ป่วยเล็กๆกลายเป็น ป่วยเรื้อรังป่วยหนักได้ (1)
ป่วยเล็กๆกลายเป็น ป่วยเรื้อรังป่วยหนักได้ (1)
ก่อนอื่นต้อง ขออนุญาต ท่านผู้อ่าน ทั่วไปและโดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนประจำของชีวจิต ว่า คราวนี้ขออนุญาตเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง เกี่ยวกับสุขภาพการเจ็บป่วยและการแก้ไขตัวเองได้อย่างไรสักครั้งหนึ่งนะครับ
และก็ขอออกตัวพร้อมกันไปด้วยว่า ที่เขียนเรื่องตัวเองนี้ไม่ใช่เพราะ อัตตา สูง แต่เพราะเห็นว่าอาการป่วยครั้งนี้ จะเหมือนกับอาการป่วย ของเพื่อนๆชีวจิตอีกหลายหมื่นคน
หลายหมื่นคนจริงๆนะครับ และถ้า สำรวจกันจริงจังก็อาจจะเป็นจำนวนแสนด้วยซ้ำไป นอกจากจะเป็นโรคซึ่งมีคนป่วยเป็นจำนวนมากแล้ว ยังเป็นเรื่องที่ทันสมัยทันเหตุการณ์ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนน้ำท่วมใหม่นี่เอง
ขออนุญาตเล่าเรื่องนะครับ เมื่อก่อนน้ำท่วมใหญ่ ผมมีธุระด่วนต้องเดินทางไปอเมริกา เป็นการเดินทางรีบร้อนชนิดที่ไม่มี เวลาเตรียมตัวอะไรเลย เป็นการเดินทางที่ต้องใช้ความทรหดอดทนมากมายเป็นอย่างยิ่ง
คงจะทราบแล้วว่า เวลาตามนาฬิกาของ กรุงเทพฯกับนิวยอร์กนั้นตรงกันข้ามอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ เวลาเช้าของเราเป็นเวลานอนของนิวยอร์ก กลางวันของเราคือกลางคืนของเขา ฉะนั้น เมื่อไปถึงที่โน่นกว่าจะปรับตัวเองได้ตั้งหลายวัน บางคนปรับตัวเป็นอาทิตย์ ก็ยังเข้ากับเวลาจริงๆของที่โน่นไม่ได้
นอกไปจากนั้น ผมต้องใช้เวลาเดินทางกลับไป กลับมาระหว่างฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของอเมริกาหลายเที่ยว เฉพาะเวลาสองฝั่งก็ต่างกันสามชั่วโมง หกโมงเช้าที่นิวยอร์กจะเป็นเวลาตีสามของซานฟรานซิสโก
ผมกะว่าจะใช้เวลาทำธุระที่อเมริกา สักสองอาทิตย์ แต่ปรากฏว่าอยู่ถึงวันที่สิบเอ็ดก็เกิดป่วยปวดท้องอย่างรุนแรง ต้องบินกลับบ้านด่วน
ทำไมถึงปวดท้องหรือครับ สิบเอ็ดวันที่อยู่ อเมริกานั้น จะเรียกว่าไม่ได้อยู่อเมริกาก็ว่าได้ เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่บนเครื่องบินไปมาระหว่างสองฝั่งตลอดเวลา กินก็แทบไม่ได้กิน นอนก็ไม่ได้นอน ได้นอนบ้าง ก็นอนไม่หลับ เพราะยังปรับเวลาเจ็ตแล็กไม่ได้
และสำคัญที่สุดก็คือ ไม่ได้ถ่ายเลย ไม่มีเวลาจะถ่าย และเหมือนกับไม่มีที่จะถ่ายด้วย (เพราะไม่คุ้นกับสถานที่)
ประมาณวันที่ 7-8 ก็เกิดอาการปวดท้อง พอสักวันที่ 10 ก็ปวดจนลุกไม่ขึ้น เดินก็ทำท่าจะเป็นลม ผมจึงตัดสินใจกลับบ้าน
เพื่อนไม่ยอมให้กลับ จะให้รักษาตัวที่โรงพยาบาลที่อเมริกา ถ้ารักษาที่โน่นผมตายแน่ เขาก็ไม่ยอมให้กลับ ผมก็ไม่ยอมอยู่ต่อ จนกระทั่งเห็นผมท่าจะแย่จริงๆจึงยอมให้กลับ
พอกลับถึงกรุงเทพฯ ก็เข้าห้องผ่าตัดทันที
เรื่องผ่าตัดถ้าเพื่อนๆชีวจิตสนใจ ผมจะขอไว้เล่าวันหลัง แต่ขอสรุปไว้ก่อนตอนนี้ ว่าที่ผมรอดตายนั้น นับเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงจากท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางปะกอก 9 คือ แพทย์หญิง เจรียง จันทรกมล ซึ่งท่านได้ดูแลการรักษาพยาบาลจนผมรอดตาย รวมทั้งการดูแลการผ่าตัดจากนายแพทย์วินัย วิริยกิจจา อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สมสินธ์ ฉายวิจิตร แพทย์ผ่าตัด ซึ่งเฉพาะนายแพทย์สมสินธ์ท่านนี้ผมขอระบุฝีมือผ่าตัดของท่านเป็นพิเศษ เพราะท่านสามารถปรับวิธีการผ่าตัดและการรักษาให้เข้ากับความต้องการของคนไข้ได้ดีเหลือเกินและตรงกับหลักวิชาการการแพทย์ผสมผสาน (INTEGRATED MEDICINE) อย่างดียิ่ง ซึ่งผมอยากจะใช้คำว่า มหัศจรรย์ เพราะไม่เคยนึกว่าแพทย์เมืองไทยจะมีใครสนใจและทำได้ดีวิเศษถึงอย่างนี้
และก็แน่นอนครับ ยังมีบุญคุณจากทีมแพทย์และพยาบาลอีกหลายท่าน ซึ่งผมต้องขอประทานโทษที่ไม่สามารถระบุบุญคุณของท่านไว้ในหน้ากระดาษซึ่งจำกัดไว้คราวนี้
แต่อยากจะขอเรียนให้แฟนๆชีวจิตทราบเป็นเลาๆไว้ก่อน ถึงอาการป่วยจนต้องผ่าตัดด่วนคราวนี้เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งสำหรับชีวิตของผมเอง และเรื่องราวการป่วยและการรักษาก็เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างเหลือเกิน แต่นั่นแหละครับ ถ้าเอามาเขียนก็อาจจะเป็นเรื่องศัพท์แสงทางวิชาการมากจนเกินไป
ฉะนั้น ก็ต้องรอฟังเสียง สะท้อนจากท่านผู้อ่านแฟนชีวจิตอีกนะครับ ว่าอยากจะฟังเรื่องซึ่งอาจจะดูหนักทางวิชาการมากเกิน ไปหรือเปล่า
ตอนนี้ก็ขอเล่าต่อเรื่องการป่วย ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดแล้วยังมาเกี่ยวกับการป่วยเพราะเรื่องน้ำท่วมอีก ดีไหมครับ
พอฟื้นจากการผ่าตัดได้เพียง 3-4 วัน ผมจะต้องนอนพักต่ออีกสัก 2 อาทิตย์ แต่ว่างานที่คั่งค้างอยู่เป็นงานด่วน และผมคิดว่าผมจะทำงานต่อไป ยังเดินตัวงอเพราะเจ็บแผลผ่าตัดอยู่เลยครับ แต่คิดว่าทนได้ก็เลยแข็งใจขอกลับบ้านเพื่อทำงานต่อ
ก็พอดีมาเจอกับเรื่องน้ำท่วม
ปกติที่บ้านผมมีคนอยู่หลายคน แต่พอตอนน้ำท่วม โรงเรียนปิดเทอม ผมก็ให้เด็กๆและคนดูแลบ้านอพยพไปอยู่ต่างจังหวัด
ผมเลยอยู่บ้านคนเดียว
ลองนึกดูนะครับ ผู้ชายแก่ๆ อายุ 86 (หัวล้านแต่พุงไม่โต เพราะพุงถูกผ่าตัดมาแล้ว) เพิ่งฟื้นจากผ่าตัดใหม่ๆต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว จะทำอย่างไร จะกินจะอยู่อย่างไร
ผมก็ตั้งใจว่า รักษาดูแลตัวเองด้วยวิธีชีวจิตเต็มร้อย ก็เริ่มด้วยสูตร 5 เล็กก่อน คือ กิน นอน ทำงาน พักผ่อน ออกกำลังกาย
5 เล็กนั้นทำได้ 4 อย่าง เพราะยังเจ็บท้องอยู่ เล็กข้อที่ 5 คือ ออกกำลังกาย ยังทำไม่ได้
ไม่เป็นไร ทำ 4 อย่าง ให้เคร่งครัดก่อนก็แล้วกัน
ผมเริ่มด้วยเรื่องการกิน เราอยู่คนเดียว สมัยก่อนน้ำท่วมไปหาร้านอาหารที่มีข้าวกล่องขาย ก็พอทุเลาถูไถไปได้
แต่ตอนน้ำท่วม ร้านขายอาหารสุขภาพต้องปิดหมด
ทำไงดี ข้าวซ้อมมือนั้น มีเพื่อนใจดีบางคนเขาเอาข้าวสารซ้อมมือมาทิ้งไว้ให้หลายถุง แต่อาหารสดๆอย่างอื่นไม่มี
ก็ต้องไปหาซื้อเอง ผมขับรถไปซุปเปอร์มาร์เก็ตทั้งที่ตัวยังโก่งๆอยู่ ไปถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ตกตะลึง ชั้นที่วางอาหารทุกอย่างว่างเปล่าหมด
สินค้าที่เป็นอาหารโดยเฉพาะอาหารกระป๋องเกลี้ยงหมด น้ำดื่มก็เกลี้ยง แม้แต่โซดาเปล่าๆก็ไม่มีขาย
น้ำไม่มี ข้าวไม่มี อาหารกระป๋องไม่มี ผักไม่มี ทุกแผนกมีแต่ชั้นเปล่าๆ
พนักงานขายบอกว่า ประมาณ 9 โมงครึ่ง (เช้า) ให้ลองมาดูใหม่ ตอนนั้นอาจจะมีของมาส่ง
ไปแต่เช้า ประตูยังไม่เปิด ต้องรอเข้าคิว ประตูเปิดก็กรูกันเข้าไป ผมหมายตาพวกผักต่างๆไว้ก่อน แต่ตาแก่หัวล้านสู้แรงแม่ค้า พ่อค้าไม่ไหว ถูกผลักกระเด็น ประเดี๋ยวเดียว ชั้นทุกชั้นเกลี้ยงหมด เหลือแต่ชั้นเปล่าๆ
คงไม่ต้องเล่าละเอียด กระโดดข้ามไปเป็นว่า ภายหลังผมได้ข้าวขาวมาถุงหนึ่ง ได้ผักมะเขือต่างๆมา มะเขือเปราะ มะเขือยาว แตงกวา ฯลฯ
อาหารเหล่านี้ไม่ตรงตามสูตร แต่ก็จำใจทำกิน
ชั่วเวลาเพียง 2 อาทิตย์ ผมเดินไม่ได้ ตัวบวม ข้อต่อบวม ปวดหัว ปวดตัว ปวดท้อง มีอาการเหมือนคนจะตาย
ขอเล่ารายละเอียดและวิธีแก้คราวหน้า.
***********
ข่าวสำหรับแฟนกิจกรรมชีวจิต ขณะนี้โรงพยาบาลบางปะกอก 9 INTERNATIONAL และบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง เจ้าของนิตยสารชีวจิต กำลังร่วมกันจัดกิจกรรมที่ประกาศร่วมไปตอนน้ำท่วมใหม่ครับ 1. สุขภาพดีต้องดีทั้งกายและใจ วันที่ 14 มกราคม 2555 โทร. 08-1376-8657 2. สัมมนา อยู่โดยไม่ป่วยทำอย่างไร 29 มกราคม 2555 โทร. 0-2877-1111 ต่อ 1032 3. สปาร์ต้น กาญจนบุรี 16-17-18-19 กุมภาพันธ์ 2555 โทร. 0-2422-9111 ต่อ 2108 และ 08-1376-8657.
▼▲ป่วยเล็กๆ กลายเป็นป่วยเรื้อรังป่วยหนักได้ (2)
credit : thairath
Create Date : 08 มกราคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 8 มกราคม 2555 7:14:50 น. |
Counter : 937 Pageviews. |
|
|
|