happy memories
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๒๕




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto








คณะราชทูตสยามเข้าเฝ้าจักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ ณ พระราชวังฟงแตนโบล
ภาพจาก wikimedia.org




"บันทึกไมตรีผ่านเครื่องราชบรรณาการ ร.๔ ที่ฝรั่งเศส”


ราชอาณาจักรสยาม ณ พระราชวังฟงแตนโบล คณะราชทูตสยาม ๒๗ มิถุนายน ค.ศ. ๑๘๖๑ เป็นหนังสือที่จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสพิเศษของการจัดนิทรรศการเรื่อง "ราชอาณาจักรสยาม ณ พระราชวังฟงแตนโบล คณะราชทูตสยาม ๒๗ มิถุนายน ค.ศ. ๑๘๖๑" โดยคณะทำงานพระราชวังฟงแตนโบล ซึ่งเป็นการรวบรวมเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่ได้ทรงเจริญพระราชไมตรีระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส หลังจากที่ห่างเหินไปกว่า ๑๖o ปี


วันนี้บริษัท สำนักพิมพ์ สยาม เรเนซองส์ จำกัด ได้ซื้อลิขสิทธิ์หนังสือฉบับภาษาฝรั่งเศส นำมาแปลเป็นภาษาไทย โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี





ภาพวาดของฌอง-เลออง เฌโรมปรากฏเป็นปกหนังสือ
ภาพจาก wikimedia.org



เมื่ออ่าน "ราชอาณาจักรสยาม ณ พระราชวัง ฟงแตนโบล คณะราชทูตสยาม ๒๗ มิถุนายน ค.ศ. ๑๘๖๑" แล้วจะได้ร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติ ศาสตร์ และขณะเดียวกันก็แสดงความงดงามประ ณีตของเครื่องมงคลราชบรรณาการ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเครื่องราชูปโภค เครื่องสูง อันชวนให้หลงใหล หากแต่อยู่ที่สายพระเนตรของรัชกาลที่ ๔ และทรงเอาพระราชหฤทัยใส่อย่างจริงจัง เพื่อสร้างมิตรไมตรีให้สยามรอดพ้นจากการยึดครองดินแดนของมหา อำนาจตะวันตก






ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จัดงานบรรยายทางวิชาการ "เครื่องมงคลราชบรรณาการ ในรัชกาลที่ ๔ ที่ประเทศฝรั่งเศส: มรดกศิลป์ของชาติที่คนไทยไม่เคยเห็น" และการแนะนำแตนโบล คณะราชทูตสยาม ๒๗ มิถุนายน ค.ศ. ๑๘๖๑" หนังสือเรื่อง "ราชอาณาจักรสยาม ณ พระราชวังฟงแตนโบล คณะราชทูตสยาม ๒๗ มิถุนายน ค.ศ. ๑๘๖๑" หนังสือเรื่อง "ราชอาณาจักรสยาม ณ พระราชวังฟงเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๗ ณ หอประชุม ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร





พระราชยานกง



พลตรี ม.ร.ว.ศุภวัฒย์ เกษมศรี นักประวัติศาสตร์ อาวุโส ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ว่า รัชกาลที่ ๔ ทรงตั้งพระราชหฤทัยรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ที่ขาดหายไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นับตั้งแต่ปี ๒๓๙๙ มีพระราชดำริแต่งคณะราชทูตสยามให้เชิญพระราชสาส์นและเครื่องมงคลราชบรรณาการไปถวายพระจักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ แห่งฝรั่งเศส แต่กว่าที่จะสำเร็จได้ต้องรอเกือบ ๕ ปี กระทั่งในปี ๒๔o๔ คณะราชทูตสยามเดินทางถึงฝรั่งเศสโดยเรือ ได้เข้าเฝ้าพระจักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ และถวายพระราชสาส์นพร้อมทั้งเครื่องมงคลราชบรรณาการ






นักวิชาการประวัติศาสตร์อาวุโสเผยว่า ผลจากการสร้างมิตรสัมพันธ์ครั้งนั้น ทำให้ฝรั่งเศสมีอำนาจเข้ามาตั้งกงสุลฝรั่งเศสประจำสยาม ตั้งโรงเรียน โรงพยาบาลของคาทอลิกได้ มีเสรีภาพด้านศาสนา ไม่ผิดแปลกจากการทำสนธิสัญญาเบาว์ริงกับอังกฤษก่อนหน้านี้ แต่ทรงไม่ต่อต้าน เพราะทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวต่อมหาอำนาจ มิเช่นนั้นจะพ่ายแพ้แบบอินเดีย, ลังกา, พม่า, ญวน





พระมหามงกุฏ กับพระธำมะรงค์นพรัตนและตลับทองคำสำหรับบรรจุ



และขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของสยามก็ได้เป็นที่รับรู้ในโลกตะวันตกมากขึ้น การเปิดความสัมพันธ์ทำให้บ้านเมืองพัฒนาหลายด้าน การค้าเจริญรุ่งเรือง สินค้าส่งออกของไทยอย่างข้าวและไม้สักเพิ่มขึ้น ด้านเรือตัวแทนบริษัทของฝรั่งเศสเข้ามา ๒๕ ลำต่อปี เดิมมี ๕ ลำ ทั้งยังตั้งห้างร้านขายสินค้าแก่ชาวสยาม และในครั้งนั้นได้นำศิลปวิทยาการใหม่ ๆ มาสร้างความรู้แก่ชาวสยาม






อรรถดา คอมันตร์ กรรมการบริหาร บริษัท สำนักพิมพ์ สยาม เรเนซองส์ จำกัด กล่าวว่า เล่มนี้เป็นผลงานล่าสุดของสำนักพิมพ์ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำสิ่งพิมพ์ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ ของล้ำค่า และภาพโบราณ แรงบันดาลใจที่นำหนังสือนี้มาแปลเป็นไทยเกิดเมื่อ พลตรี ม.ร.ว.ศุภวัฒย์ เกษมศรี นำหนังสือฉบับภาษาฝรั่งเศสมาให้อ่าน ตื่นเต้นเมื่อได้เห็นภาพสิ่งของเครื่องมงคลราชบรรณาการจากสยาม ผนวกกับพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี ราชทูตในเหตุการณ์นั้นเป็นบรรพบุรุษของมารดาตัวเอง จึงอยากเผยแพร่คุณงามความดีของท่าน จึงติดต่อสำนักพระราชวังฟงแตนโบลจนได้นำมาแปล





พระมหามงกุฎจำลอง



"ถือเป็นหนังสือสวยงามไม่น้อยหน้าต้นฉบับ เชื่อว่าจะเติมเต็มหน้าประวัติศาสตร์ที่หายไป ๑๖o ปี ภาพปกมาจากภาพวาดของฌอง-เลออง เฌโรม เป็นภาพหายากที่คนไทยไม่เคยเห็น ภาพคณะราชทูตสยาม บาทหลวงลาร์โนดีที่มีบทบาทสำคัญในสมัย ร.๔ เครื่องมงคลราชบรรณาการส่งไปทั้งหมด ๔๘ หีบ เช่น พระมหามงกุฎที่พระราชวังได้ประเมินมูลค่าเป็นเงินถึง ๗o,ooo ฟรังก์ในสมัยนั้น เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ส่วนหนึ่งถูกขายทอดตลาดเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา และยังมีบทความเรื่องต่าง ๆ เป็นอีกมุมที่ฝรั่งเศสมองสยาม" อรรถดาแนะนำหนังสือเล่มนี้





พระมหามงกุฎ



ขณะที่ ผศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี ผู้แปล เผยว่า หนังสือเล่มนี้ทำให้คนไทยได้มีโอกาสเห็นความงามของเครื่องมงคลราชบรรณาการ ยกเว้นใครที่เคยไปพิพิธภัณฑ์พระราชวังฟงแตนโบล จะเห็นสิ่งของนี้จัดเก็บที่ห้องจีน รวมกับสิ่งของต่าง ๆ จากการเจริญความสัมพันธ์กับจีนและญี่ปุ่น ถือเป็นห้องเอเชียอาคเนย์ แต่พระราชวังฟงแตนโบลไม่ใช่เป้าหมายของคนไทยที่ไปเที่ยวฝรั่งเศสเหมือน ช็องเซลีเซ หรือหอไอเฟล คนไทยส่วนใหญ่จึงไม่เคยเห็น





พระมหามงกุฏ กับพระธำมะรงค์นพรัตนและตลับทองคำสำหรับบรรจุ





ดารานพรัตน



อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.ปรีดีกล่าวว่า ปี ๒๔o๔ รัชกาลที่ ๔ ทรงแต่งคณะราชทูตสยามไปฝรั่งเศส นับจากครั้งสุดท้ายที่ออกพระวิสุทสุนทร (ปาน) เดินทางไปเมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๘ ทิ้งช่วงนานถึง ๑๗๖ ปี เครื่องมงคลราชบรรณาการที่สยามส่งไปถวายพระจักรพรรดินีเออเฌนีแห่งฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่ต้องพระทัยมาก จึงให้จัดเก็บไว้ที่พระราชวังฟงแตนโบล ซึ่งเป็นที่เสด็จออกรับคณะราชทูตเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔o๔ ครั้งนั้นคณะราชทูตประกอบด้วย พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี (แพ บุนนาค) จางวางพระคลังสินค้า เป็นราชทูต เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (วอน บุนนาค) เป็นอุปทูต และพระณรงค์วิชิต (จอน บุนนาค) เป็นตรีทูต พร้อมคณะผู้กำกับเครื่องมงคลบรรณาการรวม 28 คน มีล่าม คือ บาทหลวงหลุยส์ ลาโนดี





พระแสงกริช



สำหรับเครื่องมงคลบรรณาการ นักวิชาการประวัติศาสตร์จำแนกประเภทให้ฟังว่า มีทั้งพระบรมฉายาลักษณ์และพระรูป เครื่องราชูปโภคทองคำ เครื่องสูง เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ เครื่องราชาวุธ เครื่องมงคลอื่น ๆ เช่น ฉากรูปพระแก้วมรกต สิ่งของจัดเตรียมอย่างประณีต ทำให้เห็นถึงความตั้งพระราชหฤทัยโปรดให้ช่างสร้างสรรค์เครื่องมงคลที่วิจิตรงดงาม และที่สำคัญสิ่งของอยู่ในสภาพดี สะท้อนการจัดเก็บศิลปวัตถุในพิพิธภัณฑ์ฝรั่งเศสที่มีระบบและคุณภาพ





พระราชยาน



อาจารย์ปรีดีเล่าอีกว่า ๔ ปีก่อนหน้าคณะทูตไปฝรั่งเศส คณะราชทูตสยามชุดหนึ่งก็ได้ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ก็ได้อัญเชิญเครื่องมงคลราชบรรณาการไปถวายแล้วครั้ง ๑ แต่ก็ยังไม่ได้เห็นของจริงว่ามีหน้าตาอย่างไร มีเพียงหน้าหนังสือพิมพ์ที่เขียนวาดเส้นสิ่งของเหล่านั้นไว้ แต่สำหรับสิ่งของที่จัดเก็บที่พระราชวังฟงแตนโบลยังอยู่ในสภาพงดงามสมพระเกียรติยศ ทำให้คณะภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์สามารถจัดแสดง พร้อมทำหนังสือคู่มือประกอบนิทรรศการเมื่อปี ๒๕๕๔ ได้





พระราชยาน พระวอ เครื่องสูงต่าง ๆ นานา



"เครื่องมงคลสำคัญอย่างสังขอุตราวัฏ เครื่องทองคำลงยาราชาวดี ส่วนเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ พระมหามงกุฎลงยาประดับเพชร มรกต ทับทิม เป็นมาสเตอร์พีซ สำแดงความเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกตะวันออกที่มอบให้จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของโลกตะวันตก" ผศ.ดร.ปรีดีย้ำ





รัดพระองค์ประดับมรกต








ในหนังสือเล่มนี้ ผู้แปลซึ่งสนใจประวัติศาสตร์และมนุษยศาสตร์ระบุว่า ภาพถ่ายคณะราชทูตสยามก็น่าสนใจ เพราะนาดาร์ ช่างภาพฝรั่งเศสได้ขอบันทึกภาพคณะราชทูตทั้งเดี่ยวและหมู่ไว้ รูปถ่ายนั่ง หันข้าง แต่งตัวอย่างไทย เพื่อศึกษาในเชิงมานุษยวิทยาอีกด้วยเครื่องมงคลราชบรรณาการในรัชกาลที่ ๔ สร้างความหลงใหลเพียงใดแก่ผู้รับนั้น ผศ.ดร.ปรีดีหยิบยกจดหมายเหตุของพระณรงค์ (จอน บุนนาค) ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๓o กล่าวทิ้งท้ายของการแนะนำหนังสือเล่มนี้ ความว่า "สมเด็จพระเจ้าแอมปอเรอนั้นตรัสภาษาฝรั่งเศส แอมปอเรอพระมเหสีนั้นตรัสภาษาอังกฤษ แล้วเสด็จเลยไปทอดพระเนตรเครื่องมงคลบรรณาการ รับสั่งว่าฝีมือช่างไทยทำสิ่งลงยาลายสลักประดับเพชร ประดับพลอยงามกว่าของในประเทศอื่น แล้วเสด็จขึ้น ..."


หนังสือเล่มนี้ทรงคุณค่าและคู่ควรแก่การเก็บสะสมสำหรับทุกคน ทุกบ้าน ทุกห้องสมุด สั่งซื้อหนังสือได้ที่บริษัท สำนักพิมพ์ สยาม เรเนซองส์ จำกัด โทร.o-๒๖๗๒-๔๘๕๓, o-๒๖๓๓-๕๕๓๓.



ภาพและข้อมูลจาก
นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ๕ มี.ค. ๒๕๕๗
ryt9.com
กระทู้ภาพเครื่องราชบรรณาการของรัชกาลที่ ๔ ในฝรั่งเศส














"ศิลปธรรมชาติในไวน์”


ไวน์ เมรัยอมตะ ที่ยึดโยงเข้ากับอารยธรรมมนุษยชาติตั้งแต่สมัยอาณาจักรอียิปต์โบราณเมื่อกว่า ๕,ooo ปีที่แล้ว ก่อนที่ไวน์น้ำผลไม้หมักจะกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในอาณาจักรโรมันและเป็นเหตุให้ชาวโรมันต้องบุกยึดดินแดนข้างเคียงที่เป็นเขตที่ปลูกองุ่นได้ดีมาอยู่ภายใต้อุ้งมือ เพื่อเหตุผลง่าย ๆ ว่า ชาวโรมันจะได้มีไวน์ดื่มกินกันอย่างฟุ่มเฟือยตลอดทั้งปี


ไวน์ เกิดจากการนำน้ำผลไม้มาหมักกับยีสต์ที่จะแปรเปลี่ยนน้ำตาลในน้ำผลไม้ (ส่วนใหญ่จะใช้องุ่น) ให้เป็นแอลกอฮอล์ และนำไปผ่านการกรอง ปรุงแต่งรสและกลิ่น ก่อนนำมาบรรจุขวดและดื่มกินกันในที่สุด ดังนั้นไวน์จะแตกต่างจากคอนยัคที่ใช้องุ่นเป็นต้นกำเนิดเช่นเดียวกันที่กระบวนการผลิต โดยคอนยัคจะผ่านกระบวนการกลั่นเพื่อนำแอลกอฮอล์ที่ได้ไปหมักในถังไม้โอ๊คเพื่อให้ได้กลิ่นไม้และกลิ่นอื่น ๆ ในถังหมักตามแต่สูตรของผู้ผลิตแต่ละราย






ดังนั้น รสชาติและกลิ่นของไวน์จะขึ้นอยู่กับสารอินทรีย์ที่อยู่ในน้ำองุ่น เช่น กรดแทนนิน ที่ให้รสฝาด น้ำตาล ที่ให้รสหวาน และแอลกอฮอล์ที่เกิดจากการหมัก ที่ให้ความรู้สึกเมาเมื่อดื่มเข้าไปมาก ๆ


แต่ไวน์ยังซ่อนความลับสำคัญไว้อีกประการที่น้อยคนนักจะคิดถึง และพยายามค้นหา ก็คือ ความงดงามของเกล็ดอนุมูลอินทรีย์ที่เป็นต้นกำเนิดของรสชาติและกลิ่นของไวน์ ดังที่ดอกเตอร์ แกรี่ กรีนเบิร์ก นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพวัตถุขนาดเล็ก เพียรพยายามค้นหาศิลปะที่ซ่อนไว้ในเนื้อไวน์ชนิดต่าง ๆ และได้ผลเป็นภาพเกล็ดน้ำตาล เกล็ดอนุมูลสารอินทรีย์ที่มีรูปร่างและสีสันต่างๆ ซ่อนอยู่ในเนื้อไวน์เช่นภาพที่นำมาประกอบ






ดอกเตอร์กรีนเบิร์กใช้หยดของไวน์มาส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ที่เชื่อมต่อกับกล้องถ่ายรูป ก่อนขยายภาพหลายร้อยเท่าจนสามารถเห็นงานศิลป์ที่ซุกซ่อนอยู่ในเนื้อไวน์เช่นนี้ เขาได้นำเอาไวน์ที่ผลิตจากองุ่นพันธุ์ แมร์โล โบโยเลส์ และซินฟานเดล มาส่องและก็พบว่าอนุมูลสารอินทรีย์ที่อยู่ในเนื้อไวน์จากองุ่นแต่ละพันธุ์ก็มีความแตกต่างกัน และนั่นก็สามารถเชื่อมโยงกับความจริงที่ว่าองุ่นแต่ละพันธุ์มีรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป


แต่ไม่ว่าจะอย่างไรผลงานของดอกเตอร์กรีนเบิร์กถือได้ว่าเป็นงานศิลป์ที่ถ่ายทอดความงดงามของธรรมชาติที่น้อยคนนักจะคิดถึง เพียงดื่มด่ำกับรสชาติของไวน์โดยไม่ได้คิดถึงมุมมองอันลึกซึ้งเช่นนี้



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














"The Remastered”


หากจะนิยามคำ ว่าร่วมสมัยกับศิลปะในยุคปัจจุบัน คงจะเป็นไปได้ยากที่จะกำหนดขอบเขตของสิ่งที่เราจะเรียกมันว่าร่วมสมัย The Remastered (ทับลาย) เองก็เช่นกัน ชุดผลงานจิตรกรรมที่ได้แรงบันดาลใจจากการใช้รูปแบบองค์ประกอบจิตรกรรมชั้นครูจากทางฝั่งตะวันตกอันได้รับการยกย่องและยอมรับไปทั่วโลก ว่าเป็นผลงานระดับ Masterpiece ทว่าอีกซีกโลกหนึ่งนั้น ยังมีมนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเร้นอันเต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง ผลงานศิลปะที่ซึ่งบางครั้งไม่สามารถระบุตัวตนผู้สร้างสรรค์ได้ชัดเจน แต่กลับบันทึกเรื่องราววิถีชีวิตวัฒนธรรม และที่สำคัญ “ความเชื่อ” ฝากฝังไว้บนฝาผนังและพับสาของอารยธรรมล้านนาคงหลงเหลือ หากเมื่อเราได้ลองพินิจดูดี ๆ แล้ว อาจเห็นได้ว่าจินตนาการที่ปรากฏในผลงานจากทั้งสองซีกโลกนั้นมีส่วนคล้ายคลึง กันอย่างน่ามหัศจรรย์ อาทิ ความเชื่อเรื่องนรก – สวรรค์, เทพเจ้า, บ้างแอบเร้นเรื่องราวคำสอนและความเสน่หาทางเพศ


จากจุดนี้เองที่ได้ถูกนำมาใช้เป็นดังกาวประสานเชื่อมโยงความคิดในการสร้าง สรรค์ผลงานทับลายระดับครู (ฝรั่ง) เขียนทับด้วยลายครูนิรนามแห่งจิตวิญญาณช่าง (สล่า) ล้านนา นำมาบอกเล่าเรื่องราวเพศสภาพในปัจจุบันกาลที่ไม่มีขีดจำกัดเพศเป็นเพียง ชาย – หญิง เพื่อเปิดเผยแง่มุมความรักใคร่เสน่หา การมีตัวตนที่มาพร้อมกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเท่าเทียมกันโดยมิ ต้องหลบซ่อนเฉกเช่นเดียวกับอดีตกาล คือยุครุ่งเรื่องแห่งอิสรภาพทางเพศ แม้ผลงานชุดนี้อาจมีแนวความคิดเทียบเคียงได้กับงาน Reproduct แต่ผลงานชุด “ทับลาย” หรือ The Remastered ได้แสดงออกแล้วถึงความเป็นศิลปะร่วมสมัย ร่วมเชื้อชาติ ร่วมทุกสภาวะเพศสภาพ อยู่เหนือกาลเวลา ปลุกชีพตำนานเก่า เพื่อขับขานเล่นเล่าเรื่องราวใหม่อย่างมีสีสัน


ขอเชิญทุกท่านพบปะพุดคุยกับศิลปิน รับสูจิบัตร และร่วมพิธีเปิดในวันพฤหัสบดีที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.


นิทรรศการ : The Remastered (ทับลาย)
ศิลปิน : กฤษฎางค์ อินทะสอน
วันที่ : ๗ สิงหาคม – ๖ กันยายน ๒๕๕๗
สถานที่ : นัมเบอร์วันแกลอรี่ อาคาร เดอะสีลมแกลเลอเรีย ชั้น ๔ กรุงเทพฯ
รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับนิทรรศการติดต่อ : o๒-๖๓o-๒๕๒๓
สามารถโหลดไฟล์ภาพขนาดใหญ่ได้ที่ : number1gallery.com















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














"Blur Blur”


ในโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างซับซ้อน และสับสนจนยากที่จะแยกแยะว่าสิ่งใดจริง และสิ่งใดเท็จท่ามกลางการไหลบ่าของกระแสโลกาภิวัฒน์ ความรวดเร็วของการติดต่อสื่อสาร ทำให้เราทุกคนติดอยู่ในโลกที่หมุนอย่างรวดเร็ว การเลือกและตัดสินใจอย่างถูกต้องและชัดเจนจึงเป็นปัญหาสำหรับสังคมยุคใหม่ กำธร นำเสนอ ภาพถ่ายที่เน้นการพิจารณาร่องรอย พื้นผิวที่ผ่านกาลเวลาของสถานที่ต่าง ๆ ที่เขาเก็บบันทึกมาจากการเดินทางจากหลายสถานที่ทั้งยุโรป และ ประเทศแถบตะวันออก เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าอดีตเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่เราจะก้าวเข้าสู่อนาคต


ส่วนกฤษณะ นำเสนองานจิตรกรรมแนวเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ ที่มุ่งเน้นจิตวิญญาณการแสวงหาของมนุษย์ร่วมสมัยที่ไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรม ที่มีพื้นฐานมาจากพุทธปรัชญา


ขอเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการในวันที่ ๒o สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.

นิทรรศการ : “เบลอ เบลอ” (Blur Blur)
ศิลปิน : กำธร เภาวัฒนาสุข, กฤษณะ ชัยกิจวัฒนะ
วันที่ : ๒o สิงหาคม – ๔ กันยายน ๒๕๕๗
สถานที่ : ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๑ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : o๒-๒๑๘-๓๗o๙ / o๘๕-๙๔๕๗-๗๔๖
ติดต่อศิลปิน : o๙๑-๔๑๔-๘๓๗๘ (กฤษณะ)















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














“สีสัน...การเดินทาง” (Impression of my journey)


ศิลปิน : กิตติศักดิ์ บุตรดีวงศ์ (Kittisak Buddeewong)
ลักษณะงาน : จิตรกรรมสีน้ำ
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๑ – ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗
พิธีเปิดนิทรรศการ : ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓o น.
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๑
ติดต่อศิลปิน : o๘๖-๗๕๖-๔๙๒๘


แนวความคิด

ชีวิตมีการเดินทางตลอดเวลา ทุกการเดินทางไปสู่แต่ละที่ล้วนมีเรื่องราวความน่าสนใจ ทั้งในด้านความมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน อาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง โดยเฉพาะทิวทัศน์ธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา สายน้ำฯลฯ ล้วนมีสีสันหลากหลาย มีเสน่ห์น่าหลงใหล อาจมีความแปลกแตกต่าง หรือบางแห่งอาจคล้ายคลึงกันด้วยความเกี่ยวพันทางภูมิประเทศ ชวนค้นหา เรียนรู้ เป็นอย่างยิ่ง


ทุกสิ่งที่ได้ไปสัมผัส ก่อไห้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ ผลงานชุดนี้มีประมาณ 100ภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เขียนจากข้อมูลที่บันทึกไว้จากการเดินทางทั้งในและต่างประเทศในหลายช่วงเวลา ได้แก่ เนปาล ปี ๒ooo กัมพูชา ปี ๒oo๑ พม่า ปี ๒oo๖ จีน ปี ๒oo๗ อินเดีย แคชเมียร์ ปี ๒o๑o และตุรกี ปี ๒o๑๑ ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพเขียนสีน้ำบนกระดาษ และมีบางส่วนเป็นภาพสเกตซ์ปากกา สีชอล์ก


แม้ในระยะหลังจะไม่ค่อยได้เดินทางไกล หากแต่ภาพความงามอันน่าประทับใจที่ได้ผ่านพบนั้นยังคงตราตรึงในความทรงจำซึ่งเป็นที่มาของการทำงานในชุดนี้ เช่นเดียวกับทุกผู้ทุกคนที่ชอบการเดินทาง และพบว่า สีสันการเดินทางนั้นคือ ความสุขอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มให้กับชีวิต







ภาพและข้อมูลจากเวบ
chamchuriartgallery.blogspot.com














"NATURE & SOCIETY”


ถือเป็นปีที่ ๒ แล้ว สำหรับนิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส “Nature & Society” ที่จะเปิดให้เข้าชมเป็นเวลา ๒ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ถึง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก โดยนิทรรศการในปีนี้นั้นได้เปิดโอกาสให้เหล่านักออกแบบชาวไทยมากด้วยความสามารถ ๕ ท่าน จาก ๔ แบรนด์ อันได้แก่ Tawn C. Saprang Sarrann และ Kamuilim Fine Art & Décor ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะแขนงต่างๆกัน โดยใช้สถานที่ในโรงแรมฯเป็นพื้นที่จัดแสดงผลงาน


มิสเตอร์อีฟ มูดรี ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก กล่าวว่า “นับเป็นปีที่ 2 แล้วที่ทางโรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก ได้จัดนิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส “Nature & Society” เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของโรงแรมที่เน้นในด้านศิลปะ การดีไซน์ และแฟชั่น และในปีนี้เป็นการแสดงผลงานของ ๕ นักออกแบบ จาก ๔ แบรนด์ดัง โดยนักออกแบบทุกท่านมีโอกาสได้ตีความ และแสดงความคิดสร้างสรรค์กันอย่างเต็มที่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Nature & Society” โดยคอนเซ็ปต์นี้ได้สะท้อนถึงแนวคิดของโรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก โรงแรมดีไซน์แห่งแรกที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมือง โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากสวนลุมพินีซึ่งเป็นตัวแทนของธรรมชาติ”


และทางโรงแรมจะมีการจัดงานเปิดตัวนิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส “Nature & Society” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๗ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก โดยไฮไลท์ของงาน คือแฟชั่นโชว์จากทั้ง ๔ แบรนด์ Tawn C. Saprang Sarran และ Kamuilim Fine Art & Décor


ตลอดเวลา ๒ เดือนที่จัด นิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส “Nature & Society” ทางโรงแรมฯ ได้จัดเตรียมข้อมูลของนักออกแบบ และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานไว้ให้แก่ผู้เข้าชม โดยคุณธรณ ชัชวาลวงศ์ (แบรนด์ Tawn C.) คุณสิริการย์ จิรัฎฐ์ภาสกรกุล และคุณสุพจน์ สุวรรณสิงห์ (แบรนด์ Saprang) คุณศรัณย์ อยู่คงดี (แบรนด์ Sarran) จัดผลงานแสดงที่บริเวณพาร์ค ล็อบบี้ ชั้น ๙ และคุณปรีชา ลิม (แบรนด์ Kamuilim Fine Art & Décor) จัดผลงานแสดงที่บริเวณชั้น ๗ ของโรงแรมฯ


เกี่ยวกับนักออกแบบ

คุณธรณ ชัชวาลวงศ์

หนึ่งในนักออกแบบดาวรุ่งชื่อดังเจ้าของแบรนด์ Tawn C. ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับสุภาพสตรี ที่มีความโดดเด่นในการออกแบบ คุณภาพในการตัดเย็บ และใช้เนื้อผ้าคุณภาพดีพร้อมลายพิมพ์ โดยคุณธรณ และแบรนด์ Tawn C.ได้เข้าร่วม Bangkok International Couture Fashion Week ในปี ๒o๑๑ และถือเป็นปีที่ ๒ ที่คุณธรณ ได้เข้าร่วมนิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส “Nature & Society” โดยผลงานที่นำเสนอในปีนี้คือ “Fashion Playground” ที่คุณธรณได้นำเสนอมุมมองความสัมพันธ์ระหว่างวงการแฟชั่น และสังคม


คุณสิริการย์ จิรัฎฐ์ภาสกรกุล และคุณสุพจน์ สุวรรณสิงห์

คุณสิริการย์ และคุณสุพจน์ ได้ก่อตั้งแบรนด์ Saprang ในปี ๒oo๗ โดยได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน International Gift and House wares Fair (BIG &BIH) ประจำปี ๒oo๗ ผลงานของแบรนด์ Saprang นั้น จะเป็นการตีความมุมมองธรรมชาติ อาทิเช่น ดอกไม้ และใบไม้ ออกมาเป็นผลงานประเภทเครื่องประดับทองเหลือง ได้แก่ กำไลข้อมือ สร้อยคอ ต่างหู เป็นต้น ผลงานที่คุณสิริการย์ และคุณสุพจน์ ได้นำเสนอในนิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส “Nature & Society” ครั้งนี้ คือ “Space of Happiness”โดย แฝงสัจธรรมที่ว่า ธรรมชาติเป็นแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่ง เป็นวัฎจักร แห่งจักรวาลและการมีชีวิต มีความจริงของเวลาเป็นตัวกำหนด ในการออกแบบได้นำลายพฤกษศาสตร์ สัตว์นานาพันธุ์ ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อสะท้อนคุณค่าความงดงามของธรรมชาติที่สอนให้เรารู้จักใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะต่อสังคมรอบตัวเรา


คุณศรัณย์ อยู่คงดี

คุณศรัณย์ เจ้าของแบรนด์ Sarran เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านงานฝีมือ การออกแบบตกแต่งภายใน และการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยคุณศรัณย์ได้ทำการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งชุมชนทั่วประเทศไทย เกี่ยวกับเทคนิค และภูมิปัญญาชาวบ้าน และนำมาผสมผสานกับศิลปะสมัยใหม่ในการสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงาน อันได้แก่ เครื่องประดับ ของตกแต่งภายในบ้าน และของประดับตกแต่งต่าง ๆ นอกเหนือจากนี้คุณศรัณย์ยังได้ค้นพบเส้นใยธรรมชาติที่มีความทนทานถึงแม้ว่าจะแช่ในน้ำทะเลถึง ๒ ปี และนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน และในนิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส “Nature & Society” ครั้งนี้ คุณศรัณย์ได้นำเสนอผลงาน “Hide in Bangkok” ในแง่มุมที่ว่า ไม่ว่ามนุษย์ หรือสัตว์ ก็ไม่สามารถซ่อนตัวเองจากสังคมได้ แต่จะต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสังคมนั้น ๆ


คุณปรีชา ลิม

คุณปรีชา เป็นนักออกแบบ จิตรกร และเจ้าของแบรนด์ Kamuilim Fine Art & Décor โดยผลงานในแบรนด์ของคุณปรีชาเป็นแบบ limited edition อันได้แก่ ผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า กระเป๋า และชุดสูท คุณปรีชายังได้เข้าร่วมในการวาดจิตรกรรมฝาผนัง ที่วัดกุสินารา ประเทศอินเดียอีกด้วย ผลงานที่คุณปรีชา ได้นำเสนอในนิทรรศการศิลปะ และแฟชั่นโชว์เคส “Nature & Society” ครั้งนี้ คือ “Beauty is the Truth in Nature” เสนอแง่คิดที่ว่า “ความงามเป็นความจริงตามธรรมชาติ” แฝงไว้ด้วยสัจธรรมที่ว่า ธรรมชาติเป็นแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่ง เป็นวัฎจักร แห่งจักรวาลและการมีชีวิต มีความจริงของเวลาเป็นตัวกำหนด โลกนี้ไม่มีเรื่องเหนือธรรมชาติ ก็จะเหนือธรรมชาติได้อย่างไรในเมื่อทุกสรรพสิ่งคือธรรมชาติ “ธรรมดา ธรรมชาติ ธรรมะ” ในการออกแบบได้นำลายพฤกษศาสตร์ สัตว์นานาพันธุ์ ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อสะท้อนคุณค่าความงดงามของธรรมชาติที่สอนให้เรารู้จักใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะต่อสังคมรอบตัวเรา


นิทรรศการ : Nature & Society
ศิลปิน : ธรณ ชัชวาลวงศ์, สิริการย์ จิรัฎฐ์ภาสกรกุล และสุพจน์ สุวรรณสิงห์, ศรัณย์ อยู่คงดี, ปรีชา ลิม
วันที่ : ๑ กันยายน – ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : o๒-๖๒๔-oooo
อีเมล : h6835@sofitel.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














"วาดเส้น-เล่นสี”


สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ขอเชิญสมาชิกและผู้สนใจร่วมกิจกรรมอบรมการวาดภาพธรรมชาติเบื้องต้น "วาดเส้น-เล่นสี กับสมิทธิ์ สุติบุตร์" หรือ คุณเต นักวาดภาพธรรมชาติ


ระหว่างวันที่ ๒-๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ที่ทำการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย


เลขที่ ๒๒๑ หมู่ ๒ ถนนงามวงศ์วาน ซอย ๒๗ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี (ใกล้พันธุ์ทิพย์พลาซ่าและเดอะมอลล์งามวงศ์วาน เข้าซอยงามวงศ์วาน ๒๗ ประมาณ ๑oo เมตร ระหว่างแยก ๑ กับแยก ๒)


ค่าใช้จ่ายเป็นการบริจาค ท่านละ ๒,๕oo บาท (สองวัน) พิเศษสำหรับสมาชิกสมาคมอนุรักษ์นกฯ ๒,ooo บาท เท่านั้น


รายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายสนับสนุนการปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้เรื่องนกและระบบนิเวศบ้านปากทะเล อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี (อาคารบริเวณนาเกลือซึ่งเป็นพื้นที่หากินของนกอพยพหลายชนิด รวมทั้งนกชายเลนปากช้อนซึ่งมีความสำคัญในระดับนานาชาติ)


สมาชิกหรือผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ทางอีเมล์ โดยส่งชื่อ-สกุล หมายเลขโทรศัพท์และเลขสมาชิก(กรณีที่เป็นสมาชิก) ของท่านไปยังอีเมล์ member@bcst.or.th อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน โทร. o-๒๕๘๘-๒๒๗๗ และ o๘-๖๓๗๖-๖๘๒๔


กำหนดการ

วันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๗


๑o.oo - ๑๒.oo น. พื้นฐานการวาดภาพธรรมชาติการ drawing ลงน้ำหนัก-แสงเงาด้วยดินสอ ปากกา หมึก

๑๓.oo - ๑๖.oo น. ฝึกทักษะการวาดเส้นหุ่นนิ่ง ดอกไม้-ใบหญ้า ฝึกวาดภาพนก-สัตว์ป่าจากภาพถ่าย


วันอาทิตย์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๗


๑o.oo - ๑๒.oo น. เทคนิคการใช้สีประเภทต่างๆ เช่น สีน้ำ สีโปสเตอร์ สีเทียน สีไม้

๑๓.oo - ๑๖.oo น. ฝึกทักษะการวาดภาพ-ระบายสี ดอกไม้-ใบหญ้า ฝึกวาดภาพนก-สัตว์ป่าจากภาพถ่าย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"นิทรรศการ "๑๗ ๑ ๘o จาก ๑ เส้น ๑ สู่ ๑ สร้าง" ”


เป็นนิทรรศการซึ่งจัดขึ้นในวาระครบรอบ /๘o ปี สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยได้ระดม ๒o ช่างภาพสถาปัตยกรรมมาถ่ายทอดมุมมองของตนเอง โดยมี ตัวตนและผลงานของ ๑๗ สถาปนิกผู้ถูกเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นแบบ


ดังนั้นนอกจากจะเป็นนิทรรศการที่ทำให้เราได้มีโอกาสชื่นชมผลงานสถาปัตยกรรมที่สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงของไทยเราออกแบบไว้หลายสถานที่ รับเอาแรงบันดาลใจจากปรัชญา แนวคิด ผลงาน รวมไปถึงทัศนคติต่าง ๆ เกี่ยวกับวงการสถาปัตยกรรมในประเทศไทย ยังทำให้เราได้มีโอกาสทำความรู้จักกับงานภาพถ่ายแนวสถาปัตยกรรมของบรรดาช่างภาพผู้เรียกตัวเองว่า Architectural Photographers


ระหว่างวันที่ ๑-๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สอบถาม สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ โทร. o-๒๓๑๙-๖๕๕๕


และอีกงานคือเสวนา "สถาปัตยกรรมกับการพัฒนาชุมชนยั่งยืน" โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ได้เชิญ


ปฐมา หรุ่นรักวิทย์ สถาปนิกรางวัลศิลปาธรปี ๒๕๕๓ ,สุริยะ อัมพันศิริรัตน์ สถาปนิกรางวัลศิลปาธรปี ๒๕๕๗, รศ.ต้นข้าว ปาณินท์ อาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และ ถวัลย์ วงษ์สวรรค์ (สถาปนิก)


มาเล่าประสบการณ์ของการเป็นสถาปนิกกับงานในพื้นที่ชุมชน พร้อมทั้งไขข้อข้องใจว่า "งานสถาปัตย์ก็เข้าถึงชุมชนเล็ก ๆ ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ"


วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.oo - ๑๖.oo น. อันเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ "สถาปัตยกรรมกับการพัฒนาชุมชนยั่งยืน" ระหว่างวันที่ ๒๙ กรกฎาคม - ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ชั้น ๓ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน โทร. o-๒๔๒๒-๘๘๒๔











ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"ได้เวลาของ Super Hero”


ในปี ๒oo๙ ศิลปินรุ่นใหม่ ธีรวัฒน์ กอบกิจวัฒนะ จบการศึกษาด้านศิลปะจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พร้อมด้วยผลงานวาดเส้นในชุด Super Hero ที่ทำให้ธีรวัฒน์เริ่มเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา


ธีรวัฒน์มีความสามารถในการผนวกทักษะในการวาดเส้นเข้ากับอารมณ์ขัน เสียดสี ที่เขามักใช้อธิบายความคิดที่มีต่อสังคมและบุคคลรอบข้างผ่านภาพพฤติกรรมตลกๆของ Super Hero ที่เขาประดิษฐ์ขึ้น


และที่ผ่านมาเคยผลงานจัดแสดงให้ชมผ่านนิทรรศการมีคู่กับพร้อมธรรม ศิลปินรุ่นใหม่อีกคน ที่ประเทศสิงคโปร์ ในปี ๒o๑๑


ปัจจุบันธีรวัฒน์อาศัยอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีและยังคงทำงานวาดเส้นในแบบฉบับของเขาอยู่อย่างต่อเนื่อง


ล่าสุด ธีรวัฒน์ เป็น ๑ ใน ๕ ศิลปินที่ Gallery D-9 เลือกนำเสนอผลงานของเขาผ่านนิทรรศการ Young Thai Contemporary Emerging ในฐานะศิลปินผู้กำลังเป็นที่สนใจ และ ถูกจับตามอง จากวงการศิลปะภายนอกประเทศโดยเฉพาะภูมิภาค South East Asia ขณะนี้


นิทรรศการ Young Thai Contemporary Emerging โดย ธีรวัฒน์ กอบกิจวัฒนะ


วันนี้ - ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วันจันทร์ - เสาร์ เวลา ๑o.oo - ๑๙.oo น. (เว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ)


ณ Gallery D-9 เลขที่ ๑o๘๕/๕ ถนนนครชัยศรี เขตดุสิตกรุงเทพ ๑o๓oo


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ korakot.d9@gmail.com หรือ กรกฎ โทร .o๘๙-๖๑๖-๖๘๖๘



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"ฟรี!! บรรยายพิเศษและสาธิตการสร้างสรรค์ผลงานโดย "เจส แดร์"
นักออกแบบและศิลปินด้านเครื่องประดับแก้วชาวออสเตรเลีย”


เจส แดร์ นักออกแบบและศิลปินด้านเครื่องประดับแก้วจากออสเตรเลีย เดินทางมาไทยเพื่อบรรยายพิเศษถึงแรงบันดาลใจ ในการทำงานและเทคนิคต่าง ๆ พร้อมสาธิตการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับแก้วอันสวยงาม ณ แอท'เทลเยฤดี สถาบันเครื่องประดับร่วมสมัยนานาชาติ กรุงเทพฯ


เจส แดร์ เป็นหุ้นส่วนของ เกรย์ สตรีท เวิร์คช็อป (Gray Street Workshop) ซึ่งเป็นสตูดิโอด้านเครื่องประดับร่วมสมัยชื่อดัง ซึ่งดำเนินงานมานานที่สุดในออสเตรเลีย เธอศึกษาเทคนิคการเป่าแก้วจากศิลปินเครื่องแก้วระดับประเทศและระดับสากล มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๘


การผสมผสานทักษะด้านงานแก้วและงานตีเหล็กอย่างมีเอกลักษณ์ ทำให้ผลงานของเจสมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ผลงานปัจจุบันของเธอเปรียบให้เห็นวิธีการที่ผู้คนใช้ในการพยายามคงสภาพของดอกไม้ ซึ่งมีความหลากหลายในแต่ละช่วงของประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะด้วยการวาดภาพ ถ่ายภาพ การทำดอกไม้แห้ง การเก็บตัวอย่างและวิธีการทางพฤกษศาสตร์


ผลงานของเธอยังได้รับอิทธิพลจากผลงานอันงดงามของลีโอโพลด์ และรูดอล์ฟ แบลชกา โดยเฉพาะผลงานพืชพรรณสมจริงซึ่งทำจากแก้ว ที่ทั้งสองรังสรรค์ให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระหว่างปี ค.ศ. ๑๘๘๗ - ๑๙๓๖


ปัจจุบัน เจส แดร์ เป็นศิลปินพำนักที่แอท'เทลเยฤดี ในโครงการของเอเชียลิงค์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสภาด้านศิลปะแห่งออสเตรเลีย (The Australia Council for the Arts) และหน่วยงานศิลปะแห่งรัฐบาลรัฐออสเตรเลียตะวันตก (Arts SA) โดยขณะที่อยู่ในเมืองไทย เจสตั้งใจที่จะศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดดอกไม้ท้องถิ่นและการใช้พวงมาลัยเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่


บรรยายพิเศษและสาธิตการสร้างสรรค์ผลงาน โดย เจส แดร์ นักออกแบบและศิลปินด้านเครื่องประดับแก้วจากออสเตรเลีย วันอาทิตย์ที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.oo - ๑๖.oo น. ณ แอท'เทลเยฤดี สถาบันเครื่องประดับร่วมสมัยนานาชาติ กรุงเทพฯ เลขที่ ๒o นภาลัย ๖ ซอยสุขุมวิท ๗o/๓ กรุงเทพฯ โทร. o๘๒-๓๒๖-๑๓o๙


การบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย











ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"ศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ ครั้งที่ ๓๑”


กว่าครึ่งศตวรรษของการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ โดยเร็ววันนี้ผลงานสร้างสรรค์จากการประกวดเตรียมแสดงเผยแพร่ขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ถนนราชดำเนิน


การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ โดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และดำเนินการแสดงต่อมาถึงปัจจุบันจำนวน ๖o ครั้งในระยะเวลา ๖๕ ปี โดยการแสดงศิลปกรรมยังคงมีจุดหมายเพื่อส่งเสริมศิลปินให้มีโอกาสแข่งขัน สร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมให้มีระดับสูงถึงขั้นมาตรฐานทัดเทียมนานาชาติ ตลอดจนเผยแพร่ผลงานให้กับประชาชนร่วมชื่นชมความงามของศิลปกรรมร่วมสมัย แลกเปลี่ยนเรียนรู้มีความเข้าใจในศิลปะร่วมกัน


สำหรับการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งนี้ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ในการแสดงผลงานดังกล่าวหลังจากมหาวิทยาลัยเชิญชวนศิลปินสัญชาติไทยส่งผลงานศิลปกรรมเข้าร่วมประกวดและแสดง โดยแบ่งประเภทของผลงานศิลปกรรมออกเป็น จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และสื่อประสม


จากผลงานจำนวนมาก คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินผลงานซึ่งประกอบด้วยศิลปินชั้นเยี่ยม นักวิชาการศิลปะและศิลปินอิสระได้ร่วมกันพิจารณา นอกเหนือจากผลงานศิลปกรรมที่ได้รับรางวัลยังมีผลงานศิลปะในประเภท ต่าง ๆ ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมแสดงรวมกว่า ๘o ชิ้นงาน


นอกจากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ในพื้นที่ศิลปะหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ในพื้นที่ดังกล่าวยังเตรียมแสดงผลงาน ศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ โดยหลังจากการประกาศผลการตัดสิน ในครั้งที่ ๓๑ ครั้งนี้ผลงานที่ได้รับรางวัลเหรียญทองศิลป์ พีระศรี ได้แก่ ประติมากรรมสลาย ของ วีรยุทธ ศรีเที่ยง นักศึกษาสาขาประติมากรรม คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยผลงานศิลปินถ่ายทอดแนวคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึงสภาวะที่ไม่เที่ยงของสังขารที่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แสดงออกด้วยรูปทรงอิสระในรูปแบบนามธรรมที่คล้ายกับรูปร่างของเถาวัลย์ที่กำลังแห้งเฉา ไม่มั่นคง ฯลฯ


นอกจากผลงานดังกล่าวการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปิน รุ่นเยาว์ ในระดับเยาวชน มหาวิทยาลัยศิลปากรได้จัดขึ้นเพื่อเสริมช่องการประกวดระหว่างศิลปะเด็กและศิลปินอาวุโส อีกทั้งมีจุดหมายเป็นเวทีศิลปะให้กับเยาวชนทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่มีการเรียนการสอนศิลปะสร้างสรรค์ศิลปะ จากที่ผ่านมาผลงานสองร้อยกว่าชิ้น คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินผลงาน ๑๕ ชิ้นงานได้รับรางวัล รวมทั้งมีผลงานที่ได้รับการคัดเลือกร่วมแสดงอีกกว่าร้อยผลงานโดยทุกผลงานมีเอกลักษณ์ ถ่ายทอดแนวคิดการสร้าง สรรค์โดดเด่น


การแสดงดังกล่าว หลังจากเผยแพร่ขึ้นในพื้นที่ศิลปะส่วนกลาง ผลงานทั้งหมดเตรียมสัญจรแสดงในส่วนภูมิภาค เช่น กัน ทั้งที่สถาบันอุดมศึกษาหลายสถานที่ อาทิ หอศิลปวัฒนธรรมภาคใต้ สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา มหา วิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จ.ปัตตานี, หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก รวมทั้งที่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดมหาสารคาม เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศิลปะร่วมกัน.


สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยและมหาวิทยาลัยศิลปกร มีความยินดีขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการแสดงศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ ครั้งที่ ๓๑ ในวันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น. ณ บริเวณโถงชั้น ๑ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน
ผลงานจากศิลปินไทยรุ่นเยาว์ฝีมือเยี่ยมและศิลปินรับเชิญแถวหน้าจำนวน ๑o๒ ผลงาน จะจัดแสดงให้ชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในห้องจัดนิทรรศการ ชั้น ๑-๓ ภายในหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ระหว่างวันที่ ๑-๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น. ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์



ภาพและข้อมูลจากเวบ
dailynews.co.th
เฟซบุคหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 01 สิงหาคม 2557
Last Update : 1 สิงหาคม 2557 23:15:31 น. 0 comments
Counter : 4527 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.