happy memories
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๒๓




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










"ขัตติยนารี ศรีพัชรินทรา”


ราวกับได้เดินทะลุกระจกเงาในนวนิยายเรื่องทวิภพ ย้อนกลับไปในสมัยเริ่มก่อตั้งโรงเรียนราชินีเมื่อราวปี ๒๔๔๗ นั่นเลยทีเดียว


เด็กผู้หญิงตัวเล็กเกล้าจุกล้อมดอกมะลิร้อย นุ่งโจงกระเบนเข้าคู่กับเสื้อคอกระเช้า ผิวขาวบางราวกับเนื้อกระเบื้อง กำลังนั่งคัดลายมือบนโต๊ะไม้สไตล์อังกฤษ เป็นส่วนหนึ่งของนักเรียนปัจจุบันที่พร้อมใจกันมาร่วมแสดงผลงานและสาธิตงานหัตถศิลป์ในขัตติยนารี ศรีพัชรินทรา นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชินีพันปีหลวง ในโอกาส ๑๕o ปีวันพระราชสมภพ และองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)ประกาศยกย่องให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก พ.ศ. ๒๕๕๖





ฉลองพระองค์คอสูงแขนยาว แบบตะวันตก ตกแต่งด้วยลูกไม้
ระบายจากไหล่รอบพระองค์ พระภูษาเยียรบับจีบแบบประยุกต์



นิทรรศการจัดขึ้นที่พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ ท้องพระโรงเดิมในสมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จมาประทับที่วังพญาไท (โดยยังปรากฏอักษรพระนามาภิไธย สผ พระนามเดิม สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี) จัดแสดงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจทางด้านต่าง ๆ อาทิเช่น ราชการแผ่นดิน ทรงเป็น "พระบรมราชินีนาถ" พระองค์แรกของสยาม ทรงได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์ ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป





ฉลองพระองค์แบบตะวันตกคอสูง แขนหมูแฮม กระโปรงบาน ทรงเมื่อครั้งตามเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประพาสสิงคโปร์และชวา ปี ๒๔๓๙



ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ทรงเป็นต้นแบบและผู้ชักชวนสตรีไทยที่คลอดบุตรแบบเดิมเปลี่ยนมาใช้วิธีการผดุงครรภ์สมัยใหม่ ด้านการศึกษา ทรงมีพระราชดำริว่าความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติบ้านเมืองนั้น จะบรรลุสำเร็จได้ย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนทั้งชายและหญิง จึงมีพระราชดำริส่งเสริมให้สตรีไทยได้รับโอกาสในการศึกษาหาความรู้ และ โรงเรียนราชินี เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กหญิงแห่งแรกที่ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดตั้งขึ้น





ฉลองพระองค์ลูกไม้แบบตะวันตกคอสี่เหลี่ยม แขนพองยาวแค่ศอก
พระภูษาโจงด้วยผ้าไหมยกดอก ถุงพระบาทแพรปัก ฉลองพระบาทส้นสูงหุ้มส้น



ด้วยเหตุนี้ทางคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลอง ๑๕o ปีวันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ และราชินีมูลนิธิ จึงได้จำลองวิถีการเรียนการสอนของนักเรียนราชินีในยุคเริ่มต้นที่ยังคงสืบสานต่อจนถึงปัจจุบันตามพระราโชบายที่ทรงให้ไว้ว่า ให้รู้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษให้สื่อสารได้ รวมทั้งงานหัตถกรรมมีจรรยามารยาท





นักเรียนราชินีเมื่อแรกแต่งตัวตามสมัยนิยมมาเรียนสวมเสื้อคอกระเช้านุ่งโจงกระเบน



"สมัยก่อนงานเย็บปักถักร้อยจะสอนกันอยู่ในพระตำหนัก พอมาเปิดโรงเรียนราชินีงานในพระตำหนักก็มาสืบสานต่อที่โรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นงานปักสะดึงกลึงไหม ร้อยมาลัย เมื่อแรกตั้งโรงเรียนทรงจ้างครูญี่ปุ่นมาสอน เรากรองดอกไม้ไทย ญี่ปุ่นทำดอกไม้แห้งและวาดเขียน ก็เท่ากับผสมงานหัตถศิลป์ไทยญี่ปุ่นเข้าด้วยกันออกมาเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนราชินี





สาธิตการร้อยมาลัยดอกไม้สด



"เราจำลองการเรียนการสอน และเครื่องแบบนักเรียนจำลองมาสามช่วง เริ่มแรกแต่งตัวตามสมัยนิยมมาเรียนสวมเสื้อคอกระเช้านุ่งโจงกระเบน ต่อมาเป็นเสื้อขาวคล้ายปัจจุบันต่างกันที่ปกกับแขนนุ่งผ้าถุงป้ายสีน้ำเงิน พอกระทรวงศึกษาธิการบังคับว่ามีเครื่องแบบ จากเสื้อขาวแขนปล่อยก็มาเป็นเสื้อขาวแขนมีจีบแบบปัจจุบัน ปักอักษรย่อสผ.สีขาวตรงกระเป๋าเสื้อ สวมกระโปรงสีน้ำเงิน





สาธิตการปักผ้าด้วยริบบิ้น



ส่วนโต๊ะนักเรียน โรงเรียนได้รับพระราชทานมาจากงานพระเมรุเจ้านาย สมัยก่อนนิยมสร้างเฟอร์นิเจอร์ถวายในงานพระเมรุเรียกว่า เครื่องสังเค็ด ในงานพระเมรุของรัชกาลที่ ๕ ทางโรงเรียนได้รับพระราชทานโต๊ะไม้ลงลายสีทอง มีตราสัญลักษณ์จปร. เราเรียกว่าโต๊ะทอง นำมาเป็นโต๊ะสำหรับคนที่สอบได้ที่หนึ่งนั่งเรียนหนังสือ" คณะทำงานราชินีมูลนิธิอรรถาธิบาย





ผลงานแกะสลักผักผลไม้สด



งานคัดลายมือด้วยปากกาเบอร์ห้า ปากกาคอแร้ง น้ำหมึกยี่ห้อเกฮาร์ ถือเป็นสิ่งคุ้นเคยของนักเรียนราชินี เช่นเดียวกับงานร้อยมาลัย ปักสะดึงกลึงไหมที่เรียนกันในชั้นมัธยม ในขณะที่งานแกะสลักผักผลไม้ฝึกสอนกันมาตั้งแต่ชั้นประถมปีที่สี่





นักเรียนเรียนดีขณะคัดลายมือด้วยปากกาเบอร์ห้าบนโต๊ะทอง



นอกเหนือจากวิถีชาวราชินีแล้ว นิทรรศการยังพาเราไปสัมผัสกับพระปรีชาสามารถทางด้านศิลปะ ทรงผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยกับศิลปะการแต่งกายแบบตะวันตก เพื่อทรงในโอกาสต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ผ่านฉลองพระองค์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยฝีมือของดีไซเนอร์มากฝีมือ ธีระพันธ์ วรรณรัตน์ ผู้ทำให้เราได้เห็นพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลที่สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยมีความทันสมัยไม่น้อยหน้าชาติตะวันตก


นิทรรศการจัดแสดงไปแล้วระหว่างวันที่ ๑๖ -๒o กรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความรู้สึกประทับใจของผู้มีโอกาสได้ชื่นชม





ส่วนหนึ่งของเครื่องกระเบื้องที่พระราชทานให้โรงเรียนราชินี



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์














นิทรรศการ "โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย"


เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๒ พรรษา ๑๒ ส.ค. ๕๗ พร้อมสืบสานศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่แสดงถึงเอกลักษณ์ไทย “เซ็นทรัล” จึงจับมือ “ธนาคารไทยพาณิชย์” จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด “โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย” นิทรรศการครั้งสมบูรณ์แบบที่สุด โดยจัดแสดงระหว่างวันที่ ๓o ก.ค.-๑๗ ส.ค. ๕๗ ณ ดิ อีเวนต์ฮอลล์ ชั้น ๓ ห้างเซ็นทรัลชิดลม และบริเวณชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เพื่อให้คนไทยและต่างชาติได้สัมผัสนาฏกรรมชั้นสูงของไทยอย่างใกล้ชิด โดยเปิดให้ชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ






ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ กล่าวถึงความเป็นมาของการแสดงโขนพระราชทาน และการให้ความสนับสนุนการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งนี้ ว่า โขนพระราชทาน หรือโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เกิดขึ้นโดยพระราชประสงค์ที่จะทรงอนุรักษ์การแสดงโขนซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยให้ดำรงอยู่สืบไป






“สมเด็จพระนางเจ้าฯ มีพระราชปรารภว่า ทุกวันนี้ประชาชนชาวไทยไม่ใคร่มีโอกาสได้ชมโขน เนื่องจากการจัดแสดงโขนแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชุมผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโขน และงานหัตถศิลป์แขนงต่าง ๆ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นใหม่ สำหรับใช้ในการแสดงโขนพระราชทาน โดยทรงกำชับให้ยึดถือรูปแบบเครื่องแต่งกายโขนแบบโบราณ แต่มีความคงทนและสวยงามยิ่งขึ้น”






หลังจากการจัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนสำเร็จเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการได้จัดการแสดงโขนชุด “พรหมาศ” เป็นครั้งแรก เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘o พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๕ พรรษา ในปี ๒๕๕o ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับความชื่นชมจากประชาชนเป็นอย่างมาก พร้อมกับมีเสียงเรียกร้องให้จัดแสดงซ้ำ กระทั่งต้องเปิดแสดงอีกครั้งในปี ๒๕๕๒






จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้จัดการแสดงโขนต่อเนื่องทุกปี โดยปี ๒๕๕๓ คือ ชุดนางลอย ปี ๒๕๕๔ คือ ชุดศึกมัยราพณ์ ปี ๒๕๕๕ ชุดจองถนน ปี ๒๕๕๖ ชุดโมกขศักดิ์ และในปี ๒๕๕๗ นี้ จะเป็นการแสดงโขน ชุดศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ แม้การแสดงแต่ละครั้งจะใช้เวลาในการจัดเตรียมงานนาน ต้องรวบรวมช่างฝีมือที่ชำนาญจากทุกแขนง






นิทรรศการ "โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์แผ่นดินไทย" เป็นการนำเสนอเบื้องหลังของศาสตร์และศิลป์หลากหลายแขนง ประกอบสร้างจากองค์ความรู้ที่ต้องฝึกฝน อาศัยความชำนาญ องค์ประกอบหลายอย่างกว่าจะมาเป็นการแสดงโขน ต้องมีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ งดงามและถูกต้องตามแบบแผนด้วย โดยทางมูลนิธิฯ มีบทบาทในการให้คำปรึกษาด้านเนื้อหา ภาพถ่าย การคัดสรรและสิ่งประกอบสำคัญของการแสดงโขน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพัสตราภรณ์หรือเครื่องแต่งกาย ถนิมพิมพาภรณ์ หรือเครื่องประดับ การสร้างฉาก เป็นต้น เพื่อให้นิทรรศการได้เผยแพร่ออกไปอย่างถูกต้อง สมบูรณ์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ร่วมกันชื่นชม และร่วมกันสืบสานศิลปะแขนงนี้ให้ดำรงอยู่ต่อไป






ด้านยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า นับเป็นโชคดีของประเทศไทยและคนไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการจัดแสดงโขนพระราชทานมาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๕o ทำให้การแสดงโขน นาฏกรรมชั้นสูงของไทยที่หลอมรวมศิลปะของชาติหลากหลายแขนง ได้รับการฟื้นฟูและกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง






โดยแบ่งพื้นที่นิทรรศการออกเป็น ๒ ส่วน คือ บริเวณดิ อีเวนต์ฮอลล์ ชั้น ๓ ห้างเซ็นทรัลชิดลม และบริเวณชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดยดิ อีเวนต์ฮอลล์ ชั้น ๓ ห้างเซ็นทรัลชิดลม จะจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของศิลปะการแสดงโขนในประเทศไทย และประวัติของการจัดแสดงโขนพระราชทาน ที่จัดแสดงมาแล้ว ๕ ตอนกว่า ๑oo รอบ รวมถึงการจัดแสดงพัสตราภรณ์ ถนิมพิมพาภรณ์ ศิราภรณ์ ตลอดจนนำการจัดแสดงฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดงมาให้ชมอย่างครบถ้วน






ส่วนบริเวณชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี จะมีการจัดแสดงและสาธิตการทำถนิมพิมพาภรณ์ การแต่งหน้าโขนละครตามแนวพระราชนิยม นิทรรศการภาพถ่ายการแสดงโขนพระราชทานที่หาดูได้ยากยิ่ง และยังมีการนำราชรถและการจำลองฉากอันวิจิตรงดงามมาให้ชื่นชม





ขณะที่ ดร.อนุชา ทีรคานนท์ กรรมการอำนวยการจัดงาน เผยถึงความน่าสนใจและสิ่งที่ไม่ควรพลาดชมในนิทรรศการครั้งนี้ว่า นอกจากจะจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับโขนพระราชทาน ไม่ว่าจะเป็นกำเนิดโขน นาฏกรรมคู่แผ่นดิน กว่าจะมาเป็น "โขนพระราชทาน" สาธิตการปักสดึงกรึงไหมและพัสตราภรณ์ สาธิตและจัดแสดงถนิมพิมพาภรณ์ รวมถึงการสาธิตการทำศิราภรณ์และหัวโขน การจำลองสถานที่สร้างงานฉาก สาธิตการแต่งหน้าโขนละครตามแนวพระราชนิยม ซึ่งได้รวบรวมช่างฝีมือชั้นครูที่หาชมได้ยาก และจะทำให้ทุกท่านได้รับรู้รายละเอียดของศาสตร์และศิลป์แต่ละแขนงอย่างครบถ้วน ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด






“ที่สำคัญในนิทรรศการครั้งนี้คือ การแสดงภาพถ่ายโขนพระราชทานจากช่างภาพมืออาชีพที่ได้ร่วมงานกับเหล่าศิลปินโขนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นอมาตย์ นิมิตภาคย์, ณัฐ ประกอบสันติสุข, ศักดิ์ชาย กาย และปีเตอร์ ทรีไซด์ ถือเป็นนิทรรศการที่รวบรวมภาพถ่ายการแสดงโขนนับตั้งแต่ ชุดพรหมาศ ชุดนางลอย ชุดศึกมัยราพณ์ ชุดจองถนน และชุดโมกขศักดิ์ ที่สมบูรณ์และหาชมได้ยากยิ่ง"






นอกจากนั้นไฮไลต์ของนิทรรศการครั้งนี้คือ การแสดงรำเบิกโรงชุดต่างๆ และการแสดงโขนพระราชทาน ที่เรายกเวทีมาไว้ใจกลางเมือง อาทิ รำประเลง รำถวายพระพร รำกิ่งไม้เงินทอง การแสดงโขนพระราชทาน ตอนจองถนน ชุดระบำปลา ตอนมัยราพณ์ ชุดหนุมานรบมัจฉานุ ตอนนางลอย ชุดขบวนวอสีวิกากาญจน์ ซึ่งจะจัดแสดงทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ เวลา ๑๗.oo น. ตลอดช่วงของการจัดนิทรรศการ.







ภาพและข้อมูลจาก
บล็อกคุณสายหมอกและก้อนเมฆ
thaipost.net
artbangkokhisoparty.comcom














"สีสันพรรณไม้เทิดไท้ราชินี”


"สีสรรพรรณไม้ เทิดไท้บรมราชินีนาถ" ปีนี้ต้นสิงหา. จัดใหญ่ในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พร้อมเฉลิมฉลองวโรกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษาในปีหน้า วันที่ ๒๙ กรกฎาคมที่ผ่านมามีการแถลงข่าว กรุงเทพมหานคร มูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ร่วมกับหน่วยงานทั้ง ๑๖ องค์ อาทิ กรมประมง กรมปศุสัตว์, กรมอุทานยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ฯลฯ จัดงาน “สีสรรพรรณไม้ เทิดไท้บรมราชินีนาถ ครั้งที่ ๘” เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร ซึ่งความพิเศษในงานจะรวบรวมไว้ซึ่งนิทรรศการพันธุ์ไม้มีชีวิต ถือเป็นไฮไลต์จากทั้ง ๑๖ องค์กร ซึ่งจะยกไปให้ความรู้แก่ประชาชนที่สนใจ เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย






คุณหญิงปราณี เอื้อชูเกียรติ กรรมการและประธานอนุกรรมการประสานงานฯ มูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ กล่าวว่า “วัตถุประสงค์หลักของการจัดงาน “สีสรรพรรณไม้ เทิดไท้บรมราชินีนาถ ครั้งที่ ๘” เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ขณะเดียวกันก็เป็นการร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังนั้นความพิเศษภายในงาน ประชาชนจะได้รับชมนิทรรศการจากหลายองค์กร อาทิ กรมการข้าว ที่ได้จัดบูธโดยการนำพันธุ์ข้าวหายาก อย่าง “ข้าวลืมผัว” มาร่วมจัดแสดง เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน และเพื่อพัฒนาพันธุ์ข้าวดังกล่าวให้ได้ใช้ประโยชน์ต่อไป


นอกจากนี้ยังมีการแสดงพันธุ์พืชและพันธุ์ไม้หายากจากป่าสู่เมือง โดยกรมป่าไม้ นำมาร่วมจัดแสดงเพื่อให้ผู้เข้าชมได้ระลึกและสัมผัสถึงประโยชน์จากป่า ผ่านนิทรรศการเกี่ยวกับป่าไม้ ๘ ชุด และภายในงานยังได้เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมทำบุญด้วยการร่วมกันไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ อีกด้วย






ด้าน ดร.วีรชัย ณ นคร กรรมการมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ กล่าวถึงกิจกรรมประกวดพันธุ์ไม้ ๑๑ ชนิด ที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน ว่า “กิจกรรมการประกวดพันธุ์ไม้ ๑๑ ชนิด ได้รับความร่วมจากสมาคมพันธุ์ไม้ทั่วประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การประกวด ๑. บอนสี ๒. แก้วกาญจนา ๓. ชวนชม ๔. โป๊ยเซียน ๕. ลิ้นมังกร ๖. หน้าวัวใบ ๗. พญามังกร ๘. หมากผู้หมากเมีย ๙. โกสน ๑o. กล้วยไม้ ๑๑. บอนไซ รางวัลชนะเลิศจะรับจากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นอกจากนี้ยังได้นำดอกหน้าวัวสูง ๘ เมตร ซึ่งต้องใช้รถขนย้ายมาร่วมโชว์ในงานอีกด้วย


งานนี้ กรมป่าไม้ยังได้นำพันธุ์ไม้ในวรรณคดีมาแจกจ่ายให้ประชาชนที่สนใจ วันละ ๒,ooo ต้นด้วย เพื่อเพิ่มสีเขียวให้แก่กรุงเทพมหานคร.







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
dokmy.com














นิทรรศการเทิดพระเกียรติ "ดอกไม้ใต้ร่มพระบารมี”


เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ "ดอกไม้ใต้ร่มพระบารมี" เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ โครงการพระราชดำริ พร้อมชื่นชมความงามของดอกไม้พระนาม พันธุ์ไม้พระราชทานนาม ดอกไม้ทรงโปรด และรับฟังเพลงพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นิทรรศการจัดแสดงถึงวันที่ ๑๒ ก.ย. ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๙.๓o-๑๗.oo น. (เว้นวันหยุดธนาคาร) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.o-๒๕๔๔-๓๘๕๘ โดยมี ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ กรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ จิระชัยวันพุธที่ ๓o ก.ค. ๒๕๕๗ เวลา ๑๕.oo น.























ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
เฟซบุคพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย














"ในสวนฝัน" แด่อัคราภิรักษศิลปิน


"เครือเนชั่น" ในฐานะหนึ่งในองค์กรที่ช่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขอเชิญชวนทุกท่านชมละครเวที ชุด “ในสวนฝัน” ผสานใจภักดิ์ แด่อัคราภิรักษศิลปิน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๒ พรรษา ๑๒ สิงหาคมนี้


งานนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม โดย กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ร่วมกับ มูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส จัดแสดงละครเวทีจากบทประพันธ์ของประภัสสร เสวิกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ กำกับการแสดงโดย สุประวัติ ปัทมสูต ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง


น่าสนใจตรงที่ ละครเวที “ในสวนฝัน” ได้นำวรรณกรรมชิ้นเอกระดับ “วรรณกรรมแห่งชาติ” จากสาขาวรรณศิลป์ ทัศนศิลป์ และศิลปะการแสดง มาหลอมรวมเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นการถ่ายทอดความงดงามจากวรรณกรรมและบทเพลง ลำดับตามเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในช่วงรัชกาลปัจจุบันค่ะ


ด้านนักแสดง ดำเนินเรื่องโดย "มี้" พิศมัย วิไลศักดิ์ ศิลปินแห่งชาติ ที่รับบทเด่น “แม่พลอย” จากเรื่องสี่แผ่นดิน ตลอดเรื่องคู่กับ "ขวัญ" อุษามณี ไวทยานนท์ ในบท “ดาวเรือง”, ภณัฐ สุจิรังกุล ในบท “ไอ้ป๋อง” และ "เกรซ" กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า รับบท “เทพธิดาหิ่งห้อย” ฯลฯ


ร่วมด้วยสุดยอดนักร้องดังในอดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ สุเทพ วงศ์กำแหง, ชรินทร์ นันทนาคร, สวลี ผกาพันธุ์, จินตนา สุขสถิตย์,พงษ์สิทธิ์ คำภีร์, พีระพัฒน์ เถรว่อง, น้อง ๆ เอเอฟ แม็ค, ปุยฝ้าย, ตุ้ย, รอน, ซานิ, โบว์ ฯลฯ มาถ่ายทอดบทเพลงอมตะ และบทเพลงนักแต่งเพลงร่วมสมัย บอย โกสิยพงษ์ ที่แต่งเพลงใหม่เพื่อเปิดการแสดงในครั้งนี้ด้วย


ถือเป็นความพิเศษ ที่หาชมได้ยากยิ่งจริง ๆ สนใจ สามารถสำรองบัตรเข้าชมการแสดงได้ฟรี!!โดยเปิดให้ชมเพียง ๓ รอบเท่านั้น คือในวันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม เวลา ๑๔.oo น.(รอบสื่อมวลชน), ๑๙.oo น. และวันอาทิตย์ที่ ๓ สิงหาคมนี้ เวลา ๑๔.oo น. จัดแสดงที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จองบัตรได้ที่ โทร.๐-๒๒๔๗-๐๐๑๓ ต่อ ๑๔๐๑-๑๔๐๘


งานนี้นอกจากจะเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ในฐานะที่ทรงเป็นอัคราภิรักษศิลปินแล้ว ยังเป็นการเชิดชูเกิยรติศิลปินแห่งชาติทุกสาขา... มากไปกว่านี้ ก็ถือได้ว่านี่เป็นการคืนความสุขให้ประชาชนครั้งสำคัญอีกงานหนึ่งด้วย







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














"๑ ทศวรรษ Young Thai Artist Award”


ครบรอบ ๑ ทศวรรษสำหรับโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย “ Young Thai Artist Award” เป็นเวทีการประกวดศิลปะระดับเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ หนึ่งพื้นที่สำคัญที่เปิดโอกาสให้เยาวชนผู้รักงานศิลป์จากทั่วประเทศส่งผลงานสร้างสรรค์เข้าประชันเชิงชั้นด้านศิลปะถึง ๖ สาขาได้แก่ สาขาศิลปะ ๒ มิติ ศิลปะ ๓ มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรม และการประพันธ์ดนตรี จุดเริ่มต้นของโครงการฯ เกิดขึ้นในปี ๒๕๔๗ โดยมูลนิธิเอสซีจีที่ต้องการพัฒนาคนให้เก่งและดี ด้วยเห็นว่าเยาวชนแต่ละคนนั้นมีความสามารถที่แตกต่างกัน และสมควรได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาศักยภาพของตนอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะความสามารถด้านศิลปะ


ตลอดระยะเวลา ๑o ปี เวทีแห่งนี้ได้จุดประกายสานฝันสร้างศิลปินรุ่นเยาว์ให้เติบโตบนเส้นทางศิลปะสู่การเป็นศิลปินอาชีพ เปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามที่ได้รับการเจียระไนจนเปล่งประกายเจิดจรัสในแวดวงศิลปะ ไม่ใช่แค่เวทีในเมืองไทย ยังก้าวไกลเป็นศิลปินในเวทีโลกมากมายหลายคนอย่าง ธัชธรรม ศิลป์สุพรรณ นักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกร่วมสมัยที่มีผลงานร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีทั้งในและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นนักแต่งเพลงและถ่ายทอดประสบการณ์ความสำเร็จที่เคยได้รับจากเวทีประกวดที่ยิ่งใหญ่นี้ว่า


“เท่าที่จำความได้ผมเริ่มสนใจโลกของดนตรี ตอนไปเข้าค่ายศิลปะแล้วเห็นครูเล่นกีต้าร์ เกิดความรู้สึกว่าการเล่นกีตาร์มันเท่ ช่วงมัธยมต้น เลยรวมตัวกับเพื่อนๆ ตั้งวงดนตรีกัน แล้วเริ่มเรียนกีต้าร์คลาสสิก ศึกษาทฤษฎีดนตรีเพิ่มเติม สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกเรียนแบบเจาะลึกดนตรีคลาคสิกที่วิทยาลัย ดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเริ่มศึกษาจริงจังในเรื่องการประพันธ์ดนตรี ช่วงเรียน ก็ได้ทราบข่าวการประกวดรางวัลยุวศิลปินไทย ผมมองว่ามันเป็นหน้าต่างบานแรกแห่งโอกาสของนักประพันธ์ดนตรีรุ่นเยาว์ ซึ่งเป็นเวทีแรกและเวทีเดียวสำหรับการประกวดประชันเชิงชั้นทางคีตศิลป์ในประเทศไทย เป็นพื้นที่ให้ผมได้แสดงงานร่วมงานกับนักดนตรีมืออาชีพ จึงตัดสินใจส่งผลงานเข้าประกวด และสามารถคว้ารางวัลดีเด่นมาครองได้ สร้างความภาคภูมิใจให้ผมและครอบครัว






หลังจากนั้นก็ได้รับทุนไปศึกษาต่อด้านการประพันธ์ดนตรีที่สถาบันดนตรีย่งเสี่ยวเถา มหาวิทยาลัยแห่งชาติประเทศสิงคโปร์ ทำให้มีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น ได้มีโอกาสทำงานไปงานมิวสิคเฟสติวัลแถบเอเซีย เช่น Asian Contemporary Music Festival, Kuala Lumpur Contemporary Music Festival เป็นต้น จนมีโอกาสได้ไปศึกษาต่อที่สถาบันดนตรีพีบอดี้ มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เรามีวงสังคมที่กว้างขึ้นได้เจอนักประพันธ์ดนตรี ร่วมงานกับวงดนตรีระดับโลก อาทิ วงThailand Philharmonic Orchestra, Ensemble Mosaik Asian Festival Ensemble และ Ensemble TIMF Academy ตระเวนแสดงงานในอเมริกาและยุโรป ถือเป็นการต่อยอดความสามารถของผม ปัจจุบันผมนำความรู้ประสบการณ์ที่ได้มาเป็นอาจารย์สอนที่สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา”


ในฐานะรุ่นพี่ผู้แจ้งเกิดจากเวที “ Young Thai Artist Award” ธัชธรรม จึงอยากจะชักชวนน้องๆ ให้ส่งผลงานเข้าประกวด "อยากจะเชิญชวนน้องๆ ที่ทำงานศิลปะ ได้ลองส่งผลงาน เข้ามาร่วมประกวดเวทีรางวัลยุวศิลปินไทย เพราะเวทีนี้เป็นพื้นที่แห่งโอกาส แม้ว่าจะได้รับรางวัลหรือไม่ อย่างน้อยคุณก็ได้นำงานของตัวเองมาวางไว้ตรงกลาง เพื่อเปิดให้สังคมรับรู้ตัวตนของกลุ่มเยาวชนทำงานศิลปะ โดยเฉพาะน้องๆ สาขาการประพันธ์ดนตรี เพราะมีเพียงเวทีนี้เพียงเวทีเดียวในประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนนักประพันธ์ดนตรีรุ่นเยาว์"


เช่นเดียวกับ “ณัชชัย ใจธิตา” ศิษย์เก่าคณะนิเทศศิลป์ สจล.(ลาดกระบัง)ผู้กำกับเลือดใหม่ที่ประสบความสำเร็จบนแผ่นฟิล์มจากเวทีการประกวด รางวัลยุวศิลปินไทย จนมีความมั่นใจส่งผลงานไปกวาดรางวัลจากเวทีประกวดหนังสั้นอื่นๆ ในประเทศอีกมากมายจนผลงานโดดเด่นเข้าตาได้ไปฉายในต่างประเทศ ได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานศิลปะและการร่วมประกวดในเวทีนี้ว่า


“ผมเป็นคนที่ชอบเล่าเรื่อง วันนี้ไปเจอเหตุการณ์อะไรก็จะมาเล่าให้คนในครอบครัวฟังตั้งแต่เด็ก ๆ ผมสังเกตเห็นว่าทุกคนสนใจและมีความสุขในสิ่งที่ผมเล่าปั้นแต่งจากจินตนาการ บวกกับผมเป็นคนชอบวาดรูป ว่าง ๆ จะขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่อสเก็ตภาพ ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมสอบติดคณะนิเทศศิลป์ด้วยคะแนนเต็มร้อยคะแนนที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นี่คงเป็นสิ่งที่ผมถนัด ทำให้ผมสนุกและมีความสุขตลอดเวลาที่เล่าเรียน ตอนจบผมต้องทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งวัดทุกอย่างที่ได้เรียนมา ผมตัดสินใจเลือกประเด็นพรมแดน สงครามและความหวัง เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและผ่านสายตาผมจริง ๆ โดยได้รับการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัวช่วยเหลือในการถ่ายทำ เมื่อลงแรงตั้งใจกับงานชิ้นนี้เต็มที่ พอผลิตเสร็จจึงได้นำผลงานหนังสั้นเรื่องไตแลงเข้าประกวดเวทียุวศิลปินไทย สุดท้ายผลลัพธ์แห่งความทุ่มเทของผมกับครอบครัวก็ทำให้ผมสามารถคว้ารางวัลยอดเยี่ยมได้ในที่สุด นอกจากความดีใจในชัยชนะแล้วผมยังภูมิใจที่ได้นำเงินรางวัลไปช่วยเหลือครอบครัวให้รอดพ้นจากวิกฤตการเงินในตอนนั้นด้วย"





ณัชชัย ใจธิตา



สำหรับผมเวที Young Thai Artist Award คือใบเบิกทางสำหรับศิลปินรุ่นเยาว์ ที่ทำให้คนรู้จักผม เห็นผลงานของผม หลังจากนั้นทำให้ผมมีความมั่นใจกล้าส่งผลงานเข้าร่วมประกวดหนังสั้นของมูลนิธิ หนังไทย โดยได้รับรางวัลรองชนะเลิศ สาขาช้างเผือก และเข้ารอบ ๑ ใน ๗ เรื่อง ของรางวัลพิราบขาว หลังจากนั้นก็ได้รับคัดเลือกไปฉายที่เทศกาล Clermont-Ferrand 2009 สาขา International Competition ที่ประเทศฝรั่งเศส และเทศกาลต่าง ๆ อย่าง Durban International Film Festival, Move Media Rights Festival ปัจจุบันผมเปิดบริษัทรับผลิตรายการสร้างสรรค์สังคมผ่านแผ่นฟิล์ม


"เวทียุวศิลปินเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาด นับเป็นเกียรติประวัติในชีวิต จึงอยากเชิญชวนน้องๆ เยาวชนร่วมส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีนี้ เพราะเชื่อว่าจะเป็นใบเบิกทางต่อยอดในการประกอบอาชีพที่ตัวเองถนัดในอนาคตได้เป็นอย่างดี” ณัชชัย เอ่ยทิ้งท้าย


** สำหรับใครที่มีใจรักงานศิลปะ อยากฉายแววความสำเร็จเป็นเพชรแห่งวงการ ร่วมพิสูจน์สามารถของตัวเองได้แล้ววันนี้ พร้อมทั้งติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ scgfoundation.org หรือโทร o๒-๒๕๘๖-๕๒๑๔ สนใจติดตามความเคลื่อนไหวโครงการฯ คลิก เฟซบุค YoungThaiArtistAward



ภาพและข้อมูลจากเวบ
chonniyom.co.th
dek-d.com














"มนต์เสน่ห์ไทย : มรดก+พลังสร้างสรรค์ ”


จัดแสดงวันที่ : ๒๒ สิงหาคม - ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
สถานที่: ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น ๘
จัดโดย the National Heritage Board, Singapore ร่วมกับ กรมศิลปากร และ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ประเทศไทย


นิทรรศการศิลปะ“มนต์เสน่ห์ไทย: มรดก + พลังสร้างสรรค์” เป็นนิทรรศการที่นำเสนอพลังการรังสรรค์งานของช่างฝีมือและศิลปินชาวไทยที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก โบราณวัตถุโดยการสร้างสรรค์ต่อยอดเพื่อสืบสานมรดกของชาติโครงการศิลปะครั้งนี้ได้รับการพัฒนาจาก นิทรรศการศิลปะ “ไทยไหลนิ่ง” ที่ Singapore Art Museum ในปี ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Thai Cultural Fest จัดโดย the National Heritage Board, Singapore ร่วมกับกรมศิลปากร และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ประเทศไทย นิทรรศการศิลปะ ไทยไหลนิ่ง ประกอบด้วย ความหลากหลายของการสร้างสรรค์งานที่แสดงถึงรากเหง้าและความร่วมสมัย รวมไปถึงศิลปะที่เกี่ยวกับความเชื่อ ศาสนาในทางที่มีความหมายสำคัญ


หลักการของนิทรรศการศิลปะ มนต์เสน่ห์ไทย: มรดก + พลังสร้างสรรค์

๑. จัดแสดงโบราณวัตถุตามจารีตประเพณีร่วมกับงานศิลปะร่วมสมัยเพื่อเน้นความสำคัญ ของความคิดสร้างสรรค์ผ่านผลงานต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แสดงมรดกที่สืบช่วงและศิลปะร่วมสมัย เพื่อผู้ชมงานได้รับรู้ถึงประสบการณ์ที่ศิลปินร่วมสมัยได้ตีความหมายงานโบราณวัตถุ โดยช่างนิรนามผู้ควร ได้รับการยกย่องและเคารพนับถือ


๒. ศิลปินได้รับแรงบันดาลใจจากการสัมผัสโดยตรงกับโบราณวัตถุพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นการกระตุ้นความ คิดสร้างสรรค์ในงานศิลปะ และแสดงความเคารพต่อช่างฝีมือในอดีต ซึ่งกิจกรรมความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมืออุดมด้วยพิธีกรรม ระเบียบแบบแผน และการเคารพบูชา


๓. จัดแสดงโบราณวัตถุที่ได้คัดเลือกมาจากกรมศิลปากรต่อสาธารณชน เพื่อการรู้คุณค่าของสิ่งของสืบทอดโบราณที่ถูกเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของ สิ่งของหลายชิ้นจะได้รับการแสดงในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก


๔. เพิ่มคุณค่าและขยายการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และพลังของการสร้าง ประกอบกับ พหุสาขาวิชาที่ก้าวพ้นหลักเกณฑ์จำกัดที่บ่อยครั้งต้องยึดในกรอบประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดีและการปฏิบัติสร้างงานศิลปะ รวมไปถึงการแบ่งแยกวิจิตรศิลป์และงานช่างฝีมือ


๕. ให้ความสำคัญต่อผลงานพิพิธภัณฑ์และศิลปะร่วมสมัยที่แสดงถึงความเป็นไทย ที่หลอมรวมอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ผลงานสร้างสรรค์แสดงถึงสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม ซึ่งเพิ่มมูลค่าในเศรษฐกิจสร้างสรรค์และอุตสาหกรรมวัฒนธรรม


นิทรรศการศิลปะ มนต์เสน่ห์ไทย: มรดก + พลังสร้างสรรค์ ประกอบด้วยโบราณวัตถุกว่า ๓o ชิ้น และการแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยใหม่โดยศิลปิน ๑๘ ท่าน ภัณฑารักษ์รับเชิญของนิทรรศการนี้ ศาสตราจารย์ ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ รองปลัดกระทรงวัฒนธรรมได้เขียนไว้ว่า “มนต์เสน่ห์ไทย: มรดก + พลังสร้างสรรค์ จะเป็นนิทรรศการที่น่าน่าสนใจและ ท้าทายสำหรับศิลปินที่รังสรรค์ผลงานศิลปะของตนเองจากการพินิจพิเคราะห์และตีความหมายงานโบราณวัตถุที่เป็นมรดก ตกทอดจากงานสะสมของชาติ เป็นเสมือนการย้อนเวลากลับไปเพื่อเคารพนอบน้อมฝีมือช่างนิรนาม ผู้สมควรได้รับการยกย่องและเคารพนับถือ”


เป็นครั้งแรกที่โบราณวัตถุหลายชิ้นได้ถูกนำออกแสดงสู่สาธารณะชน พร้อมกับผลงานใหม่โดยศิลปินร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงกับโบราณวัตถุที่เป็นมรดกอันล้ำค่าของช่างฝีมือปรมาจารย์ “เราสามารถซาบซึ้งฝีมือด้านศิลปะ ของช่างฝีมือและศิลปินได้อย่างเต็มอิ่ม” ศาสตราจารย์ ดร. อภินันท์ อธิบาย “ในระหว่างที่ผู้ชมได้รับรู้ถึงประสบการณ์เชื่อมโยง ระหว่างรากเหง้าและพลังของความคิดสร้างสรรค์”


ภัณฑารักษ์: ศาสตราจารย์ ดร. อภินันท์ โปษยานนท์
ผู้ช่วยภัณฑารักษ์: ราเมศ ลิ่มสกุล


ศิลปิน: ถวัลย์ ดัชนี, ปัญญา วิจินธนสาร, ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวานิช, อารยา ราษฎร์จำเริญสุข, พิเชษฐ์ กลั่นชื่น, คามิน เลิศชัยประเสริฐ, สาครินทร์ เครืออ่อน, ดาว วาสิกศิริ, อุดมศักดิ์ กฤษณมิษ, ยุรี เกนสาคู, จักกาย ศิริบุตร, บุษราพร ทองชัย, สิโรจน์ พวงบุปผา, นพวงษ์ เบ้าทอง, ปานพรรณ ยอดมณี, พิเชษฐ์ เขียวประเสริฐ, ประเสริฐ ยอดแก้ว, รัธวลี ชาญชวลิต



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th














"ม.ศิลปากร ชวนร่วมประกวดศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๗”


มหาวิทยาลัยศิลปากร ขอเชิญส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๗ ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม ๕oo,ooo บาท และโล่รางวัล


ประเภทงานที่ส่งเข้าร่วมประกวด

๑. เครื่องปั้นดินเผาประเภทศิลปกรรมร่วมสมัย

๒. เครื่องปั้นดินเผาประเภทหัตถกรรม

๓. เครื่องปั้นดินเผาประเภทผลิตภัณฑ์ต้นแบบอุตสาหกรรม


การส่งผลงานเข้าประกวด

๑. ศิลปิน ๑ คน มีสิทธิส่งผลงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผา เข้าประกวดได้ไม่เกิน ๒ ชุด (ชิ้น) ต่อประเภท โดยแต่ละชุด (ชิ้น) ต้องมีขนาดไม่เกิน ๔ ตารางเมตร

๒. การส่งผลงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๓-๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในเวลาราชการ ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม 6 รอบพระชนม์พรรษาฯ วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม

๓. กรุณาแนบสำเนาบัตรประชาชนพร้อมเซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้องมากับใบสมัครด้วยนะค่ะ


ผู้มีสิทธิส่งผลงานเข้าประกวด

๑. ผู้มีสิทธิส่งผลงานต้องมีสัญชาติไทย คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินไม่มีสิทธิส่งผลงานเข้าประกวด ผลงานฯ ต้องไม่เคยเข้าประกวดและแสดงที่ใดมาก่อน ยกเว้นการนำไปแสดงในรูปแบบศิลปนิพนธ์ ซึ่งเป็นข้อกำหนดการสำเร็จการศึกษาทุกระดับ

๒. มหาวิทยาลัยศิลปากร ไม่รับผลงานฯ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเข้าประกวดทุกกรณีผู้มีสิทธิส่งงานต้องไม่นำผลงานฯ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น ในกรณีมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น ผู้มีสิทธิ์ส่งผลงานฯ ต้องรับผิดทางแพ่งและอาญา โดยมหาวิทยาลัยศิลปากรไม่มีส่วนร่วมการทำความผิดนั้น


กำหนดเวลา

๑. การคัดเลือก และตัดสิน ในวันที่ ๒๓-๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๗

๒. ประกาศผลการตัดสิน วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๗


รางวัล

มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมติของคณะกรรมการอำนวยการจัดการประกวดและแสดงเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๗ ปี พิจารณาเสนอมหาวิทยาลัยฯ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินผลงานเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่คัดเลือก และตัดสินฯ ให้รางวัลและผลงานเครื่องปั้นดินเผาที่มีคุณค่าทางศิลปะแก่ผลงานฯ ในแต่ละประเภท ดังนี้

- รางวัลยอดเยี่ยม ประเภทละ ๑ รางวัล ได้รับโล่รางวัล และเงินรางวัล ๕o,ooo บาท

- รางวัลผลงานดีเด่น ประเภทละ ๓ รางวัล ได้รับโล่รางวัลและเงินรางวัลๆละ ๒๕,ooo บาท



ภาพและข้อมูลจากเวบ
kapook.com














นิทรรศการประติกรรมผ้าไทย "รูปลักษณ์แห่งพุทธบูชา”


ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ขอเชิญผู้ที่สนใจงานศิลปะและวัฒนธรรมล้านนาร่วมสมัยเข้าร่วมชมนิทรรศการประติมากรรมผ้าไทย Portrait of Persuasion ของ “ม่อน” วทันยา ศิริวรรณ ศิลปินผู้ลุ่มหลงงานประติมากรรมจากผ้า ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. ณ Living Trail Zone ชั้น ๒ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ชุดผลงานที่นำมาจัดแสดงได้แก่ คือ ทวารบาล, กลอง, สัปทน,บันไดนาค, แผงพระ, สัตตภัณฑ์, ยามสามคน และ ปอยส่างลอง ซึ่งเป็นผลงานประติมากรรมที่ประดิษฐ์และเย็บปักด้วย “ผ้า” สื่อให้เห็นถึงศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนาในรูปแบบเครื่องประกอบพิธีกรรมพื้นเมืองล้านนาและสถาปัตยกรรมในศาสนาพุทธ เป็นผลงานศิลปะที่หาชมได้ยาก ริเวอร์ซิตี้ตั้งใจนำมาจัดแสดงในช่วงฤดูกาลเข้าพรรษานี้โดยเฉพาะ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
eventpro.in.th
เฟซบุครูปลักษณ์แห่งพุทธบูชา














"ความบังเอิญ-ชะตากรรม สู่งานศิลป์"


ความบังเอิญและชะตากรรม มักจะนำพามนุษย์ไปพบเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด แน่นอนว่าย่อมมีทั้งดีและร้าย ในเส้นทางสายศิลป์ของ "ติ้ว" วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ผู้มั่งคั่งในเรื่องงานปั้น ก็มีบ่อยครั้งที่เขาได้พบกับสองสิ่งที่ว่ามานั้น ทว่ายิ่งนานวันเข้า ยิ่งกลับทำให้เขาได้เห็นถึงความงดงามซึ่งส่งผ่านมาจากความบังเอิญและชะตากรรม และนิทรรศการแสดงภาพถ่าย-เซรามิก "บุรีอุ้ม (Burium)" ในครั้งนี้ของหนุ่มช่างปั้นแห่งเมืองโอ่ง เขานำมาถ่ายทอดให้ได้สัมผัส...






ภายใน RMA แกลเลอรี่ "ติ้ว" วศินบุรี ไขข้อกังขาว่าทำไมต้องเป็น "บุรีอุ้ม" ซึ่งเป็นการผูกคำระหว่างชื่อเดิมของตัวเองที่อากงเป็นคนตั้งให้ บุรี (Buri) + อุ้ม (Arium) อ่านตามสำเนียงเยอรมัน แปลว่า ภาชนะ หรือ ห้องสำหรับบางสิ่ง


"บุรีอุ้ม คือ อาณาจักรในหัวของผมที่พยายามสร้างออกมาให้เป็นจริง อาจจะเป็นวังวน หมกหมุ่น หรือ ไร้สาระ แต่เป็นสิ่งที่ผมเห็นและสัมผัสได้ ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ว่าต้องทำอะไร ไม่มีกรอบ กติกา ข้อบังคับ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่างานที่ผ่าน ๆ มันใช่ความสุขของตัวเองหรือตัวตนของตัวเองหรือเปล่า เราสนุกกับมันหรือเปล่า ดังนั้นจึงเป็นที่มาของชื่อนิทรรศการครั้งนี้ว่า บุรีอุ้ม คือพื้นที่ที่ผมสามารถเล่นกับมันได้ทุกอย่าง เป็นความรู้สึกล้วน ๆ โดยผลงานที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้แบ่งเป็น งานเซรามิก ได้แก่ แจกันดอกเหมย บ้านบุรี โกลเด้น ด็อก และ เลโก้แลนด์ ส่วนงานภาพถ่ายมีชื่อว่า มัด (MUD)" วศินบุรีเกริ่นถึงภาพรวม






ความบังเอิญ และ ผลที่อาจเป็น "ตัวแปร" ให้ชีวิตเรา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ แต่ถ้าเราสามารถเชิญความบังเอิญมาทำงานกับเราได้ ผลที่ได้จะออกมาเป็นเช่นไร "ติ้ว" วศินบุรี ถ่ายทอดถึงแรงบันดาลใจของการทำงานเซรามิกในครั้งนี้


"หลายคนมองในเรื่องเหตุผลแค่ ดิน น้ำลม ไฟ คือวัตถุดิบที่ทำให้ให้เกิดเซรามิกขึ้นมา แต่โดยส่วนตัวผมซึ่งมองวัสดุนี้มาตั้งนานแล้วว่า มีเหตุผลที่ห้าเข้าไปเกี่ยวข้องทำให้วัสดุนี้มีส่วนแตกต่างจากวัสดุประเภท อื่น ๆ นั่นคือ ชะตากรรมและความบังเอิญ เพราะฉะนั้นไอ้ชะตากรรมหรือความบังเอิญนั้น เราไม่สามารถควบคุมได้ เห็น จับต้องได้ แต่ถ้าเราจะสร้างรูปธรรมให้จับต้องได้ขึ้นมา ก็เลยเอาดินที่ปกติเผาใน อุณหภูมิ ๑,๑oo องศาเซลเซียส แต่มาเผาที่ด้วยองศาที่เกินขอบเขตความพอดีของมัน แล้วระหว่างนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเตา หลังจากที่มนุษย์เราตระเตรียมไว้หมดแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นเราเรียกว่า ความบังเอิญ หรือ ชะตากรรม ไม่ว่าจะเป็นการบิดเบี้ยวของรูปทรง การหลอมละลายของรูปทรง มันเกิดอะไร และพอถึงช่วงหมดเขตของเวลา มันจะเกิดการฟรีชตัวของรูปทรง เราก็จะได้ผลของการทำงานร่วมกัน ระหว่างคนกับชะตากรรมที่เราพยายามควบคุม ที่เป็นความตั้งใจให้เกิดความบังเอิญ" เจนสามของโรงงานเถ้าฮงไถ่ เล่า






อีกหนึ่งงานเซรามิกในรูปแบบ "เลโก้" ศิลปินศิลปาธร เล่าว่าเปรียบเสมือนการบันทึก การทดลองของการเปลี่ยนแปลงทางความคิด สมมุติว่า เรามีเลโก้อยู่ ๑o ก้อนวันนี้เราอาจจะต่อเป็นรถ ถัดมาอีกเดือนมุมมองเปลี่ยนไป ความชอบเปลี่ยนไป ประสบการณ์อาจจะมากขึ้น เราอาจจะไม่ชอบรถแล้วแต่เปลี่ยนมาชอบบ้าน ชอบคอนโดมีเนียม นี่คือเงื่อนไข เดียวกัน กรอบเดียวกัน เพียงแต่ว่านี้คือ บททดสอบการเปลี่ยนไปทางความคิดของตัวเอง






สำหรับผลงานภาพถ่ายชุดสาดโคลน "มัด" ศิลปินหนุ่ม ย้ำว่าเป็นคอนเซ็ปต์เดียวกัน คือความพยายามควบคุมบางอย่าง เช่น การกำหนดเรื่องทิศทางการสาดดิน แต่ผลที่จะเกิดขึ้นเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่การสาดดินจะมีนัยบางสิ่งบางอย่างที่แฝงอยู่ ดังจะเห็นได้ว่า เป็นรูปลืมตาและหลับตา รูปหลับตามันคล้าย ๆ กับว่าบางครั้งเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า เหมือนไม่รู้อนาคตแต่อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างเข้ามากระทบ บั่นทอนหรือกระตุ้นอารมณ์ ซึ่งตรงนี้ไม่ได้หมายความว่า มันจะดีหรือไม่ดี แต่หมายความว่าเราต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างจะเกิดขึ้นกับเรา อยู่แล้ว แม้กระทั่งภาพลืมตาก็เป็นตัวแทนของบางสิ่งบางอย่างที่จะเข้ามาหาเรา เข้ามาในชีวิตเรา แค่เรามี สติที่จะเผชิญกับมัน


นิทรรศการแสดงภาพถ่ายและผลงานเซรามิก "บุรีอุ้ม" จัดแสดงแล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ ๗ กันยายน ตั้งแต่เวลา ๙.๓o-๑๙.oo น. ณ RMA ณ institute สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ o-๒๖๖๓-๒o๓







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 01 สิงหาคม 2557
Last Update : 1 สิงหาคม 2557 23:12:16 น. 0 comments
Counter : 3919 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.