนซี่ กรุงเทพฯ อาคาร ๔ ชั้นครึ่ง ๔ คูหาที่เปิดเป็นที่พักและสถานที่ทำงานสำหรับศิลปิน โดยลานหน้าอาคารเป็นที่ตั้งของ ดับเบิลยูมาร์เก็ต ตลาดที่มีทั้งสินค้าและอาหารจำหน่ายในราคาจับต้องได้










ในขณะที่ไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่ บีท โฮเต็ล โรงแรมในคอนเซปต์ของศิลปะ ขนาด ๕๔ ห้องพัก ที่เชื้อเชิญให้ศิลปินและดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ๖ คน มาฝากผลงานไว้ ได้แก่ โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี โอ๋ ฟูตอง - หทัยรัตน์ เจริญชัยชนะ MAMAFAKA - พฤษ์พล มุกดาสนิท ซันเต๋อ - ยศนันทน์ วุฒิกรสมบัติ และ จี๊ป - ภาสินี คงเดชะกุล


วิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการนำ ศิลปะ มาเป็นเดินไปพร้อมกับการพัฒนาธุรกิจว่า


"เราทำธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์มีเรื่องของศิลปะเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตลอด พอมาทำคอนโดมิเนียม โรงแรม กลุ่มลูกค้าเป็นคนที่มีรสนิยม เราจึงมีคอนเซปต์เรื่อง มิกซ์ ยูส (mixed use) นำโรงแรม คอนโดฯ ศูนย์การค้า ตลาดมาอยู่ด้วยกัน จุดเชื่อมที่เคยคิดมาตลอดนอกจากเงินนะครับ ..อะไรคือจุดเชื่อมสำหรับทุกอย่าง คำตอบที่ได้คือ งานศิลปะ


ผมจึงคิดว่าศิลปะเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวเราทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง ศิลปะมีอยู่รอบตัวเราโดยที่หลายคนอาจไม่เคยสังเกตเลยด้วยซ้ำ"










คุณวิชัยเล่าถึงแนวคิดของ บีท โฮเต็ลว่า "เดิมทีไม่ได้ตั้งใจเป็นอาร์ตโฮเต็ล จะเป็นบิสซิเนสโฮเต็ล ออกแบบเสร็จแล้วด้วย ทางคุณโอ๋ ฟูตอง บอกว่าขอสักห้องหนึ่งมาแต่งในแบบที่ตัวเองอยากทำจะอนุญาตมั้ย ผมบอกว่าทำห้องเดียวคงจะน้อยไปทำสักสองสามห้องได้มั้ย เขาบอกว่างั้นชวนเพื่อนมาด้วยละกัน รวมมา ๖ คน


พอเขาออกแบบมาให้ดู พอดูแล้วชอบ แต่มันแรงนะครับ คุณโอ๋มีไอเดียหลายอย่างมานำเสนอ ผมเริ่มคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีอนุมัติไปเยอะแล้ว ทำให้ต้องรื้อแบบห้องใหม่ไปจนถึงลอบบี้ สุดท้ายอาคารภายนอกด้วย กลายเป็นว่างานนี้จ่ายค่าแบบสองเท่า เพราะว่าแบบเก่าเขียนเสร็จแล้วไม่ได้ใช้"










(หัวเรื่อง) งานศิลปะ คือ บันทึกประวัติศาสตร์



ด้วยความชื่นชอบศิลปะเป็นพื้นฐาน ประกอบกับ บีท โฮเต็ล เผยโฉมอย่างมีบุคลิกที่โดดเด่น แตกต่าง คุณวิชัยจึงเดินทางบนศิลปะต่อไปโดยมี จารุต วงศ์คำจันทรา ผู้อำนวยการฮอฟอาร์ต และทีมงานเป็นที่ปรึกษา ดับเบิล ยู ดิสทริค จึงมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะได้ตลอดโครงการ

"ตัวคอนโดมิเนียมในโครงการเราขายแล้วก็จริง แต่รอยต่อระหว่างอาคารเป็นที่ดินส่วนบุคคลของผมจึงจัดวางได้เต็มที่ คุยกับคุณจารุตว่าเราสามารถจัดแสดงงานประติมากรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่ ๆ ได้ ส่วนชอปปิงมอลล์เราคิดว่าควรสร้างคาแรกเตอร์ให้จดจำ เราจึงใส่งานศิลปะเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวผลงานของ โลเล กราฟฟิตี้ งานประติมากรรมวางรอบอาคาร แต่งให้มันไปเลย งานนี้มีหลายแกลลอรีสนับสนุนด้วยเพื่อให้เป็นศูนย์รวมของศิลปะจริง ๆ


เมืองไทยวันนี้งานศิลปะเป็นสิ่งน่าจดจำที่สุดเพราะบันทึกประวัติศาสตร์ประเทศไทยได้ทุกหน้า ผมหวังให้ที่นี่เป็นอาณาจักรของงานศิลปะ อยากให้เป็นฮับ ที่รองรับคนรักศิลปะและศิลปินได้ทั่วภาคพื้นเอเชีย










พื้นที่ศิลปะครบวงจร



ประสบการณ์งานบริหาร ฮอฟอาร์ตมา ๙ ปี จารุต วงศ์คำจันทรา บอกกับเราว่า พื้นที่ทางศิลปะทั้งในอาคารและกลางแจ้งกว่า ๒,ooo ตารางเมตร ถือได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดการมา


"ตอนแรกจะเข้ามาดูแลการตกแต่งสถานที่ด้วยงานศิลปะ คุยไปคุยมาทำเลยคุยกันว่าทำแกลลอรี และ สถานที่พำนักของศิลปินจากต่างประเทศเวลามาทำงานในเมืองไทย เรารู้ปัญหาว่าเขาต้องการที่พักและสตูดิโอในการทำงาน อยู่กันเป็นเดือน เราจึงเสนอโครงการนี้ขึ้น ตอนนี้เริ่มเปิดพื้นที่ใช้กันแล้ว ส่งข่าวกันแบบบอกต่อระหว่างเพื่อนศิลปินด้วยกัน คิวเริ่มยาวแล้วครับมีทั้งศิลปินเกาหลี ญี่ปุ่นที่จองเข้ามาแล้ว"


ในส่วนของแกลลอรี ฮอฟอาร์ต จัดแสดงงานในอาคาร ๒ ชั้น ชั้นแรก เป็นพื้นที่จัดแสดงและจำหน่ายผลงานศิลปะของศิลปินรุ่นใหม่ และผลงานออกแบบทั้งของเล่น ของใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ในขณะที่ชั้น ๒ จัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย

"เราวางไว้ว่าจะเป็นศูนย์กลางของศิลปะ ต้องระดมผู้ประกอบการศิลปะให้เข้ามามากกว่านี้ ส่วนตัวแล้วอยากจัดตลาดนัดศิลปะ มีอีเว้นท์ทางศิลปะให้มากขึ้น เราอยากให้ที่นี่เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของเมืองไทย เป็นอาร์ตเซ็นเตอร์ของกรุงเทพฯ ที่มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง"










แม้ ดับเบิลยู ดิสทริค จะยังเปิดพื้นที่ไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ หากโรงแรมบีทโฮเต็ลเปิดให้บริการแล้วในราคาระหว่าง ๒,ooo - ๓,ooo บาท เช่นเดียวกับแกลลอรีของฮอฟ อาร์ต ที่นำผลงานของศิลปินรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ให้ชมกันอย่างจุใจ ในขณะที่อาคารที่พักของศิลปิน ยังเปิดเป็นสถานที่สอนศิลปะเด็ก แกลเลอรี่แสดงผลงานของศิลปะรุ่นเยาว์


ชมกันเหนื่อยแล้ว มีอาหารเครื่องดื่มให้พักรับประทานในบริเวณตลาด ที่โอบล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ที่ศิลปินกราฟฟิตี้ฝากฝีมือไว้แทบจะทุกพื้นผิวของผนัง ยามเย็นได้มานั่งจิบเครื่องดื่มรับลมธรรมชาติเย็น ๆ เป็นการเติมเต็มความสุขแบบง่าย ๆ ที่เต็มไปด้วยสุนทรียะโดยแท้



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
bangkokbiznews.com
เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์








บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 03 กันยายน 2557
Last Update : 3 กันยายน 2557 22:23:01 น. 0 comments
Counter : 2450 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.