happy memories
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
5 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๑๕




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









"๑๒ ศิลปินแห่งชาติสร้างงานศิลป์ชั้นเยี่ยมแดนปลาดิบ”


กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับศิลปินแห่งชาติ และเครือข่ายทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมในต่างประเทศ จัดโครงการศิลปินแห่งชาติสัญจร สร้างสรรค์งานศิลป์ ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยการนำผลงานของศิลปินแห่งชาติไปเผยแพร่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในต่างประเทศ รวมถึงทั้ง 12 ศิลปินแห่งชาติได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะชั้นเยี่ยม ณ พิพิธภัณฑ์ แหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม และสถานที่สำคัญที่ได้รับการการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในเส้นทางโอซากา-เกียวโต-ฮิโรชิมา-ฟุกุโอกะ เมื่อวันที่ ๑๓-๒๙ มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเผยแพร่ศิลปะไทยสู่สากลและเชื่อมสายสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับญี่ปุ่น


ศิลปินแห่งชาติที่ได้รับการเชิดชูเป็นมือหนึ่งของไทยเข้าร่วมโครงการนี้ ประกอบด้วย ถวัลย์ ดัชนี, กมล ทัศนาญชลี, ทวี รัชนีกร, ธงชัย รักปทุม, เดชา วราชุน, วิโชค มุกดามณี, วนิดา พึ่งสุนทร รวมถึงสองตากล้องยอดฝีมือ ยรรยง โอฬาระชิน และวรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ฟากวรรณศิลป์ นำโดยประภัสสร เสวิกุล และสถาพร ศรีสัจจัง ส่วนสาขาศิลปะการแสดง ประยงค์ ชื่นเย็น นักเรียบเรียงเสียงประสานเพลงลุกทุ่งชื่อดัง ร่วมสัญจรสร้างงานศิลป์ด้วย






เส้นทางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นที่วัดคิงคะคุจิ หรือวัดทอง นครเกียวโต เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอดีตเมืองหลวงญี่ปุ่น ชมสถาปัตยกรรมของวัด สวน และสิ่งก่อสร้างดั้งเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ศิลปินแห่งชาติแต่ละคนเลือกสร้างสรรค์งานขึ้นเมื่อได้รับความงดงามของศิลปะญี่ปุ่น โดยอาจารย์ธงชัย รักปทุม และอาจารย์เดชา วราชุน โชว์ฝีมือการวาดภาพลายเส้นบันทึกภาพประทับใจด้วยความชำนาญ ขณะที่สองศิลปินแห่งชาติอาจารย์วรนันทน์ และอาจารย์ยรรยง มองหามุมถ่ายภาพสวยพร้อมมุมมองใหม่ๆ อย่างเพลิดเพลิน ผลงานที่สร้างขึ้นระหว่างร่วมโครงการจะจัดแสดง รวมถึงส่งมอบให้เป็นสมบัติของชาติต่อไป


หลังจากนั้น พาชมสตูดิโอของศิลปินญี่ปุ่น อิสะ มาซายูกิ เรียนรู้การทำภาพพิมพ์โบราณของญี่ปุ่น ที่เรียกว่า "โนริโอกิ" ที่เป็นเทคนิคสืบทอดมากว่า ๕oo ปี โดยอิสะ มาซายูกิ จัดเวิร์กช็อปเปิดเคล็บลับสร้างสรรค์ภาพพิมพ์โบราณที่อุดมไปด้วยภูมิปัญญาบรรพบุรุษ เช่น กระดาษแม่แบบทำจากเปลือกลูกพลับ แช่น้ำถั่วเหลืองเพื่อเพิ่มความคงทนของกระดาษ กระทั่งสีทำจากหญ้า ฯลฯ โดยศิลปินไทยได้รับความรู้และเกิดความสนุกสนานในการสร้างงานภาพพิมพ์ระหว่างเวิร์กช็อป ก่อนจะไปชมศาลเจ้าเฮอัน สถานที่สำคัญของนครเกียวโต และศึกษาดูงานที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอซากา (National Museum of Art Osaka) ชมผลงานศิลปะร่วมสมัยชิ้นเยี่ยมๆ






อาจารย์เดชา วราชุน ศิลปินแห่งชาติผู้ช่ำชองงานภาพพิมพ์ กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นต้นแบบทางด้านศิลปะภาพพิมพ์ และมีพัฒนาการทางศิลปวัฒนธรรมยาวนาน รักษาเอกลักษณ์ไว้ได้ อย่างสตูดิโอภาพพิมพ์แห่งนี้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งคนในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้เด็กญี่ปุ่นได้เรียนรู้งานศิลป์ แถมมีการผลิตผลงานเชิงพาณิชย์สร้างรายได้ หันกลับมาที่ไทย ไม่อนุรักษ์องค์ความรู้ จะมุ่งสู่สมัยใหม่อย่างเดียว สถาบันการศึกษาก็เปลี่ยนจากช่างฝีมือมาเป็นปริญญาตรี ทำให้งานช่างไทยหายไป นักศึกษาศิลปะเรียนจบต้องใช้ชีวิตดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ไม่สามารถยึดอาชีพศิลปินได้ ยังไม่สายเกินไป รัฐบาลต้องสนับสนุนตั้งแต่วัยทำงาน และให้ทุนเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน ตนมาญี่ปุ่นครั้งนี้จะเก็บเกี่ยวมุมมองใหม่ ๆ ไปสร้างผลงาน มีกำหนดจัดแสดงต้นปีหน้าที่ไทย ร่วมกับศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ อีก ๓ คน


เส้นทางต่อมา มุ่งหน้าสู่จังหวัดฮิโรชิมา คณะศิลปินแห่งชาติข้ามไปเกาะมิยาจิ เมืองฮัตสึไกจิ แวะนมัสการศาลเจ้าอิตสึกุชิมะอันเก่าแก่ ขึ้นทะเบียนมรดกโลก นอกจากศาลเจ้าสวยงาม ยังมีเสาโทริอิกลางน้ำ สัญลักษณ์สำคัญเกาะนี้ จากนั้นเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สงคราม ย้อนดูเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูลูกแรกที่ถูกทิ้งลงมาเผาผลาญเมืองฮิโรชิมาให้พังราบในพริบตา สิ่งของจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อ้อนวอนเพื่อสันติภาพ แวะชมสวนสันติภาพ และอะตอมมิกบอมบ์โดม


จบท้ายเส้นทางที่จังหวัดฟุกุโอกะ ตั้งอยู่บนเกาะคิวชู มีพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมในเมืองท่าที่สำคัญมากมาย เช้าวันรุ่งขึ้นไป Art space chiyofuku โรงเบียร์เก่าที่เปลี่ยนเป็นพื้นที่ทางศิลปะของ ๙ ศิลปินฟุกุโอกะ ตลอดจนนิทรรศการหมุนเวียนของศิลปินต่างประเทศ เดินทางต่อไปจังหวัดซางะ แวะชมเตาเผาของจิโร มัตสึโอะ ศูนย์กลางการผลิตเครื่องปั้นดินเผาและพื้นที่สร้างงานใหม่ ๆ ของมัตสึโอะ ก่อนลัดเลาะขึ้นเขาชมพิพิธภัณฑ์เคียวเซโนะซาโตะที่ปรับปรุงมาจากโรงเรียนที่ปิดตัวลง ศิลปินแห่งชาติสนใจกับการเยี่ยมชมธรรมชาติและงานศิลปะ






วันรุ่งขึ้นไม่ลืมพาที่จะไปพิพิธภัณฑ์ฟุกุโอกะ เอเชียน อาร์ต เป็นที่แรกในโลกที่จัดแสดงศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยของเอเชีย นำเสนอผลงานคุณภาพสูง รวมไปถึงมีการแลกเปลี่ยนแสดงผลงานของศิลปินแถบเอเชีย ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ เป็นจิตรกรไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลวัฒนธรรมแห่งเอเชีย เมืองฟุกุโอกะ เมื่อ ๑๓ ปีที่แล้ว ผลงานของช่างวาดรูปแห่งบ้านดำผู้นี้ เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นที่พิพิธภัณฑ์ฟุกุโอกะสะสมไว้ให้คนทั่วทุกมุมโลกมาชม


อาจารย์วิโชค มุกดามณี ศิลปินแห่งชาติ กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์ฟุกุโอกะมีจุดเด่นที่นำเสนอผลงานที่เชื่อมโยงงานร่วมสมัยยุคแรกของเอเชียที่เชื่อมโยงกับงานร่วมสมัยในปัจจุบัน มีผลงานของศิลปินไต้หวัน อินเดีย จีน มองโกเลีย บรูไน ฯลฯ และมีผลงานของศิลปินไทยหลายคนที่พิพิธภัณฑ์มีคอลเลคชั่นไว้ เช่น ชะลูด นิ่มเสมอ, ชำเรือง วิเชียรเขตต์, มณเฑียร บุญมา รวมถึงถวัลย์ ดัชนี เน้นความเป็นอาเซียน รวมถึงแสดงผลงานของศิลปินต่างประเทศ


"ถือเป็นสถานที่สำคัญทางศิลประดับโลก ช่วยสนับสนุนการทำงานของศิลปินภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะศิลปินไทย ผมได้มอบหนังสือรวบรวมคอลเลคชั่น ๖ ทศวรรษศิลปินไทยให้กับผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ เพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ให้ที่นี่ เหล่าศิลปินแห่งชาติพร้อมนำผลงานสร้างสรรค์มาร่วมแสดงเพื่อพัฒนาศิลปกรรมของประชาคมอาเซียน นี่คือมิตรภาพที่แน่นแฟ้นขึ้น การมาญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่ฮิโรชิมา ยังเป็นแรงกระตุ้นให้ผมเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานสื่อผสมชุดใหม่ เนื้อหาลึกซึ้งถึงความเจ็บปวด ไม่ใช่เคียดแค้นสงคราม ก่อนหน้านี้เคยวาดภาพซากอาคารที่ถูกบอมบ์จากปรมาณู" ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ เผยต้นปีหน้าได้เห็นผลงานชิ้นเยี่ยมแน่นอน รวมถึงยืนยันจะนำความรู้จากการสัญจรญี่ปุ่นไปใช้พัฒนานักศึกษาในสถาบันการศึกษาศิลปะทั่วประเทศ.







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
เฟซบุคถวัลย์ ดัชนี














'เคียวเซโนะซาโตะ' พิพิธภัณฑ์กลางเขา


ที่จังหวัดซางะ บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่กลางภูเขาและธรรมชาติที่งดงาม ทุก ๆ ปีจะมีผู้คนจำนวนมากมาเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์เคียวเซโนะซาโตะ (KYOUSEI-NO-SATO MUSEUM) เพื่อเที่ยวชมผลงานศิลปะร่วมสมัยที่รวบรวมมาจากศิลปินหลายสาขาของประเทศญี่ปุ่นและศิลปินต่างประเทศ เรื่องราวของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็น่าทึ่ง เพราะปรับปรุงมาจากโรงเรียนซึ่งปิดตัวลง เป็นเสมือนต้นแบบอันงดงามของการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ และเติบโตเป็นสถานที่เรียนรู้ด้านศิลปะระดับสากล






การเยี่ยมชมวัฒนธรรมผ่านพิพิธภัณฑ์เมืองเคียวเซโนะซาโตะครั้งนี้ ได้ร่วมเดินทางไปกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) และคณะศิลปินแห่งชาติที่ไปปฏิบัติภารกิจสร้างสรรค์ผลงานตาม โครงการศิลปินแห่งชาติสัญจรสร้างสรรค์งานศิลป์ ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๙ มิถุนายนที่ผ่านมา รวมไปถึงได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งของรัฐและเอกชน เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดพิพิธภัณฑ์ในบ้านเรา






พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่อันมีชื่อ ทำให้ทุกคนได้รื้อฟื้นความหลังในอดีตที่อาจจะหลงลืมไปตามกาลเวลา และที่นี่ผู้เยี่ยมชมจะมีปฏิสัมพันธ์กับทั้งธรรมชาติและงานศิลปะ ได้สัมผัสและได้รู้สึกถึงศิลปะที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาลและพื้นที่ที่มีความหลากหลายของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับศิลปะสำหรับครอบครัวที่สนใจ ผลักดันและเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของศิลปะ ทำให้ศิลปะอยู่ในใจของเขาตลอดไป ส่งผลให้ที่นี่ได้รับการกล่าวขานว่า "หมู่บ้านศิลปะ" ของญี่ปุ่น






คาซูโนบุ ยานาหงิ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์เคียวเซโนะซาโตะ เล่าถึงจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า เมื่อ ๑๔ ปีที่แล้ว โรงเรียนปิดตัวลง หลังจากนั้น ๕ ปี ทางอำเภอมีแนวคิดที่จะทำประโยชน์จากโรงเรียนที่ปิดไปซึ่งมีอยู่มากมาย กระจายทั่ว ไม่เฉพาะที่ซางะ เราเป็น ๑ ใน ๒๘ โครงการที่ส่งเข้าร่วมกิจกรรม กลุ่มศิลปินในฟุกุโอกะซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกัน และศิลปินในซางะนำเสนอโครงการปรับปรุงโรงเรียนเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อจัดแสดงผลงานร่วมสมัยหรือโมเดิร์นอาร์ต กระทั่งโครงการนี้ผ่านการพิจารณา แม้จะมีอุปสรรค แต่ไม่ท้อถอย ปรับปรุงและพัฒนาจนเปิดพิพิธภัณฑ์ได้สำเร็จ ชื่อพิพิธภัณฑ์มีความหมายว่า "ดวงตาของหมู่บ้าน"






ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์อธิบายเพิ่มเติมว่า ภายในอาคารเรียนเดิม ชั้นบน ชั้นล่าง มีการติดตั้งผลงานศิลปะหลากหลาย ทั้งภาพถ่าย ประติมากรรม สื่อผสม จิตรกรรม ล้วนเป็นงานศิลปะของศิลปินมีชื่อเสียง ที่สำคัญมีการวางแผนเปลี่ยนผลงานศิลปะ ๕ ครั้งต่อปี เพื่อกระตุ้นให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ มาจัดแสดง และคนชมผลงานได้พบกับชิ้นงานที่แตกต่างกันไป ที่นี่ยังเป็นพื้นที่แสดงผลงานเดี่ยวของศิลปินทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ช่วงนี้เป็นนิทรรศการเดี่ยวของชินโจ โยชิฮิโร ศิลปินมีชื่อของฟุกุโอกะ มีผู้คนมาเยี่ยมชมต่อเนื่อง ชาวต่างชาติก็เยอะทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย






"ปีนี้หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นได้จัดอันดับการใช้โรงเรียนที่ปิดตัวไปแล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากทั้งหมด ๖o โครงการ ผลปรากฏว่าพิพิธภัณฑ์เคียวเซโนะซาโตะติดอันดับ ๒ ของประเทศ เป็นรองอันดับหนึ่งเพียงขนาดพิพิธภัณฑ์เขาใหญ่กว่าเท่านั้น อยากให้ที่แห่งนี้เป็นแรงบันดาลให้โรงเรียนเล็กที่ปิดไปนับพัน ๆ โรง นำกลับมาทำพิพิธภัณฑ์ให้เพิ่มขึ้น ส่วนมากจะเป็นศูนย์กีฬาหรือศูนย์วัฒนธรรม" คาซูโนบุกล่าวอย่างภาคภูมิใจ พร้อมทั้งชวนมาท่องเที่ยว จ.ซางะ สัมผัสเสน่ห์ของขนบธรรมเนียม ประเพณีและธรรมชาติ ที่นี่มีภูมิทัศน์ชนบทสวยงาม ป่าสนเก่าแก่ ต้นไม้ใหญ่ ถ้ามาช่วงเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายนจะได้ลิ้มรสสาลี่อันแสนอร่อย






เป็นเวลากว่า ๑o ปีที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทำการและต้อนรับศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจกับนิทรรศการที่ภัณฑารักษ์คัดสรรแต่สิ่งดี ๆ ให้ได้ดู ปัจจุบันก็ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างแหล่งเรียนรู้มีชีวิต และยังขยายเครือข่ายศิลปินในต่างประเทศเพิ่มเพื่อนำชิ้นงานศิลปะมาจัดแสดง






ในการศึกษาดูงาน ศิลปินแห่งชาติของไทย นำโดย กมล ทัศนาญชลี ที่ร่วมเดินทางไปด้วย กล่าวว่า ได้เชิญชวนศิลปินฟุกุโอกะมาจัดแสดงนิทรรศการที่ไทย และยินดีให้นำผลงานศิลป์ของศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ มาเผยแพร่ที่นี่ ถือเป็นสถานที่ที่ให้แรงบันดาลใจการสร้างพิพิธภัณฑ์ให้วงการศิลปะของไทย และยังเป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านศิลปะอย่างแท้จริง






ข้อมูลการเดินทางจากจังหวัดฟุกุโอกะไปยังจังหวัดซางะ เดินทางโดยรถบัส ใช้เวลาประมาณ ๙o นาที เพิ่มเติมเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์คลิกที่ blog.goo.ne.jp หรือการท่องเที่ยวจังหวัดซางะ //www.//www.asobo-saga.jp/







ภาพและข้อมูลจากเวบ
blog.goo.ne.jp
thaipost.net
เวบพิพิธภัณฑ์














"Haiku in your heart”


“บางรูปบทกวีมาก่อนที่จะวาดรูป มีบ้างที่เกิดขึ้นระหว่างที่วาดภาพบทกวีถึงเกิดขึ้น”………กวีไฮกุของ เมธา เมธี เคร่งครัดต่อหลักโครงสร้างบทกวีฉันทลักษณ์ของ บาโช มาซึโอ กวีญี่ปุ่นที่คิดค้นขึ้น


ไฮกุ ๑ บท มี ๓ บรรทัด มี ๑๗ พยางค์ บรรทัดที่หนึ่ง ๕ พยางค์ บรรทัดที่สอง ๗ พยางค์ บรรทัด สุดท้าย ๕ พยางค์ โดยยืดถือเรื่องฤดูกาลไว้ในตัวบทอย่างสม่ำเสมอ ภาพวาดที่ปรากฏคู่กับบทกวีเป็นภาพคอนทัวร์ (Contour) ที่คู่กัน เฉพาะภาพหนึ่งภาพ กับบทกวีหนึ่งบท ที่สอดคล้องไปในครรลองเดียวกัน


นิทรรศการ : ภาพวาด คอนทัวร์ ตัวหนังสือ ไฮกุ จัดแสดงผลงานตั้งเเต่ วันที่ ๑ กรกฎาคม – ๓o สิงหาคม ๒๕๕๗ ที่ Hemlock Art Restaurant ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดบริการ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา ๑๖.oo – ๒๔.oo น. เเละวันเสาร์ เวลา ๑๗.oo – ๒๔.oo น.


นิทรรศการ : ภาพวาด คอนทัวร์ ตัวหนังสือ ไฮกุ
ศิลปิน : เมธา เมธี
วันที่ : ๑ กรกฎาคม – ๓o สิงหาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : Hemlock Art Restaurant ถนนพระอาทิตย์ (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา ๑๖.oo – ๒๔.oo น. เเละวันเสาร์ เวลา ๑๗.oo – ๒๔.oo น.)
รายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๒-๒๘๒-๗๕o๗



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














“ทางช้างเผือก” (MILKI WAY)


นิทรรศการ : “ทางช้างเผือก” (MILKI WAY)
ศิลปิน : เพชร เชิดกลิ่น (Phet cherdklin)
ลักษณะงาน : จิตรกรรม
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๒๙ มิถุนายน – ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี
ห้องนิทรรศการ : ห้องนิทรรศการชั้น ๒
ติดต่อศิลปิน : o๘๑-๗๑๗-๕๒๖๓


แนวความคิด

ข้าพเจ้าต้องการถ่ายทอดความงามแห่งความคิดฝัน พลังบารมีของเหล่า 12นักษัตร ในจักรวาลทางช้างเผือก โดยแทนเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต การเดินทางมาพบกับแสงสว่างแห่งพระธรรม พบกัลยามิตร เสมือนได้สัมผัสแสงพลังแห่งทิพย์จากสรรค์ ชโลมให้เกิดความปีติ ความสุข ความเบิกบานในใจ เกิดความแกล้วกล้าอาจหาร ในการดำเนินชีวิต



ภาพและข้อมูลจากเวบ
chamchuriartgallery.blogspot.com














"'เรือนบุษบา' เผยสีสันเสน่ห์กลิ่นอายวิถีญี่ปุ่น”


“เรือนบุษบา”ร้านดอกไม้ที่เน้นเรื่องของคุณภาพความพิถีพิถัน และความละเมียดละไม พร้อมนำเสนอไอเดียแปลกใหม่ ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง โดย บิ๊ก-ปณิธาน ทองสถิตย์ เจ้าของร้าน เตรียมเผยโฉมคอลเล็คชั่นใหม่ประจำปี ๒o๑๔ “KYOTO TO TOKYO” (เกียวโต ทู โตเกียว)ในสไตล์ดอกไม้สุดชิค“Fashion BOX”(แฟชั่น บ็อกซ์)ภาชนะแจกันกระดาษลวดลายใหม่ที่ดีไซน์ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งฟลอรัลดีไซเนอร์ได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา






ปณิธาน เล่าว่า “เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วได้มีโอกาสได้พบกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการจัดดอกไม้ท่านหนึ่งที่เมืองปารีสประเทศฝรั่งเศส และแนะนำให้หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่นหรือที่รู้จักและเรียกกันแพร่หลายว่า อิเคบานะ (Ikebana) ต้นปีนี้ผมเลยเลือกเดินทางไปที่เมืองเกียวโต ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าที่มีชื่อเสียงและเป็นต้นกำเนิดของการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะและวัฒนธรรมต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่นจากที่ได้เรียนจัดดอกไม้อิเคบานะขั้นพื้นฐานกับอาจารย์หลายท่าน ทำให้ได้มีโอกาสรู้จักคนญี่ปุ่นที่ได้ให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเป็นมาในไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่น อีกทั้งได้ท่องเที่ยวไปตามสถานที่สำคัญของเมือง จึงเกิดแรงบันดาลใจดีไซน์เป็นลวดลายและสีสันใหม่ลงบนแจกันกระดาษ หรือแฟชั่น บ็อกซ์ของร้านดอกไม้เรือนบุษบาในปีนี้”






สำหรับสีสัน ได้แรงบันดาลใจมาจากเอกลักษณ์ต่างๆของญี่ปุ่น ในแง่มุมต่าง ๆ กัน ประกอบด้วยThe Imperial-สีทอง ตัวแทนความรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่แรงบันดาลใจจากพระราชวังอิมพิเรียลที่เมืองเกียวโต ประทับใจสีทองของเครื่องประดับหมู่อาคารตำหนักต่าง ๆ, The Spring- สีชมพู เขียวมัจฉะ ตัวแทนความงามของซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และประเพณีการชงชาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศญี่ปุ่น,The Spirit - สีแดง ขาว ตัวแทนความเชื่อทางศาสนา ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากได้ไปเยี่ยมชมวัดของพุทธศาสนา และศาลเจ้าของลัทธิชินโต และ The Nature - สีน้ำทะเล สีน้ำตาลอ่อน ตัวแทนการใช้ชีวิตที่อิงความเป็นธรรมชาติ จากแนวคิดการพึ่งพาและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติรอบตัว






ร้านดอกไม้เรือนบุษบาเริ่มให้บริการ แฟชั่นบ็อกซ์คอลเล็คชั่นประจำปี ๒o๑๔ : เกียวโต ทู โตเกียว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือ ชมตัวอย่างการจัดดอกไม้ได้ที่ เฟซบุคเรือนบุษบา





ปณิธาน ทองสถิตย์



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
เฟซบุคเรือนบุษบา













"มาเล่นกันเถอะ”


มาเล่นกันเถอะ..พบของเล่นย้อนวันวานใน "นิทรรศการของเล่น"


"ตะแล็บแก็บ : อาโหล ๆ จิ๊จ๊ะ" นำไม้ไผ่+เชือก+ไม้ขีด มาสร้างสรรค์กลายเป็นของเล่นที่ไว้สื่อสารกันแม้จะอยู่ไกล เล่นกันเป็นคู่ ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้อยู่กับคนอื่น "ตะแล็บแก็บ" เพี้ยนมาจากคำว่า Telegram (เทเลแกรม) ที่แปลว่าโทรเลขนั่นเอง


พิเศษ!! ประดิษฐ์มือถือโบราณ "ตะแล็บแก็บ" วันเสาร์-อาทิตย์ที่ ๕ - ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.oo - ๑๖.oo น. ณ มิวเซียมสยาม


วันละ ๑ รอบ ๆ ละ ๓o คน (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)


*สำรองที่นั่งโทร : o๒-๒๒๕-๒๗๗๗ ต่อ ๘o๑
(จันทร์ - ศุกร์ เวลา ๙.๓o - ๑๗.oo น.)


ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคมิวเซียมสยาม













"ชุดอาหารต้อนรับเทศกาลทานาบาตะ”


นับเป็นวันสำคัญของคนญีปุ่นที่ถือเป็นตำนานเก่าแก่และมีบทบาทมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเทศกาลที่หลายคนตั้งตารอ กับวันที่สาวทอผ้ากับชายเลี้ยงวัวได้มาพบกัน ดังนั้นร้านอาหารยามาซาโตะ จึงจัดเมนูเซตพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวันแห่งความรักนี้


โดยวันทานาบาตะ มีเรื่องเล่าตามตำนานความรักระหว่างสาวทอผ้านามว่า “โอริอิเมะ” และชายเลี้ยงวัว นามว่า “ฮิโกโบชิ” ที่รักกันมากจนได้แต่งงานกันในที่สุด หากแต่หลังจากแต่งงานกันทั้งสองต่างละทิ้งหน้าที่การงาน เทวดาจึงลงโทษให้ทั้งสองแยกจากกัน โดยอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำ และอนุญาตให้พบกันได้เพียงปีละครั้งในวันที่เจ็ด เดือนเจ็ด โดยทั้งสองจะข้ามมาพบกันโดยใช้ปีกของนกนางแอ่นเป็นสะพาน ดังนั้น วันทานาบาตะจึงตรงกับวันที่ ๗ กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่เชื่อกันว่า สาวทอผ้า คือ ดาวเวก้า (Vega) และชายเลี้ยงวัว คือ ดาวอัลแตร์ (Altair) จะได้โคจรมาพบกันที่ทางช้างเผือก






ชาวญี่ปุ่นจะฉลองวันทานาบาตะด้วยการประดับบ้านเรือนด้วยต้นไผ่ และแขวนคำอธิษฐานเป็นกลอนเอาไว้กับต้นไผ่ แล้ววันรุ่งขึ้นก็จะนำกระดาษคำอธิษฐานเหล่านั้นมาเผา หรือพับเป็นเรือเพื่อลอยน้ำ เสมือนเป็นการส่งคำขอนั้นไปหาดวงดาวเพื่อดลบันดาลให้คำอธิษฐานเป็นจริง


สำหรับเซตอาหารสำหรับวันพิเศษนี้ของห้องอาหารยามาซาโตะ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้จัดอาหารชุดมื้อกลางวัน และอาหารชุดมื้อค่ำ “ไคเซกิ” ที่มี ๗ รายการ ที่เชฟชิเงรุ ฮางิวาระ หัวหน้าพ่อครัวซึ่งผ่านประสบการณ์ดูแลกับห้องอาหารยามาซาโตะที่โรงแรม โฮเต็ล โอกุระ โตเกียว มายาวนานกว่า ๓o ปี ได้รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ






โดยเมนูอาหารวันทานาบาตะนี้ ไม่เพียงแต่ได้รับการปรุงอย่างพิถีพิถันเท่านั้น หากแต่ยังถูกตกแต่งให้งดงามและมีสีสันน่ารับประทานตามแบบฉบับของอาหารญี่ปุ่น พร้อมประดับประดาไปด้วยของตกแต่งที่ชวนให้ระลึกถึงดวงดาว


ชุดมื้อกลางวันประกอบไปด้วย ซาชิมิ ซุป และเต้าหู้งา ตามด้วยปลาย่างชั้นดี เสิร์ฟพร้อมผักตุ๋นเย็นแบบญี่ปุ่น กุ้งเทมปุระ และข้าวอบญี่ปุ่น ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวาน มันฝรั่งม่วงกับเค้กข้าว และผลไม้สดตามฤดูกาล ส่วนมื้อค่ำเป็นอาหารชุดพิเศษชุด “ไคเซกิ” ตามแบบราชสำนักญี่ปุ่น ที่จะประกอบไปด้วยอาหารญี่ปุ่นรสชาติต้นตำรับทั้งหมด ๗ รายการ อาทิ ซุปลูกชิ้นปลาไหลกับเห็ดซิเมจิ ปลาซาชิมิ ๓ ชนิด ปลาอัลฟอนซิโนจากน้ำทะเลลึกทอดใส่ดอกอัญชันและผักชีฝรั่ง เส้นหมี่เย็นญี่ปุ่นรับประทานคู่กับซุปเย็น เนื้อปูและปลาไหล และข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาทูน่า ฯลฯ






เมนูพิเศษสำหรับเทศกาลทานาบาตะนี้ จะให้บริการตั้งแต่วันที่ ๒๙ มิถุนายนถึง ๗ กรกฎาคมนี้เท่านั้น โดยห้องอาหารยามาซาโตะ ตั้งอยู่ที่ชั้น ๒๔ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการอาหารมื้อกลางวัน เวลา ๑๑.๓o - ๑๔.๓o น. มื้อค่ำเวลา ๑๘.oo - ๒๒.๓o น. สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ o-๒๖๘๗-๙ooo







ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"ชื่นชมงานศิลป์สะท้อนสไตล์ที่โดดเด่น นิตยสารนูเมโร”


เปิดตัวมาได้ ๒ ปี และเตรียมก้าวเข้าสู่ปีที่ ๓ สำหรับนิตยสารนูเมโร ไทยแลนด์ ที่บริหารโดย อมรสิริ บุญญสิทธิ์ ขยันจัดงานโน่นนี่จนชื่อนิตยสารติดปากติดใจกันไปแล้ว ล่าสุดก็ไอเดียบรรเจิด จัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ระดับมาสเตอร์พีซต้นตำรับที่แสดงถึงสไตล์ความเป็นนูเมโรอย่างโดดเด่น ด้วยชิ้นงานศิลปะทรงสามเหลี่ยมที่รวบรวมเอาภาพหน้าปกที่เป็นที่ประทับใจ ซึ่งรวมไปถึงหน้าปกที่ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงขึ้นปกในฉลองพระองค์แบรนด์สิริวัณณวรี(Sirivannavari) มาตั้งประดับจัดแสดงที่ชั้น เอ็ม ศูนย์การค้าสยามพารากอน เป็นระยะเวลา ๑ เดือนเต็ม โดยตั้งแต่วันนี้-๑๕ กรกฎาคมนี้






งานนี้แม่งานคนสำคัญอธิบายว่า แรงบันดาลใจครั้งนี้ทางนิตยสารได้คิดสร้างสรรค์ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเราเลือกใช้โครงสร้างเหล็กและอะคริลิก และดีไซน์ของเส้นกราฟฟิกที่ให้ความงดงามเหมาะสมกับพื้นที่การจัดแสดง ตัวโครงสร้างให้ความโปร่งแสง เบาสบาย เป็นผลงานศิลปะที่เปล่งกระกายฉายความโมเดิร์นและบอกถึงความคิดที่เป็นอิสระและสร้างสรรค์ ซึ่งรูปทรงสามเหลี่ยมของ Style Installation ที่แสนโดดเด่นนี้สะท้อนถึง ๓ ส่วนประกอบหลักของชีวิตคนรุ่นใหม่ คือ แฟชั่น (Fashion), ความงาม (Beauty) และรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ที่ถือเป็นเนื้อหาหลักที่ถ่ายทอดอยู่ในคอลัมน์ต่าง ๆ ของนิตยสารเช่นเดียวกัน






โดยในแต่ละด้านของสามเหลี่ยมถูกบรรจุไว้ด้วยภาพหน้าปกของนิตยสารนูเมโร ไทยแลนด์ ทั้งสิ้น ๒๓ ปก และงานนี้นับเป็นการร่วมตัวของบรรดาเซเลบริตี้ชื่อดังจากวงการต่างๆ และผู้คนในแวดวงแฟชั่น อาทิ "นัท" ณัฐนิชา ธนาลงกรณ์, "โตโต้" อภิชาติ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, "ปุ๊ก" กฤตยา - "ป๊อป" วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ, "ดวง" มนตร์ลดา พงษ์พานิช, "ตือ" สมบัษร ถิระสาโรช, "น้ำหวาน" ภาวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา, "เล็ก" กรกนก ยงสกุล, วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์, "ปอนด์" หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา, "ครูโต" ม.ล.จิราธร จิรประวัติ, "ไก่อู" กุลสิริ อรรถจินดา, "แพร์" พิมพิศา จิราธิวัฒน์, ปณิตา ศรไทยเทวา เป็นต้น


พร้อมกันนี้หนุ่มหน้าเข้ม อย่าง "โตโต้" อภิชาติ ยังให้ความเห็นว่า ส่วนตัวชอบการจัด Style Installation นี้ ด้วยอะคริลิก ด้วยความโปร่งใส แถมการจัดวางแสดงทำให้มันดูมีการเคลื่อนไหว มุมมองจะเปลี่ยนไปในทุกทิศทางเลย ปิดท้ายกันที่สาวน้อยหน้าหวาน "น้องปอนด์" หฤทัย ที่บอกว่า ไม่เคยเห็นงาน Style Installation สไตล์นี้มาก่อน แปลกดี ประทับใจตั้งแต่เห็นรูปในการ์ดแล้ว พอได้มาเห็นของจริงก็ยิ่งชอบเลย และชอบที่เขารวบรวมเอาหน้าปกสวย ๆ มาให้เราได้เดินดู เพราะปกติเราก็ชอบดูพวกแฟชั่น คือภาพคอนเซ็ปต์เก๋ ๆ พวกนี้อยู่แล้ว



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














"The 2nd Solo Art Exhibition “ALL AROUND” by Phookpan Chairat”


The 2nd Solo Art Exhibition “ALL AROUND”


โดย ผูกพันธ์ ไชยรัตน์ ระหว่างวันที่ ๑๖-๓o กรกฎาคม ๒๕๕๗


พิธีเปิดวันศุกร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓o น.


ณ The Meeting Art Room Cafe Chiang Mai


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. o๘o-๖๒๗-๙๒๑๙ , o๘๖-๗๒๙-๑๕๓๒



ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














"ชมหนังสั้นไทยกว่า ๕oo เรื่อง”


หอภาพยนตร์ร่วมกับมูลนิธิหนังไทยจัดหนังสั้นมาราธอน ๑๘ ชมหนังสั้นไทยกว่า ๕oo เรื่อง ตลอดเดือน ก.ค.


งานหนังสั้นมาราธอน ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของงานเทศกาลหนังสั้น ที่จะนำผลงานภาพยนตร์สั้นฝีมือของคนไทยทั้งหมดที่ส่งเข้ามาประกวดในงานมาจัด ฉายให้ชมทั้งหมด ก่อนที่ทางเทศกาลจะคัดเลือกผลงานที่โดดเด่นเข้ารอบสุดท้ายแล้วจัดฉายในช่วง เทศกาลหนังสั้นจริง ๆ


หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ร่วมกับมูลนิธิหนังไทย ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมชมภาพยนตร์สั้นไทยทั้งหมดที่ส่งเข้าร่วมประกวดในงาน เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ ๑๘ โดยในปีนี้มีจำนวนมากกว่า ๕oo เรื่อง ตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม – ๖ สิงหาคม ศกนี้ ณ ห้องภาพยนตรสถาน (FA Cinemateque) ชั้น ๒ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดย ในวันพุธ – วันศุกร์ เวลา ๑๖.๓o – ๒o.๓o น. ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา ๑๑.oo – ๒o.๓o น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างไร


ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิหนังไทย o๘-๔๙๑๔-๖๙๕o, o๘-๑๖๙๗-๕๙๗๖ หรือที่หอภาพยนตร์ o-๒๔๘๒-๒o๑๓-๑๔ ต่อ ๑๑๑ และสามารถดูรายละเอียดตารางฉาย และติดตามความเคลื่อนไหวของงานเทศกาลหนังสั้นครั้งที่ ๑๘ ได้ที่ thaifilm.com, fapot.org หรือ เฟซบุคเทศกาลภาพยนตร์สั้น



ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














“นอกในสายตา” (OUT OF SIGHT)


นิทรรศการ : “นอกในสายตา” (OUT OF SIGHT)
ศิลปิน : กลุ่ม OUT OF SIGHT
อริยะ กิตติเจริญวิวัฒน์ ,สุรพงษ์ สมสุข ,มล.บุศยมาศ นันทวัน
วุฒิ เชาว์ศิลป์ ,ยุทธนา นิ่มเกตุ ,ตฤณ กิตติการอำพล
ชัชวาล อ่ำสมคิด ,แดง บัวเสน ,พัดชา แก้วทองตาล
สุรชัย ดอนประสี ,ทรงศักดิ์ นามโพธิ์ ,ไทรเติ้ล เงาะอาศัย
วฤทธิ์ ไพศาลจิรศักดิ์
ลักษณะงาน : จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ สื่อผสม
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๓o กรกฎาคม ๒๕๕๗ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๗
ห้องนิทรรศการ : ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๑


แนวความคิด

มีในก็ต้องมีนอก ทั้งสองคำเป็นคำที่อยู่คู่กันเป็นคติและปรัชญาให้กับมนุษย์ได้ฉุกคิดพิจารณาในสาระความหมายของมัน มนุษย์นำเอาสิ่งที่แฝงเล้นจากคำทั้งสองคำมาใช้ในการดำเนินชีวิตให้บรรลุในสิ่งที่มุ่งหวัง เพื่อผลสัมฤทธิ์ทางกายทางใจของตนเอง และนำมาซึ่งการผจญภัยสร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิตของช่วงระยะเวลาหนึ่ง






มนุษย์ได้พยายามสร้างสรรค์สิ่งที่เหนือการคาดหมาย และมีความคิดผุดแผรกแปลกออกมาอยู่เสมอ ทั้งในอดีตและปัจจุบันเพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต มนุษย์ได้ใช้ความร้อนจากดวงอาทิตย์สร้างพลังงาน มนุษย์สร้างเปลวไฟประกอบอาหาร มนุษย์สร้างพลังงานแสงสว่าง เพื่อทดแทนแสงในความมืด มนุษย์คิดค้นยาเพื่อยืดอายุขัย มนุษย์ใช้คลื่นในอากาศเพื่อติดต่อสื่อสารสร้างสังคมการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งหลายทั้งมวลที่มนุษย์ได้รังสรรค์ขึ้นล้วนแล้วคาดไม่ถึง คิดไม่ถึง ไม่มีสิ้นสุด ไม่มีสิ่งไหนที่มนุษย์ทำไม่ได้ และหรือมาหยุดความคิดของมนุษย์ ความคิดของมนุษย์เป็นสาระทางสัจธรรม คือ คิดสิ่งหนึ่งขึ้นแต่แล้วก็คิดสิ่งหนึ่งขึ้นอีกอย่างน่าเหลือเชื่อเป็น วัฏจักรของความคิด มนุษย์จึงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์บนโลกใบนี้






“นอกในสายตา” จึงเป็นวัฏจักรทางความคิดที่โดดเด่นในคติและปรัชญาที่อยู่ในคำทั้งสองคำ (นอก-ใน) นอกในสายตาเป็นชื่อนิทรรศการที่เปี่ยมไปด้วยศิลปิน อาจารย์ ที่มีอุดมการณ์แนวคิดและปรัชญาที่แฝงอยู่ในผลงานสร้างสรรค์ที่มีมุมมองกับผลงานศิลปะและกระบวนการสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับ เกิดมุมมองทางความคิด เทคนิคและรูปแบบการนำเสนอผลงานให้กับแวดวงด้านศิลปะ






“นอกในสายตา” จึงเป็นวิสัยทัศน์จากการทำงานสร้างสรรค์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวมที่มุ่งเน้นมุมมองบางสิ่งที่หลายคนนึกไม่ถึง ไม่คาดคิด หรือเคยเจอเคยสัมผัส ด้วยความมุ่งมั่น ความอดทน ความวิริยะอุตสาหะ ความเพียร โดยเฉพาะความแยบยลทางความคิดที่เป็นอัตลักษณ์ ซึ่งจะเป็นแบบอย่างให้กับผู้สนใจและรักงานสร้างสรรค์ได้ชื่นชม


ผลงานที่ใช้ในนิทรรศการเป็นผลงานที่บ่งบอกถึงทัศนคติ ความเชื่อที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ของบุคคลของการสร้างสรรค์ด้วยผลงานประติมากรรม ภาพพิมพ์ จิตรกรรม จำนวน ๖o ชิ้น



ภาพและข้อมูลจากเวบ
chamchuriartgallery.blogspot.com













“Sig(x)nature”


นิทรรศการ : “Sig(x)nature”
ศิลปิน : กลุ่มซิกส์เนเจอร์
สิทธิพงศ์ ปานสมทรง [Sittipong Pansomsong]
วรัญญู ช่างประดิษฐ์ [Waranyou Changpradit]
กาญจนา ชลศิริ [Kanjana Chonsiri]
วัชระ กว้างไชย์ [Watchara Kwangchai]
ภารุจีร์ สุริยกานต์ [Parujee Suriyakan]
Rebecca Vickers
ลักษณะงาน : จิตรกรรม ,Mixed Technique, Video, Installation
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๑๑ – ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗
พิธีเปิดนิทรรศการ : ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.
ห้องนิทรรศการ : ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๒
ติดต่อศิลปิน : o๘๗-๓๙๓-๒๙oo (วรัญญู)


แนวความคิด

ภายใต้คุณสมบัติที่คล้ายคลึง
ไม่ว่าจะเป็นรากเหง้าของถิ่นกำเนิด ครอบครัว
เชื้อชาติ ความเชื่อและศรัทธาทางศาสนา
วัฒนธรรมหรือประเพณีที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น
รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ล้วนแล้วแต่มีความพิเศษและน่าค้นหา [นามธรรม]
ที่แต่ละคนจะสะท้อนเอาประสบการณ์ แรงบันดาลใจ ด้วยอัตลักษณ์ [Signature]
ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์แห่งศิลปะ สู่ [รูปธรรม]
เฉกเช่นธรรมชาติในการแสดงออกของศิลปินทั้ง 6 คน [Six-nature]



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
chamchuriartgallery.blogspot.com














"ประกวดภาพถ่ายศิลปะการตอสู้มวยไทย”


สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ Thai Fight และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดโอกาสให้ผู้ที่รักในการถ่ายภาพและสนใจศิลปะการต่อสู้มวยไทย ร่วมส่งภาพถ่ายเข้าร่วมประกวดในหัวข้อ "Thai Fight Spirit Photo Contest 2014" ชิงรางวัลรวมกว่า ๓oo,ooo บาท พร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และที่พักชมการแข่งขัน Thai Fight ที่ประเทศดูไบ เปิดรับสมัครและรับผลงานตั้งแต่วันที่ ๑-๑o กรกฎาคมนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ rpst.or.th



ภาพและข้อมูลจากเวบ
motortrivia.com














"ขายเสื้อ ๘ ลาย ยกให้น้อง ๆ”


ครบถ้วนตรงตามสูตร สวยและรวยน้ำใจ เป๊ะเว่อร์ เมื่อดีไซเนอร์และเจ้าแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง "แพง" ขวัญข้าว เศวตวิมล บรรเจิดไอเดียที่ต้องการตอบแทนสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม จึงออกปากชักชวนเพื่อนรักในแวดวงบันเทิงและเซเลบริตี้นับได้ ๘ คน ให้ช่วยกันระดมมันสมองและสองมือในการออกแบบลวดลายบนเสื้อยืดออกจำหน่าย เพื่อนำเอารายได้ไปช่วยเหลือน้อง ๆ ทั้งเด็กกำพร้า เด็กด้อยโอกาส และเด็กพิการทางร่างกาย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่แบ่งเชื้อชาติและศาสนา ผ่านทาง "มูลนิธิอะมิรูลมุอ์มินีน" ภายใต้ชื่อโครงการ "ขวัญข้าวแชริตี้ เลิฟวิ่ง กิฟวิ่ง แชริ่ง" ในคอนเซ็ปต์ "แฟชั่น แอนด์ อาร์ท แชริตี้" พร้อมกันนี้ก็ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการขึ้นที่ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น ๑ สยามพารากอน เมื่อวันก่อน


สำหรับบรรยากาศในงานคับคั่งไปด้วยเพื่อนเลิฟของเจ้าภาพ และแขกผู้มีเกียรติที่ไปร่วมแสดงความยินดีพร้อมกับควักกระเป๋าซื้อเสื้อเพื่อช่วยกันทำบุญ อาทิ อัจฉรา อัมพุช รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป, ม.ล.รจนาธร ณ สงขลา, "อุ๊" มณฑ์ลัชชา สกุลไทย, "แหน" นันทวัน แสงธรรมกิจกุล, "บอย" ดร.เชรษฐา- "แพม” ยุพิน ชัยวิกรัย, "ป๊อบ" อารียา สิริโสภา, เกรซ มหาดำรงค์กุล-"โน้ต" น.ท.จงเจต วัชรานันท์, "คิด" คณชัย เบญจรงคกุล, กวินท์- "ทอม" ณัฐพงษ์ ว่องกุศลกิจ, "จิน" จรินทร์ ธรรมวัฒนะ, สงกรานต์-ทักษอร เตชะณรงค์ และที่ขาดซะไม่ได้คือกำลังใจสำคัญจากสมาชิกในครอบครัวนำทีมโดย สันติ เศวตวิมล


หลังจาก "แพง" ขวัญข้าว บอกเล่าเก้าสิบถึงที่มาที่ไปของโครงการดังกล่าว ก็เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญนั่นได้แก่ การประมูลภาพวาดชิ้นพิเศษผลงานของสองศิลปินชื่อดัง "โอ่ง" กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์ และ "โน้ต" กฤษดา ภควัตสุนทร ซึ่งตวัดฝีแปรงขึ้นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเสื้อทีเชิ้ตพร้อมลายเซ็นจาก ๘ คนดังที่ร่วมออกแบบ ส่วนผู้ที่ชูแขนประมูลได้ของกลับบ้านไปมากที่สุด ได้แก่ "ณัฐ" ณัฐพล จุฬางกูร ในจำนวนเงิน ๒๓o,ooo บาท นอกจากนี้รูปวาดเซ็ตที่สองก็มี เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์ และ ฤทธิไกร ธรรมรักษ์ ชูป้ายให้ราคา ๖o,ooo บาท ถัดมาเป็นวาระของบ้านส่งทวีผลเมื่อ น้องเฟร ทายาทคนโตวัย ๘ ขวบของ ดร.เชรษฐา ชูแขนสู้ไม่ถอยกับภาพวาดฝีมือ "โน้ต" สุดท้ายได้ไปครองสมใจในราคา ๑oo,ooo บาท ฝั่งภรรยา "แพม" ยุพิน ชัยวิกรัย ก็ไม่น้อยหน้าพาเอาเสื้อเดอะ ฮาร์ท ออฟ ยูนิคอร์น ออกแบบโดย ขวัญข้าว พร้อมลายเซ็นจากเหล่าศิลปินที่ร่วมโครงการฯ กลับบ้านไปอีกตัวในราคา ๑oo,ooo บาท ขณะที่เซตเสื้อทีเชิ้ตพิเศษ พร้อมลายเซ็นจาก ๘ คนดัง ประมูลโดย ปิยะ อัจฉริยศรีพงศ์ ในราคา ๗o,ooo บาท เบ็ดเสร็จเห็นว่าจบงานนี้ โครงการขวัญแพงแชริตี้มีเงินบริจาคนับได้หลายแสน ยิ่งเมื่อรวมกับยอดการจำหน่ายเสื้อซึ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้วอีกสองแสนกว่าบาท


สำหรับผู้สนใจร่วมทำบุญในครั้งนี้ "เสื้อทีเชิ้ตแชริตี้ มีจำหน่ายที่ร้าน ขวัญข้าว ทุกสาขา ราคาตัวละ ๔๙๙ บาท







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














“ไทยแลนด์ คอมมิค คอน ๒o๑๔


บีอีซี-เทโร ทรู วิชั่นส์” คว้างานคอมมิคระดับโลก
“BANGKOK COMIC CON(แบงค็อก คอมมิค คอน)”
จัดยิ่งใหญ่ในเมืองไทย

บริษัท บีอีซี-เทโร ทรู วิชั่นส์ ภายใต้ความร่วมมือของ ๒ ผู้นำความบันเทิง บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด จัดมหกรรมความบันเทิงระดับโลก “แบงค็อก คอมมิค คอน ”(Bangkok Comic Con) ที่สุดแห่งประสบการณ์ฮอลลีวู้ด คอมมิค คอน มาสู่แฟน ๆ ป๊อปคัลเจอร์ในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ ๔ – ๖ กรกฎาคมนี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน


งานนี้จะเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของบุคคลในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งแวดวงแอนิเมชั่นจากฝั่งฮอลลีวู้ดและเอเชีย โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ ผู้จัดจำหน่าย ไปจนถึงทีม สเปเชียล เอฟเฟกต์ แอนิเมเตอร์ ศิลปิน นักเขียน นักแสดงและเหล่าแฟนคลับทุกคน ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการฉายภาพยนตร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เปิดผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุด มีทแอนด์กรี๊ทดาราฮอลลีวู้ด มินิคอนเสิร์ต การประกวดคอสเพลย์ การเสวนาบนเวที การแสดงของสะสมและของเล่นหายาก เกมส์ หนังสือการ์ตูนคอมมิค และอื่น ๆ อีกมากมาย


โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง วอเนอร บราเดอร์ส (WarnerBros.), พาราเมาท์ (Paramount), ยูนิเวอร์เซล (Universal), ทเว็นตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ (20th Century Fox), เฮช บี โอ (HBO), การ์ตูน เน็ทเวิร์ค (CartoonNetwork), นิคคาโลเดียน(Nickelodeon), เอไอ (Ai), โรสมีเดีย (Rose Media), เด็กซ์ (Dex), เมเจอร์ ซีเนเพล็กซ์ (Major Cineplex), สยาม อินเตอร์ มัลติมีเดีย (Siam InterMultimedia) และอีกมากมาย เพื่อสร้างให้ “แบงค็อก คอมมิค คอน ” เป็นอีเว้นท์ยิ่งใหญ่ของภูมิภาค


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bangkokcomiccon.com และ เฟซบุค bangkokcomiccon



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaiticketmajor.com
เฟสบุค thailandcomiccon




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 05 กรกฎาคม 2557
Last Update : 5 กรกฎาคม 2557 19:48:22 น. 0 comments
Counter : 2791 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.