อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ปัญจุปาทานักขันธ์
.
ภิกษุ ท. ! กล่าวโดยสรุปแล้ว ปัญจุปาทานักขันธ์ เป็นตัวทุกข์เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ปัญจุปาทานักขันธ์ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ .. - ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ รูป, - ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือเวทนา, - ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ สัญญา, - ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ สังขาร, - และขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ วิญญาณ; เหล่านี้แล เรียกว่า กล่าวโดยสรุปแล้ว ปัญจุปาทานักขันธ์ เป็นตัวทุกข์. . . . มหา. ที.๑๐/๓๔๓/๒๙๕
หมายเหตุ จขบ. รูป - ในขันธ์๕ หมายถึง ส่วนร่างกายตัวตน, ในอายตนะหมายถึง "ภาพ หรือรูป "ที่เห็น ซึ่งในบางครั้งใช้ครอบคลุมถึง "สิ่งที่ถูกรู้ทั้งหลาย" คือรูป, รส, กลิ่น, เสียง, สัมผัส, ความคิด (ธรรมารมณ์) ทั้ง๖, คือใช้แทนอายตนภายนอกทั้งหมด
เวทนา - การเสวยอารมณ์ (ทั้งต่อใจและกาย), ความรู้สึก,ความรู้สึกในรสของอารมณ์ (Feeling) ; ความรู้สึกจากการรับรู้ ที่ย่อมต้องเกิดขึ้น เมื่อมีการกระทบสัมผัส(ผัสสะ)กับอารมณ์ต่างๆ อันมี รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ(สัมผัสทางกาย) ความคิดนึก(ธรรมมารมณ์) ด้วยอายตนะภายในอันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ; หรือ ความรู้สึกรับรู้ (รวมทั้งจําและเข้าใจ) ในสิ่งที่มากระทบสัมผัสทั้งทางใจและกาย อันหมายถึงความรู้สึกรับรู้พร้อมทั้งความจําได้ในสิ่งที่มากระทบสัมผัส หรือ เวทนา คือ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการกระทบสัมผัส(ผัสสะ)อันพร้อมด้วยความจําได้หรือมีประสบการณ์ในสิ่งที่ผัสสะนั้นๆ
สัญญา - การกำหนดหมาย, ความจำได้ ความหมายรู้ คือ - หมายรู้ไว้ ซึ่ง รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและอารมณ์ที่เกิดกับใจว่า เขียว ขาว ดำ แดง ดัง เบา เสียงคน เสียงแมว เสียงระฆัง กลิ่น ทุเรียน รสมะปราง เป็นต้น - และจำได้ คือ รู้จักอารมณ์นั้นว่าเป็นอย่างนั้นๆ ในเมื่อไปพบเข้าอีก
สังขาร - สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้น, สิ่งที่เกิดแต่เหตุปัจจัย, สิ่งหรือผลที่เกิดขึ้น มาจากการที่มีเหตุต่างๆมาเป็นปัจจัยคือเครื่องสนับสนุน ปรุงแต่งกันขึ้น จึงครอบคลุมสังขารทั้งฝ่ายรูปธรรม และ นามธรรม ได้แก่ ขันธ์ ๕ ทั้งหมด, จิต, สิ่งของวัตถุ, ตัวตน ฯลฯ. กล่าวคือจึงครอบคลุมทั้งหมดทั้งสิ้น พึงยกเว้นแต่เพียงเหล่าอสังขตธรรมเท่านั้น อันคือ สภาวธรรม ทั้งปวง ดังเช่น พระนิพพาน. (ในภาษาไทย บางทีใช้คำว่า สังขาร ในความหมายว่าร่างกาย เช่น "สังขารแก่เฒ่าลงไปทุกวัน" ที่หมายถึงรูปสังขารคือร่างกาย จนบางครั้งก่อความสับสนในการพิจารณาธรรม คือ คิดนึกถึงตีความไปหมายถึงแต่ร่างกายเสียแต่ฝ่ายเดียว จนเสียการ)
อธิบายสังขารที่ทำหน้าที่ต่างๆ เพื่อการพิจารณา ป้องกันการสับสนในการพิจารณา พอจะแยกได้เป็น ๓
- ในขันธ์ทั้ง ๕ มีสังขารขันธ์ที่หมายถึง การกระทำ กล่าวคือ สภาพที่ปรุงแต่งทางใจ ให้เกิดการกระทำ(กรรม)ขึ้น, เจตนาที่แต่งกรรม หรือปรุงแต่งการกระทำ มี ๓ อย่าง คือ กายสังขาร(ทางกาย) วจีสังขาร(ทางวาจา) มโนสังขารหรือจิตตสังขาร(ทางใจ) ; นอกจากนั้นแล้วในภาษาไทย ร่างกาย ก็ยังเรียกกันโดยทั่วไปว่าสังขารก็มี ที่หมายถึงสังขารร่างกาย หรือรูป,รูปขันธ์, ส่วนกายสังขาร หมายถึง การกระทำทางกาย
- สังขารในปฏิจจสมุปบาท หมายถึง สิ่งปรุงแต่งทางใจตามที่ได้สั่งสม,อบรมไว้แต่อดีต จนเกิดสังขารการกระทำต่างๆ เช่น ความคิด,การกระทําทางกาย,วาจา,ใจ ด้วยเครื่องปรุงที่มีคุณสมบัติต่างๆที่เป็นความเคยชิน เคยประพฤติ เคยปฏิบัติ หรือตามที่ได้เคยอบรมหรือสั่งสมไว้มาก่อน(อดีต)จึงนอนเนื่องซึมซาบย้อมจิต หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นสังขารวิบาก คือ สังขารที่เกิดจากผลของการเคยกระทําหรือเคยประพฤติปฏิบัติทั้งทางกาย,วาจา,ใจ อันได้สั่งสมไว้ อบรม เก็บบ่มไว้ หรือสังขารวิบากก็คือผลที่รับจากการกระทํา(กรรม)ในอดีตนั่นเอง และเป็นสังขารกิเลสด้วย หมายถึง สังขารที่ประกอบด้วยกิเลส (กิเลสที่นอนเนื่องในอาสวะกิเลสนั่นเอง)
- สังขารในไตรลักษณ์หมายถึงทุกๆสรรพสิ่งที่เกิดแต่เหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้นมา จึงครอบคลุมทั้งรูปธรรม,นามธรรมและธรรมทุกชนิดรวมทั้งโลกุตรธรรม อันยกเว้นเพียงอสังขตธรรม ดังเช่น นิพพานอันเป็นสภาวะหรือสภาวธรรมหรือสภาวะของธรรมชาติ, ดังนั้นจึงครอบคลุมทั้งสังขารในขันธ์ ๕ และสังขารในปฏิจจสมุปบาท และทุกสรรพสิ่ง ยกเว้นแต่นิพพานและสภาวธรรมหรือสภาวะของธรรมชาติ
วิญญาณ - ในปฏิจจสมุปบาทและขันธ์๕ อันหมายถึงการรับรู้จากอายตนะ หรือความรู้แจ้งอารมณ์ หรือระบบประสาทอันทําหน้าที่ในการสื่อสาร ดังเช่น จักขุวิญญาณ ระบบประสาทรับรู้ของตา กล่าวคือ การรับรู้หรือรู้แจ้งในรูป ที่มากระทบตา
- ความรู้แจ้งอารมณ์, จิต(ก็เรียกกัน), ความรู้ที่เกิดขึ้นเมื่ออายตนะภายในและอายตนะภายนอกกระทบกัน เช่น รูปอารมณ์ ในเวลาเมื่อรูปมากระทบตา เป็นต้น ได้แก่ การเห็น การได้ยิน เป็นอาทิ;
วิญญาณ ๖ คือ ๑. จักขุวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางตา (เห็น) ๒. โสตวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางหู (ได้ยิน) ๓. ฆานวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางจมูก (ได้กลิ่น) ๔. ชิวหาวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางลิ้น (รู้รส) ๕. กายวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางกาย (รู้สิ่งต้องกาย) ๖. มโนวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางใจ (รู้เรื่องในใจ)
Create Date : 03 เมษายน 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 3 เมษายน 2556 5:44:06 น. |
Counter : 730 Pageviews. |
|
|
|