happy memories
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๓o




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto

>









ใบหน้าแห่ง “ความหวัง” ของ เฮนรี่ ลามี่


หลังจากเลื่อนวันเปิดนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะครั้งแรกในเมืองไทยมาระยะหนึ่ง เวลานี้ผลงานศิลปะของ เฮนรี่ ลามี่ ศิลปินชาวฝรั่งเศสวัย ๒๘ ปี พร้อมแล้วที่จะเปิดแสดงให้ผู้สนใจได้ชม ณ สองสถานที่ในกรุงเทพฯ คือ โรมแรม Sofitel So Bangkok และ Modern Gallery






ความน่าสนใจในผลงานของเฮนรี่ คือการเป็นศิลปินที่รักจะถ่ายทอดภาพใบหน้าบุคคล (Portrait) ผ่านผลงาน โดยใช้เกรียงเป็นอุปกรณ์หลักในการสร้างสรรค์ผลงานส่วนใหญ่ เริ่มจากการฝึกฝนฝีมือวาดภาพการ์ตูนเมื่ออายุ ๓ ขวบ โดยได้รับการสนับสนุนจากพ่อซึ่งเป็นศิลปิน ขยับมาสู่การวาดภาพใบหน้าบุคคลต่าง ๆ






มาจนถึงปัจจุบันนี้ เฮนรี่ได้มีโอกาสวาดภาพใบหน้าบุคคลดังมาแล้วมากมาย รวมไปถึง นักร้องชื่อดังระดับโลก Joss Stone และ Jimmy Cliff และล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เฮนรี่ได้รับเชิญให้ไปวาดภาพนักร้องและศิลปินทั้งหมดในเทศกาลดนตรีและศิลปะ Malasimbo ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาชอบวาดภาพใบหน้าบุคคลก็เพราะว่าใบหน้าคือส่วนที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของคนแต่ละคนออกมาได้อย่างแจ่มชัด สำหรับเฮนรี่แล้วความรู้สึกในเวลาที่วาดภาพใบหน้าบุคคลที่คุ้นเคยหรือที่เพิ่งรู้จัก แทบไม่แตกต่างกัน






“เพราะเราทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน มีทั้งความกลัว มีทั้งความหวัง หรือในขณะที่มีเรื่องราวอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิต ก็ยังมีส่วนที่มองโลกในแง่บวก พวกเรามีสิ่งเหล่านี้เหมือน ๆ กัน”


Lamy (L'amie) = เพื่อน

แต่หากถามว่าเขามีความประทับใจมากเป็นพิเศษ กับใบหน้าของบุคคลใดที่เขาได้มีโอกาสวาด ถ้าไม่นับรวมใบหน้าของคนรัก เฮนรี่ตอบว่ามีอยู่ ๒ คน คนแรกคือ Jimmy Cliff เพราะตอนที่วาดได้มีโอกาสได้เจอแบบ ได้คุยกัน แบบตัวต่อตัว และเหมือนมีออร่า หรือพลังงานบางอย่างที่ส่งออกมาจากตัวของนักร้องดังระดับโลกคนนี้ ที่ทำให้เฮนรี่สัมผัสและรับรู้ได้ว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา






และคนที่สองคือ เป้ - อารักษ์ อมรศุภศิริ นักแสดง นายแบบ และนักดนตรีชาวไทย ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกรับเชิญให้มาเป็นแบบให้เฮนรี่วาดภาพสด เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการแสดงผลงานครั้งแรกในเมืองไทยครั้งนี้ของเฮนรี่ แม้ว่าทั้งเฮนรี่และเป้จะมีโอกาสที่จะได้เจอกัน ที่ร้านกาแฟ แค่ ๑o นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะวาดภาพ แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกคลิกกันได้รวดเร็วมาก และเมื่อได้ทำความรู้จักกันแล้ว เฮนรี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเป้เป็นคนน่ารักและติดดินมาก สำหรับเขา


จนถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่ และเป้ได้พาเฮนรี่ไปเที่ยว พร้อมทั้งแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนใหม่ในเมืองไทย ซึ่งตัวเฮนรี่เองนั้นยินดีที่จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่และได้มีเพื่อนอยู่ในทุกประเทศที่เขาเดินทางไปอยู่แล้ว อีกทั้งนามสกุล “ลามี่” ของเขาก็ยังแปลว่า “เพื่อน” อีกด้วย






ใบหน้าแห่ง “ความหวัง”


ขณะนี้เฮนรี่ใช้ชีวิตเป็นศิลปินอิสระอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นหลัก เคยจัดแสดงผลงานมาแล้วในหลายสถานที่และหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เมืองลียง บ้านเกิดของเขา,ปารีส, เอ็กซ์อองโปรวองซ์, ปัวตีเย, นิวยอร์ก ฮ่องกง, โตเกีย,ว โยโกฮาม่า,ปักกิ่ง, นานกิง, สิงคโปร์, มะนิลา และก่อนที่จะมีนิทรรศการแสดงผลงานที่ เซาโปโล ประเทศบราซิล นิทรรศการแสดงผลงานที่เมืองไทยของเฮนรี่ ในเมืองไทยในครั้งนี้ ซึ่งถูกให้ชื่อว่า HOPE หรือ ความหวัง






เพราะเฮนรี่ต้องการสื่อสารพลังในด้านบวกที่มีในตัวเขาออกไป รวมไปถึงพลังในด้านบวกที่เขาได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ในประเทศไทย และได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็นภาพใบหน้าของเด็ก,บุคคล และรูปเคารพ ซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนความหวัง หรือสิ่งที่คนไทยเคารพรักและศรัทธา โดยผลงานในส่วนนี้จะจัดแสดงให้ชม ระหว่างวันที่ ๒๕ มิถุนายน - ๓o สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ Modern Gallery ศูนย์การค้าโอพี การ์เด้น ถ. เจริญกรุง ๓๖ และมีงานเปิดนิทรรศการในวันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.






เฮนรี่บอกด้วยว่า ตอนที่เขามาเมืองไทยครั้งแรก ขณะที่พักอยู่ในห้องพักของโรงแรม และได้เปิดไปเจอทีวีช่องหนึ่งซึ่งถ่ายทอดเกี่ยวกับ พระธรรมเทศนาของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แม้เขาจะไม่ใช่นักบวช ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ และไม่สามารถเข้าใจในเนื้อหาของพระธรรมเทศนา แต่จากการได้ชมภาพของผู้คนที่มานั่งฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตามหาบัว และเป็นการฉายภาพเดิมซ้ำ ๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายวัน






เฮนรี่บอกว่าเขาสัมผัสได้ถึงความเป็นที่พึ่งและความเป็นที่เคารพศรัทธาของหลวงตาที่มีต่อผู้คน จึงทำให้เขารู้สึกอินกับศาสนาพุทธ จนวาดเป็นภาพพระพักตร์ของพระพุทธรูปออกมา รวมไปถึงภาพรูปเคารพอื่น ๆ และภาพใบหน้าของบุคคลต่าง ๆ ที่เป็นเสมือนความหวังและที่พี่งของคนไทยหลายๆคน ขณะที่ภาพวาดอีกส่วนหนึ่งจำนวน ๔ ภาพและมีขนาดใหญ่ ได้แก่ ภาพเจ้าแม่กวนอิม,ภาพเด็ก รวมไปถึงภาพมุมมองจากโรงแรม Sofitel So Bangkok ไปยังสวนลุมพินี และจากสวนลุมพินีมายังโรงแรมฯและหมู่ตึกใกล้ ๆ กัน จะถูกจัดแสดงให้ชมระหว่างวันที่ ๒๕ มิถุนายน - ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ โรงแรม Sofitel So Bangkok ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแถลงข่าวการจัดนิทรรศการแสดงผลงานครั้งแรกในเมืองไทยของเขา พร้อมได้นำภาพวาดทั้ง ๔ ภาพออกมาให้ชมเป็นครั้งแรก






รวมไปถึงได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ไปร่วมงานแถลงข่าว ด้วยการขอ “มายา” แฟนสาวลูกครึ่งฟิลิปปินส์ฝรั่งเศสแต่งงาน (หลังจากที่คิดมานานเป็นปีแต่ยังไม่รู้ว่าที่ไหนดี) ด้วยเหตุผลที่เฮนรี่บอกว่า ถือเป็นช่วงเวลาที่ “พลังงานดี ๆ มาชุมนุมกัน” ได้แก่ กำลังอยู่ในประเทศที่ทำให้เขารู้สึกดีและได้รับแรงบันดาลใจหลายอย่างในการสร้างสรรค์ผลงาน,ได้รับการสนับสนุนจากแกลเลอรี่ในเมืองไทยให้สร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ขึ้นมาจนมีนิทรรศการจัดแสดง,เป็นวันแถลงข่าวเพื่อบอกให้ผู้สนใจ ไปชมผลงานของเขา และเมื่อมองผ่านกระจกออกไปนอกโรงแรม ยังแอบเห็นบางสัญลักษณ์คล้ายกากบาท พลันเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นรูปหัวใจ



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














ประกวดโครงการศิลปะกรรมกรุงไทย ครั้งที่ ๑


ธนาคารกรุงไทย เปิดกว้างให้ศิลปิน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ที่สื่อถึงความเป็น “กรุงไทย" เข้าร่วมประกวดในโครงการ ศิลปกรรมกรุงไทย (Krungthai Art Awards) ครั้งที่ ๑ ชิงโล่พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวมมูลค่าเกือบ ๓ ล้านบาท


นายนนทิกร กาญจนะจิตรา กรรมการธนาคารกรุงไทย และ ประธานโครงการศิลปกรรมกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้สานต่อเจตนารมณ์ในการส่งเสริมการสร้างสรรค์งานศิลปะ และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของศิลปินไทย โดยการจัดโครงการประกวด ศิลปกรรมกรุงไทย ภายใต้แนวคิด “กรุงไทย” ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยงานสร้างสรรค์อันทรงคุณค่าและสุนทรียะ ก่อให้เกิดความสุข ความดีงาม นำพาสังคมสู่ความเจริญรุ่งเรือง


โครงการ กำหนดให้ผู้ที่สนใจ ได้แก่ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ส่งผลงานประเภทจิตรกรรม ประเภทภาพพิมพ์ และประเภทประติมากรรม เข้าร่วมประกวดได้คนละไม่เกิน ๓ ชิ้น


ประเภทจิตรกรรม และ ประเภทภาพพิมพ์ มีขนาดไม่เกิน ๒.๒ เมตร (รวมกรอบ) ,ประเภทประติมากรรม มีขนาดไม่เกิน ๒.๒ เมตร (รวมแท่น) ซึ่งเกณฑ์การตัดสินจะไม่แยกประเภทของผลงานศิลปกรรม แต่จะถือเอาคุณภาพของผลงานเป็นเกณฑ์


ผู้สนใจสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ในเวลา ๙.oo - ๑๖.oo น. ณ หอศิลป์กรุงไทย อาคารธนาคารกรุงไทย สาขาเยาวราช หรือสอบถามรายละเอียดที่ โทร.o-๒๒๒๒-o๑๓๗


สำหรับรางวัลประกอบด้วย รางวัลที่ ๑ จำนวน ๓ รางวัล ได้รับโล่พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เงินรางวัล ๆ ละ ๓oo,ooo บาท, รางวัลที่ ๒ จำนวน ๕ รางวัล เงินรางวัล ๆ ละ ๒oo,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตร และ รางวัลที่ ๓ จำนวน ๑o รางวัล เงินรางวัล ๆ ละ ๑oo,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตร โดยธนาคารจะประกาศผลการตัดสินทางเว็บไซต์ ktb.co.th ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗


คณะกรรมการตัดสินประกอบไปด้วย ศิลปินแห่งชาติรวม ๑๑ ท่าน ได้แก่ ประหยัด พงษ์ดำ ,ถวัลย์ ดัชนี, วิโชค มุกดามณี, ชำเรือง วิเชียรเขตต์, ทวี รัชนีกร, อินสนธ์ วงศ์สาม, พิชัย นิรันต์, เกียรติศักดิ์ ชานนนาร, อิทธิพล ตั้งโฉลก, ปรีชา เถาทอง และ ธงชัย รักปทุม


นายนนทิกร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาในด้านศิลปวัฒนธรรม ธนาคารได้สนับสนุนการจัดการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ พร้อมจัดตั้ง “รางวัลสนับสนุนโดยธนาคารกรุงไทย” ตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ เพื่อสนับสนุนให้ศิลปินมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเข้าประกวดในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง โดยนำผลงานที่ได้รับรางวัลมาตกแต่งและติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนได้ชื่นชมผลงานที่มีความงามและคุณภาพ และได้จัดตั้ง “หอศิลป์กรุงไทย” โดยปรับปรุงพื้นที่อาคารสาขาเยาวราช สำนักงานใหญ่แห่งแรกของธนาคาร ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีสอันสวยงามและเก่าแก่อายุเกือบ ๖o ปี เป็นแกลเลอรี่ศิลปะร่วมสมัย สำหรับจัดแสดงผลงานศิลปกรรมสะสมของธนาคาร และเปิดพื้นที่ให้ศิลปินได้แสดงนิทรรศการหมุนเวียน


รวมทั้งจัดกิจกรรมสอนศิลปะ สนับสนุนกิจกรรมเสริมการศึกษาแก่โรงเรียนในบริเวณใกล้เคียงและเผยแพร่กิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ และจัด "สวนประติมากรรมกรุงไทย" เพื่อจัดแสดงประติมากรรมขนาดใหญ่ในสวนแบบ Open-air Museum ที่ศูนย์ฝึกอบรมพนักงานที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"จุดสุดท้ายของการเริ่มต้น"


ศิลปกรรมหลากแขนงหมุนเวียนแสดงเผยแพร่ขึ้นในพื้นที่ศิลปะ หอศิลป์วังหน้า ย่านสนามหลวง โดยล่าสุด นิทรรศการแสดงผลงานศิลปนิพนธ์ “จุดสุดท้ายของการเริ่มต้น” (The Last of Begin) ผลงานนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายระดับปริญญาตรี คณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เตรียมแสดงขึ้นอีกครั้ง


จุดสุดท้ายของการเริ่มต้น ในแนวคิดดังกล่าวซึ่งเปรียบเสมือนจุดสุดท้ายของนักศึกษาที่ต้องฝ่าฟัน รู้ที่จะเรียนรู้แก้ปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ เพื่อจะชนะตัวเองในการทำงาน นำความรู้เหล่านั้นมาเป็นจุดเริ่มต้นของการดำรงชีวิต นิทรรศการศิลปนิพนธ์นักศึกษาผู้สำเร็จการศึกษา Art Thesis Exhibition 2014 คณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรมที่เตรียมจัดแสดง เผยแพร่สู่สาธารณชนครั้งนี้เป็นนิทรรศการผลงานศิลปกรรมของ ๖ สาขาวิชาที่คณะเปิดการเรียนการสอน ได้แก่ สาขาวิชาจิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปไทย สาขาวิชาเครื่องเคลือบดินเผาและสาขาวิชาออกแบบตกแต่งภายใน จาก ๓ แห่งได้แก่ คณะศิลปวิจิตร ศาลายา คณะวิจิตรศิลปห้องเรียนเครือข่าย วิทยาลัยช่างศิลปสุพรรณบุรี และคณะศิลปวิจิตร ห้องเรียนเครือข่าย วิทยาลัยช่างศิลปกรุงเทพ โดยนิทรรศการเตรียมแสดงในระหว่างวันที่ ๑๘ -๓o สิงหาคม ๒๕๕๗






ศิลปนิพนธ์จัดแสดงเต็มพื้นที่หอศิลป์ครั้งนี้และนอกจากจำนวนผลงานที่มีมากกว่า ๗o ชิ้นงานยังถ่ายทอดรูปแบบ เทคนิควิธีการทางศิลปะหลายหลาย ครบทุกสาขาวิชา ส่วนหนึ่งจากศิลปกรรมสร้างสรรค์ ในสาขาประติมากรรมที่จัดแสดง “ผลไม้ปั่น” ผลงานนำเสนอด้วยเทคนิคผสมเย็บผ้า เสนอแนวคิดหวนระลึกถึงช่วงเวลาแห่งความสนุกในวัยเด็ก จากการเล่นทำอาหาร มาเป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรม


เจ้าของผลงานลอกเลียน ดัดแปลง จากรูปทรงของใช้และอาหารที่มีอยู่จริงโดยใช้วัสดุที่มีความหลากหลาย เช่น วัสดุที่มีอยู่และทำขึ้นใหม่ นำมาผสมผสานรวมกันทำให้เกิดรูปทรง สีสันที่สดใส แสดงถึงความสุข ความสนุกสนานที่เคยมีของช่วงเวลาในอดีตให้กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง


วัตถุกับความทรงจำ อีกผลงานประติมากรรมสร้างสรรค์ซึ่งเจ้าของผลงานนำเสนอด้วยเทคนิค ปั้นหล่อ ถักนิตติ้ง แสดงออกถึงร่องรอยแห่งความทรงจำในวัตถุเครื่องใช้ภายในบ้านที่มีผลกับความรู้สึก ทุกเส้นไหมและรอยการถักร้อยเกี่ยวพันคือความรัก ห่วงหาอาทรที่มีต่อแม่ผู้ให้กำเนิด






นอกจากงานประติมากรรม ในผลงานภาพพิมพ์ หลากหลายผลงานมีเอกลักษณ์และความโดดเด่น ทั้งเทคนิคและการนำเสนอ อย่าง ภาพพิมพ์โลหะ Ravel Feature 3 ถ่ายทอดแนวความคิด มนุษย์ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ หลงรูปที่สวยงาม แต่ด้วยความไม่เที่ยงของสังขาร ก็ไม่อาจหนีกาลเวลาที่กัดกินความงามที่พากันลุ่มหลง สิ่งที่ยังคงอยู่ติดตัวไปแม้กาลเวลาจะผ่านไป นานเพียงใด หรือร่างกายจะชรา เน่าเปื่อย สิ่งนั้นคือความงามที่อยู่ในจิตใจของคน


ร้อยยิ้มของยาย จิตรกรรมเทคนิคสีน้ำมันบนผ้าใบ ภาพดังกล่าวเล่าถึง การดำเนินชีวิตของผู้สูงวัยที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่แข่งขัน แย่งชิงประโยชน์ใดๆและแม้ร่างกายจะเสื่อมถอย ผ่านความทุกข์ยาก ผ่านเรื่องราวต่างๆในชีวิตมาอย่างเหน็ดเหนื่อย อิริยาบถที่แสดงออกมาอย่างเชื่องช้า แววตาที่แสดงเล่าเรื่องอดีตที่บรรยายได้อย่างไม่รู้จบ จิตใจที่เต็มไปด้วยความจริงใจ โอบอ้อมอารี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นภาพแห่งความประทับใจที่ทำให้เห็นแล้วมีความสุข ขณะที่ศิลปกรรมในสาขาวิชา ศิลปไทย สาขาวิชาเครื่องเคลือบดินเผาและสาขาวิชาออกแบบตกแต่งภายใน โดยทุกผลงานสร้างสรรค์ไว้อย่างโดดเด่น พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศิลปกรรมร่วมกัน.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
dailynews.co.th














งานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ ครั้งที่ ๑๖


กลับมาคืนความสุขให้คนไทยและผู้มีหัวใจสุนทรีย์อีกครั้ง สำหรับ มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ๒o๑๔ โดยนำทัพสุดยอดศิลปินและนักแสดงชื่อดังรางวัลระดับโลกมาสร้างสีสันอย่างคึกคักกว่า ๖oo ชีวิต จาก ๑๔ ประเทศทั่วโลก มอบความสุขพร้อมกันทีเดียว ๑๖ ชุด ๒๑ รอบการแสดง ระหว่างวันที่ ๑๓ ก.ย.นี้ ถึง ๒๖ ต.ค. ๒๕๕๗ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ครบครันทั้งโอเปร่า, บัลเลต์, การเต้นรำร่วมสมัย และดนตรีหลากหลายสไตล์ รวมถึงการแสดงเชิงวัฒนธรรมสุดมหัศจรรย์






เปิดม่านมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ ๑๖ ด้วยตำนานโอเปร่าของ “โวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท” เรื่อง “ดอน โจวานนี” โดยคณะโอเปร่าแถวหน้าของอิตาลี เตียโตร ลีริโค่ อิตาเลียโน แห่งโรม และมาซีโดเนีย โอเปร่า ถือเป็นการแสดงรอบปฐมทัศน์โลกครั้งแรก ซึ่งจะเปิดแสดงบนเวทีนี้เพียงรอบเดียว พลาดไม่ได้วันเสาร์ที่ ๑๓ ก.ย. ๒๕๕๗ พร้อมสะกดใจผู้ชมจากเรื่องราวตลกขบขันแฝงโศกนาฏกรรมของหนุ่มนักรักไร้ศีลธรรม






เสริมทัพความบันเทิงด้วยโอเปร่าอมตะของบรมครู “จิอาโคโม ปุชชินี” เรื่อง “ลาโบแอม” สะท้อนโศกนาฏกรรมความรักอมตะของหนุ่มสาว เต็มอิ่มทุกอรรถรสกับเรื่องราวของกลุ่มศิลปินที่มีความฝันและความหวังหล่อเลี้ยงชีวิต ในวันจันทร์ที่ ๑๕ ก.ย. ๒๕๕๗






ส่วนการแสดงที่ได้รับความนิยมตลอดกาลเช่นบัลเลต์ ก็มีให้ตื่นตาตื่นใจตลอดมหกรรมฯ ประเดิมด้วยการแสดงของคณะบัลเลต์ เปรโจคาย จากฝรั่งเศส เนรมิตเทพนิยายกริมม์สุดโรแมนติกเรื่อง “สโนว์ไวท์” ให้มีลีลาร่วมสมัยชวนติดตาม โดยฉากยิ่งใหญ่เป็นฝีมือออกแบบของ Thierry Leproust ส่วนเครื่องแต่งกายโก้หรูอลังการสร้างสรรค์โดยดีไซเนอร์จอมเฮี้ยว “ฌอง ปอล โกล์ติเยร์” จองบัตรล่วงหน้าเลยวันที่ ๒๔ ก.ย.นี้






ขาดไม่ได้สำหรับการแสดงบัลเลต์คลาสสิกของคณะชตุทท์การ์ท บัลเลต์ จะมาถ่ายทอดเรื่องราวอมตะไร้กาลเวลา ผ่านการเต้นรำที่งดงามไร้ที่ติ ผสานดนตรีแพรวพราว เรื่อง “วันจิน” ผลงานออกแบบของ “จอห์น แครงโก้” ที่จะทำให้มหากาพย์นิยายของ “อเล็กซานเดอร์ พุชกิน” และการประพันธ์ดนตรีของยอดคีตกวีรัสเซีย “ไชคอฟสกี” กลับมาโลดแล่นมีชีวิตอีกครั้ง วันที่ ๒๕ และ ๒๖ ต.ค. ๒๕๕๗






ต้อนรับการกลับมาของวาทยกรระดับแนวหน้าของโลก “สุบิน เมธา” และ วงอิสราเอล ฟิลฮาร์ โมนิก ออร์เคสตรา พร้อมกระหึ่มอีกครั้งด้วยการบรรเลงบทเพลงขึ้นหิ้งระดับตำนาน ในวันที่ ๒o ต.ค. ๒๕๕๗ มีทั้ง Concerto for four violins and orchestra ของวิวาลดี, Symphony No. 36 (“Linz”) ของโมสาร์ท และ Symphony No. 5 ของมาห์เลอร์ ร่วมพิสูจน์ความเป็นตำนานที่ยังมีชีวิต คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม และจองบัตรล่วงหน้าได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ thaiticketmajor.com และเคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา.







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th
เฟซบุคเทศกาล












The Luncheon on the Grass



Impressionism และ Post Impressionism
ใน Bristol Museum and Art Gallery


โดยทั่วไป มิวเซียมในอังกฤษมักไม่ค่อยมีผลงานแนว Impressionism มากนัก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะศิลปินอังกฤษไม่ค่อยเชี่ยวชาญศิลปะแนวนี้ อย่างไรก็ดี Bristol Museum and Art G allery กลับมีห้อง Impressionism แยกต่างหากและมีผลงานแนวนี้ของศิลปินดัง ๆ อยู่ไม่น้อย เช่น Cros de Cagne, Mer, Montagnes ของ Pierre Auguste Renoir ศิลปินชั้นนำแนว ​​Impressionism ชาวฝรั่งเศสผู้เชี่ยวชาญในการวาดภาพนู้ดผู้หญิง ภาพชายฝั่งของอ่าว Cagnes-sur-Mer ที่เป็นของ Leopold Moller วิศวกรเคมีชาวยิวที่หลบหนีทหารนาซีมาจากเมือง Hamburg นี้ แม้มิใช่ภาพแนวนู้ดที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับศิลปิน แต่ภาพทิวทัศน์เยี่ยงนี้ก็เป็นภาพที่เขาวาดไว้ไม่น้อย ผู้ชมจะพบว่าฝีแปรงของภาพ Renoir จะไม่เห็นลักษณะที่เด่นชัด ออกแนวเบลอ ๆ มัว ๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะศิลปินวาดในขณะที่มีอายุมาก และเป็นเทคนิคเฉพาะที่เขาเท่านั้นชอบใช้ซึ่งแตกต่างจากศิลปินแนว ​Impressionism อื่น ๆ





The Turkeys ของ Lucien Pissarro





The Turkeys detail



Bathers, Pas de Calais ของ Algernon Talmage ศิลปินแนว Impressionism ชาวอังกฤษ ภาพการอาบแดดของหญิงสาวสี่คนที่ Straits of Dover นี้ ศิลปินเขียนให้ผู้หญิงแต่ละคนอยู่ในอาภรณ์และท่าทางที่แตกต่างกันภายใต้ร่มเงาต้นไม้ไม่เท่ากัน แม้ฝีแปรงของศิลปินจะไม่โดดเด่นเท่าศิลปินกลุ่ม Impressionism ของฝรั่งเศส แต่ก็มีความเป็นอิสระและให้ความสำคัญกับแสงธรรมชาติเฉกเช่นเดียวกัน ภาพหญิงที่ใส่เสื้อนอนเอกเขนกท่ามกลางหญิงไม่ใส่เสื้อด้านซ้ายอาจเทียบได้กับภาพเด่น The Luncheon on the Grass ที่ส่งให้ Edouard Manet กลายเป็นผู้ก่อตั้งแนวทางศิลปะแบบ Impressionism มาจนถึงปัจจุบัน





Sunset ของ Georges Pierre Seurat



Sunset ของ Georges Pierre Seurat จิตรกรแนว Post Impressionism ชาวฝรั่งเศสผู้สร้างทฤษฏีจุด (Pointillism) ภาพพระอาทิตย์กำลังตกดินใกล้ปารีสที่ศิลปินวาดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ ๑๘๘o นี้ แม้ศิลปินจะไม่ได้แสดงให้เห็นถึงเทคนิค Pointillism ที่เขาค้นคิด แต่ศิลปินก็ใช้เทคนิคตามทฤษฏีการใช้สีประกอบ (Complementary Color) ที่เขาคิดขึ้น นั่นคือ ใช้สีฟ้าวาดไว้ตรงโคนต้นไม้โดยวาดให้มีสีส้มแซมประปรายซึ่งทำให้ภาพดูพลิ้วไหวและเรืองรองมากกว่าการผสมสีในถาดแล้วป้ายลงไป





La Frette



The Turkeys ของ Lucien Pissarro จิตรกร นักออกแบบและช่างพิมพ์แนว Impressionism ชาวฝรั่งเศสบุตรชายของ Camille Pissarro ผู้สนใจทฤษฏีจุดของ Georges Seurat เกี่ยวกับการผสมสีโดยการวาดแต่จุด ภาพ Ester ภรรยาของศิลปินกำลังนั่งอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ในบ้านโดยมีไก่ตุรกีเล่นอยู่ทางด้านขอบซ้ายของภาพนี้เป็นการผสมผสานเทคนิคการวาดภาพแบบ Impressionism และ Pointillism ได้อย่างลงตัว สังเกตได้จากสีแต่ละสียังคงแยกจากกันชัดเจนโดยสะท้อนไปยังใบไม้ที่หล่นเกลื่อนกราดบนพื้น





Eternity ของ Jean Desire Gustave Courbet



นอกจากนี้ Pissarro ยังมีภาพทิวทัศน์ในห้องภาพด้วย นั่นคือ La Frette ภาพเรือขุดที่ล่องอย่างช้า ๆ กลางแม่น้ำ Seine ณ หมู่บ้านในเมือง La Frette เข้าสู่สายตาผู้ชมนี้ ศิลปินวาดในแนวกดจากมุมสูงลงไปยังแม่น้ำที่แคบเข้าสู่ทางโค้ง ส่วนหลังคาบ้านแดง ๆ ที่อยู่ทางด้านซ้ายช่วยขับเน้นบรรยากาศของภาพให้ดูสดใส่ขึ้น เงาของเสากระโดงเรือและต้นไม้ทางขวาในน้ำทำให้ภาพดูสงบนิ่งร่มเย็น





Cros de Cagne, Mer, Montagnes ของ Pierre Auguste Renoir



Eternity ของ Jean Desire Gustave Courbet ศิลปินแนว Realism ชาวฝรั่งเศส ศิลปะแนว Realism นี้เป็นการเคลื่อนไหวทางศิลปะที่เชื่อมระหว่าง Romanticism ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของงาน Theodore Gericault และ Eugene Delacroix และกลุ่ม Impressionism ​​ของกลุ่ม Claude Monet และ Pierre Auguste Renoir





Bathers, Pas de Calais ของ Algernon Talmage





Bathers, Pas de Calais detail



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com














Hyperrealistic Feminine Portraits
สาวสวยด้วยภาพสีน้ำมันที่ทำให้ภาพถ่ายหงายเงิบ


ไม่ต้องแปลกใจหรอกถ้าแวบแรกที่เห็นจะเข้าใจว่ามันคือผลงานการถ่ายภาพสุดเนียน เพราะพูดได้เต็มปากว่าเหมือนจริงและเนียนมากจริง ๆ แต่ขอบอกว่า ที่เห็นนี่คือภาพเขียนสีน้ำมันจากฝีมือคนหละ คงต้องตะลึงตึงตึงกันไป นี่เป็นอีกบทหนึ่งของตำนานการสร้างภาพเหมือนจริงที่จริงเสียยิ่งกว่าภาพถ่าย เข้าขั้น ไฮเปอร์เรียลลิสติก กันเลย


Anna Helldn Maule ศิลปินสาวชาวฮาวาย ใช้ผลงานของ Tom Mule สามีที่เป็นช่างภาพพัฒนางานอาร์ตร่วมกัน ซึ่งเรื่องราวที่สนใจล่าสุดก็คือ "ความงามของเพศหญิงกับการถูกสังคมแห่งวัตถุครอบงำ" Anna เชื่อว่า ผู้หญิงทุกวันนี้ ถูกทำให้กลายเป็นเครื่องมือภายใต้กระแสสังคมการสื่อสาร และโดนชี้นำให้เดินตาม ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว, ความคิด ฯลฯ และภาพที่ปรากฏของพวดเธอจึงไม่ใช่ความงามที่ควรเป็น แล้วอะไรหละคือความงามของสตรี?


จากแรงบันดาลใจนี้ทำให้เธอสร้างสรรค์ผลงานด้วยการเขียนภาพสีน้ำมันแทนการถ่ายภาพ เพราะเมื่อทุกคนรู้ว่าเป็นภาพเขียน ความตื่นเต้นในการชมผลงานจะกระตุ้นทำให้เราสังเกตรายละเอียดมากกว่าปกติ ซึ่งช่วยสะท้อนสิ่งที่เธอคิดออกมาชัดเจนขึ้น แม้ว่ารูปแบบของการสร้างศิลปะบนโลกนี้ จะก้าวข้ามความสมจริงไปมากแค่ไหน c9j “ความสมจริง” นั่นก็ยังคงเป็นพื้นฐานแห่งการรับรู้ ทำให้เชื่อรวมถึงเทียบเคียงกับภาพปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้าอยู่เสมอ ไม่แน่เราอาจได้คำตอบถึงความงามของสตรีผ่านภาพเขียนสีน้ำมันชุดนี้ก็เป็นได้ ผลงานกำลังจัดแสดงอยู่ที่ Scott Richards Contemperary Art ใน ซานฟรานซิสโก ถึงวันที่ ๓o สิงหาคม ๒o๑๔ นี้ ใครว่างๆก็อย่าลืมบินไปดูหละ!



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
portfolios.net














นิทรรศการภาพวาดขนาดเล็ก


ขัวศิลปะขอเชิญชม นิทรรศการภาพวาดขนาดเล็ก (SMALL PAINTING EXHIBITION)


ในเดือนสิงหาคมนี้ ขัวศิลปะเชียงราย จะจัดแสดงภาพผลงานขนาด ๓o x ๓o ซม.จำนวนมากกว่า ๑๒o ภาพ


ของศิลปินในกองทุนศิลปินเชียงราย ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง รุ่นใหม่ มือสมัครเล่น
ที่สร้างสรรค์ผลงานหลากหลายเทคนิคและเนื้อหา


เปิดนิทรรศการ วันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น
ณ ขัวศิลปะ เชียงราย
นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ ๙ - ๓o สิงหาคม ๒๕๕๗
นิทรรศการเปิดให้เข้าชม ทุกวัน เวลา ๑o.oo- ๑๙.oo น. (ไม่มีค่าเข้าชม)
ติดต่อสอบถาม ขัวศิลปะ o๘๘-๔๑๘-๕๔๓๑, artbridge.cr@gmail.com, เฟซบุคนิทรรศการ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














นิทรรศการ In my Eye


ผลงานโดย ธีระยุทธ พืชเพ็ญ (Teerayut Puchpen)


จัดแสดงระหว่างวันที่ ๕ สิงหาคม - ๓ กันยายน ๒๕๕๗


ณ Pongnoi Community Art Space : โป่งน้อยคอมมูนิตีอาร์ตสเปช



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














เทศกาลปล่อยแสง ครั้งที่ ๑๒ ตอน พริก


จัดแสดงวันที่ ๕ มิถุนายน – ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ห้องนิทรรศการ ๒, TCDC
ตำรับอาหารที่ปรุงและแปรรูปจากพริกคือรสชาติที่คนไทยคุ้นเคยและขาดไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือช่องทางทำเงินและต่อยอดทางธุรกิจอนาคตไกลอย่างไม่สิ้นสุด...


พริก...พืชริมรั้วและเครื่องปรุงรสคู่ครัวไทยที่ช่วยชูโรงให้อาหารทุกจานจัดจ้านครบรสพร้อมเพิ่มสีสันแต่งหน้าตาให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า ความเผ็ดร้อนขนาดจิ๋วเหล่านี้เมื่อรวมตัวกันในปริมาณมาก ๆ ก็กลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญอันดับต้น ๆ ของไทย เพราะนอกจากจะช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกพริกแล้ว ยังเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจอาหารและยาของไทยให้ก้าวหน้า กอบโกยรายได้จากตัวเลขการผลิต การส่งออก และสร้างงานให้กับภาคการผลิตตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน ไปจนถึงผู้ประกอบการขนาดใหญ่ระดับประเทศ


เทศกาลปล่อยแสงครั้งที่ ๑๒ ตอน “พริก...พลิกธุรกิจเงินล้าน” จึงหยิบยกเรื่องราวเศรษฐกิจจากความเผ็ดร้อนที่สะท้อนให้เห็นทั้งโอกาสและมุมมองที่น่าสนใจมารวบรวม และนำเสนอใหม่อย่างรอบด้าน เพื่อจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และช่องทางการทำธุรกิจเกี่ยวกับพริกที่ประสบผลสำเร็จในรูปแบบต่าง ๆ จากตัวอย่างของผู้ประกอบการที่น่าสนใจและมีกลยุทธ์ทางธุรกิจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่าน ๓ โซนหลักในลานปล่อยแสง ได้แก่


โซนที่ ๑ : รอบรู้เรื่องพริก

รวบรวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับพริกไว้อย่างครบครัน ทั้งคุณลักษณะทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ลำดับความเผ็ดร้อนของพริกแต่ละชนิดทั่วโลก สายพันธุ์ของพริกที่นิยมเพาะปลูกในประเทศไทย ไปจนถึงขั้นตอนและกรรมวิธีการปลูกและปรุงพริกจนเป็นตำรับอาหารท้องถิ่นทั้งสี่ภาค วิวัฒนาการของอุปกรณ์การบด ตี โขลก และสับพริก รวมถึงบรรจุภัณฑ์และหีบห่อพริกที่ได้รับการปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา พัฒนาความสวยงาม และความสะดวกสบายมาตามกาลเวลา


โซนที่ ๒ : เผ็ดเศรษฐกิจ...สร้างโอกาสทางธุรกิจจากพริกเม็ดเล็ก ๆ

ร่วมทำความรู้จักกับผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร ยา และธุรกิจอื่น ๆ ที่มีพริกเป็นองค์ประกอบหรือวัตถุดิบหลักในการผลิต อาทิ เครื่องแกง พริกป่น พริกดอง ซอส เครื่องปรุงรส ขนมขบเคี้ยว ยาแก้ปวด ยาดม ยาหม่อง สเปรย์บรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ เพื่อให้เห็นโอกาส ช่องทาง และมีส่วนช่วยตั้งคำถามหรือตอบโจทย์ความต้องการในการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารหรือธุรกิจที่มาจากภาคเกษตรของไทย พร้อมค้นพบว่าอะไรคือความแตกต่าง อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และอะไรคือกลไกทางการตลาดที่น่าศึกษา เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณเอง


โซนที่ ๓ : ที่ปรึกษาทางธุรกิจ

ตอบทุกข้อสงสัยโดยที่ปรึกษาทางธุรกิจเกี่ยวกับพริกแบบครบวงจร ตั้งแต่แหล่งเงินทุน แหล่งสนับสนุนการวิจัยผลิตภัณฑ์ สถาบันอาหาร และเครื่องหมายรับรองมาตรฐานอาหารและผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจอาหาร ภาษีธุรกิจ รวมถึงโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่มองหาวิธีการแปลกใหม่ในการสร้างแบรนด์


ร่วมติดตามเส้นทางความอร่อยเผ็ดจากพริกในหลากแง่มุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะ “พืชเศรษฐกิจ” เพื่อตอบคำถามว่า พริกมีดีอย่างไร? พริกทำอะไรได้บ้าง? และพริกจะทำเงินได้อย่างไร? จากโมเดลความสำเร็จของผู้ประกอบการด้านอาหารที่มีพริกเป็นส่วนประกอบหลักตั้งแต่ระดับชุมชน ไปจนถึงระดับโลก พร้อมตามติดไอเดียการพลิกแพลงคุณสมบัติของพริกไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมในท้องตลาด ตลอดจนสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทางด้านยอดขาย วิธีการคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ กลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างจุดแข็งเสริมจุดขายให้กับแบรนด์ รวมถึงการจุดประกายให้มองเห็นถึงช่องทางทำกินและช่องทางสร้างรายได้ที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ จากก้นครัวของคุณ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
tcdc.or.th














I’ll Spread My Wings


ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ นำเสนอนิทรรศการ “I’ll Spread My Wings” ผลงานจิตรกรรมร่วมสมัย โดย สุดรัก คงพ่วง ศิลปินสาวลูกน้ำเค็ม ที่สะท้อนความเรียบง่ายของวิถีชีวิตชนบทไทยในอ้อมกอดของธรรมชาติ “I’ll Spread My Wings” การแสดงผลงานเดี่ยวชุดล่าสุดของ สุดรัก คงพ่วง ศิลปินสาวไฟแรงพ่วงดีกรีปริญญาโทจากรอบรั้ว ม. บูรพา ที่ได้แรงบันดาลใจจากความหลงใหลในมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ หลีกลี้หนีความวุ่นวายหลังกำแพงคอนกรีตในเมืองกรุง สยายปีกสู่โลกกว้าง นำจิตวิญญาณแห่งความอิสระบินเหนือผืนนาเขียวขจี สายน้ำลำธาร และผืนดินอันกว้างใหญ่งดงาม


ศิลปินสามารถถ่ายทอดความสุข ความสงบ จากความเรียบง่ายตามวิถีชีวิตชนบทไทยผ่านเส้นสี ทีแปรงได้อย่างยอดเยี่ยม


นิทรรศการ : “I’ll Spread My Wings”
ศิลปิน : สุดรัก คงพ่วง
วันที่ : ๘ สิงหาคม – ๑๔ กันยายน ๒๕๕๗
สถานที่ : ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ ๒๔๕ ซอยสุขุมวิท ๓๑ (ซอยสวัสดี) เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๒-๖๖๒-๓๒๑๘



















































ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














ภาพติดข้างฝา รำลึกว่าช่วยผู้ป่วยมะเร็ง


ด้วยเชื่อมั่นว่า "ศิลปะ" นอกจากจะจรรโลงจิตใจผู้คนให้เกิดความอ่อนโยนและสุนทรีในอารมณ์ ยังช่วยบำบัดจิตใจให้ไม่เครียด ห่างหายจากมะเร็งได้อีกด้วย ม.ล.จิราธร จิรประวัติ หรือ "ครูโต" ของลูกศิษย์ลูกหาและบรรดาคนรักงานศิลป์ จึงต่อยอดสิ่งที่รักพร้อมชักชวนศิลปินอาชีพและมือสมัครเล่นที่คุ้นเคยกันดีร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะหลากมุมมองแต่จุดหมายเดียว นั่นคือให้ศิลปะสวย ๆ มีส่วนช่วยผู้ป่วยมะเร็ง โดยจัดนิทรรศการงานศิลป์เพื่อการกุศล "แอน อาร์ต อะ เดย์ คีพส์ แคนเซอร์ อะเวย์" บริเวณโซนไทยไทย ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ชวนซื้อภาพของคนดังหารายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง ผ่านมูลนิธิจุฬาภรณ์


เจ้าของลายเส้นง่าย ๆ แต่น่ารักเป็นเอกลักษณ์ "ครูโต" ม.ล.จิราธร แห่งโรงเรียนสอนศิลปะ "มหานาค" เผยความตั้งใจว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนมักรวบรวมลูกศิษย์ลูกหาทำบุญร่วมกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ปีนี้ได้ชักชวนกันจัดแสดงผลงานภาพวาดของนักเรียน เพื่อหารายได้ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง และที่เลือกมอบให้มูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่อผู้ป่วยมะเร็งนั้น เพราะคิดว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมาก บางคนไม่มีเงินรักษา หวังว่าทุกคนจะได้รับความสุขจากการชมภาพ และรู้สึกดีใจที่หลายคนมีโอกาสได้ทำบุญร่วมกันจากโครงการนี้






นิทรรศการนำเสนอเนื้อหาเรียบง่าย ส่วนใหญ่เป็นภาพวาดลายเส้นแต้มสีไม่ซับซ้อน อย่างภาพของ "ครูปาน" สมนึก คลังนอก วาดภาพชายหญิงตาโตๆ ลำตัวยาว ในอิริยาบถดุจมีชีวิตตามสไตล์ถนัด โดยเจ้าตัวเล่าแรงบันดาลใจว่า ๓ ภาพนี้เป็นสีน้ำบนกระดาษไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร แต่เวลาเห็นคนนั่ง เดิน ยืน หรือท่วงท่าต่าง ๆ ก็จำมาวาด แต่เวลาวาดจริงจะเน้นให้มีความโดดเด่นผิดแผกจากเดิมออกไป อาจจะให้สีสันสดขึ้น หรือเติมเครื่องประดับลงไปเพื่อนให้น่าสนใจ ซึ่งมุมมองการไม่เจาะจงว่าวาดเป็นใครนี้ก็เหมือนกับโรคมะเร็งที่ใครก็ได้มีโอกาสเป็นทั้งนั้น จึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและดูแลตัวเองดี ๆ


มาที่สองพี่น้องหัวใจศิลป์คนดังที่นำเสนอภาพสวยๆ ตามเทคนิคถนัดของแต่ละคน โดย "แป้ง" ภัทรีดา ประสานทอง ผู้พี่โชว์ภาพเทคนิคตัดแปะ ๓ ภาพที่ต่อเนื่องจากการทำงานตัดแปะของปีที่แล้ว นำบางส่วนมาประกบกับภาพคาแรกเตอร์ของตัวเอง อยากให้ทุกคนมองแล้วตีความ ซึ่งอาจเห็นเป็นภาพเด็กหญิงกับสัตว์ประหลาดตัวอ้วนดูแล้วมีความสุข เช่นเดียวกับการที่ผลงานชุดนี้ได้มีส่วนช่วยผู้ป่วยมะเร็ง คนซื้อไปได้ความอิ่มใจและได้ทำบุญด้วย ส่วนผู้น้อง "นวล" นวลตอง ประสานทอง นำภาพที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่งมาร่วมแสดง เป็นงานที่ค่อนข้างรักมาก ทั้ง 3 ชิ้นสร้างสรรค์ขึ้นบนไม้ เป็นเทคนิควาดสีน้ำบนไม้ ซึ่งปกติสีน้ำไม่นิยมวาดบนวัสดุดังกล่าว แต่ตัวเองอยากให้เป็นเทคนิคที่ต่างออกไป เมื่อสีน้ำมาอยู่บนลายไม้ก็ทำให้ดูน่าสนใจขึ้น






ในจำนวนร้อยภาพที่นำมาจัดแสดง กว่าครึ่งเป็นผลงานแปลกตาซึ่งสร้างสรรค์โดยศิลปินมือสมัครเล่นที่ขอมีส่วนร่วมกับงานการกุศล เช่นภาพของพิธีกรงานอีเวนท์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี "จูน" สาวิตรี โรจนพฤกษ์ เธอตั้งใจถ่ายทอดภาพสีน้ำง่าย ๆ แต่ไม่ง่ายเลยกว่าจะวาดจนเสร็จ ชิ้นนี้เป็นภาพของตัวเองขณะไปเรียนวาดภาพที่โรงเรียนมหานาค เจ้าตัวเล่าว่าหลังจากได้โจทย์ให้วาดอะไรก็ได้ที่เก็บความรู้สึกดี ๆ จึงนึกถึงตอนไปโรงเรียนแล้วถ่ายทอดความสุขนั้นออกมาอย่างที่เห็น ในภาพตัวเองกำลังมีความสุขก็อยากส่งความสุขนั้นต่อมาถึงคนดู ใช้สีน้ำโทนอ่อน ๆ วาดง่าย ๆ เร็ว ๆ ส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องการทำทาน การช่วยเหลือคนอื่น อย่างผู้ป่วยมะเร็งค่อนข้างใช้เงินรักษาจำนวนมากและใช้เวลานาน ใครที่มีกำลังมากน้อยก็ควรแบ่งปันตามสมควรแล้วสังคมจะน่าอยู่มากขึ้น






ยังมีผลงานของเหล่าคนดังอื่น ๆ ที่สะดุดตาอีกเพียบ อาทิ ภาพคนกอดกันของหนุ่มสังคมรุ่นเล็ก "ฟอร์ด" จารุเดช บุญญสิทธิ์ ภาพดอกไม้ของ "มัดหมี่" พิมดาว พานิชสมัย ภาพของ "หนิง" ศรัยฉัตร จิระแพทย์ ภาพหญิงสาวเซ็กซี่ของ เจฟฟรี ปางพุฒิพงศ์ และ วิสุทธิ์ พรนิมิต เป็นต้น แค่วันเปิดงานวันเดียวเกือบทั้งหมดที่ตั้งราคาไว้ที่ ๕,ooo-๒o,ooo บาท ก็ถูกจับจองจากผู้ร่วมงาน แต่ที่เห็นลายเส้นง่าย ๆ กลับได้รับความสนใจสูงสุดเห็นจะเป็นภาพของครูใหญ่โรงเรียน "ครูโต" ม.ล.จิราธร ที่ถ่ายทอดภาพนางฟ้านำแฟชั่น ๓ คนต่างบุคลิก ใช้เทคนิคดินสอและสีน้ำบนบนกระดาษ ซึ่งเจ้าตัวยกให้เป็นผู้เนรมิตเงินทุนสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง หลายคนปักหมุดอยากเป็นเจ้าของจนต้องรวบรวมรายชื่อแล้วหย่อนลงในโหลก่อนจะสุ่มหาผู้โชคดีรับภาพที่หมายปองไปติดข้างฝาบ้าน รำลึกว่าครั้งหนึ่งได้มีส่วนร่วมทำกุศลกับอีกหลาย ๆ คน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 16 สิงหาคม 2557
Last Update : 16 สิงหาคม 2557 21:01:01 น. 0 comments
Counter : 4328 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.