happy memories
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2557
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 พฤษภาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑o๖




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









"ร้านภูฟ้าจัดทำเสื้อ T-shirt ภาพฝีพระหัตถ์ใหม่ ๕ สี”


ร้านภูฟ้าได้รับพระราชทานภาพฝีพระหัตถ์ “ปีม้า” ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “ปีม้าม้าพาให้เบิกบาน” ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ ได้จัดทำเสื้อทีเชิ๊ตใหม่ ๕ สี คอกลมและคอวี ได้แก่ สีเทามหาเมฆ, สีเขียวตันหยง, สีขาวจันทน์ผา, สีชมพูชงโค และสีฟ้าพยับฝน


เสื้อยืดโปโลปักภาพฝีพระหัตถ์ ”ปีม้า” นี้ มีทุกขนาด คือ XXL XL L M S XS SS (2S) และ SSS (3S) สำหรับทุกคนในครอบครัว ทั้งซื้อเพื่อสวมใส่เอง ซื้อให้ญาติสนิทมิตรสหาย และเพื่อเป็นของที่ระลึก ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ เปิดจำหน่ายแล้วที่ร้านภูฟ้าทั้ง ๑๗ สาขา ในราคาเพียงตัวละ ๒๒๐ บาท


ผู้สนใจสินค้าสามารถซื้อสินค้าได้ที่ร้านภูฟ้า ทั้ง ๑๗ สาขา























ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
เฟซบุค PHUFA














"เปิดบ้านศิลปินแห่งชาติ ' แม่บัวซอน ถนอมบุญ' เจ้าแห่งขับซอล้านนา.”


กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้ทำพิธีเปิดบ้านนางบัวซอน ถนอมบุญ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศิลปินแห่งชาติรายล่าสุดที่มีการเปิดบ้านขึ้นเป็น "ศูนย์การเรียนรู้" ภูมิปัญญาในท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาล้านนา โดยเป็นแหล่งถ่ายทอดด้านการขับซอและจ๊อยแบบดั้งเดิม ให้แก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และคนที่สนใจเรียน


ในวันนั้น พื้นที่บ้านของแม่บัวซอนคลาคล่ำด้วยผู้คน มีทั้งลูกศิษย์ลูกหา คนในละแวกบ้าน และผู้คนในอำเภอพร้าว รวมทั้งอำเภออื่น ๆ ในจังหวัดที่รู้จักแม่บัวซอน ต่างมาร่วมแสดงความยินดีในการเปิดศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาล้านนาของแม่บัวซอน






ปัจจุบัน แม่บัวซอน ถนอมบุญ มีอายุ ๗o ปี เมื่อใครถามหาการแสดงและดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือที่ใช้ชื่อวงว่า "บัวซอน เมืองพร้าว" คนร่วมรุ่นแม่บุญซอน หรือที่มีอายุน้อยกว่าเล็กน้อย รวมทั้งเด็กรุ่นใหม่ที่สนใจเรียนศิลปะ ต่างรู้จักแม่บุญซอนกันทั้งนั้น ซึ่งโด่งดังในฐานะเป็นช่างซอหญิงที่ไม่เลือกคู่ซอชาย เป็นนักแสดงที่มีความรู้การขับซอแตกฉาน และมีปฏิภาณไหวพริบรอบด้านในการแสดง เพราะการขับซอนั้นเป็นการด้นสด ไม่มีบทหรือสคริปต์ ใช้ความสามารถของผู้แสดงล้วนๆ เช่นเดียวกับการแสดงลำตัดของภาคกลาง


ในวัย ๑๘ ปี แม่บุญซอนมีผลงานบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรก เพลงน้ำตาเมียหลวง เป็นการขับซอแบบด้นสด ไม่มีบท ได้รับความนิยมและโด่งดังเป็นพลุแตก ในภาคเหนือจึงไม่มีใครที่ไม่รู้จักแม่บุญซอน


ต่อมา แม่บัวซอนยังออกผลงานขับซอบันทึกอีกเป็นจำนวนมาก อาทิ บทขับซอเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บทขับร้องเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บทขับซอศาสนาเหมือนมหาสมบัติ บทขับซอมหาเวสสันดร พระคุณแม่ ปอยข้างสังข์ ฯลฯ เป็นต้น ยังมีผลงานประพันธ์บทซอที่มีเนื้อหาสาระเป็นแก่นสาร ให้คุณประโยชน์กับสังคมเป็นอย่างมาก






ในด้านภาษา บทขับของแม่บุญซอนยังได้รับการยกย่องว่ามีรูปแบบร้อยกรองพื้นบ้านที่งดงาม ด้วยถ้อยคำสำนวนไพเราะ กินใจ รวมทั้งยังให้ข้อคิด คติธรรมกับผู้ชมอีกด้วย และไม่ได้มีแต่คนร่วมรุ่นที่แม่บัวซอนสามารถใช้ดนตรีพื้นบ้านสื่อสารเข้าถึงกันได้ สำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่ แม่บัวซอนก็พยายามสานต่อศิลปะบันเทิงดั้งเดิมของล้านนาไม่ให้สูญหาย ด้วยการคิดค้นวิธีการขับซอและจ๊อยให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักวิธีการฟังซอได้อย่างเข้าใจ ฟังง่ายขึ้น เน้นคำซอที่มีสาระ ให้ข้อคิด คติธรรม สอดแทรกไปในความบันเทิง สนุกสนาน และความสามารถนี้ทำให้แม่บุญซอนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย สาขาภาษาและวัฒนธรรม (การขับซอ) และนับเป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมรางวัลการประกวดขับซอในงานต่าง ๆ


นับจากแรกรุ่นอายุ ๑๓ ปี ที่แม่บัวซอนได้เริ่มออกงานเล่นลิเกเป็นครั้งแรกตามงานต่าง ๆ และได้พบกับแม่ครูคำปัน เงาใส แม่ครูซอที่มีชื่อเสียงสมัยนั้น ที่รับแม่บัวซอนเป็นลูกศิษย์ และเลี้ยงดูเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง ยามกลางวัน แม่บัวซอนจะช่วยแม่ครูทำงานบ้าน ส่วนกลางคืนก็ฝึกหัดเรียนรู้ซอและจ๊อยจากแม่ครู


"แม่ครูสอนไปก็ถักหมวก ถักเสื้อกันหนาวไปด้วย เราต้องใช้ความขยัน อดทน หมั่นท่องจำตามเครือซอต่าง ๆ หรือทำนองต่าง ๆ ที่เป็นต้นแบบการเล่น แม้แต่ช่วงทำงานบ้านก็ท่องทบทวนเครือซอไปด้วย" แม่บุญซอนเล่า และว่า หลังจากเรียน ๓ เดือน แม่บัวซอนก็เริ่มออกแสดงซอและจ๊อย ประกวดตามงานต่าง ๆ






เริ่มจากรู้จักเรียนขับซอครั้งแรกจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๕๗ ปี แม่บัวซอนเล่าว่า ในช่วงอายุ ๑๘-๑๙ ปี นับว่าเป็นช่วงที่โด่งดังที่สุด ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือดังทะลุฟ้า แสดงนับร้อย ๆ งาน ในแถบจังหวัดพื้นที่ภาคเหนือไม่มีใครไม่รู้จัก แม่บัวซอนเคยไปแสดงแล้วทั้งนั้น งานบวช งานแต่ง งานวัด งานมงคลต่าง ๆ นานา แม้ว่าสมัยนั้นบ้านเมืองจะไม่เจริญ ถนน ไฟฟ้าไม่มี การเดินทางไม่สะดวก บางที่ใช้รถไฟ ใช้เกวียน ทางเท้า เดินทางเพื่อไปถึงสถานที่จัดงาน ค่าจ้างถูกแค่ ๔o-๕o บาทต่อครั้ง


ในอดีตหลังแม่บุญซอนแต่งงานมีลูก ๒ คน เลิกการแสดง แต่แล้วด้วยโชคชะตาทำให้ต้องกลับมาแสดงอีกครั้ง และเกิดหวนคิดขึ้นมาว่าถ้าไม่กลับมาแสดงอีก ก็จะทำให้การแสดงซอและจ๊อยที่เป็นภูมิปัญญาล้านนาผิดเพี้ยน สูญหายไป เนื่องจากระยะหลังการขับซอแบบดั้งเดิมที่เคยมีการสืบทอดกันมา ได้แปรเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการไปมาก คือนำบทซอไปประกอบดนตรีสากลสมัยใหม่ ปรับทำนองและจังหวะคึกคักมากขึ้น การขับซอเหมือนการร้องเพลงทั่ว ๆ ไป หรือกลายเป็น "ซอสตริง" บ้าง "ซอประยุกต์" บ้าง และ"ซอสมัย" บ้าง ซึ่งทำให้แม่บัวซอนกลัวว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ การขับซอแบบดั้งเดิมต้องสูญหายเป็นแน่ จึงเป็นที่มาของการคิดค้นวิธีการฟังซอแบบดั้งเดิมให้เข้าใจและฟังง่ายขึ้น โดยหวังให้เกิดการอนุรักษ์และสานต่อภูมิปัญญาดั้งเดิมให้คงอยู่






"แม่มองไปถึงอนาคต ไม่อยากให้การขับซอสูญหาย และตอนนี้ก็เห็นว่ามีคนรุ่นใหม่เข้าใจการขับซอมากขึ้น เพราะแม่เองเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าการขับซอเป็นสิ่งที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และแสดงให้เห็นอีกว่า กว่าจะได้มานั้นเราต้องทำผลงานมากมาย" แม่บัวซอนกล่าว


พร้อมกับฝากไว้ว่า การสานต่อการขับซอ ดนตรีภาคเหนือนั้น คนรุ่นใหม่จะต้องเป็นผู้อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นให้คงอยู่ต่อไป อย่าออกนอกขอบเขต และควรศึกษาองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้เข้าใจ ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ในการบอกเล่าและถ่ายทอดดนตรีพื้นบ้านชนิดนี้ และสุดท้ายต้องมีความชอบ มีศีลธรรม ความดีในตนเอง


"การขับซอต้องมีรูป รส กลิ่น เสียง รูปหมายถึงการขับต้องมีความงาม รสหมายถึงวรรณกรรมถ้อยคำไพเราะ กลิ่นหมายถึงต้องมีกลิ่นอายความเป็นซอแบบเก่าดั้งเดิม และกลิ่นยังหมายถึงความประพฤติผู้เรียนผู้เล่นอีกว่าต้องมีศีลธรรม มีความดี ส่วนเสียงหมายถึงพลังเสียงในการแสดง มีความกลมกลืนกับดนตรี" แม่บัวซอนทิ้งท้าย.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
เฟซบุคสภาวัฒนธรรมเชียงใหม่














"'ก่อนเวลาลับหาย' สุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปะมิหายลับ”


ก่อนเวลาลับหาย IN SEARCH OF LOST MEMORIES โลกศิลปะของ สุชาติ สวัสดิ์ศรี WORLD HORIZON OF SUCHART SAWASDSRI ผลงานจิตรกรรมและหนังทดลอง โดย สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดแสดง ๔ เดือนเต็ม ระหว่างวันที่ ๒๘ เมษายน – ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ หอศิลป์ G 23 ศูนย์ศิลปกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร สุขุมวิท ๒๓ กรุงเทพมหานคร


โลกศิลปะของ สุชาติ สวัสดิ์ศรี
WORLD HORIZON OF SUCHART SAWASDSRI

ก่อนเวลาลับหาย
IN SEACH OF LOST MEMORIES

นิทรรศการศิลปะครั้งที่ ๗
จิตรกรรมและหนังทดลอง
วันที่ ๒๘ เมษายน – ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
หอศิลป์ g 23 ศูนย์ศิลปกรรมแห่งประเทศไทย
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
สุขุมวิท ๒๓ กรุงเทพมหานคร

เปิดงาน : ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.
เล่าความจำ โดย อธิคม คุณาวุฒิ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร WAY
เล่าความคิด โดย สิทธิธรรม โรหิตะสุข ภัณฑารักษ์ประจำงาน

กิจกรรมทางศิลปะ – วรรณกรรม – ภาพยนตร์ – ปาฐกถา
๓๑ พฤษภาคม : ๑๓.oo น.- ๑๖.oo น.ปาฐกถาเมื่อนักเขียนวาดรูป โดยสุชาติ สวัสดิ์ศรี
๒๑ มิถุนายน : ๑๓.oo น.- ๑๘.oo น. ชุมนุมช่างวรรณกรรมประจำปี ๒๕๕๘

สังสรรค์สนทนา จากเพื่อนพ้องแห่งวันวาร ถึงเพื่อนพ้องแห่งวันนี้ แลกเปลี่ยนความจำได้ผ่านตัวแทน พระจันทร์เสี้ยว หนุ่มเหน้าสาวสวย ศิลปะวรรณลักษณ์ สองแปด พระจันทร์เสี้ยวการละคร ใบไม้ป่า บุ๊คไวรัส ช่อการะเกด ฯลฯ

อ่านบทกวี ฉายหนังทดลอง เปิดตัวหนังสือฉลองอายุ ๖๙ ปีของศิลปิน
๒๖ กรกฎาคม : ๑๓.oo น.- ๑๖.oo น. ปาฐกถา มองโลกศิลปะของสุชาติ สวัสดิ์ศรี
โดย ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย















ภาพและข้อมูลจากเวบ
waymagazine.org
suchartsawasdsri.wordpress.com














"นิทรรศการศิลปนิพนธ์ ครั้งที่ ๔๔”


คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับ สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ จัดงาน นิทรรศการศิลปนิพนธ์ ครั้งที่ ๔๔ “แจ้งเกิด” ระหว่างวันที่ ๒-๖ มิ.ย. ๒๕๕๗ แสดงผลงานนักศึกษา ชั้นปีที่ ๔ ใน ๗ ภาควิชาได้แก่ สาขาวิชาการออกแบบภายใน, สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์, สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์, สาขาวิชาประยุกตศิลปศึกษา, สาขาวิชาเครื่องเคลือบดินเผา, สาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับ, สาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย เพื่อแสดงศักยภาพด้านการออกแบบของเหล่านักออกแบบคลื่นลูกใหม่ โดยจัดแสดงชิ้นงานทั้งหมดบริเวณสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่


ทั้งนี้ จะจัดให้มี พิธีเปิดงานแสดงแฟชั่นโชว์สุดพิเศษ ผลงานนักศึกษาภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ และภาควิชาออกแบบเครื่องแต่งกายกว่า ๔o ชุด โดยได้รับเกียรติจาก คุณบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย เป็นประธาน


วันจันทร์ที่ ๒ มิ.ย. ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น. ณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่ โดยมีกาหนดการ ดังนี้
๑๘.oo น. ลงทะเบียน
๑๘.๓o น. แฟชั่นโชว์ผลงานนักศึกษาภาควิชาออกแบบเครื่องแต่งกาย และภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaicatwalk.com














"ดีไซเนอร์ไทยแถวหน้าร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าไทย”


เปิดบริการให้ประชาชนไทยและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงดงาม ตระการตาของฉลองพระองค์ชุดผ้าไหมไทยและชุดไทยแบบต่าง ๆ ใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึงให้ความรู้ ประวัติความเป็นมาของผ้าไทยมาจนครบ ๒ ปีเต็มแล้ว สำหรับพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โอกาสนี้จึงเชิญเหล่าไทยดีไซเนอร์แบรนด์ดังอย่าง เธียเตอร์, มิลิน เอก ทองประเสริฐ, เพนคิลเลอร์, บอยแบ็ค มาร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าไทย พร้อมเสวนาเรื่อง “ผลลัพธ์ผ้าไทยในศิลปาชีพและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้าไทย” โดยมีสองกูรูแฟชั่น กุลวิทย์ เลาสุขศรีและ อารยา อินทรา กูรูแฟชั่นสไตลิสต์ เป็นผู้ดำเนินการเสวนา พร้อมมินิแฟชั่นโชว์ โดยวรัทยา นิลคูหา, มทิรา ตันติประสุต และแม็ทธิว ดีน ฉันทวานิช เมื่อเร็ว ๆ นี้


ศิริชัย ทหรานนท์ ดีไซเนอร์และเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์เธียเตอร์ เผยถึงแนวคิดในการออกแบบผ้าไทย หลังจากได้เลือกผ้าไหมมัดหมี่สีเขียวก้านมะลิ ในการรังสรรค์ชุด “Evening dress” ว่า “เมื่อนึกถึงผ้าไทยเราอยากจะทำอะไรที่งามสง่า ใส่แล้วต้องดูโก้ ชุดที่ออกแบบครั้งนี้ จึงใช้การวางผ้าที่หน้าผ้าของผ้าไทยได้ แล้วเพิ่มโวลุ่มให้ชุดด้วยการจับเฉลียง จากนั้นนำมาตกแต่งด้วยการปักทำให้ผ้าดูมีมิติมากขึ้น โดยเราต้องการสื่อสารความเป็นไทย จึงนำสิ่งที่คุ้นเคยที่ได้รับจากครอบครัวอย่างการทำดอกไม้ไทยในงานพิธีมงคลต่าง ๆ มาประยุกต์ ทั้งการจับเลื่อมให้เหมือนการพับใบบายศรี การตกแต่งด้วยลูกปัด ทำฟอร์มวงกลมเป็นไซส์เล็ก ไซส์ใหญ่แล้วจัดรูปทรงให้เห็นว่ามันมีความนูนเป็นสามมิติ”


ทางด้านดีไซเนอร์สาว มิลิน ยุวจรัสกุล ดีไซเนอร์และเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์มิลิน เผยว่าผ้าไหมไทยค่อนข้างเป็นสิ่งที่ไกลตัว เพราะรู้สึกว่าเป็นผ้าที่ทรงคุณค่าจนไม่กล้านำมาใช้กับเสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อมีโอกาสได้ลองสัมผัสและร่วมออกแบบเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกตกหลุมรักผ้าไทยและเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานดีไซน์ขึ้นมาทันที และเธอกล่าวถึงความท้าทายในการออกแบบผ้าไทยว่า


“หลังจากได้ลองออกแบบทำให้รู้สึกประหลาดใจกับตัวเองมากกว่า ผ้าไหมไม่ได้ออกแบบยากอย่างที่คิด และสามารถทำเสื้อผ้าสไตล์ในแบบที่เป็นเราได้ ผ้าไหมสำหรับเรามีคุณค่ามาก เป็นวัตถุดิบที่ไม่สามารถทำผิดแล้วกลับมาทำใหม่ กว่าจะทำแพทเทิร์นแต่ละแพทเทิร์นขึ้นมาต้องนำผ้าที่มีความใกล้เคียงมาลองขึ้น แพทเทิร์นทำชุดจนกว่าจะสวย จนเราและทีมงานพอใจถึงจะทำเป็นผ้าไหมจริงได้ ระหว่างทำเราก็ได้เรียนรู้เรื่องความหดของเนื้อผ้า หน้าผ้า การติดผ้ากาว พอได้เริ่มทำชุดนี้แล้วจากที่ไม่เคยคิดจะใช้ผ้าไหมในการออกงาน หรือทำงานหรือการทำคอลเล็คชั่นต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป ตอนนี้อยากหาซื้อผ้าไหมมาเป็นของตัวเองไว้ออกแบบชุดสำหรับใส่เวลาออกงานบ้าง ทำแล้วติดใจ ความที่เป็นผ้าทอสามารถทำทรง ซิลลูเอททรงตามที่เราต้องการได้ เพราะผ้ามีความแข็งและความอ่อนในตัว ประทับใจผ้าไหมไทยมาก”






นอกจากนี้ ในงานยังจัดเสวนาเรื่อง “ผลลัพธ์ผ้าไทยในศิลปาชีพและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้าไทย” เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่าผ้าไทยสามารถนำไปใช้ในงานแฟชั่นได้หลากหลายแขนง ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังสามารถนำผ้าไทยมาใช้ในงานออกแบบกระเป๋า และเครื่องประดับได้อีกด้วย


วรรณศิริ คงมั่น และ เจสซี่ ดอร์ซีย์ สองดีไซเนอร์ เจ้าของแบรนด์กระเป๋าชื่อดัง Boyy กล่าวถึงการนำผ้าไทยมาออกแบบเป็นกระเป๋าในสไตล์ของบอยแบ็คว่า อยากสื่อสารให้คนเข้าใจว่าผ้าไทยสามารถออกแบบเป็นกระเป๋าที่เห็นอยู่ในชีวิตประจำวัน กระเป๋าที่ผู้หญิงใช้อยู่ในแบบต่าง ๆ ไม่ได้ทำจากหนังได้แค่อย่างเดียว แต่เราสามารถนำผ้าไทยมาประยุกต์ได้


“ครั้งนี้เราออกแบบกระเป๋าทั้งหมด ๒ แบบ แบบแรกคือกระเป๋า Slash เป็นไอโคนิคของแบรนด์ ที่นอกจากจะเป็นกระเป๋าแล้วยังเปรียบเหมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของผู้หญิง ส่วน Sameul สามารถใช้เป็นกระเป๋าเดินทาง สำหรับถือขึ้นเครื่องบินได้ เพราะใบไม่ใหญ่มากแต่มีความจุ ทั้งสองแบบเราได้นำผ้าไหมเข้ามาเป็นวัตถุดิบหลัก โดยเลือกผ้าไหมสีน้ำเงิน อยากให้คนมองความสวยงามของผ้าไหมที่มีลายในตัว ซึ่งกว่าจะทอได้แต่ละผืนนั้นยากมากอยากให้เขาเห็นความสวยงามนั้นแล้วรู้สึกว่ามันทันสมัย อยากจะให้ทุกคนรู้สึกว่าไม่ใช่แค่คนสูงอายุเท่านั้นที่ใช้ผ้าไหม ”


ด้าน เอก ทองประเสริฐ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าเครื่องประดับแบรนด์ เอก ทองประเสริฐ ดีไซเนอร์ผู้ได้รับโจทย์ให้นำผ้าไหมไทยมาออกแบบเป็นสร้อยสำหรับงานครั้งนี้ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ใช้ผ้าไทยเป็นวัตถุดิบในการออกแบบเครื่องประดับ ความที่ผ้าไทยเป็นงานที่มีคุณค่า เป็นเหมือนตัวแทนวัฒนธรรมไทย จึงได้นำผ้าไหมมาประยุกต์เข้ากับงานแฟชั่นแบบสตรีท เพื่อให้คนสามารถเลือกใส่ผ้าไหมไทยในชีวิตประจำวันได้


ผู้สนใจสามารถมาศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผ้าไทย และประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของคนไทย ตลอดจนจัดแสดงงานหัตถศิลป์จากผ้าอันทรงคุณค่าของราชสำนักและผ้าพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าใน สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ o-๒๒๒๕- ๙๔๓o ต่อ o







ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
matichon.co.th














"ศิลปินไทยอวดผลงานในงาน "มหกรรมสีน้ำโลก” ครั้งแรกในไทย


ใกล้เข้ามาทุกที สำหรับนิทรรศการ มหากรรมสีน้ำโลก (The World Watermedia Exposition, Thailand ) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย


และมีผลงานของศิลปินสีน้ำระดับแนวหน้าของไทยและนานาชาติ รวม ๓๓ ประเทศ มาจัดแสดงให้ชมระหว่างวันที่ ๔ - ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ พิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.oo น.


ระหว่างนี้ทางผู้จัดได้ทำการอัพเดทความคืบหน้าของนิทรรศการให้ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง ทาง หน้าเพจ World Watermedia Exposition Thailand และมียอดผู้เข้าไปกด LIKE กว่า ๕,ooo LIKE แล้ว


ขณะเดียวกันก็ได้มีการประกาศรายชื่อของศิลปินสีน้ำทั้งของไทยและนานาชาติ ให้ได้ทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ศิลปินไทย ได้แก่

๑. ธงชัย รักปทุม
๒. กมล ทัศนาญชลี
๓. เดชา วราชุน
๔. สมศักดิ์ เชาว์ธาดาพงษ์.
๕. อิงอร หอมสุวรรณ
๖. พิษณุ ศุภนิมิตร
๗. สมวงศ์ ทัพรัตน์
๘. สรรณรงค์ สิงหเสนี
๙. วิโชค มุกดามณี
๑o. ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ
๑๑. สุรพล แสนคำ
๑๒. ศุภชัย ศุกขีโชติ
๑๓. พิชิต ตั้งเจริญ
๑๔. lafe
๑๕. นุกูล ปัญญาดี
๑๖. บรรลุ วิริยาภรณ์ประภาส
๑๗. บัญชา ศรีวงศ์ราช
๑๘. มาโนช กิตติชีวัน
๑๙. พิสิต ปทุมชาติ
๒o. วิศิษฎ์ พิมพิมล
๒๑. บุญกว้าง นนท์เจริญ
๒๒. ธวัชชัย สมคง
๒๓. อดิศร พรศิริกาญจน์
๒๔. ดิเรก กิ่งนอก
๒๕. ตะวัน วัตถุยา
๒๖. วธน กรีทอง
๒๗. ทวี เกษางาม
๒๘. นำชัย แสนสุภา
๒๙. พัชราพรรณ จันทร์เทพย์
๓o. ปรีชา พรหมปราบทุกข์

ศิลปินนานาชาติ ได้แก่

1. John Salminen(USA)
2. Atanur Dogan (Turkey)
3. Konstantin sterkhov (Russia)
4. Stan miller(USA)
5. Ong Kim Seng (Singapore)
6. Liu Yi (Shanghai)
7. Joe Dowden( UK)
8. Keiko Tanabe(USA-Japan)
9. Chien Chung Wei(Taiwan).
10. Stanislaw Zoladz (Sweden)
11. Liu Yong Jian(Chinese).
12. Ali Abbas Syed(Pakistan)
13. Igor Sava(Italy)
14. Yuko Nagayama(Japan)
15. ZhangXiaoChang (Chinese-USA)
16. Jinli. (Taiwan)
17. Chin Lung Huang (Taiwan)
18. Janine Gallizia(France)
19. Michal Jazewicz(Poland)
20. Barbara Nechis(USA)


นอกจากนี้ศิลปินสีน้ำระดับโลกหลายท่านท่านยังมีคิวเขียนภาพสีน้ำโชว์ ระหว่างวันที่ ๔-๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ จ.ชลบุรี และระหว่างวันที่ ๗-๙ มิถุนายน ณ จ.พระนครศรีอยุธยา ดังนั้นใครที่เป็นแฟนผลงานของศิลปินสีน้ำท่านใดเตรียมวางแผนไปชม ให้กำลังใจ และเรียนรู้ทักษะกันได้ตั้งแต่บัดนี้ และไปร่วมด้วยช่วยกันพิสูจน์ด้วยสายตาตัวเองว่า นิทรรศการครั้งนี้สมคำว่า "มหกรรมสีน้ำระดับโลก" หรือไม่



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














นิทรรศการ "กำแพง”


“กำแพง” คือ สิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ เป็นเครื่องกั้น, เครื่องล้อม, ปราการ, เครื่องขวางกั้นสิ่งจากภายนอก หรือ เครื่องกักกันสิ่งที่อยู่ภายใน และ กำแพงยังสามารถแสดงถึงความแตกแยก หรือ การรวมกลุ่ม


สมบัติเพิ่มพูนแกลเลอรีขอเสนอความหมายของ “กำแพง” ผ่านผลงานจากศิลปิน ๙ ท่าน เกรียงไกร เมืองมูล, ถวัลย์ ประมาณ, ประยงค์ แซ่เตีย, ปรีชา เถาทอง, สมรรถ สุวรรณพงษ์, สมโภชน์ ทองแดง, สุรพล แสนคำ, อิทธิพร ธงอินเนตร, อิสระ หลาวทอง และพงศ์ศิริ คิดดี ที่ต่างใช้รูปกำแพงเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว และ แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานภาพเขียนของพวกเขา


นิทรรศการ “กำแพง” ได้รวบรวมผลงานภาพเขียนจากงานสะสมของสมบัติเพิ่มพูนแกลเลอรี เพื่อเสนอความหมายของ “กำแพง” ที่เหนือจากการเป็นสิ่งก่อสร้างเพื่อประโยชน์ในการใช้สร้อยแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ที่เล่าถึงเรื่องราว สภาพสังคม, ความเชื่อของศาสนา และ รูปแบบวัฒนธรรม


นิทรรศการ : กำแพง
ศิลปิน : เกรียงไกร เมืองมูล, ถวัลย์ ประมาณ, ประยงค์ แซ่เตีย, ปรีชา เถาทอง, สมรรถ สุวรรณพงษ์, สมโภชน์ ทองแดง, สุรพล แสนคำ, อิทธิพร ธงอินเนตร, อิสระ หลาวทอง และพงศ์ศิริ คิดดี
วันที่ : ๑๒ พฤษภาคม – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : สมบัติเพิ่มพูน แกลเลอรี
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๒๕๔-๖o๔o-๖o๔๖
อีเมล : info@sombatpermpoongallery.com















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














"X PROJECT"



วันศุกร์ที่ ๓o พฤษภาคมนี้ ขอชวนเชิญผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ เข้าเยี่ยมชมงานนิทรรศการโครงการออกแบบนิเทศศิลป์ ครั้งที่ ๒๒ ภายใต้ชื่องาน "X PROJECT" ซึ่งรวบรวม ผลงานการออกแบบของเหล่า นิสิตนักศึกษาชั้นปีที่ ๔ ภาควิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มาจัดแสดง ณ แมนชั่น ๗ รัชดาภิเษก (ใกล้ MRT ห้วยขวาง) โดยจะเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่วันที่ ๓o พ.ค. - ๑ มิ.ย. ๕๗ เวลา ๑๑.oo - ๒๑.oo น. เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดได้ที่



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com














"โปสการ์ดจากเมืองไทย”


นิทรรศการงานภาพถ่ายศิลปะ โปสการ์ดจากเมืองไทย
ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ถึง ๘ มิถุนายน ๒๕๕๗


ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ ที่เน้นความเร็วในการสื่อสาร เราสามารถสื่อสารข้ามโลกด้วยเวลาเพียงไม่กี่วินาทีโปสการด์หรือไปรณียบัตรเป็นการสื่อสารชนิดหนึ่งที่ไม่ได้คำนึงถึงความเร็วในการส่งสารจากมือผู้ส่งถึงมือผู้รับ


ผมชอบกรรมวิธีของการส่งโปสการ์ดเพราะ การส่งโปสการ์ดเรามักจะส่งจากสถานที่ที่เราได้ไปอยู่ ได้ไปเยือนมันเหมือนเป็นการยืนยันตัวตนว่า เราอยู่ ณ ปัจจุบันในที่ใด


โปสการด์ยังมีเรื่องเวลาในการเดินทางและยังมี่เรื่องการใส่ข้อความด้วยลายมือผู้ส่งด้วยพื้นที่อันจำกัด จึงต้องเล่าเรื่องราวด้วยความรวบรัด เป็นพื้นที่ที่ต้องสรุปความรู้สึกหรือเนื้อหา ให้พอดีกับพื้นที่เพียงจำกัดนั้น


สำหรับงานในงานถ่าพชุดนี้


ผมได้รับแรงบันดาลใจจากเทคนิคการระบายสีลงบนภาพถ่ายขาวดำของโปสการ์ดเก่า ผมจึงนำภาพถ่ายขาวดำในวันที่ผมเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองไทย นำมาระบายสีด้วย Photoshop เลียนแบบเทคนิคโปสการ์ดเก่าเพื่อนำมาจัดแสดงนิทรรศการเพื่อสื่อสารถึงมิตรสหายและผู้ชมงานเพื่อยืนยันตัวตนที่ไม่ใช่อัตตา ว่าผมยังคงเดินทางถ่ายภาพและใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่ผมรักที่มีชื่อว่า ประเทศไทย


-กำธร เภาวัฒนาสุข

อา-ม่า หรือ อาร์ เอม เอ อินสติทูท (RMA institute)

๒๓๘ ซอยสายน้ำทิพย์ ๒ ถนนสุขุมวิท ๒๒

เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์

เวลา ๙.๓o น. – ๑๙.oo น.

โทร o๒-๖๖๓-o๘o๙ , o๘๙-๒o๓-๖๘๘๙



ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














"นิทรรศการ Young Thai Contemporary Emerging”


Gallery D-9 ขอเชิญผู้สนใจศิลปะร่วมสมัยร่วมชมงานนิทรรศการของกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังเป็นที่สนใจและ ถูกจับตามอง จากวงการศิลปะภายนอกประเทศโดยเฉพาะภูมิภาค South East Asia ขณะนี้


พร้อมธรรม วรวุฒิ จบการศึกษาศิลปะจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพในปี ๒o๑o และเริ่มแสดงผลงานเป็นที่รู้จักจากการ ทำงานวาดเส้นภาพเด็กนักเรียน และภาพใบหน้าบุคคลบนกระดาษข้อสอบ ผลงานของพร้อมธรรม มีลักษณะพิเศษและเทคนิคในการนำเสนอที่มีความเฉพาะและ น่าจดจำ ผลงานในชุดกระดาษข้อสอบถูก เก็บสะสมในคอลเลคชั่นของสิงคโปร์อาร์ตมิวเซียมในปี ๒o๑๑ และกระจายอยู่ในคอลเลคชั่นส่วนตัวในภูมิภาคนี้ เป็นจำนวนมาก


นิทรรศการ Young Thai Contemporary Emerging โดย พร้อมธรรม วรวุฒิ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม – ๒๔ มิถุนายนพ.ศ. ๒๕๕๗ ณ. Gallery D-9 เลขที่ ๑o๘๕/๕ ถนนนครชัยศรี เขตดุสิตกรุงเทพ ๑o๓oo


เชิญผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการได้ใน วันจันทร์ – เสาร์ เวลา ๑o.oo – ๑๙.oo น. (เว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ korakot.d9@gmail.com











ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














เมเจอร์อาร์ตสตรีท “ซีซันสี่ธรณีเวอร์ชัน”


รายังคงยืนยันอย่างหนักแน่น
“ศิลปะ”

สามารถเติมพลังงานให้ชีวิต เพื่อการเดินทางอย่างสุนทรียเข้มแข็ง


เมเจอร์อาร์ตสตรีท


“ซีซันสี่ธรณีเวอร์ชัน”


๒๙ พฤษภาคม - ๑ มิถุนายน ณ ลานเซ็นเตอร์พอยท์ เมเจอร์รัชโยธิน


๔ โมงเย็นถึง ๓ ทุ่ม


ซีซั่นสุดท้ายก่อนหยุดพักหลบฝน


ข้อมูลเพิ่มเติม
facebook : เฟซบุค Major-Art-Street
โทร o๘๑- ๔๔๓-๕๕๗๓



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














"Taste of Japan@Prom"


พรอมเมนาดา รีสอร์ท มอลล์ เชียงใหม่ ช้อปปิ้งมอลล์สไตล์รีสอร์ทระดับภูมิภาคแห่งแรกของประเทศไทย จัดงานออกร้านจำลองบรรยากาศอันสวยงามของประเทศญี่ปุ่น ในงาน “Taste of Japan@Prom” รวบรวมศิลปวัฒนธรรม งานฝีมือ แฟชั่น อาหาร การแสดงและเวิร์คช็อปที่น่าสนใจ และร่วมลุ้นรางวัล แพกเกจทัวร์ บินลัดฟ้าสู่โตเกียว ๖ วัน ๔ คืน สำหรับ ๒ คน ฟรี เมื่อชอปครบทุก ๑,ooo บาท ตั้งแต่วันนี้ - ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ ลานกิจกรรม อาคาร เอ และ บี


ทั้งนี้ผู้ร่วมงานจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับวัฒนธรรมประเทศญี่ปุ่นในรูปแบบ “ลิตเติ้ลเจแปน” ณ ลานกิจกรรมอาคาร เอ ที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามด้วยโคมแขวนและนกกระสากระดาษ พร้อมงานออกร้านกับขบวนสินค้า อาทิ หนังสือการ์ตูนนำเข้า และอาหารญี่ปุ่นหลากเมนู รวมถึงร้านอาหารญี่ปุ่นภายในพรอมเมนาดาที่รังสรรค์เมนูเพื่อเทศกาลพิเศษนี้โดยเฉพาะ


งาน Taste of Japan@Prom ยังรวบรวมกิจกรรมในคอนเซ็ปต์แดนอาทิตย์อุทัยอีกมากมาย อาทิ งานแสดงภาพถ่าย โดย Canon ระหว่าง ๑ - ๓o มิถุนายน ๒๕๕๗ พร้อมทั้งเอาใจคนรักการถ่ายภาพ ด้วยมุมถ่ายรูปหลากหลายมุม และเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบเจาะลึกกับกิจกรรมเวิร์คช็อป อาทิ ศิลปะการเขียนอักษรญี่ปุ่น ศิลปะการพับกระดาษ การทำซูชิ ตลอดจนชมการสาธิตศิลปะการต่อสู้แบบเคนโด้ สำหรับผู้ที่มีจิตวิญญาณแห่งนักรบตัวจริง


พรอมเมนาดายังเนรมิตอ่าวโตเกียวอันลือชื่อ ณ โซนริมน้ำ ตามคอนเซ็ปต์ “อุมิ” ซึ่งหมายถึงท้องทะเล ให้ผู้ร่วมงานได้รื่นรมย์กับบรรยากาศแสนดื่มด่ำและรสชาติอันล้ำลึกของสาเกและเบียร์นำเข้าจากญี่ปุ่น เคล้าคลอด้วยการแสดงดนตรีและศิลปะญี่ปุ่นที่สวยงาม อย่าพลาดชมภาพยนตร์กลางแจ้ง ฟรีในคืนวันศุกร์


ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ o๕๓-๑o๗-๘๘๘ หรือดูที่ promenadachiangmai.com, เฟซบุค promenadachiangmai.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"เด็กในชุดกระต่ายลายพราง" ของ ALex Face


ผลงานชิ้นล่าสุดที่พ่นไว้ที่ย่านหลังสวน ของ Alex Face ศิลปินแนว Street Art ชื่อดังผู้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ

ที่บอกว่าต้องการเปิดกว้างให้ผู้พบเห็นได้ตีความ

แต่เมื่อ ART EYE VIEW ถามถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา

เจ้าของตัวคาแรกเตอร์ "เด็กในชุดกระต่าย" เผยว่า

"แรงบันดาลใจของผมก็คือสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าและดูเหมือนง่ายดายจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกำแพงที่ถูกพ่นทับซ้ำ ๆ วันนี้อาจจะโดนกลิ้งสีให้มันขาว แต่มันก็จะถูกพ่นทับอีก ตราบใดที่กำแพงนั้นยังคงอยู่"

ALex Face เป็นหนึ่งในศิลปินที่เดินทางมาชมงานศิลปะที่งาน Hotel Art Fair 2014 ณ โรงแรม LUXX XL

เขาเลยถือโอกาสในการเดินทางเข้าเมืองครั้งนี้ พ่นผลงานฝากเอาไว้เสียเลย

นอกเหนือจากผลงานชิ้นนี้ เวลานี้งานหลัก ๆ ที่ Alex Face ทำอยู่ตอนนี้คือ การวาดภาพ และเตรียมงานสำหรับจัดแสดงในต่างประเทศ และกำลังทำงานออกแบบให้กับสินค้าบางแบรนด์ในไทย























































ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"BON Solo Show 2014”


BON Solo Show 2014

Opening 12th June – 18th June

เปิดนิทรรศการ ๑๒ มิถุนายนเวลา ๑๘.๓o น.

the Soy Sauce Factory เจริญกรุง ๒๔



นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ‘บอน’ ซึ่งใช้เวลาเกือบ ๒ ปี ในการเตรียมงาน ทั้งงานจัดวางขนาดใหญ่ ภาพสีน้ำมัน ภาพพิมพ์ ประติมากรรมรวมไปถึงผลงานหุ่นจักรกล


BON – บอน


หลังจากจบการศึกษาด้านวิจิตรศิลป์ในปี ๒oo๕ ‘บอน’ ก็เริ่มทำงานบนท้องถนน และสั่งสมประสบการณ์ในฐานะศิลปินสตรีทอาร์ต จากเชียงใหม่ถึงหาดใหญ่ คาแร็คเตอร์ที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายการค้าของเขาปรากฏอยู่ทั่วไป ตามกำแพงรกร้าง ร้านค้าข้างทาง และทุกพื้นที่ที่สามารถจะพ่นสีสเปรย์ลงไปได้


ในวัย​ ๓๓ ปี‘บอน’ กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่เป็นที่รู้จักในวงการสตรีทอาร์ตอย่างกว้างขวาง


‘บอน’ ได้พบกับSouled Out Studios และร่วมงานกับสตูดิโอแห่งนี้นับตั้งแต่ปี ๒oo๗ สตูดิโอแห่งนี้เองที่ได้ร่วมเผยแพร่ผลงานของศิลปินสตรีทอาร์ตไทยไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ของโลกและยังเป็นพื้นที่แรก ๆ ที่ให้ความสนับสนุนศิลปินสตรีทอาร์ตที่เป็นที่รู้จักดีอย่าง ALEX FACE และ AMP


หลังจากผลงานของ ‘บอน’ ถูกเผยแพร่ออกไปมันก็เริ่มเป็นที่สนใจของนักสะสมงานศิลปะทั่วโลกทั้งในยุโรปและเอเชียและทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในศิลปินคนสำคัญของสตูดิโอ


ในปี ๒o๑๓ ‘BON’ และ ‘ALEX FACE’ ได้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลLondon Frieze week (เทศกาลศิลปะร่วมสมัยในลอนดอน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำในเดือนตุลาคมของทุกปี) ศิลปินทั้งคู่รวมถึงSouled Out Studios ต่างได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานและสื่อท้องถิ่นรวมไปถึงFinancial Times ที่ให้ความสนใจกับผลงานของศิลปินและสตูดิโอในฐานะกลุ่มคนทำงานหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง


ผลงานทั้ง ๓o ชิ้น ของ ‘บอน’ ที่ถูกจับจองจนหมดเกลี้ยงตั้งแต่วันเปิดตัวเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยืนยันได้ถึงความสนใจของนักสะสมต่อผลงานของเขา


ที่ลอนดอน ‘BON’ และ ‘ALEX FACE’ ยังได้สร้างผลงานบนกำแพงร่วมกับศิลปินระดับตำนานอย่าง ‘Inkie’ ‘The London Police’ และ ‘Mau Mau’ซึ่งกำแพงเหล่านั้นก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น






ความโดดเด่นของ ‘บอน’ ที่ทำให้เขาแตกต่างจากศิลปินสตรีทอาร์ตคนอื่น ๆ คือสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ในแบบศิลปะข้างทางลงสู่ผืนผ้าใบ งานประติมากรรมและผลงานจัดวางของเขาสิ่งเหล่านี้เองที่ได้ผลักดันให้ ‘บอน’ กลายเป็นหนึ่งในศิลปินสตรีทอาร์ตระดับแนวหน้าของเอเชีย


The Soi Sauce Factory เจริญกรุง ซ.๒๔

พื้นที่ใหม่ในอาคารเก่า-อาคารเก่าแห่งนี้เคยเป็นโรงฝิ่นมาก่อน ก่อนจะถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงงานซีอิ๊ว และล่าสุดมันได้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นพื้นที่ให้บริการทางศิลปะแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ


The Soi Sauce Factory มีทั้งโถงที่เปิดโล่งสำหรับนิทรรศการขนาดใหญ่ และพื้นที่ที่เป็นสัดส่วนสำหรับนิทรรศการขนาดย่อม ซึ่งทั้งหมดจะถูกใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการของ ‘BON’ จากพื้นที่ภายในถึงระเบียง,ทางเดินและทุกซอกมุมของอาคารเก่าแห่งนี้


เฟซบุค soysaucefactory

เฟซบุค soysaucefactory.com

เปิดนิทรรศการ ๑๒ มิถุนายน เวลา ๑๘.๓o น. พบการแสดง LIVE SOUND ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วม






นิทรรศการจะจัดแสดงทุกวันตั้งแต่วันที่ ๑๒-๑๘ มิถุนายน เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น.

ช่องทางติดตามผลงานของศิลปิน

‘Bomb it 2’ คือสารคดีภาคต่อของ Jon Reiss นักทำสารคดีชาวอเมริกันที่บันทึกการเติบโตและแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลกของสตรีทอาร์ต สารคดีชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ในปี ๒o๑๒ และประสบความสำเร็จอย่างมากในแวดวงสตรีทอาร์ตระดับโลก


สารคดีชิ้นนี้ได้บันทึกส่วนหนึ่งในการทำงานรวมไปถึงแนวคิดเบื้องหลังผลงานบนกำแพงของ ‘บอน’ เอาไว้ด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=UQIq0rtux6o

ภาพผลงาน :เฟซบุค flickr.com


Facebook: 
เฟซบุค Bon.mue

muebon.com

Instagram: @muebon







ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 29 พฤษภาคม 2557
Last Update : 1 มิถุนายน 2557 22:02:33 น. 0 comments
Counter : 4977 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.