happy memories
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๔๒





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









การแสดงโขนชุด 'ศึกอินทรชิต' ตอนนาคบาศ


ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดแสดงโขนขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเผยแพร่นาฏศิลป์ชั้นสูงอันเก่าแก่ของไทย อีกทั้งเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทยให้อยู่สืบไป และในปี ๒๕๕๗ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้เลือกบทเรื่อง รามเกียรติ์ ชุด “ศึกอินทรชิต” ตอน “นาคบาศ” มาจัดแสดงเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน ถึง วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ซึ่งคณะกรรมการจัดงาน นำโดย ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ พร้อมด้วย ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานคณะกรรมการอำนวยการและผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์, อ.ประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้กำกับการแสดง ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องเทเวศร์ อาคารหอประชุม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์






ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแสดงโขน เผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อนุรักษ์ และทรงมุ่งหวังว่า “โขน” ซึ่งเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย ได้ให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมสืบสานศิลปวัฒนธรรมตามแบบประเพณีโบราณ ในการจัดแสดงโขนที่ผ่านมาทั้ง ๕ ตอน ได้แก่ ชุด “พรหมมาศ”, ชุด “นางลอย”, ชุด “ศึกมัยราพณ์”, ชุด “จองถนน” และ ชุด “กุมภกรรณ” ตอน “โมกขศักดิ์” ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะจัดการแสดงได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการรวมศาสตร์ และศิลป์ของแผ่นดินมาไว้ในการแสดงโขนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ทรงมุ่งหวังว่าจะให้โขนได้เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมในหมู่ของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ หรือจะเป็นเยาวชนที่กำลังจะเติบโตในวันข้างหน้าให้เขาได้เรียนรู้ ได้ศึกษาตั้งแต่ยังเล็กๆ และเมื่อได้เรียนรู้ และได้ศึกษาแล้วมีความสนใจ เขาก็จะได้รู้จักที่จะหวงแหนและรักษาเอาไว้ให้เป็นมรดกของชาติต่อไปในวันข้างหน้า






ด้าน ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานคณะกรรมการอำนวยการและผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ เผยว่า โขนเป็นศิลปะชั้นสูงของชาติที่รวมศิลปะทุกแขนงเอาไว้ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงตั้งพระทัยจะพระราชทานไว้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดินไทย ซึ่งในปีนี้ได้จัดการแสดงโขนไว้ทั้งหมด ๕o รอบ โดยมีนักแสดงรุ่นใหม่ ๆ ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ และศิลปินแห่งชาติทั้งหลายต่างก็มอบความไว้วางใจให้ร่วมเล่นในรอบเสด็จพระราชดำเนินเป็นตัวเอก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมากสำหรับเด็ก ๆ รุ่นใหม่ทุกคน เพราะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง ความรักในศิลปวัฒนธรรม ในสิ่งที่เขาเล่าเรียน อีกทั้งเขายังเกิดความภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาได้ร่วมแสดงโขนชุด “ศึกอินทรชิต” ตอน “นาคบาศ”






อ.ประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้กำกับการแสดง เผยว่า การแสดงโขนในปีนี้ได้นำบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ ชุด “ศึกอินทรชิต” ตอน “นาคบาศ” ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ที่มีความวิจิตรพิสดาร เป็นตอนที่มีชั้นเชิงนาฏศิลป์ที่งดงาม โดยเฉพาะมีตัวละครเพิ่ม คือ วิรุญมุข ซึ่งเป็น ยักษ์เด็ก ที่รบบนหลังม้าถือหอก จะมีกระบวนท่าที่เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของครูบาอาจารย์ในสมัยก่อน สำหรับการแสดงได้คำนึงถึงความสั้น ยาว ของบทที่จะเล่นเพื่อให้เหมาะสมในการรับชมของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งจะใช้เวลาในการแสดงทั้งสิ้น ๒ ชั่วโมงเศษ ๆ ส่วนการดำเนินเรื่องก็จะพิถีพิถัน พร้อมสอดแทรกเทคนิคสมัยใหม่ที่ทำให้คนดูเกิดความสนุกสนาน แต่ยังคงรักษาจารีต รูปแบบโบราณ ในลักษณะของโขนหลวงเอาไว้






ในการแสดงครั้งนี้มีการแบ่งเป็น ๕ ฉากใหญ่ที่สำคัญ ได้แก่ ฉากที่ ๑ ท้องพระโรงกรุงลงกา, ฉากที่ ๒ พลับพลาพระราชทานเชิงเขามรกต, ฉากที่ ๓ โพรงไม้โรทัน, ฉากที่ ๔ สงคราม (๑) และ ฉากที่ ๕ สงคราม (๒) นอกจากนี้ยังมีความพิเศษกว่าโขนในทุก ๆ ตอนที่จัดแสดงมา คือ การนำรำเบิกโรงการแสดง ชุด ระบำนารายณ์เจ็ดปาง ซึ่งเป็นบทพระนิพนธ์ของสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยปกติแล้วจะหาชมได้ยาก เพราะไว้ใช้แสดงในโอกาสสำคัญเท่านั้น






การแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด “ศึกอินทรชิต” ตอน “นาคบาศ” จะจัดแสดงรอบประชาชน ๓๔ รอบ และรอบนักเรียน ๑๖ รอบ ระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน ถึง วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชม ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา หรือ //www.thaiticketmajor.com บัตรราคา ๔๒o, ๖๒o, ๘๒o, ๑,o๒o และ ๑,๕๒o บาท รอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคา ๑๒o บาท (หยุดการแสดงทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. o๒-๒๖๒-๓๔๕๖ หรือคลิกที่ khonperformance.com















ภาพและข้อมูลจากเวบ
สูจิบัตรการแสดงโขน "นาคบาศ"
กระทู้พันทิป














ไทยพาณิชย์เปิดโครงการ "กล้าใหม่...ใฝ่รู้" ปีที่ ๙


เปิดรับสมัครแล้ว!!!
การแข่งขันโครงงาน "กล้าใหม่...สร้างสรรค์ชุมชน" ปี ๙
เชิญชวนนิสิตนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ส่งโครงงานดี ๆ ไอเดียเด็ด ๆ เพื่อพัฒนาชุมชน กลั่นกรองความคิดให้เป็นตัวอักษรแล้วเขียนรายละเอียดโครงงานส่งมาหาเรา ส่งได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ ๒๕ กันยายนนี้ เท่านั้น!!! มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการนำเอาความรู้ที่มี มาใช้พัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน


เรารอคุณอยู่...
We Want You!!


รายละเอียดการประกวด

ดาวน์โหลดคู่มือการสมัคร



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค SCB Challenge "กล้าใหม่...ใฝ่รู้"














ยูโอบี เพ้นท์ติ้ง ออฟ เดอะ เยียร์ ครั้งที่ ๕


ธนาคารยูโอบี จํากัด (มหาชน) ขอเชิญนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดภาพวาด “ยูโอบี เพ้นต์ติ้ง ออฟ เดอะ เยียร์ ครั้งที่ ๕” (5th UOB Painting of the Year) โดยภาพวาดที่ชนะเลิศการประกวดประเภทศิลปินอาชีพจะได้รับเงินรางวัล ๗๕o,ooo บาท สําหรับประเภทศิลปินสมัครเล่นจะได้รับเงินรางวัล ๙o,ooo บาท และภาพวาดที่ชนะเลิศในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับเงินรางวัลพิเศษอีก ๑o,ooo ดอลล่าร์สหรัฐฯ และอาจได้รับโอกาสจัดแสดงผลงานของตัวเองที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น


วัตถุประสงค์

เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนงานด้านศิลปะในหมู่เยาวชนไทยและบุคคลทั่วไปที่สนใจและมีใจรักงานศิลปะ ซึ่งโครงการยูโอบี เพ้นต์ติ้ง ออฟ เดอะ เยียร์ เป็นการแข่งขันประกวดภาพวาดศิลปะประจําปีในระดับภูมิภาคของกลุ่มธนาคารยูโอบี ประกอบด้วย ๔ ประเทศคือ ประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซียและ มาเลเซีย โครงการนี้ได้ดําเนินมาเป็นเวลากว่า ๓๓ ปีในประเทศสิงคโปร์ และเป็นการจัดครั้งที่ ๕ ในประเทศไทย


ส่งผลงานเข้าประกวดพร้อมแบบฟอร์มใบสมัครที่

หอศิลป มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ระหว่างวันที่ ๑-๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ จะมีการจัดพิธีมอบรางวัลให้กับผู้ชนะทุกท่านในประเทศไทยในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และผลงานทุกชิ้นที่ได้รับรางวัลจะนํามาจัดแสดงที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑๔-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ฝ่ายบริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร
โทร o-๒๖๒o-๒๘๕๔ และ o-๒๖๒o-๒๘๙๙

ข่าวประชาสัมพันธ์ : ฝ่ายบริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร / ธนาคารยูโอบี จํากัด (มหาชน)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














บ้านจิม ทอมป์สัน ขยายเวลาจัดนิทรรศการ TRANSMISSION-ทรานสมิชชั่น


หอศิลป์ บ้านจิม ทอมป์สัน ขยายเวลาการจัดแสดงนิทรรศการ “TRANSMISSION – ทรานสมิชชั่น” มรดกทางวัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย คัดสรรโดยภัณฑารักษ์ เดวิด เทห์ และผู้ช่วยภัณฑารักษ์ แมรี่ ปานสง่า นิทรรศการนี้เผยให้เห็นถึงการถอดรหัสความคิดและการตีความ “มรดก ทางวัฒนธรรม”(Cultural heritage) ในเชิงของ “องค์ความรู้” ที่ถูก “ส่งต่อ” (Transmission) โดยสะท้อนให้เห็นถึง ความสืบเนื่องตามกาลเวลา กระบวนการและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับ “ศิลปะร่วมสมัย” (Contemporary art) ที่มีจุดเริ่มต้นจากการ “มองย้อนอดีต” และนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานอันทรงคุณค่า รูปแบบใหม่ นิทรรศการในครั้งนี้ได้นำเสนอเสี้ยวหนึ่งของความเป็นไทยก่อนการเป็น “รัฐชาติ” (Pre-Nation state) ผ่านมุมมองของศิลปะร่วมสมัยโดยศิลปินชื่อดัง ๗ ท่านจากประเทศไทยและประเทศต่างๆ ในเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ โสเพียพ พิช, อัลเบิร์ต โยนาธาน เซ็ตยาวัน, เดอะ โพรเพลเลอร์ กรุ๊ป,นิค ชาน, สุวิชชา ดุษฎีวนิช, สาครินทร์ เครืออ่อน และถกล ขาวสะอาด กับ ๗ ผลงานที่ตีความจากคอลเลคชั่นงานศิลปะ วัตถุโบราณ และ งานสะสมใน “พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน”



ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
a href ='//www.artbangkok.com/?p=3287'>artbangkok.com














"ยลยะลา" ภาพถ่ายดึงดูดเที่ยวแดนใต้


เป็นโอกาสแรกที่เราจะได้ยลความงามของผืนป่าสีเขียว ขุนเขา และสายหมอกของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา ในพื้นที่จังหวัดยะลา ผ่านภาพถ่ายในนิทรรศการ "ยลยะลา" เป็นการประกาศให้ผู้คนรู้ว่า จ.ยะลา มีธรรมชาติสมบูรณ์ และยังมีภาพถ่ายอีกนับ ๑oo ภาพ ที่ตากล้องกลุ่มสห+ภาพ และช่างภาพฝีมือดีจากยะลาตั้งใจกดชัตเตอร์หวังกระตุ้นให้เกิดเรื่องราวดี ๆ ของเมืองยะลาให้เกิดขึ้นใจของผู้คน


หลายภาพไม่น่าเชื่อหรือไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีที่ยะลา ดึงดูดให้อยากเดินทางไปดินแดนแห่งนี้ เพราะข่าวคราวตามสื่อทีวีหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้เสนอแต่เหตุความไม่สงบ ก็เป็นสิ่งที่เคลือบจิตใจผู้ชมมาก การสร้างการรับรู้ในสิ่งที่ดีงาม ภาพถ่ายก็เป็นตัวแทนการสื่อสารความหมายดี ๆ สู่ผู้ชม และเติมเต็มภาพลักษณ์ของเมืองยะลาในมุมมองที่สวยงาม


"ยลยะลา" เป็นโครงการความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างเทศบาลนครยะลา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงวัฒนธรรม และกลุ่มสห+ภาพ ผนึกกำลังกันเพื่อให้ภาพพลังแห่งสันติสุขในพื้นที่ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๙-๒๓ กันยายน ๒๕๕๗ ที่อุทยานการเรียนรู้ยะลา เป็นอุทยานการเรียนรู้ภูมิภาคแห่งแรกของประเทศไทย และนำมาให้คนกรุงเทพฯ ได้ยลวันที่ ๒๗ กันยายน-๒ ตุลาคม ที่อุทยานการเรียนรู้ TK park ห้องสมุดมีชีวิต ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร


จิระนันท์ พิตรปรีชา ประธานที่ปรึกษากลุ่มสห+ภาพ กล่าวว่า เคยเมินยะลา ก่อนจะจัดงาน "ยลยะลา" เพราะเกิดจังหวัดตรังที่แดนใต้ กระทั่งมีแต่ข่าวบึ้มชายแดนใต้ออกมา ก็ตั้งหลักจะช่วยเพื่อนบ้านได้ยังไง ทุกวันนี้เหมือนมีป้ายขึง แดนอันตรายห้ามเข้า เราปลดชวนไม่ได้ แต่ปลดป้ายก่อนได้เพื่อให้คนที่ไม่เคยไป ได้ไปชมเรื่องดี ๆ ของ จ.ยะลา นำมาสู่การประสานกับเมืองยะลา พาช่างภาพกลุ่มสห-ภาพไปถ่ายภาพ ทั้งยังร่วมมือกับกลุ่มกรุงชิงและแก๊งค์โฟโต้ยะลา เพื่อเผยแพร่มิติใหม่ยะลาผ่านนิทรรศการภาพถ่าย ได้แก่ ตัวเมืองยะลา ผังเมืองได้ชื่อว่าสวยที่สุด นอกจากภูมิศาสตร์ ยังมีธรรมชาติจากฮาลาบาลาให้ชมเป็นครั้งแรก


"เบื้องหลังภาพเป็นการประสานงานระหว่างเครือข่ายช่างภาพ กลุ่มสห+ภาพ กลุ่มกรุงชิง จับมือกับระดับท้องถิ่น แก๊งค์โฟโต้ยะลา เป็นดาวรุ่งทั้งขยันและฝีมือดี มีความกลมเกลียว เราทลายม่านหมอกที่ปกคลุม ๓ จังหวัดแดนใต้ แล้วให้ภาพมุมมองต่างกัน ภาพถ่ายสะท้อนเรื่องได้ดีกว่าบทกวีเสียอีก แค่ภาพตอไม้ในเขื่อนบางลางก็น่าหลงใหล จากยะลาจะสะสมต่อยอดแสวงหาความร่วมมือกับปัตตานี นราธิวาส รวบรวมภาพถ่ายนำความสวยงาม น่าพิศวง ให้พี่น้องคนไทย เหนือ กลาง อีสาน ได้ชม" จิระนันท์กล่าว


ด้าน พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าวว่า พระราชินีเคยเสด็จฯ เมืองยะลาก่อนเหตุไม่สงบ ตรัส "บ้านเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก" สะท้อนมนต์เสน่ห์ของคนยะลาและปัจจุบันยังมีอยู่ นครแห่งนี้มีสวนสาธารณะล้อมรอบ นอกเมืองมีป่าฮาลาบาลาเป็นปอดพิเศษของเมือง และเป็นบ้านของสัตว์ป่ามากมาย แล้วยังมีจุดเด่นที่ดินดี น้ำดี อากาศดี ผลไม้มีชื่อ คือ ส้มโชกุน ทุเรียน มีผังเมืองที่อนุรักษ์ไว้ รวมถึงเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวธรรมชาติและเรียนรู้ผืนป่าฮาลาบาลา แต่คนไทยยังไม่รับรู้แง่การท่องเที่ยว


"เราไม่ปฏิเสธ ยะลามีเหตุไม่สงบ แต่หลายคนไม่รู้ถึงความสมบูรณ์ของผืนป่า ความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ทำให้สังคมยังดำรงอยู่ได้ในวันนี้ นี่คือนิทรรศการภาพถ่ายเปิดอีกมุมมอง ไม่ได้ยลยะลาในแง่งามเท่านั้น แต่แสดงถึงความมีน้ำใจของผู้คน ได้รู้จักและเข้าใจยะลาลึกซึ้งกว่าในข่าว" นายกเทศมนตรีนครยะลายืนยัน


นครินทร์ ชินวรโกมล ประธานกลุ่มแก๊งค์โฟโต้ยะลา กล่าวถึงความร่วมมือในงานนี้ว่า กลุ่มนี้ก่อตั้งเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว แต่ช่างภาพมีการรวมตัวกันหลังเกิดเหตุการณ์ไม่สงบที่ยะลาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ เพื่อนำเสนอภาพดี ๆ ของจังหวัดยะลา ทั้งวิถีชีวิต สถาปัตยกรรม ธรรมชาติ ผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพราะคนนอกพื้นที่มองยะลามีแต่เสียงระเบิด เสียงปืน และความรุนแรง เป็นเมืองมิคสัญญีหรือไม่ ทั้งที่ในยะลามีภาพความสวยงามมากกว่าเหตุรุนแรง เมื่อกลุ่มสห+ภาพติดต่อจะจัดนิทรรศการภาพถ่ายขึ้นก็ตอบตกลงทันที เพราะเคยร่วมในนิทรรศการภาพถ่าย "ดอกไม้กลางไฟใต้" เดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีคนสนใจชมผลงานกันมาก ส่วนงาน "ยลยะลา" มีภาพจากแก๊งค์โฟโต้ยะลา ๔๘ ภาพ ถ่ายทอดวิถีชีวิต วัฒนธรรมผู้คนในยะลา กลุ่มกรุงชิง ๓๒ ภาพ เสนอเรื่องผืนป่าฮาลาบาลา ถือเป็นอะเมซอนของอาเซียน มีความอุดมสมบูรณ์มาก เข้าป่าจะพบฝูงกระทิง ๔o-๕o ตัว ตื่นตากับนกเงือกนับพัน ส่วนกลุ่มสห+ภาพเสนอ ๒๑ ภาพ


"ยลยะลา อยากให้คนนอกพื้นที่ได้เห็นยะลาในมุมมองที่ไม่น่ากลัว คนในพื้นที่ไทยพุทธ มุสลิม จีน ไม่ได้แตกแยก ไม่ได้ขัดแย้ง แต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อย่างภาพที่ผมเสนอในนิทรรศการเป็นเรื่องงิ้ว วัฒนธรรมของคนจีนที่ยังอนุรักษ์ เพื่อนช่างภาพในกลุ่มเสนอภาพการรำโนราหน้าศาลเจ้าในชุมชนชาวจีน ภาพแบบนี้มีที่ยะลา ที่นี่ไม่ใช่เมืองร้าง ก็ชวนทุกคนมาชมนิทรรศการ ลงมาเที่ยวยะลา ให้กำลังใจคนในจังหวัด" ประธานแก๊งค์โฟโต้ยะลากล่าว


ใครสนใจกำหนดการนิทรรศการ "ยลยะลา" จัดแสดงวันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน-วันพฤหัสฯ ที่ ๒ ตุลาคม ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. ถ้ามานิทรรศการในวันที่ ๒๗-๒๘ กันยายน สนุกกับเพลง การแสดง วงเสวนาเรื่องป่าฮาลาบาลา การประดิษฐ์ศิลปะจากวัสดุธรรมชาติ รวมถึงเย็นวันเสาร์มีการประกาศผลประกวดภาพถ่าย "ทอด ภาพ ป่า" ที่ TK park ชวนร่วมส่งภาพถ่ายเข้าประกวดถ่ายทอดมุมมองพื้นที่สีเขียวใกล้ตัวชิงรางวัล ภาพที่ผ่านคัดเลือกจะนำมาแสดงร่วมกับภาพจากโครงการยลยะลา ฯลฯ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ tkpark.or.th







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
เฟซบุคtakparkyala
komchadluek.net














ทอ-จก-ขิด พิชิตรางวัลลายผ้าร่วมสมัย


โดยพันธกิจของ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ต้องรับผิดชอบทั้งภูมิปัญญา และงานสร้างสรรค์ จึงเป็นที่มาของโครงการ "ประกวดออกแบบลายผ้าร่วมสมัยสู่สากล" ในระดับนิสิต นักศึกษา เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีโจทย์ว่าต้องมีความร่วมสมัย ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน สามารถต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ได้ และเมื่อกิจกรรมเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย ผู้ใหญ่ใจดีก็เปิดพื้นที่บริเวณ ชั้น ๑ สยามดิสคัฟเวอรี่ ให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้ร่วมกันโชว์ผลงานพร้อมประกาศผลผู้ชนะเลิศการประกวดไปเมื่อวันก่อน


กุลณี อิศดิศัย รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า โครงการนี้ได้รับความสนใจจากเยาวชนส่งผลงานเข้าร่วมประกวดมากถึง ๔o ทีมจากทั่วประเทศ ก่อนคณะกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในวงการออกแบบและแฟชั่น ได้แก่ ศิริชัย ทหรานนท์ เจ้าของแบรนด์เธียเตอร์, ณรงค์ เลิศกิตศิริ เจ้าของแบรนด์พาซาญ่า และ แพรวา รุจิณรงค์ ผู้เชี่ยวชาญจากกรมหม่อนไหม ฯลฯ ร่วมกันคัดเลือกจนเหลือเพียง ๑o ทีมสุดท้าย เพื่อลงพื้นที่เรียนรู้กระบวนการทอผ้าจริง ๆ


"สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลที่ ๑ ได้แก่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประกอบด้วย วิษณุ ศรีมาบุตร-อรุณวิไล ศรีธรรม รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัยสงขลา ประกอบด้วย วรวุฒิ สมโสม, สุมัจฉา พัทธานิล, จีระภา สุวรรณโณ และ อนุชฎา ชูเกลี้ยง ส่วนรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ประกอบด้วย ฐิติพงศ์ ลิ้วห้อง และ ผดุงศักดิ์ พวงมาลี ในขณะที่ทีมจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒ ทีม, มหาวิทยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ๒ ทีม, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, และทีมรวมมหาวิทยาลัยจากเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ ได้รับรางวัลชมเชยไปครอง"


เจ้าของรางวัลที่ ๑ วิษณุ ศรีมาบุตร และ อรุณวิไล ศรีธรรม ช่วยกันเล่าถึงผลงานของตัวเองว่า ได้นำเอาลายผ้าประจำท้องถิ่นอย่างผ้าขาวม้า โสร่ง และรูปม้า ซึ่งเป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ในภาคอีสานมารวมกันไว้ในผ้าผืนเดียวกัน โดยใช้เทคนิกการจก ขิด เส้นหางกระรอก และทอสี่ตะกอเพื่อให้เส้นยืนเด่นกว่าเส้นพุ่ง ด้วยการเลือกใช้ไหมบ้านหรือขี้ไหมซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยากกว่าเส้นไหมประเภทอื่นตรงที่ต้องลอกกาวไหมออกก่อนจะลงมือย้อมไหมด้วยกระบวนการธรรมชาติ และที่สำคัญทั้งสองคนลงมือทอด้วยตัวเอง


ขณะที่ วรวุฒิ สมโสม ตัวแทน ม.เทคโนโลยีศรีวิชัยสงขลา เล่าว่า ได้แรงบันดาลใจมาจาก "ลายประจำยาม" อันเป็นส่วนหนึ่งของหนังตะลุงมาครีเอทใหม่ให้มีความเป็น "อาร์ท เดคโค" ผสมผสานกับทรงเรขาคณิต โดยใช้เทคนิกการมัดหมี่ และเลือกใช้ช่างทอจาก จ.สุรินทร์ ซึ่งมีความชำนาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ ส่วน ฐิติพงศ์ ลิ้วห้อง ตัวแทนจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม เปิดเผยว่า เพราะเรียนมาทางด้านการออกแบบนิเทศศิลป์ จึงนำเรื่องการออกแบบลวดลายกราฟฟิกมาใช้ร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นของตัวเองนั่นคือ ไทยทรงดำ ลายกระดุมเงิน โดยใช้เทคนิคการทอยกดอกลายดอกแปด จนได้ลายน้ำไหล


ในภาคส่วนของคณะกรรมการ ศิริชัย ทหรานนท์ เปิดเผยว่า จากโจทย์ที่ตั้งไว้ปรากฏว่าเด็ก ๆ สามารถทำได้ดี ขณะเดียวกันก็เป็นที่น่าชื่นชมว่ายังสามารถหยิบเอาทั้งเรื่องการใช้เทคนิค สีสัน และแรงบันดาลใจมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ อย่างผ้าขาวม้า ถือเป็นลวดลายง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนที่หลายคนมองผ่าน แต่นักศึกษาก็หยิบขึ้นมาสร้างสรรค์ได้อย่างสวยงาม ขณะเดียวกันก็อยากฝากถึงน้อง ๆ ให้พัฒนาเรื่องการจับคู่สี เพราะบางครั้งแค่เลือกใช้สีสำหรับเส้นยืนผิดไปก็มีผลให้ลวดลายเพี้ยนไปได้ รวมถึงเรื่องการพรีเซนต์งานกับการลงมือปฏิบัติต้องไปในแนวทางเดียวกัน และสุดท้ายการเลือกใช้วัตถุดิบซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














ประกวดวาดภาพมหัศจรรย์ กล้วยไม้ไร้พรมแดน สีสันแห่งเอเชีย


กลุ่มบริษัทโตชิบา ประเทศไทย ร่วมกับ สยามพารากอน ขอเชิญชวนเยาวชนในระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ ร่วมประกวดศิลปกรรม “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” วาดภาพกล้วยไม้ไทย ครั้งที่ ๘ ในงาน 8th Siam Paragon Bangkok Royal Orchid Paradise หัวข้อ “วาดภาพมหัศจรรย์กล้วยไม้ไร้พรมแดน สีสันแห่งเอเชีย (PASSAGE TO ASEAN PARADISE)” ชิงโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และทุนการศึกษา ในวันพุธที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑o.oo - ๑๓.๓o น. ณ ไลฟ์สไตล์ฮออล์ ชั้น ๒ สยามพารากอน รับสมัครตั้งแต่วันนี้ - ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ ขอรับสมัครและระเบียบการประกวดได้ที่สำนักบริหารและโครงการเพื่อสังคม บริษัทโตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด โทร. o-๒๕๑๑-๗๗๑o-๒ หรือที่ โตชิบา อินเทลลิเจนซ์ ช็อป ชั้น ๒ (โซนเครื่องใช้ไฟฟ้า) สยามพารากอน หรือดาวน์โหลดใบสมัครและระเบียบการได้ที่ toshiba.co.th เลือกเมนู “กิจกรรมเพื่อสังคม”



ภาพและข้อมูลจากเวบ
mbamagazine.net














๔ ทศวรรษภาพถ่ายแฟชั่นไทยร่วมสมัยฝีมือ


ถ้า“แฟชั่น” คือกระจกสะท้อนความเป็นไปของยุคสมัยได้ดีที่สุด “ภาพถ่ายแฟชั่น” ในแต่ละยุคสมัยจากฝีมือลั่นชัตเตอร์ของช่างภาพมือทอง ก็คงเป็นบันทึกหน้าสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวของวงการแฟชั่นได้อย่างลึกซึ้ง!!














ในฐานะผู้บุกเบิกวงการแฟชั่นเมืองไทย ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับดีไซเนอร์ไทยทุกยุคทุกสมัย ศูนย์ การค้าสยามเซ็นเตอร์ ร่วมกับสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพ และกลุ่มช่างภาพแฟชั่นชั้นนำของไทย จัดงานรวมพลคนแฟชั่นยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ ๔o ปี พร้อมพานั่งไทม์แมชชีนย้อนตำนาน ๔ ทศวรรษ แฟชั่นไทยผ่านนิทรรศการภาพถ่ายแห่งความทรงจำ จากฝีมือลั่นชัตเตอร์ ๒o ช่างภาพชั้นนำของไทย ภายใต้แนวคิด “Visionaries : 40 Years of Thai Fashion Through the Eyes of Photo-graphers” ณ พื้นที่ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ วันที่ ๙ ก.ย.-๕ ต.ค. ๒๕๕๗














ภายในงานจะมีการรวบรวมภาพถ่ายแฟชั่นกว่า ๔oo ภาพ นำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการ ๔ ยุคสมัย เพื่อนำเสนอภาพถ่ายแฟชั่นของไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน สะท้อนวิวัฒนาการแฟชั่นไทย ตลอดระยะเวลา ๔ ทศวรรษ ตั้งแต่ยุค 1970s, 1980s, 1990s และ 2000s พร้อมเสริมทัพด้วยนิทรรศการภาพถ่ายฝีมือ “วิทยา มารยาท” ช่างภาพชั้นนำยุค 80s ผู้บุกเบิกการถ่ายภาพแฟชั่นยุคใหม่จนเป็นที่เฟื่องฟู














แฟชั่นแต่ละยุคสมัยเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในรูปแบบแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น “ยุคเซเว่นตี้ส์” ยุคจุดประทัด เป็นยุคแรกที่เกิดรูปแบบแฟชั่นสากล และเริ่มมีการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยดีไซเนอร์ดังประจำยุคยกให้ “สมชาย แก้วทอง” เจ้าของห้องเสื้อไข่บูติก ยุคนี้เป็นช่วงเวลาเดียวกับสยามเซ็นเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี ๒๕๑๖ เพื่อรองรับตลาดแฟชั่นสมัยใหม่ และเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพใหม่ในวงการ คือ “นางแบบอาชีพ” จากนั้นจึงเกิดอาชีพสไตลิสต์, เมกอัพอาร์ติสต์ และแฮร์สไตลิสต์ ส่งผลให้แฟชั่นไทยยุคนี้มีพัฒนาการรวดเร็วเกินคาด














เมื่อเข้าสู่ “ยุคเอ็กตี้ส์” เป็นยุคของเทรนด์เซ็ตเตอร์ที่ห้องเสื้อ แต่ละแบรนด์แสดงเอกลักษณ์ชัดเจนขึ้น โดยแบรนด์ดังก็ต้อง ธีระพันธ์, ดวงใจบิส, องอาจ นิรมล, เธียเตอร์, Soda และ Greyhound สำหรับ “ยุคไนน์ตี้ส์” เป็นยุคอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่เปลี่ยนแปลงจากสไตล์โก้หรู สู่แนวนีโอโรแมนติก นำเสนอภาพแฟชั่นที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายเสมือนจริง ซึ่งเป็นรากฐานของยุคมินิมัลลิสม์ ที่รายละเอียดแฟชั่นถูกตัดทอนสิ้นเชิง กระทั่งมาถึง “ยุค 2000s” ยุคแห่งความเป็นสากล เป็นช่วงเวลาที่โลกยุคใหม่ถูกเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซเนอร์รุ่นใหม่นำความรู้จากเมืองนอกเมืองนากลับมาสร้างสีสันให้วงการแฟชั่นไทยได้พัฒนาไปไกลแบบก้าวกระโดด


ในฐานะผู้สร้างตำนานแฟชั่นยุค 80s ถึง 90s “ศิริชัย ทหรานนท์” ดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “เธียเตอร์” และ “สมชัย ส่งวัฒนา” แห่ง Fly Now III พร้อมใจกันประสานเสียงว่า ตลอดเวลา ๔ ทศวรรษที่ผ่านมา วงการแฟชั่นไทยมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก และมีความเป็นอินเตอร์ขึ้นมาก ในอนาคตก็น่าจะแข็งแกร่งกว่าที่เคย เพราะกลุ่มดีไซเนอร์ไทยผนึกกำลังกันได้เหนียวแน่น และแต่ละแบรนด์ต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th














Unidentified Familier Object


นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย Unidentified Familiar Object
มาฆะ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
๒๒ สิงหาคม - ๒๑ กันยายน ๒๕๕๗
งานเปิดนิทรรศการ: วันศุกร์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.


WTF เเกลลอรี่ มีความยินดีขอเชิญท่านเข้าร่วมงานนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ภายใต้ชื่อ Unidentified Familiar Object โดย มาฆะ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ ๒๒ สิงหาคม ถึง ๒๑ กันยายน ๒๕๕๗


มาฆะ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา หลงใหลในวัตถุสิ่งของที่อยู่รอบตัว รวมทั้งหน้าที่การใช้งาน การรับรู้ความหมายที่ไม่คงที่ของวัตถุเหล่านี้ เขาพบว่าวัตถุรอบตัวเป็นสิ่งประณีต มีความซับซ้อนของกระบวนการทางสัญลักษณ์ ดังที่ Willaim Empson ได้กล่าวไว้ในทฤษฎี Compacted Doctrine ที่เกี่ยวกับความเชื่อของความหมายเเละทฤษฎีหลายๆอย่างทั้งในด้านการสร้างสรรค์ รูปร่าง เเละหน้าที่การใช้งาน ที่อัดเเน่นอยู่ในคำ ๆ เดียว หรือวัตถุอย่างเดียว อย่างไรก็ตามผลงานชุดนี้ของมาฆะ ไม่ได้เกี่ยวกับรูปร่าง ความงาม หรือ สิ่งของประจำวันรอบตัวแบบตรงไปตรงมา เเละไม่ได้เกี่ยวกับการตึความอันงดงามของวัตถุอย่างรูปร่างโถปัสสาวะของ Duchamp หรือภาพพิมพ์ที่สวยงามบนกระป๋องซุบ


งานชิ้นนี้เป็นการมุ่งไปที่ประเด็นสิ่งของง่าย ๆ ที่ไม่มีความตื่นตาตื่นใจ อย่างเช่นโต๊ะ เก้าอี้โรงเรียนรูปทรงสี่เหลี่ยมธรรมดาที่อาจพูดเรื่องระบบการศึกษาที่ต้องการสร้างอุดมการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ ที่ให้ประชาชนคิดเหมือนๆกัน หรือตาชั่งสังกะสีที่ใช้ในร้านขายส่งขายปลีกทั่ว ๆ ไป วัตถุที่ที่ศิลปินหยิบยกขึ้นมาใช้เหล่านี้เป็นเครื่องมือให้เขาได้แสดงออกถึงกลไกและกระบวนการที่มีผลต่อการรับรู้ของมนุษย์ ซึ่งวิธีการนำเสนอหรือบริบทของวัตถุนั้น ๆ มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างเเนวทางความหมาย เเละความรู้สึกที่ทำให้เราเข้าใจว่าวัตถุนั้นคืออะไร ทำหน้าที่อะไร เเละอยู่ส่วนไหนในสารระบบชีวิตของเรา


ศิลปินใช้วัตถุรอบตัวนำมาดัดแปลงโครงสร้างและองค์ประกอบ เพื่อสร้างบทสนทนาที่มนุษย์ไม่สามารถหาตรรกะมารองรับได้ หรือเพื่อความตลกขบขัน เเละหากมองเหตุการณ์วุ่นวายทางสังคมเเละการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบันมาเปรียบเทียบ ผลงานชิ้นนี้ต้องการนำเสนอเรื่องราวที่เป็นตรรกะวิบัติทางความคิด อาทิเช่น เหตุการณ์ผู้มีอำนาจเเละตำเเหน่งที่ถูกลด หรือกระชากอำนาจที่เคยมี เกิดเป็นคำถามเปรียบเปรยเช่น ถ้าคุณไม่สามารถนั่งบนเก้าอี้นั่นได้ เก้าอี้นั้นจะมีประโยชน์อะไร? ทำไมเก้าอี้ต้องมีรูปร่่างเป็นเก้าอี้ด้วย เมื่อมันไม่ทำหน้าที่เป็นเก้าอี้อีกต่อไป?


ผลงานของเขาต้องการชี้ให้เห็นถึงความโกลาหลเกิดขึ้นจากการเผชิญหน้าของความเป็นจริงของโลก ที่ขัดเเย้งกับความเข้าใจของมนุษย์ หรือในอีกเเง่หนึ่งอาจกล่าวได้ว่า ด้วยความหวังอย่างเเรงกล้าของเราว่าโลกเราจะคงอยู่ในวันพรุ่งนี้ เหมือนกับที่โลกของเราที่เป็นอยู่ในวันนี้ วัตถุหลายชิ้นที่ศิลปินนำมาใช้เป็นวัตถุที่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับคนไทยตั้งเเต่วัยเด็ก ที่ถลอก เบี้ยว เก่าลงด้วยการใช้งาน เอามาเเทนที่ด้วยอุปกรณ์ที่มีความเเหลมคม เเละผลิตขึ้นอย่างฉลาด เป็นการโละทิ้งภาพจำของเก่าโละทิ้งอย่างสิ้นเชิง การได้เห็นวัตถุเหล่านี้ถูกดัดเเปลงโครงสร้าง หรือถูกนำมารวมกันเป็นกลุ่มก้อน เป็นบริบทใหม่ หรือถูกย้ายสลับที่เเละหน้าที่อย่างสิ้นเชิง จะเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้ชมงาน เเต่บางท่านอาจเห็นเป็นเพียงภาพความเศร้า รอยขีดข่วนเก่า ๆ ซึ่งอาจเป็นการตีความอีกเเง่ของผลงานชุดนี้ที่ศิลปินต้องการพูดเรื่องความทรงจำ เเละความเจ็บปวด ที่ต้องเตือนตัวเองหลาย ๆ ครั้งว่า "เเล้วมันก็จะผ่านไป"


มาฆะ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ในปี ๒oo๘ ผลงานของเขาเคยเข้าร่วมเเสดงในเเกลลอรี่หลายเเห่ง ทั้งในกรุงเทพเเละต่างจังหวัด อาทิเช่น งานเเสดงกลุ่ม The National Exhibition Art 56th ที่ หอศิลป์กรุงเทพฯ ในปี ๒o๑o เเละ งานเเสดงเดี่ยวที่ใช้ชื่อว่า Non Still Life ที่ Pongnoi Community Art Space ที่เชียงใหม่ในปี ๒o๑๑


Artist Statement

วัตถุสิ่งของที่อยู่รอบตัวสิ่งเหล่านี้ถูกผลิตและใช้ซ้ำซ้อนจนชินตา ดูแล้วเป็นสิ่งที่สามัญธรรมดา ไม่มีฐานะเมื่อเทียบกับวัตถุที่มีมูลค่าทางทรัพย์สิน หรือมูลค่าด้านจิตใจเมื่อนำไปเทียบกับวัตถุทางวัฒนธรรมที่ถูกสะสมตามพิพิธภัณฑ์ แต่สิ่งเหล่านี้กลับเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี วัตถุเหล่านี้มีเสน่ห์ในตัวของมัน และแสดงออกถึงหน้าที่การใช้งานที่เรียบง่ายไม่ซ้ำซ้อน และทำให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุ จนเกิดความหมายที่ผูกติดไปกับวัตถุนั้น ๆ เช่น เมื่อมองเห็นเครื่องมือที่ใช้ในชั่งวัดน้ำ้หนัก ก็จะทำให้นึกถึงความเป็นมาตรฐาน ความเที่ยงตรง ความยุติธรรมเป็นต้น ซึ่งวัตถุแต่ละอย่างก็จะมีเอกลักษณ์และ ความหมายที่แตกต่างกันไปการรับรู้ความหมาย


การรับรู้ความหมายและหน้าที่ของวัตถุสิ่งของต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นจากประสบการณ์การรับรู้ตลอดชีวิต ซึ่งการรับรู้นั้นไม่ใช่แค่การรับรู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำความเข้าใจในหน้าที่การใช้งานและความหมายของมันอีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดจากประสบการณ์บางอย่างอาจทำ้ให้เกิดความหมายแบบใหม่ที่มีต่อวัตถุขึ้นมา ที่นอกเหนือไปจากความหมายที่ติดตัวมากับหน้าที่การใช้งานของมัน ความหมายที่เกิดขึ้นกับวัตถุนี้เป็นผลจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้ง อย่างตั้งใจและสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับประสบการณ์รับรู้ที่หลากหลายทำ้ให้เกิดมุมมองความหมายของวัตถุแตกต่างกัน มีการเชื่อมโยงและประกอบกันของความหมายทำ้ให้เกิดความหมายใหม่และสร้างให้เกิดความหมายที่ไม่แน่ชัดขึ้นมา จากความหมายของวัตถุที่ถูกผูกติดมากับหน้าที่การใช้งาน และมองหาความหมายที่แตกต่างออกไปจากความหมายที่เราคุ้นชิน จนทำ้ให้เห็นความหมายแฝงที่อยู่ในวัตถุชิ้นนั้น ๆ


เรื่องราวต่างๆที่ประสบพบเจอในชีวิตประจำวันผ่าน ประสบการณ์ตรงและสื่อต่าง ๆ เรื่องบางเรื่องทำ้ให้เห็นถึงทัศนคติของคนบางคนหรือบางกลุ่ม ที่แสดงออกต่อสิ่งที่เห็นแตกต่างกันออกไปตามประสบการณ์การรับรู้ของแต่ละบุคคล ในบางทัศนคติของ บุคคลเหล่านี้ทำ้ให้เกิดแรงกระตุ้นที่จะหาเหตุผลที่มารองรับในเรื่องนั้น ๆ เพื่อหาคำตอบว่าคำตอบแบบไหนจะเหมาะสมที่สุด แต่ในทางกลับกันยังมีบุคคลจำนวนหนึ่งที่มีอาการสุดโต่งกับคำตอบที่ตนเองหามา ได้และพยายามแสดงออกอย่างถึงที่สุด จนทำให้มองไม่เห็นถึงความเป็นไปได้ในมิติอื่น ๆ ของคำตอบนั้น ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำ้ให้เห็นความไร้เหตุผลและนำไปสู่ตรรกะวิบัติ


ผมแสดงออกถึงสภาวะไร้เหตุผลจากการพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยการเลือกวัตถุที่พบเห็นได้รอบตัวจนรู้สึกชินชากับมัน แล้วนำมาปรับเปลี่ยนหน้าที่การใช้งานและความหมายให้ออกมาดูเหนือจริงและไร้เหตุผล ทำให้เวลามองวัตถุเหล่านี้เกิดคำถามที่มีต่อหน้าที่และความหมายของวัตถุนั้น ๆ ถ้าวันหนึ่งวัตถุที่สามัญธรรมดาเหล่านี้เปลี่ยนไปจากความเป็นจริงที่เคยรับรู้ จะยังเป็นวัตถุที่เราคุ้นชินอยู่อีกหรือไม่ และอาจนำไปสู่การมองหาเหตุผลและความหมายที่มีต่อวัตถุนั้น ๆ สิ่งที่ต้องการแสดงออกมานั้นมันอาจเป็นแค่การโยนคำถามให้ผู้ชมว่าเมื่อยืน อยู่ตรงหน้าบางสิ่งบางอย่างที่เราคิดว่ารู้จักมันดีสุด ๆ แต่ผลที่ได้กลับเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปมันจะเป็นอย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นอีกต่อไป



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคนิทรรศการ














The Jive Aces, UK’s Top Jive & Swing Band, สหราชอาณาจักร


วัน : ศุกร์ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗
เวลา : ๑๙.๓o น.
สถานที่ : หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ราคาบัตร : ๒,ooo / ๑,๖oo / ๑,๒oo / ๑,o๖oo / ๘oo บาท


Ken Smith : ดับเบิลเบส
Vince Hurley : เปียโน
Peter Howell : กลอง
John Fordham : แซกโซโฟน
Alex Douglas : ทรอมโบน
Ian Clarkson : ร้องนำ
ระยะเวลาการแสดง: ๙o นาที (ไม่มีพักการแสดง)
//www.jiveaces.com


วง ไจฟ์ & สวิง จากรายการ Britain’s Got Talent ร่วมแสดงด้วยกันกว่า ๑๕ ปี ตระเวนแสดงกว่าพันเทศกาลดนตรี ทั่วสหราชอาณาจักร ยุโรป สหรัฐ และประเทศอื่น ๆ อีก ๓o ประเทศ ด้วยการแสดงอันทรงพลังจากการนำดนตรีสวิงผสมผสานเข้ากับร็อกแอนด์โรล ทำให้ The Jive Ache ได้ร่วมงานกับสุดยอดศิลปินในวงการ อาทิ John Travolta, Status Quo, Isaac Hayes, Van Morrison, Jamie Cullum, Count Basie Orchestra, Priscilla Presley, Chuck Berry เป็นต้น


The Jive Ache ได้แสดงในโรงมหรสพที่มีชื่อเสียงเช่น The Royal Albert Hall, Glastonbury Festival; Montreux Jazz Festival เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และได้แสดงต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายฟิลิปส์ และ สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ อีกด้วย นอกจากนั้นพวกเขายังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติอีกมากมายเช่น “City of Derry International Music Award” และยังปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์กว่าร้อยรายการในสหราชอาณาจักร มิวสิควีดีโอ “Bring Me Sunshine” ของพวกเขามียอดคลิ๊กเข้าชมใน Youtube กว่า ๒ ล้านครั้ง


ด้วยการแสดงอันเปี่ยมด้วยพลังแฝงด้วยอารมณ์ขัน การแต่งกายสีสันสดใส และการออกแบบเวทีอันอลังการ The Jive Ache จะทำให้ผู้ชมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้และเต้นตามการแสดงของพวกเขาได้อย่างไม่ขัดเขิน ทุกการแสดงรับประกันว่าผู้ชมจะ “สวิง”







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaiticketmajor.com














AETERNUM: LOS VIVANCOS, สเปน


วัน : อาทิตย์ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๗
เวลา : ๑๙.๓o น.
สถานที่ : หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ราคาบัตร : ๓,ooo / ๒,๕oo / ๒,ooo / ๑,๕oo / ๘oo บาท


โดย Extreme Flamenco Fusion
สนับสนุนโดย สถานเอกอัครราชทูตสเปน
ระยะเวลาการแสดง ๙o นาที (ไม่มีพักการแสดง)


Elias, Judah, Josua, Cristo, Israel, Aaron และ Josue รวมตัวกันในปี ๒oo๗ และสร้างสรรค์การแสดงอันได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในทศวรรษนี้ “Los Vivancos” ทั้ง ๗ คน ดำเนินการผลิต กำกับ ออกแบบท่าเต้น และประพันธ์ดนตรีด้วยตัวเองทั้งหมด และ ตระเวนแสดงมากกว่า ๓๕ ประเทศผ่านสายตาผู้ชมกว่าหนึ่งล้านคนทั่วโลก


Los Vivancos ได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีและศิลปะร่วมกับศิลปินระดับสุดยอดของวงการ เช่น Antonio Banderas เจ้าหญิง Stephanie แห่งโมนาโค นักร้องชาวฝรั่งเศส Mylene Farmer โดยแสดงต่อหน้าผู้ชม ๑๘,ooo คน ณ Bercy Stadium แห่งปารีส


ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของพวกเขาในกรุงเทพฯ กับการแสดงล่าสุด “AETERNUM” การเต้นอันเร้าใจ หลากหลายรูปแบบ อาทิ แท็ป ฟลาเมงโก ศิลปะการต่อสู้ ประกอบกับ ฉาก ดนตรี และการออกแบบเวที แสงอันอลังการ และที่สำคัญ พวกเขาคือ ๗ หนุ่มสเปนรูปงามที่จะทำให้คุณหายใจไม่ทั่วท้อง







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaiticketmajor.com














The World Greatest Abba Show, The Arrival From Sweden, สวีเดน


วัน : อังคารที่ ๓o กันยายน ๒๕๕๗
พุธที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
เวลา : ๑๙.๓o น.
สถานที่ : หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ราคาบัตร : ๓,ooo / ๒,๕oo / ๒,ooo / ๑,๕oo / ๘oo บาท


คณะ ARRIVAL FROM SWEDEN
ระยะเวลาการแสดง : ช่วงที่หนึ่ง ๔๕ นาที ช่วงที่สอง ๔๕ นาที พักการแสดง ๒o นาที
//www.themusicofabba.com


ABBA คือวงดนตรีของสวีเดนที่สร้างผลงานเพลงอันเป็นอมตะระดับโลก ด้วยยอดจำหน่ายผลงาน ๓๗o ล้านแผ่น จนมีการนำเพลงของ ABBA ไปทำละครเพลง “Mamma Mia” อันเป็นที่นิยมไปทั่วโลก รวมถึงเกมคอมพิวเตอร์ Playstation “ABBAs Sing Star” ที่ประสบความสำเร็จในยอดขาย และมีการเปิดพิพิธภัณฑ์ “The ABBA The Museum” ในประเทศสวีเดน ดังนั้น ABBA คือวงดนตรีพ็อปอมตะตลอดกาลเทียบชั้นเท่ากับ Elvis และ The Beatles ตั้งแต่ปี ๑๙๗๑ ที่เริ่มต้นวงจนถึงปี ๑๙๘๒ ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดของ ABBA แต่ตำนานของวงนี้ยังคงโลดแล่นอยู่ต่อไปในใจของแฟนเพลงทั่วโลก


และในปี ๑๙๙๕ คณะ Arrival From Sweden กลายเป็นผู้สืบสานตำนาน โดยได้นำเพลงของ ABBA ทำการแสดงต่อจนกลายเป็นกลุ่มศิลปินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกในการสืบทอดตำนานของ ABBA คณะ Arrival From Sweden ได้ทำการทัวร์คอนเสิร์ต ๕o ประเทศทั่วโลก และ ปรากฏตัวในสถานีโทรทัศน์และวิทยุทั่วโลก เช่นการแสดงกลางแจ้งต่อหน้าผู้ชมชาวโปแลนด์ ๕o,ooo คน ทำการถ่ายทอดโทรทัศน์ให้กับผู้ชมในทวีปยุโรป ๑๒ ล้านคน ทัวร์คอนเสิร์ตในทวีปอเมริกาเหนือ ปี ๒oo๕ ปรากฏว่า ๓o การแสดงบัตรเข้าชมถูกจำหน่ายหมดในเวลาอันรวดเร็ว


The Arrival From Sweden คือกลุ่มศิลปินที่จะทำให้คุณเข้าใกล้ และ กลับมารำลึกถึงดนตรีของ ABBA ได้มากที่สุด







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaiticketmajor.com





บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 18 กันยายน 2557
Last Update : 18 กันยายน 2557 22:38:28 น. 0 comments
Counter : 2684 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.