ปรากฏการณ์ GT200 .... โอกาสที่ดีที่สุดของกองทัพ
มันถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่กองทัพจะยอมรับให้มีการทดสอบ?
ส่วนตัวผมคิดว่า มันเลยเวลานั้นมานานมากแล้วครับ
แต่ก็ใช่ว่ามันจะสายเกินไป ผมเชื่อว่า ถ้ากองทัพประกาศทำการทดสอบ GT200 ณ วันนี้ จะมีแต่เสียงชื่นชมมากกว่าเสียงสาปแช่ง
GT200 เป็นปรากฏการณ์ด้านความมั่นคงที่ใหม่ที่สุดและน่าทึ่งที่สุด
เพราะผมกล้าพูดได้เลยว่า กรณี GT200 คือกรณีที่ภาคประชาชนลุกขึ้นมาตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มแข็งที่สุด
หมดแล้ว ... ยุคแห่งคำพูดที่ว่า "เรื่องของทหาร พลเรือนไม่เกี่ยว"
หมดแล้ว ... ยุคแห่งคำพูดที่ว่า "พลเรือนจะไปรู้ดีกว่าทหารได้อย่างไร"
หมดแล้ว ... ยุคแห่งคำพูดที่ว่า "ขอให้ประชาชนมั่นใจ ทหารทำถูกแน่นอน"
ผมย้ำนักย้ำหนามานานแล้วว่า กองทัพต้องตระหนักเสียที ต่อไปนี้ กิจการด้านความมั่นคงของไทย จะต้องไม่ใช่เรื่องลึกลับดำมืดที่ต้องมีแต่ทหารเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้รู้
แต่มันคือเรื่องของคนไทยทุกคน ที่ต้องมีส่วนร่วมในการรักษาความมั่นคงของไทย
กรณีนี้คือตัวอย่างที่ดีที่สุด
ในสงครามข่าวสารซึ่งกองทัพกำลังเพลี่ยงพล้ำนี้คือคำตอบของยุทธ์วิธีรูปแบบใหม่และความเปลี่ยนแปลงไปความสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคง
นั่นก็คือ แม้ในกรณี GT200 นั้นกองทัพจะสามารถยึดพื้นที่สื่อได้ทั้งหมด ข่าวสารด้านความสำเร็จของ GT200 ออกมาเป็นระยะ พร้อมคำตอบโต้อันเผ็ดร้อนจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
แต่มันไม่ได้ทำให้ความเคลือบแคลงใจของประชาชนลดลงไปเลย กลับกัน ความสงสัยกลับมากขึ้นด้วยซ้ำ
และสุดท้าย ถ้ากองทัพไม่ยอมทำอะไรเลย มันจะกลายเป็นกระแสที่ตีกลับทำให้กองทัพพลาดท่าในที่สุด
ผมยืนยันได้ว่า ถ้ากองทัพไม่ขจัดข้อสงสัยของประชาชนออกไป นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบอย่างแน่นอน
แต่ความจริง GT200 มันพลาดตรงไหนรู้หรือเปล่าครับ
... มันพลาดตรงที่ว่า ฝ่ายต่อต้านอย่างภาคประชาชน มีบางคนไปตั้งธงว่า นายพลมันโกง นายพลมันแดร๊ก
แบบนี้ไม่มีใครยอมรับแน่นอนครับ เพราะมันการตอบโต้เชิงกล่าวหา ซึ่งถ้าผมเป็นทหาร ผมก็ไม่ยอมรับแน่นอน ไม่ใช่เพราะผมรู้ว่าผมกินแน่ แต่เพราะผมก็คงไม่ยอมให้ใครมากล่าวหาอะไรง่าย ๆ แน่นอน
ไม่ใช่เรากล่าวหาทหารว่าโกงไม่ได้ ผมยืนยันว่า ไม่ใช่เรากล่าวหาทหารว่าโกงไม่ได้
แต่มันต้องมีวิธีการอื่นนอกจากนี้ ที่จะนำไปสู่การตรวจสอบขั้นสุดท้าย
อีกทั้งการสื่อสารบางอย่างของภาคประชาชนมีความผิดพลาด เช่นด้วยความเคารพว่า ที่อ.เจษฎาหรือพวกเราหลาย ๆ คนชอบไปเรียกว่า ไม้ล้างป่าช้าซึ่งมีแต่ประเทศด้อยพัฒนาเท่านั้นที่จะซื้อ โอเค แม้มันเป็นเรื่องจริง .... แต่อย่าปฏิเสธ ว่าฝ่ายทหารที่ใช้เขาโกรธ
ทหารก็คน มีโมโหกันเป็นปกติ ยิ่งทหารด้วยแล้ว ด้วยทัศนคติบางอย่าง ยิ่งทำให้ผลลัพธ์ของมันคูณสอง
และสุดท้าย มันจะสร้างกำแพงแห่งอคติขึ้นมาระหว่างสองฝ่าย "ไม้ล้างป่าช้าด้อยพัฒนา" กับ "พลเรือนไม่รู้อย่ามายุ่ง"
และมันทำให้ทุกอย่างตันไปหมด
จากประสบการณ์ในการติดต่อกับทหารมาหลายปี และจากคำแนะนำของพลเรือนผู้มีประสบการณ์ พอจะรู้ว่า การที่คุณจะทำอะไร ต้องให้ทหารฟังคุณก่อน ซึ่งต้องเป็นอีกอย่างนึง เช่น มุ่งนำเสนอข้อมูลอย่างเดียว ซึ่งก็ทำกันอยู่แล้วล่ะ แต่ตัดความเห็นที่ใช้อารมณ์ออกให้หมด พูดแต่หลักการ เหตุผล ข้อมูล วิทยาศาสตร์เท่านั้น เรื่องประนามไม่จำเป็น จำนวนทหารที่ "อืม นั่นสิ" ก็จะมากกว่าจำนวนทหารที่พูดว่า "ไอ้พวกพลเรือนมันไม่รู้อะไร"
ซึ่งทัศนคติอย่างหลังนี่มันเป็นสิ่งที่ผมต่อต้านและพยายามเปลี่ยนมานาน สิ่งที่ผมทำมา 4 - 5 ปีนี้ก็เพื่อพิสูจน์ว่าความคิดนี้ของทหารบางคนน่ะผิด แม้ในกรณี GT200 นี้ผมจะแทบไม่ได้ช่วยอะไรก็ตามซึ่งก็คือว่าเป็นเครดิตของคณะทำงานทุกท่านที่น่าชื่นชม
แม้ว่าแต่มันต้องใช้เวลา เท่าที่สัมผัสดู นายทหารรุ่นใหม่ ๆ ค่อนข้างมีทัศนคติดีและหัวทันสมัยหลายคนหลายคน แต่นายทหารอีกส่วนหนึ่งนั้นก็ยังติดภาพเก่า ๆ อยู่ สิ่งที่จะทำให้เขาเงียบได้ไม่ใช่การว่ากล่าวแบบสาดเสียเทเสียในหน้าหนังสือ พิมพ์ แต่สิ่งที่จะทำให้พวกเขาพูดไม่ออกก็คือ ข้อมูลที่เขาเถียงไม่ออกนั้นเอง ไม่ใช่คำพูดที่ทำให้เขาปรี๊ดแตก
สังเกตุไหมล่ะว่า เรามักจะพูดว่า "ที่พวกเราทำก็เพราะต้องการช่วยคุณ" เพราะเราหมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ แต่พวกนี้เขาก็ไม่ฟัง บอกว่าไม่ต้องมาช่วย นั้นแหละครับ
ดังนั้น ภาคประชาชนต้องเปลี่ยน เปลี่ยนในที่นี้ ไม่ใช่เปลี่ยนจุดยืน แต่เปลี่ยนวิธีการ
ลดอารมณ์และตัดมันออกให้หมด มุ่งแต่ข้อมูลที่เป็นวิชาการ วิทยาศาสตร์ และหลักฐานต่าง ๆ ที่ต้องการนำเสนอต่อสาธารณชน และย้ำไปที่คำถามเชิงตรวจสอบที่ปราศจากอารมณ์หรือการกระแนะกระแหน
นี่จะทำให้ภาคประชาชนเข็มแข็งยิ่งขึ้น
เพียงแค่นี้ ถ้ากองทัพยังไม่ตอบอีก ... รับประกันอีกเหมือนกันว่า กองทัพก็พบจุดจบเร็วขึ้น
ผมชื่นชมชาวหว้ากอมากที่ทำให้เรื่องนี้มันดังขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะมันพิสูจน์ว่า คนเล่นเน็ตที่สังคมตราหน้าว่าสร้างแต่ข้อมูลขยะนั้นทำอะไรได้บ้าง
อินเตอร์เน็ตถูกตราหน้าว่ามีแต่ข้อมูลขยะและคนที่เข้ามาสร้างข้อมูลขยะ
แต่จะขยะหรือไม่ขยะ ตอนนี้มันก็พอจะทำให้หลายคนต้องลงถังขยะบ้างแล้วล่ะ
ความจริงมันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะจัดการทดสอบครับ
ในสังคมวิทยาศาสตร์ เรายอมรับผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ว่า คือข้อยุติของสมมุติฐานนั้น ๆ อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง
จะกลัวอะไร ถ้า GT200 ทำงานได้จริง?
ผมว่าไม่ต้องกลัวเลยครับ เพราะถ้า GT200 ใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะ Blind Test กันกี่ชั้น มันก็จะยังทำงานได้
และภาคประชาชนก็ไม่ได้พูดว่า GT200 ต้องทำงานได้ 100% เพราะมันไม่มีเครื่องมือตรวจระเบิดใดในโลกที่ทำได้แบบนั้น
แต่คำถามของภาคประชาชนก็คือ หลักการของ GT200 เป็นไปได้จริงหรือไม่ตามหลักวิทยาศาสตร์? GT200 ใช้ได้ผลหรือไม่ในการค้นหาระเบิด?
ส่วนตัวผมก็ยอมรับว่า ไม่มีอะไร 100% ถ้าทำการทดสอบแล้วพบว่า GT200 สามารถหาระเบิดได้สัก 80% - 90% จริง ๆ ผมว่าภาคประชาชนน่าจะยอมรับว่า เครื่องมือนี้ใช้ได้จริง
แต่ถ้ามันหาระเบิดแทบไม่ได้เลย หรือเปอร์เซ็นที่หาได้ไม่ต่างจากการเดาสุ่มเลยล่ะ? มันก็จะเป็นข้อพิสูจน์ให้กองทัพใช่หรือไม่ว่า เครื่องมือมันมีปัญหา
และเรื่องนี้ ไม่ต้องกลัวใครหรือฝ่ายใดเสียหน้า เพราะจะว่าไป มันก็เป็นผลงานของทั้งรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ให้ฝ่ายไหนมาขุด รับรองว่าเข้าตัวเองทั้งนั้น
ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียหน้า หรือจะถูกอีกฝ่ายโจมตีครับ แต่ผมว่า นี่คือโอกาสในการสร้างความนิยมด้วยการทำความจริงให้ปรากฏ
ไม่ว่าผลการทดลองจะออกมาในรูปแบบไหน ผมว่า ภาคประชาชนก็มีแต่จะปรบมือให้
ใช้ได้ผล = โอเค ภาคประชาชนยอมรับ และสนับสนุนให้ทหารใช้ต่อไป ใช้ไม่ได้ผล = ภาคประชาชนจะชื่นชมที่กองทัพและรัฐบาลเป็นลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับ
รับรองว่ามีดอกไม้มากกว่าก้อนหินแน่นอน
และการทดลองมันจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการกู้ภาพลักษณ์ของกองทัพ เพราะการที่กองทัพปิดกั้นไม่ยอมให้มีการทดสอบแบบนี้ เท่ากับเพิ่มความสงสัยและเคลือบแคลงใจให้กับประชาชน แต่ถ้ากองทัพยินยอมให้ทำการทดสอบและยอมรับในผลที่เกิดขึ้นถ้าพิสูจน์ได้ว่าเครื่องทำงานไม่ได้จริงและกองทัพออกมายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมว่า คำว่าลูกผู้ชายตัวจริงจะเป็นภาพที่ประชาชนจะคิดถึงเมื่อนึกถึงกองทัพแน่นอน
กองทัพไม่สามารถอยู่รอดได้ถ้าขาดการสนับสนุนของประชาชน เสาหลักของความมั่นคงของชาติทั้ง 4 ประกอบไปด้วยกำลังทหาร, การเมือง, เศรษฐกิจ, และสังคม แต่ถ้ากำลังทหารไม่สามารถทำให้สังคมเชื่อมั่นได้แล้ว ก็เหมือนกับเสาหลักของชาติทั้ง 4 ขาดตัวเชื่อมต่อไป และนั่นย่อมสงผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติจริง ๆ
ผมยืนยันได้ว่า ทั้งภาคประชาชนที่ออกมาคัดค้าน และกองทัพที่ออกมายืนยัน ทุกคน ทำเพื่อประเทศชาติทั้งสิ้น
ดังนั้น ไม่ต้องกลัวมิใช่หรือ ถ้าเราทำเพื่อประเทศชาติเหมือนกัน?
ในฐานะนักสังเกตุการณ์ทางทหารอิสระ ผมขอเรียกร้องให้กองทัพบก โดยพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา กองทัพอากาศ โดยพลอากาศเอกอิทธพร ศุภวงศ์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ โดยคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และรัฐบาล โดยคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อนุมัติให้จัดการทดสอบการทำงานของเครื่องตรวจมวลสาร GT200 ด้วยเงื่อนไขและลักษณะการทดสอบที่เป็นกลางและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย โดยการสังเกตุการณ์จากทั้งภาคประชาชนและหน่วยงานผู้ใช้ เพื่อตอบข้อสงสัยของสาธารณชนที่มีต่อเครื่อง GT200 และยอมรับในผลของการทดสอบที่เกิดขึ้น
นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของกองทัพในการฟังเสียงของประชาชน .... ถ้ากองทัพคือกองทัพเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
Create Date : 31 มกราคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 31 มกราคม 2553 4:07:18 น. |
Counter : 2888 Pageviews. |
|
|
|