หยุดตามใจปาก
หลังจากพักรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว สาวออฟฟิศทั้งหลายมักจะซื้อขนมติดไม้ติดมือมาวางบนโต๊ะทำงานไว้ขบเคี้ยวยามบ่ายพร้อมกับจิบกาแฟไปพลาง ๆ
มีสาว ๆ คนไหนที่รู้บ้างว่า ขนมเค้ก คุกกี้ ขนมปัง ขนมถุง มันฝรั่งทอดกรอบ ฯลฯ ที่สาว ๆ กำลังเคี้ยวอยู่นั้นมีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่มากทีเดียว
พฤติกรรมการบริโภคของสาว ๆ ที่ชอบกินจุบจิบจนเป็นนิสัย ประกอบกับไม่มีเวลาออกกำลังกายทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม เพราะนอกจากจะนั่งแช่บนเก้าอี้แล้วแทบจะไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายร่างกายเลย
หากใครที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ รู้ไว้เลยว่ามีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคเบาหวานโดยไม่รู้ตัว
ตามหลักโภชนาการ เราไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา
น้ำตาลเหล่านี้มีส่วนผสมอยู่ในของที่รับประทานเข้าไปรวมทั้งผลไม้ด้วย สาวออฟฟิศ ที่เลือกรับประทานผลไม้เป็นของว่างจะได้รับน้ำตาลมากถึงวันละ 25 ช้อนชา ส่วนกลุ่มที่ชอบกินขนมกรุบกรอบได้รับน้ำตาลวันละประมาณ 18 ช้อนชา
ถ้าร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลและแป้งล้นเกินเป็นประจำ จะทำให้ตับอ่อนทำงานหนักจากการผลิตอินซูลิน ยิ่งคนที่มีปริมาณไขมันมากก็จะยิ่งทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี ทำให้มีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดสูง และในที่ สุดก็อาจจะกลายเป็น โรคเบาหวานได้ ส่วนจะเป็นโรคเบาหวานเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของตับอ่อนของแต่ละคน
จากการสำรวจสภาวะสุขอนามัยของประชาชน ปี 2552 พบว่า คนไทยเป็นเบาหวานประมาณร้อยละ 7 ของประชากร หรือมากกว่า 3 ล้านคน ที่สำคัญขณะนี้ คนไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานเพิ่มเป็น 6-7 ล้านคน และองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ทั่วโลกมีผู้เป็นเบาหวานประมาณ 177 ล้านคน และคาดว่าปี 2025 จะพบผู้เป็นเบาหวานทั่วโลก 300 ล้านคน
ศุภลักษณ์ ทองนุ่น นักโภชนาการ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท (แผนกผู้สูงอายุ) แนะนำว่า สาว ๆ ที่ทำงานออฟฟิศจะงดอาหารเช้า ดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวก่อนมาทำงาน พอนั่งทำงานไปสักพักจะรู้สึกหิวเพราะระดับน้ำตาลในเลือดลดลง สมองจึงสั่งการว่า "หิว" เราก็จะหาขนมมากินจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นแล้วสมองสั่งการให้หยุดกิน ในความเป็นจริงสมองมักจะรับรู้ช้ากว่า เราจึงได้รับน้ำตาลและพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ และส่วนใหญ่ขนมหรือน้ำผลไม้ที่หยิบมากินรองท้องในระหว่างมื้อปริมาณการกินจะไม่มาก แต่ให้แป้งและน้ำตาลสูงกว่าอาหารมื้อหลักและไม่ทำให้อยู่ท้องด้วย
ดังนั้นเราจึงควรรับประทานกลุ่มแป้ง เช่น ข้าวไม่เกินวันละ 8-12 ทัพพี และ น้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา ซึ่งต้องคำนึงถึงแป้งและน้ำตาลที่แฝงในอาหารและเครื่องดื่มด้วย เพราะบางคนเลือกทานผลไม้แล้ว แต่เมื่อคำนวณปริมาณน้ำตาลโดยรวมออกมาอาจมีปริมาณมากกว่าการทานขนม เพราะในผลไม้หรือเครื่องจิ้มก็มีปริมาณน้ำตาลเช่นเดียวกัน
ข้อควรปฏิบัติคือ อย่าซื้อขนมหวานที่ชอบติดบ้าน รับประทานให้ช้าลง ร่างกายจะรับรู้ถึงสัญญาณความอิ่มหลังรับประทานอาหารประมาณ 15-20 นาที เคี้ยวให้นานขึ้น ยิ่งเคี้ยวนานเราก็จะทานช้าลงและอิ่มเร็วขึ้น ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 ครั้งเพื่อลดปริมาณไขมันในร่างกาย เพื่อช่วยให้อินซูลินทำงานได้ตามปกติ
แต่ในภาวะน้ำท่วมเช่นนี้ อนุโลมให้หาขนมติดบ้านไว้มาก ๆ ก็ยิ่งดี เพราะถึงยังไงคงต้องกินอย่างประหยัด..อยู่ดี
credit : //www.prachachat.net/ หยุดตามใจปาก
Create Date : 31 ตุลาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2554 10:00:54 น. |
Counter : 1310 Pageviews. |
|
|
|