happy memories
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2557
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 พฤษภาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๙๙




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









"เผยเรื่องราว ๕oo ปี พระอิศวรเมืองกำแพงเพชร”


วันที่ ๑o พฤษภาคมนี้ นิทรรศการถาวรที่ปรับปรุงใหม่เอี่ยมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร พร้อมสำหรับการเปิดให้สาธารณชนเข้าชมครั้งแรก หลังจากที่กรมศิลปากรให้งบประมาณปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการถาวร เพื่อเปิดเผยเรื่องราวของของเมืองกำแพงเพชรในแต่ละยุคสมัย และเพื่อนำโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ศิลปะสุโขทัยและศิลปะอยุธยาที่พบใน จ.กำแพงเพชร มาแสดงอย่างน่าสนใจ


เป็นการพัฒนาที่ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของโบราณวัตถุและโบราณสถานเมืองกำแพงเพชร มองเห็นลู่ทางลงทุนเชิงวัฒนธรรมใหม่ ๆ เพิ่มเติม หลังจากที่กรมศิลปากรประกาศให้สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร เป็นเมืองวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว


นอกจากเปิดนิทรรศการถาวรแล้ว จะมีการเฉลิมฉลอง ๕oo ปี การประดิษฐานเทวรูปพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร เทวรูปโบราณที่ทำให้เราเห็นภาพอดีตของเมืองที่มีบทบาทสำคัญอย่างกำแพงเพชรอีกด้วย ภายในนิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑฯ กำแพงเพชร มีเทวรูปพระอิศวรความสูง ๒๑o เซนติเมตรนี้ตั้งแสดง ที่ผ่านมาชาวกำแพงเพชรและนักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาและกราบสักการะตลอดระยะเวลา


ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ พฤษภาคมนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่รำลึกพระอิศวรเมืองกำแพงเพชรครั้งสำคัญ และเวลา ๕ วันนี้ที่อยากให้ทุกคนมาเยือนพิพิธภัณฑฯ กำแพงเพชร ค่อยๆ อิ่มเอมงานศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ของดีของเมืองนี้ สำหรับเช้าวันที่ ๑๒ พฤษภาคม จะมีการบวงสรวงพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร ณ ศาลพระอิศวรเดิม ซึ่งเป็นสถานที่พบเทวรูปนี้ และยามค่ำคืนตื่นตากับการแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสม "เล่าเรื่องเมืองกำแพงเพชร" ณ วัดพระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เวลา ๑๙.oo น. ตามกำหนด


หลักฐานทางโบราณคดีระบุว่า พระอิศวรประทับยืนบนฐาน พระพักตร์เป็นสี่เหลี่ยมมีเครา ทรวงสวมหมวกแขกที่มีกะบังหน้า ร่างกายมีการประดับสร้อยคอ คล้องสายมงคลเครื่องหมายวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์ และแพศย์ มีหัวเป็นพญานาค ๕ เศียร ทรงนุ่งผ้านุ่งสั้น และมีชายผ้ารูปสามเหลี่ยม ได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมร เจ้าพระยาศรีธรรมโศกราชได้ประดิษฐาน ณ เทวาลัยศาสนาฮินดูใน พ.ศ. ๒o๕๓ เพื่อคุ้มครองชาวเมืองกำแพงเพชร


ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๙๓ หัวโขมยชาวเยอรมันคนหนึ่งได้มาพบเทวรูปนี้ในสภาพดี แม้จะตากแดดตากฝนอยู่นานกว่า ๔oo ปี โดยลักลอบตัดพระเศียรและพระหัตถ์เทวรูปพระอิศวรออกเป็นชิ้นส่วนจะส่งไปประเทศเยอรมนี แต่โดนจับได้ที่กรุงเทพฯ ไม่นาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบเรื่อง มีพระราชดำริว่าของโบราณตามหัวเมือง ถ้าไม่ดูแลรักษาจะอันตรายและสูญหาย เพื่อความปลอดภัย จึงโปรดเกล้าฯ ให้สั่งไปยังเมืองกำแพงเพชรให้ส่งโบราณวัตถุ มีเทวรูปพระอิศวร นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกนครชุมนำมาเก็บรักษาที่กรุงเทพฯ เมื่อการก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร แล้วเสร็จ เทวรูปพระอิศวรจึงกลับมาประดิษฐานและแสดงให้สาธารณชนเข้าชมโบราณวัตถุสำคัญจนทุกวันนี้


เอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กำแพงเพชรเป็นเมืองโบราณในลุ่มน้ำปิง มีความสำคัญมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย ทั้งด้านยุทธศาสตร์และศาสนา ในเวลาต่อมาเมืองกำแพงเพชรอยู่ในการปกครองของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เป็นเมืองหน้าด่านทางทิศเหนือ รับคติความเชื่อศาสนาฮินดูจากกรุงศรีอยุธยา ดังหลักฐานการประดิษฐานเทวรูปพระอิศวรโดยเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ความรุ่งเรืองมายาวนาน ทำให้ได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลก มรดกทางวัฒนธรรมของเมืองนี้รวบรวม เก็บรักษา และจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม ถือเป็นคลังความรู้และสะท้อนเอกลักษณ์ อย่าง ศิลปกรรมสกุลช่างกำแพงเพชร พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย หมวดกำแพงเพชร คุณค่านี้เป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาเมืองวัฒนธรรมท่องเที่ยว และจะต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วม นอกจากนี้จะทำการท่องเที่ยวเชื่อมโยงตาก เชียงใหม่ พิษณุโลก สุโขทัย ศรีสัชนาลัย ด้วย เพราะเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกัน


"นิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑฯ กำแพงเพชร จะเปิดตัวให้ชาวกำแพงเพชรและนักท่องเที่ยวได้รับรู้ข้อมูลใหม่ ๆ ที่ผ่านการปรับปรุงและจัดแสดงในนิทรรศการ ได้ชมและรับรู้ประวัติความเป็นมาของพระอิศวร โบราณวัตถุล้ำค่า มีนิทรรศการที่จัดขึ้นรำลึก ๕oo ปี ประดิษฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร แสดงให้เห็นว่าเทวรูปที่จัดแสดงมีค่า คุ้มครองคนกำแพงเพชรมานาน และจารึกเผยเรื่องราวการซ่อมพระมหาธาตุ บำรุงถนนหนทาง ขุดลอกคลอง หากมีคนมาเที่ยวนอกจากได้รู้ประวัติศาสตร์จะได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูง สร้างรายได้ให้ชุมชน" อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวถึงความสำเร็จของโครงการที่จะเกิดขึ้น


เดินทางไปท่องเที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ได้ โดยเฉพาะช่วงวันที่ ๙-๑๓ พฤษภาคมนี้ ที่จะมีนิทรรศการและกิจกรรมเต็มพื้นที่จนละลานตา ทั้งนิทรรศการพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร นิทรรศการพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร นิทรรศการงานศิลปะจากซากปรักหักพังในอุทยานฯ สุโขทัย กำแพงเพชร มรดกโลก นิทรรศการมหัศจรรย์เรื่องน่ารู้ของกล้วย และมีการจำหน่ายสินค้าของดีบ้านฉัน รากวัฒนธรรม และผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (CPOT) อันโดดเด่น เช่น ผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์นกคุ้ม ไม้แกะสลัก กระยาสารท กระดาษต้นกล้วยไข่ และกระทงเปลือกข้าวโพด เป็นสุดยอดจากทุกอำเภอในเมืองนี้ที่ร่วมฉลองเปิดนิทรรศการถาวรและฉลอง ๕oo ปี พระอิศวรเมืองกำแพงเพชร.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
tourismthailand.org














นิทรรศการจิตรกรรม "พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"



๗ ศิลปิน ได้แก่ สุวิทย์ ใจป้อม,ดินหิน รักพงษ์อโศก,ชิงชัย เจริญอุดมกิจ,ลาภ อำไพรัตน์,บรรจบ ปูริปิน,สุรัตน์ สดแสงสุก และนาวี เรืองระเบียบ


มีผลงานมาจัดแสดงร่วมกันผ่านนิทรรศการจิตรกรรม "พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"


วันที่ ๒๙ เมษายน - ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗


ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ ๑-๓ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี เป็นส่วนหนึ่งของงาน "สถาปนิก ๕๗"



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Art Eye View














"วัดประยุรวงศาวาสฉลองรางวัลยูเนสโก”


ยูเนสโกมอบรางวัลเยี่ยมวัดประยุรวงศาวาส เหตุบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์ ยก'กะดีจีน-คลองสาน'ชุมชนสันติสุข ต้นแบบปรองดองสมานฉันท์'พุทธ-คริสต์-อิสลาม'


เมื่อวันที่ ๒๓ เม.ย. ๒๕๕๗ ที่บริเวณลานพระบรมธาตุมหาเจดีย์ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มีการจัดพิธีมอบรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ ๑ (Award of Excellence) ให้โครงการบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์วัดประยุรวงศาวาส ด้านการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) โดยมีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งนายกวางโจ คิม ผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ อ่านประกาศคำสดุดีและมอบรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ ๑ โครงการบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์ วัดประยุรวงศาวาส" จากองค์การยูเนสโก แก่พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส เจ้าคณะภาค ๒ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร)






พระพรหมบัณฑิต กล่าวว่า วัดประยุรวงศาวาส ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากรให้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์พระบรมมหาเจดีย์และพริน ทรปริยัติธรรมศาลาเมื่อปี ๒๕๔๙ ใช้เวลาดำเนินการทั้งหมด ๖ ปี แล้วเสร็จเมื่อปี ๒๕๕๔ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น ๓๘ ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะสงฆ์และชุมชนรอบวัด ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้รับคัดเลือกจากสมาคมสถาปนิกสยามให้ได้รับรางวัล อนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม โดยเข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี ๒๕๕๔ และล่าสุดเมื่อปี ๒๕๕๖ โครงการนี้ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกประกาศได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ ๑ ด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกนับเป็นครั้งแรก ที่ประเทศไทยได้รับรางวัลนี้






"เกณฑ์การให้รางวัลรักษาสิ่งที่มรดกอันทรงคุณค่าเป็นโบราณสถานไว้อย่างดี มีการบูรณะคงรูปลักษณ์เดิม ไม่ทำลาย และ พระบรมธาตุมหาเจดีย์และพรินทรปริยัติธรรมศาลาเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยมีทุก ฝ่ายร่วมกันบูรณะ เมื่อทำเสร็จยังคงคุณค่าประโยชน์ใช้สอยอย่างสมบูรณ์ เป็นศูนย์รวมทางจิตใจ เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวชุมชน เชื่อมโยงกับโบสถ์ของศาสนาคริสต์ และมัสยิดของศาสนาอิสลามซึ่งพระบรมธาตุมหาเจดีย์เป็นเจดีย์ที่สร้างในสมัย อยุธยา และมีเสาแกนกลางที่ยังเหลืออยู่แห่งเดียวในไทยสามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้" พระพรหมบัณฑิต กล่าว



ภาพและข้อมูลจากเวบ
phayao.mcu.ac.th
posttoday.com
เฟซบุควัดประยูรวงศาวาส














'กว่าจะเป็นละครดึกดำบรรพ์' รำลึกเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ


หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงได้รับฟังพระยาเทเวศร์วิวัฒน์บอกเล่าถึงความประทับใจในการได้เข้าชมละครโอเปร่าที่ยุโรป พระองค์จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะจัดสร้างละครดึกดำบรรพ์ขึ้นมาใหม่ เป็นนาฏศิลป์ไทยที่ซ่อนกลิ่นอายความเป็นโอเปร่าเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน และยังถือได้ว่าเป็นศิลปะการแสดงที่โดดเด่นทั้งด้านดนตรีและเสียงขับร้องของตัวละคร


และเนื่องใน “วันนริศ” ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๗ ทางมหาวิทยาลัยศิลปากรจึงได้จัดการ เสวนาวิชาการ เรื่อง “กว่าจะเป็นละครดึกดำบรรพ์” ขึ้น โดยเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ให้ “นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” หรือ “สมเด็จครู” ผู้ทรงอุทิศพระองค์ให้กับงานด้านศิลปวัฒนธรรมและการช่างของไทยมาตลอดพระชนม์ชีพ


เสวนาวิชาการบรรยายโดย ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นการบรรยายพร้อมการสาธิตการขับร้องและแสดงดนตรีไทย จากคณะศิลปะนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์






อาจารย์ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของละครดึกดำบรรพ์ ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นงานความคิดชิ้นสำคัญของสมเด็จครู ก่อนจะเริ่มทำละครนั้น ได้สร้างวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งต้องประกอบด้วย ฆ้องราว ๗ ใบ ระนาดทุ่มเหล็ก ซออู้ ขลุ่ยอู้ กรับจีน เครื่องดนตรีเหล่านี้จะมีโทนเสียงต่ำ ต่างจากเครื่องดนตรีของละครใน-นอก ส่วนตัวละครพระองค์ทรงคัดเลือกเอง ผู้เล่นต้องรำสวยและมีเสียงร้องไพเราะ ด้านเรื่องที่นำมาเล่น ทรงเลือกบทละครในและละครนอกมาแสดง มีทั้งหมด ๗ เรื่อง อาทิ อิเหนา ตอนปีศาจนางดูร, อิเหนา ตอนตัดดอกไม้, คาวี ตอนเผาพระขรรค์ และขุนช้างขุนแผน ตอนนางวันทองหึง เป็นต้น ในสมัยนั้นจัดแสดงให้ชมเพียงแห่งเดียวคือ โรงละครดึกดำบรรพ์ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ละครดึกดำบรรพ์”


“นอกจากความสนุกของเนื้อเรื่องหรือเพลิดเพลินกับตัวละครแล้ว หากจะชมละครประเภทนี้ให้ได้อรรถรส จะต้องชมในมิติทางด้านดนตรี เพราะได้สัมผัสพระอัจฉริยภาพของสมเด็จครูเต็มรูปแบบ ทรงดัดแปลงเพลงที่มีอยู่แล้วให้แตกต่างจากเดิม เช่น เพลงเขมรไทรโยค" ดร.สิริชัยชาญกล่าว


พร้อมบรรยายต่อถึงเพลงที่ทรงดัดแปลง ซึ่งปัจจุบันคนไทยยังคงรู้จัก เนื้อหาสะท้อนภาพธรรมชาติได้อย่างละเอียดลออ หลายสถาบันให้การยอมรับว่าเพลงนี้ใช้ในการส่งเสริมด้านสุนทรีย์ได้อย่างดีเยี่ยม ขณะที่ในสมัยนั้นก็ได้รับความสนใจจากต่างชาติ โดยประเทศแรกที่ชื่นชมเพลงและนำไปอะเรนจ์ใหม่ได้อย่างไพเราะและทันสมัย คือประเทศฟิลิปปินส์ แต่ก็น่าเสียที่ไม่ได้มีการบันทึกเสียงเก็บไว้






ละครดึกดำบรรพ์ในสมัยนั้นยังถือเป็นจุดเริ่มต้นการดัดแปลงดนตรีให้มีความแปลกใหม่ยิ่งขึ้น และขณะเดียวกันยังทำให้สมเด็จครูได้ค้นพบเทคนิคใหม่เช่นกัน


“พระองค์หยิบเอาสิ่งเคารพบูชาอย่าง “ทำนองสวดสรภัญญะ” มาใส่ในบทละครที่ประพันธ์ขึ้น ตลอดจนปรับดนตรีให้สอดรับอย่างลงตัว ตัวอย่างเช่น เรื่องคาวี ตอนเผาพระขรรค์ ดนตรีในเรื่องนั้นมีฉิ่งเป็นตัวหลักยืนจังหวะ ซึ่งบางครั้งอาจจะฟังดูไม่เข้านัก แต่นั่นคือความยากของการเล่นเพลงสรภัญญะในละครดึกดำบรรพ์ แต่ผู้ชมส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเครื่องประกอบจังหวะกันเท่าไร แต่หากตั้งใจฟังดนตรีจะสามารถเข้าถึงอรรถรสของละครได้ดี”


"เสน่ห์ของละครดึกดำบรรพ์ที่มีความคล้ายการแสดงโอเปร่าของฝรั่ง ประการแรกคือ ผู้ร้องกล่าวเข้าเรื่องอย่างชัดเจน ไม่ยืดเยื้อ ประการต่อมา บางช่วงบางตอนมีการขับร้องประสานเสียงที่ความไพเราะ อ่อนหวาน จังหวะไม่เร็วจนเกินไป เพื่อให้สอดรับกับท่าทางการร่ายรำของตัวละคร แต่โอเปร่าจะเร่งจังหวะให้อารมณ์ดุดัน ผู้ชมเกิดความเร้าใจ ประการสุดท้าย ดนตรีจะเป็นผู้นำและผู้ควบคุมการแสดงทั้งหมด ผู้ร้องต้องตามดนตรี แต่หากเป็นละครใน-นอก ดนตรีต้องตามผู้ร้อง”






พร้อมทิ้งท้ายถึงการสืบสานละครดึกดำบรรพ์ด้วยว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาและสานต่อละคร อีกทั้งยังมีคนที่สนใจด้านนาฏศิลป์อยู่จำนวนมาก และในทุก ๆ ปีจะจัดแสดงถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วังคลองเตย ตำหนักปลายเนิน โดยปีนี้จัดในวันที่ ๑ พฤษภาคม อย่างไรก็ตาม ละครดึกดำบรรพ์ ตลอดจนจัดแสดงในวาระสำคัญ ๆ สิ่งที่เป็นห่วงคือจำนวนคนมาดูในปัจจุบันที่แทบจะไม่มีแล้ว


นอกเหนือจากการบรรยายวิชาการครั้งนี้แล้ว ยังมี นิทรรศการ “พระที่นั่งบรมพิมาน” จัดแสดงพระประวัติและผลงานฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยจำลองบรรยากาศของห้องภายในพระที่นั่งบรมพิมาน ซึ่งเพดานห้องมีภาพเขียน “พระอาทิตย์ทรงรถ” ประดับอยู่ ซึ่งภาพนี้เป็นภาพฝีพระหัตถ์ที่หาชมได้ยาก และ นิทรรศการ “๑ ทศวรรษภาพถ่ายนานาชาติ” หัวข้อ “ถิ่นกำเนิด” แสดงผลงานภาพถ่ายที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมระดับนานาชาติ ๑๘ ชิ้น และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เข้าร่วมแสดงในครั้งนี้ด้วย ชื่อผลงานว่า “บัววิกตอเรีย”


ทั้งหมดจัดแสดงตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ o-๒๘๔๙-๗๕๓๘.







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
วิกิพีเดีย














"STATE OF BEING”


วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมาอย่างยาวนาน เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยเอกลักษณ์ทางศิลปะที่ผสมผสานระหว่างทักษะแนวความคิดและความหลากหลายทางรูปแบบที่ผนวกเอาศิลปวัฒนธรรม ปรัชญา ประเพณีแต่เดิมมาพัฒนาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมโลกปัจจุบันได้อย่างกลมกลืน และถือได้ว่าเป็นคุณค่าใหม่ ที่มีลักษณะเฉพาะตัว จากการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบระเบียบตามหลักวิชาการ และศาสตร์ชั้นสูงอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ในการผลิตบัณฑิตที่ทรงคุณค่าออกไปรับใช้สังคม


















ด้วยการเล็งเห็นบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญดังกล่าว คณาจารย์สาขาวิชาจิตรกรรม วิทยาลัยเพาะช่าง จึงได้ปรับปรุงและพัฒนาศาสตร์ความรู้เฉพาะทางอยู่ตลอดเวลา เป็นที่สังเกตได้ว่า แต่ละท่านได้จัดนิทรรศการแสดงผลงานสร้างสรรค์ศิลปะของตนออกสู่สังคม ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ทั้งยังเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือและบูรณาการกับสังคมและหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง


















โครงการนิทรรศการศิลปกรรมของคณาจารย์สาขาวิชาจิตรกรรม วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ได้เริ่มต้นจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ๒๕๕๓ และดำเนินโครงการต่อมาจนปีนี้เป็นครั้งที่ ๔ ในครั้งนี้ได้มีแนวความคิดที่ว่า “สภาวะ – กาล” เป็นการเปิดกว้างสำหรับการตีความตามจินตนาการ เรื่องราวและรูปแบบอันอิสระ สะท้อนอัตลักษณ์ของผู้สร้างสรรค์ ตามกาลสมัย ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการด้านศิลปะของคณาจารย์ และรักษามาตรฐานคุณภาพการเรียนการสอน อีกทั้งหารายได้จากการจำหน่ายผลงานของคณาจารย์เพื่อเข้ากองทุนช่วยเหลือนักศึกษาสาขาจิตรกรรมที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนการศึกษาต่อไป


















ขอเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดนิทรรศการเวลา ๑๘.oo น. วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดย คุณณรงค์ อิงค์ธเนศ ประธานบริหาร บริษัท เดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัดเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ


รายนามศิลปินในนิทรรศการ (ศิลปินรับเชิญ)

๑. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ประหยัด พงษ์ดำ ศิลปินแห่งชาติ
๒. ดร.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ
๓. ศาสตราจารย์ เดชา วราชุน ศิลปินแห่งชาติ
๔. ศาสตราจารย์ วิโชค มุกดามณี ศิลปินแห่งชาติ
๕. ศาสตร์เมธี ปัญญา เพ็ชรชู วิทยาลัยเพาะช่าง
๖. คุณกมลรัตน์ เพ็ชรชู วิทยาลัยเพาะช่าง
๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไพโรจน์ วังบอน คณะจิตรกรรมฯ ม.ศิลปากร
๘. อาจารย์ธณฤษภ์ ทิพย์วารี คณะจิตรกรรมฯ ม.ศิลปากร


(อาจารย์สาขาวิชาจิตรกรรม วิทยาลัยเพาะช่าง)

๑. อาจารย์บรรลุ วิริยาภรณ์ประภาส
๒. อาจารย์เรวดี ใจชุ่ม
๓. อาจารย์ดร.ฐิติพันธ์ จันทร์หอม
๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์นพดล เนตรดี
๕. อาจารย์อนันต์ ปรัชญนันทน์
๖. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธง อุดมผล
๗. อาจารย์สำราญ มณีรัตน์
๘. อาจารย์อุตสาห์ ไวยศรีแสง
๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมพร แต้มประสิทธิ์
๑o. อาจารย์ธนาทิพย์ ทิพย์วารี



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














"อลังการงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ”


เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติในสาขาทัศนศิลป์ และสาขาวรรณศิลป์ กว่า ๖o ท่าน ศูนย์สรรรพสินค้าซีคอน บางแค ร่วมกับ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และ หออัครศิลปิน จัดงาน “อลังการผสานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ” โดยจัดแสดงนิทรรศการแสดงประวัติ และผลงานของศิลปินแห่งชาติทุกท่าน รวมถึงการนำผลงานมาจัดแสดง และจำหน่ายให้ลูกค้า ประชาชนทั่วไปได้ชื่นชมและสัมผัส ระหว่าง วันที่ ๑-๓๑ พฤษภาคม ศกนี้ ณ ลานกิจกรรม ชั้น ๓ ศูนย์สรรพสินค้าซีคอน บางแค





สวัสดิ์​ ตันติสุข



ภายในงาน จะแบ่งผลงานออกเป็น ๒ สาขา ได้แก่ สาขาทัศนศิลป์ : ผลงานที่สัมผัสด้วยตาอันแสดงถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของศิลปินผู้รังสรรค์งาน อาทิ จิตรกรรม ประติมากรรม มีผลงานจากศิลปินแห่งชาติทั้งสิ้น อาทิ สวัสดิ์ ตันติสุข, ชำเรือง วิเชียรเขตต์, กมล ทัศนาญชลี, ศ.ประหยัด พงษ์ดำ, อินสนธิ์ วงศ์สาม, พิชัย นิรันต์, ประเทือง เอมเจริญ, ศ.เกียรติศักดิ์ ชานนนารถ, นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน, ศ.เดชา วราชุน, ศ.ปรีชา เถาทอง, เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, ศ.วิโชค มุกดามณี, ช่วง มูลพินิจ





คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ (ทมยันตี)



และสาขาวรรณศิลป์ จากนักประพันธ์ที่ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ และมีผลงานในระดับคลาสสิคของประเทศ ซึ่งเป็นผลงานบทประพันธ์ อาทิ กวีนิพนธ์ เรื่องสั้น นวนิยาย วรรณกรรมเยาวชน ฯ อาทิ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผลงาน สี่แผ่นดิน,กาเหว้าที่บางเพลง, กัณหา เคียงศิริ(ก.สุรางคนางค์) ผลงาน บ้านทรายทอง, อบ ไชยวสุ นักเขียนการ์ตูนล้อเลียน, ม.ล.ปิ่น มาลากุล, สุกัญญา ชลศึกษ์ (กฤษณา อโศกสิน) ผลงาน ข้ามสีทันดร, อังคาร กัลยาณพงศ์, เสนีย์ เสาวพงศ์ ผลงานคนดีศรีอยุธยา,ใต้ดาวมฤตยู, สุวัฒน์ วรดิลก(รพีพร) ผลงาน ลูกทาส, อาจินต์ ปัญจพรรค์, คำสิงห์ ศรีนอก, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นักกวีนิพนธ์, รงค์ วงษ์สวรรค์ ผลงาน สนิมสร้อย, ม.ล.ศรีฟ้า (ลดาวัลย์)มหาวรรณ, ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ (พนมเทียน)ผลงาน เพชรพระอุมา ฯลฯ





สุภา สิริสิงห (โบตั๋น)



ทั้งนี้ ในส่วนของผลงานด้านจิตรกรรม และประติมากรรม จะมีการนำผลงานเปิดจำหน่ายให้แก่ผู้ที่สนใจด้วย โดยรายได้จากการจำหน่าย ๒๕% จะนำไปสบทบทุนเพื่อจัดหาเสื้อเกราะมอบให้แก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ในส่วนของวรรณกรรมนั้น จะมีการเปิดจำหน่ายผลงานของศิลปินแห่งชาติ และพิเศษในทุกสุดสัปดาห์ และวันนักขัตฤกษ์ จะมีศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณกรรม เจ้าของนามปากกาชื่อดังกว่า ๑o ท่าน อาทิ พนมเทียน, โบตั๋น, กฤษณา อโศกสิน, รพีพร, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ฯ จะผลัดเปลี่ยนกันมาเปิดวงเสวนากันอย่างใกล้ชิด พร้อมกับแจกลายเซ็นบนผลงานวรรณกรรมที่ผู้สนใจได้ซื้อ ตั้งแต่วันที่ ๑– ๓๑ พฤษภาคม ศกนี้ ณ ลานกิจกรรม ชั้น ๓ ศูนย์สรรพสินค้าซีคอน บางแค





สุกัญญา ชลศึกษ์ (กฤษณา อโศกสิน)





ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ (พนมเทียน)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com painaidii.com
thairath.co.th














"ชมวัง ฟังเพลง สัญจร ครั้งที่ ๒”


มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ร่วมกับ ชมรมหัวใจมีเพลง จัดกิจกรรม “ชมวัง ฟังเพลง สัญจร” ครั้งที่ ๒ จังหวัดเพชรบุรี ในวันที่ ๗ – ๘ มิถุนายน ๒๕๕๗


“ชมวัง ฟังเพลง สัญจร” ครั้งที่ ๒ ครั้งนี้ มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท จะนำทุกท่านไปชมความงดงามของสถาปัตรยกรรมวัดและวัง อันมีประวัติศาสตร์และความสำคัญกับชาวเพชรบุรีและคนไทยมาช้านาน เริ่มจาก พระอุโบสถวัดใหญ่สุวรรณาราม ซึ่งก่ออิฐถือปูนมีฐานปัทม์อ่อนโค้งแบบฐานสำเภา ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่น แสดงภาพพุทธประวัติ และเทพชุมนุม ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง จากนั้นเดินทางไปชมพระราชวังบ้านปืน หรือ พระรามราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นพระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี โดยมี นายคาร์ล ดอห์ริง สถาปนิกชาวเยอรมนีเป็นผู้เขียนแบบ ดร.ไบเยอร์ ชาวเยอรมนี เป็นนายช่างก่อสร้าง และ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมการก่อสร้าง ในตอนค่ำ ท่านจะได้เพลิดเพลินและร่วมร้องเพลงกับนักร้องคุณภาพ อาทิ อิสรพงศ์ ดอกยอ, ขวัญรวี กาญจนะผลิน และนักดนตรี จิรวุฒิ กาญจนะผลิน ทายาทครูเพลงสมาน กาญจนะผลิน วันรุ่งขึ้นก่อนเดินทางกลับนำชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระราชวังฤดูร้อน ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานประทับพักผ่อนพระอิริยาบถและรักษาพระองค์ และและซื้อของที่ระลึก ณ บ้านขนมนันทวัน


ผู้สนใจร่วมทริป “ชมวัง ฟังเพลง สัญจร” ครั้งที่ ๒ บัตรราคา ๓,๘oo บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วนำเข้าสมทบทุนบูรณะพระราชวังพญาไท ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท โทร. o๒-๓๕๔-๗๙๘๗, o๒-๓๕๔-๗๗๓๒, o๘๑-๖๒๑-๘๗๖๑ และ o๘๑-๖๒o-๖๑๓๑















ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
touronthai.com
chomthai.com














ดนตรีคลาสสิก 'โปรมูสิกา'


“โปรมูสิกา” นำ เสนอปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการดนตรีคลาสสิกในเมืองไทย ที่คอเพลงคลาสสิกตัวจริงจะได้สัมผัสการแสดงบทเพลง เชลโล่ โซนาต้า ครบทั้ง ๕ บท ผลงานของคีตกวีเอกของโลก “เบโธเฟน”


วงดนตรี “โปรมูสิกา” (Pro Musica Orchestra) เป็นวงสตริงควอเตทและพัฒนาเติบโตเป็นวงเชมเบอร์ออเครสตร้า (chamber orchestra) ในนามวงโปรมูสิกา (Pro Musica) ผู้ริเริ่มเป็นนักดนตรีสากลชั้นนำของประเทศไทย มี ”พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง ทำหน้าที่หัวหน้าวง ได้จัดแสดงคอนเสิร์ตต่อเนื่องมายาวนาน แสดงครั้งสุดท้ายเมื่อปี ๒๕๑๘


​ ต่อมาโปรมูสิกา (Pro Musica) กลับมาเปิดการแสดงอีกครั้งในคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา และไปแสดงที่กรุงลอนดอน อังกฤษ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ กรุงบรัสเซลล์ เบลเยียม และเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีตะวันตก โดยมี “พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช” เป็นผู้ควบคุมวง


และโอกาสพิเศษครั้งนี้ วงโปรมูสิกาจะนำเสนอบทเพลง เชลโล่ โซนาต้า ครบทั้ง ๕ บท ผลงานของคีตกวีเอกของโลก “เบโธเฟน” (Beethoven) เป็นผลงานดนตรีขั้นสูงสุดของเบโธเฟน เป็นการพลิกบทบาทของเชลโล (cello) เครื่องดนตรีเสียงต่ำที่เคยทำหน้าที่เป็นตัวประกอบ ให้มาเป็นเครื่องดนตรีเดี่ยวที่ไพเราะ ครั้งนี้จะบรรเลงโดยศิลปินรับเชิญ นักเปียโนชาวอเมริกัน Dmitri Papadopoulos ร่วมกับ นักเชลโล่ชาวฝรั่งเศส Alexandre Vay ที่มีผลงานแสดงและบันทึกเสียงร่วมกันมากมายในทวีปยุโรป


การแสดงครั้งนี้จัดขึ้น ๒ วัน คือพุธ ๗ พฤษภาคม เป็นการบรรเลงโซนาต้า บทที่ ๑, ๒, ๓ และ พฤหัสบดี ๘ พฤษภาคม บรรเลงโซนาต้า บทที่ ๔, ๕ สำหรับ ๘ พฤษภาคม “ทัศนา นาควัชระ” นักไวโอลินชั้นแนวหน้าของไทย หัวหน้าวงโปรมูสิกา จะร่วมบรรเลงกับศิลปินรับเชิญทั้ง ๒ ในบทเพลง เปียโนทรีโอ โอปุสหมายเลข ๗o ที่ได้รับการขนานนามว่า “ปีศาจ” (The Ghost) ที่มีบรรยากาศของดนตรีที่ประหลาดเร้นลับ โดยเฉพาะในท่อนที่ ๒ ซึ่งเชื่อกันว่าเบโธเฟน แต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจจากบทละครโศกนาฏกรรม “แม็คเบธ” ของ “เชคสเปียร์”


การแสดงทั้ง ๒ วัน จะเริ่มเวลา ๑๙.oo น. ที่สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมถ์ ถ.อโศกมนตรี (ซ.สุขุมวิท ๒๑) เดินทางด้วยรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน บัตร ๕oo บาท และ ๕o บาท สำหรับนักศึกษา สำรองบัตรที่สยามสมาคม โทร.o-๒๖๖๑-๖๔๗o-๗ ติดตามกิจกรรมดนตรีของโปรมูสิกาได้ที่ Facebook : เฟซบุค Pro Musica



ภาพและข้อมูลจากเวบ
banmuang.co.th














"ศิลปนิพนธ์สู่แรงบันดาลใจ”


อีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าคนรักงานศิลป์นำไปต่อยอดได้เป็นอย่างดี กับงานนิทรรศการ “ ศิลปนิพนธ์ยอดเยี่ยม ปี ๒๕๕๗” เวทีจัดแสดงผลงานอันหลากหลายของนักศึกษาระดับปริญญาตรี และโท ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณาจารย์ของสถาบันการศึกษาที่เปิดการเรียนการสอนวิชาศิลปะทั่วประเทศ รวบรวมไว้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจภายในหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กรุงเทพฯ


งานจัดเป็นครั้งที่ ๖ ซึ่งแต่ละปีก็มีจำนวนสถาบันและผลงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยพิธีเปิดนิทรรศการหนนี้ โฆสิต ปั้นเปื่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหารหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าฯ นำตัดริบบิ้น พร้อมด้วยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมากมายร่วมเป็นเกียรติ โดย อ.สุรชาติ เกษประสิทธิ์ หัวหน้าสาขาวิชาทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ตัวแทนผู้จัดงานเปิดเผยว่า นับเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาวงการศิลปะของประเทศ เป็นการส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาที่เปิดสอนวิชาศิลปะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงาน และเผยแพร่ผลงานให้กว้างขวางยิ่งขึ้น


"เราเชื่อว่าจะช่วยให้นักศึกษาศิลปะได้มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานอย่างที่ตั้งใจแล้วนำเสนอให้ผู้สนใจได้รับรู้ นอกจากนี้การจัดงานแต่ละครั้งจะเป็นโอกาสในการสร้างความพึงพอใจให้คนดู แล้วนำกลับไปเป็นแรงบันดาลใจในเส้นทางศิลปะของตัวเอง ซึ่งจะเป็นแนวทางให้วงการศิลปะบ้านเรามีการพัฒนาสู่สากลยิ่ง ๆ ขึ้นไป” หัวแรงสำคัญในการจัดนิทรรศการ กล่าว


สำหรับเนื้อหาภายในนิทรรศการประกอบด้วยผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และสื่อผสม ของนักศึกษาระดับปริญญาโท สถาบันละ ๒ คน ระดับปริญญาตรี สถาบันละ ๓ คน ส่งผลงานมาร่วมแสดงคนละ ๑ ชิ้น รวมทั้งสิ้น ๑๑o ผลงาน แต่ละชิ้นงานล้วนสะท้อนบุคลิกและตัวตนของผู้สร้างสรรค์ทั้งสิ้น อย่างผลงานเทคนิคภาพพิมพ์สีน้ำมันบนผืนผ้าใบชื่อ “Thai Fight” ของ “จ้อย” กลยุทธ สฤษดิกุล นักศึกษาปริญญาตรี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ที่เคยผ่านการแสดงผลงานที่ประเทศสิงคโปร์มาแล้ว ครั้งนี้เขานำประสบการณ์ส่วนตัวหรืออาจรวมถึงผู้คนทั่วไปที่ไม่ชอบเดินทางไปไหนแต่จะชอบนั่งเสพสื่ออยู่กับที่มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปะภาพปะติดปะต่อ แล้วตั้งคำถามว่าแต่ละส่วนจะเชื่อมกันได้อย่างไรผ่านภาษาจิตรกรรมที่เกิดจากมายาคติ ส่วนจะตีความอย่างไรเพิ่มเติมนั้นก็สุดแต่ผู้ชมจะคิดอ่าน...


ผลงานเทคนิคสื่อผสมแปลกตา ชื่อ “บันทึกหยดสี” ของ “เอ้” สุญานีย์ อินทรักษา นักศึกษาสาขาจิตรกรรม ชั้นปีที่ ๔ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เธอนำหินสีธรรมชาติผลึกในแก้วเป่า แล้วจัดวางบนหนังสือ ก่อนจะแกะลายลงสี โดยเล่าแรงบันดาลใจว่า เกิดจากความประทับใจที่ได้พบเห็นหินสีที่ตกผลึกผ่านกาลเวลาและถูกบันทึกจากธรรมชาติ บางคนเห็นแล้วก็อยากเก็บไว้ในความทรงจำ แต่ตัวเองอยากนำมาบันทึกไว้ในรูปแบบศิลปะที่จับต้องได้ โดยเลือกใช้หนังสือเก่า เพราะเป็นวัสดุแทนการบันทึกโดยมนุษย์แล้วใช้กาวยึดหินสีลงไป เปรียบเหมือนการหยุดไว้ ซึ่งหนังสือเก่าบางคนอาจมองว่าน่าเสียดายเมื่อนำมาทำแบบนี้ แต่ส่วนตัวกลับรู้สึกว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าในเชิงศิลปะมากกว่า


เช่นเดียวกับผลงานสื่อผสมชื่อ “หิมพานต์ ครีเอเตอร์ส” ของนิสิตครุศาสตร์ สาขาศิลปะ เจนจิรา พันธุ์วิเชียร ที่นำเสนอมุมมองการออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้าผ่านภาพพิมพ์สีน้ำบนกระจก และลายรดน้ำ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากภาพจิตรกรรมไทย ที่ทำออกมาแล้วสามารถสวมใส่ได้จริง และยังคงอัตลักษณ์ของความเป็นไทย เพื่อให้ผู้สวมใส่และพบเห็นเกิดความตระหนักถึงความงดงามแบบไทย หวงแหนแล้วอยากอนุรักษ์ให้ดำรงสือไป


ขณะที่ผลงานสะท้อนแนวคิดทางศาสนาและความเชื่อ ชื่อ “ชมพูทวีป” ของ “โอ๊ต” วิริยพร จิตราภิรมย์ นักศึกษาปริญญาโท คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้รับความสนใจไม่น้อย เขาใช้เทคนิคสีอะคริลิกบนผ้าใบ สื่อสารความคิดโดยนำเอาเอกลัษณ์ทางวัฒนธรรมภาคเหนือที่เต็มไปด้วยความงดงามและน่าหลงไหลมาเป็นแรงบันดาลใจ ผนวกกับการศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ และความคิดสร้างสรรค์ จนสำเร็จเป็นผลงาน


“งานชิ้นนี้มาจากจักรวาลในอุดมคติไทย ผมตีความโดยใช้ลัญลักษณ์ชมพูทวีปแทนพุทธภูมิ โดยดอกบัวแทนศีล สมาธิ ปัญญา จริง ๆ อยากพูดเรื่องสติ ในสภาวะของอารมณ์ จึงยกเส้นสายขึ้นมาแล้วตีโจทย์เพื่อสื่อความหมาย อยากให้ผู้ชมได้เห็นทั้งความงดงามของศิลปะไทยพร้อมๆ กับมุมมองการใช้ชีวิตที่ต่างออกไป หากสนใจก็เชิญชวนให้เข้ามาชมนิทรรศการกันเยอะ ๆ คุณอาจได้อะไรกลับไปมากกกว่าความสุนทรีด้านศิลปะก็ได้” ศิลปินปริญญาโท ชี้ชวน


ยังมีผลงานอีกมากที่รอผู้พิสมัยงานศิลป์เข้าไปสัมผัส โดยนิทรรศการจัดยาวไปจนถึงวันที่ ๓ สิงหาคมนี้ (ยกเว้นวันพุธ) ตั้งแต่ ๑o โมงเช้าถึงราวทุ่มตรง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ o-๒๒๘๑-๕๓๖o-๑



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














นิทรรศการจิตรกรรมและภาพถ่าย "ศิลปะคือการเดินทาง”


นิทรรศการจิตรกรรมและภาพถ่าย "ศิลปะคือการเดินทาง : ART IS A JOURNEY"

ผลงานโดย สาวิตรี สุวรรณสถิตย์ (Savitri Suwansathit)

จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒ - ๓o พฤษภาคม ๒๕๕๗

และจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.

ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่







ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com
เฟซบุค CMUartcenter Chiangmai














"Capturing Moments”


หลังจากจัดนิทรรศการ TEN YEARS AFTER เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบสิบปี ของ ๑oo ต้นสนแกลเลอรี่ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา นิทรรศการที่สองของปีนี้ ๑oo ต้นสนแกลเลอรีภูมิใจเสนอ นิทรรศการ ณ ขณะ นิทรรศการเดี่ยวโดยประติมากรร่วมสมัย อุทัย นพศิริ


อุทัยหลงใหลในสื่อ “ไม้” และเลือกที่จะใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานมาโดยตลอด ผลงานชุดล่าสุดนี้ อุทัยยังคงเลือกใช้ไม้ในการถ่ายทอดมุมมองต่อโลก และความเป็นไปผ่านการตีความด้วยสายตาของศิลปิน เสน่ห์ในงานประติมากรรมของอุทัยคือ การสร้างสรรค์ผลงานทุกอย่างด้วยมือและทักษะเฉพาะตัวของศิลปิน โดยปราศจากการใช้เครื่องมือไฟฟ้าทุกชนิด


นิทรรศการ ณ ขณะ เป็นนิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ ๓ โดยอุทัยได้ต่อยอดทางความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะประกอบไปด้วยผลงานประติมากรรม ๘ ชิ้น ที่ทำจากไม้สัก ที่กลั่นกรองมาจากการการมองโลก และอาศัยหลักการทางพุทธศาสนา ประกอบกับคติธรรมทางลัทธิเต๋า มาใช้ทั้งในการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย และมีความเข้าใจโลกในแบบของศิลปินเองมาโดยตลอด


ขอเชิญทุกท่านร่วมงานเปิดนิทรรศการวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น. ณ ๑oo ต้นสน แกลเลอรี่


เกี่ยวกับศิลปิน

เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ประเทศไทย จบการศึกษาปริญญาตรี และปริญญาโท สาขาวิชาจิตรกรรม จากคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปัจจุบันอาศัยและทำงานอยู่ที่จังหวัดนครปฐม แม้ว่าอุทัยจะเรียนจบการศึกษามาทางด้านสาขาจิตรกรรม แต่อุทัยกลับทำงานศิลปะของตัวเองเป็นผลงานประติมากรรม โดยเอาพื้นฐานทางด้านงานจิตรกรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมของตนเอง อุทัยเคยมีผลงานเดี่ยวที่ ๑oo ต้นสนแกลเลอรีมาแล้ว ๒ ครั้ง คือ นิทรรศการวาง เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๓ และนิทรรศการเพียงเปลือก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕o และยังร่วมแสดงผลงานกลุ่มใน Showcase Singapore ๒oo๙ ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๒ และ นิทรรศการ Beasts, Breasts & Beauty ที่ Alliance Française Singapore ประเทศสิงคโปร์ พ.ศ. ๒๕๕๑ นอกจากนี้อุทัยยังได้รับรางวัลมากมายจากหลายสถาบันในประเทศ เช่น รางวัลเหรียญทองแดง ศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๑ พ.ศ. ๒๕๔๘ รางวัลสนับสนุนโดยธนาคารกรุงไทย รางวัลที่ ๒ ศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๒ พ.ศ. ๒๕๔๙ รางวัลศิลปกรรม “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” โตชิบา เป็นต้น


นิทรรศการ : ณ ขณะ | Capturing Moments
ศิลปิน : อุทัย นพศิริ
วันที่ : ๒๔ เมษายน – ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๗
สถานที่ : ๑oo ต้นสน แกลเลอรี่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : o๒-๖๘๔-๑๕๒๗, o๘๔-๓๘๘-๑๔๘๘
อีเมล : info@100tonsongallery.com,lyla@100tonsongallery.com
Facebook : เฟซบุคต้นสนแกลเลอรี







ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














ชมสารคดี “พลิกโฉมหน้าสถาปัตยกรรมยุคใหม่” ใน “เทศกาลบางกอกดีไซน์ ๒๕๕๗”


สถานทูตออสเตรเลีย กรุงเทพฯ ชวนผู้ที่สนใจเข้าชมสารคดี Life Architecturally ซึ่งจะฉายเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลออกแบบบางกอก ประจำปี ๒๕๕๗


สารคดี Life Architecturally อำนวยการสร้างโดย Australian Broadcasting Corporation โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการพลิกโฉมหน้าของสถาปัตยกรรม นวัตกรรม และการออกแบบในออสเตรเลีย ผ่านมุมมองของโรเบิร์ต แมคบรายด์ และเด็บบี้ ไบรอัน สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นสถาปนิก และนักออกแบบตกแต่งภายในที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากเมืองเมลเบิร์น


สารคดีความยาว ๑ ชั่วโมงเรื่องนี้ติดตามชีวิตประจำวันของสามีภรรยาคู่นี้ โดยเผยให้เห็นว่าอะไรคือแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยม ผลงานสถาปัตยกรรมของพวกเขาได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งรวมถึงรางวัลบ้านอยู่อาศัยที่ดีที่สุดในโลกในเทศกาลสถาปัตยกรรมโลกประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จากผลงานThe Klein Bottle House


“สารคดี Life Architecturally นำเสนอนวัตกรรม ความเป็นมืออาชีพ ความทุ่มเท และความมุ่งมั่น ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในฐานะสถาปนิก เราหวังว่าผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของออสเตรเลียซึ่งนำเสนอผ่านสารคดีเรื่องนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมชาวไทย” ฯพณฯ เจมส์ ไวส์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยกล่าว


การฉายสารคดี ‘Life Architecturally’ จะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Movies on Design ในงานเทศกาลออกแบบบางกอก ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘ - ๓๑ พฤษภาคมนี้ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


โดยจะฉาย ในวันและเวลาดังต่อไปนี้


อังคารที่ ๒o พฤษภาคม เวลา ๑๘.oo น.

พฤหัสบดีที่ ๒๒ พฤษภาคม เวลา ๑๔.๓o น.

พุธที่ ๒๘ พฤษภาคม เวลา ๑๙.๔๕ น.


ผู้ที่สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชมสารคดี ‘Life Architecturally’ ได้ ที่ Art4d โทร o-๒๒๖o -๒๖o๖-๘ หรือ Zero books โทร o๘o-๘๑๗-๖o๕o และ Happening Shop @ bacc โทร o-๒๒๑๔-๓o๔o



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"นิทรรศการศิลปะดินเผาร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ ๒”


นิทรรศการจัดวันที่ ๓ เม.ย. - ๓ พ.ค. ๒๕๕๗


ณ หลักเมืองแกลเลอรี่ ขอนแก่น



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคหอศิลป์หลักเมือง




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะค่ะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 02 พฤษภาคม 2557
Last Update : 2 พฤษภาคม 2557 8:47:49 น. 0 comments
Counter : 5280 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.