Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
4 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

คัดค้านอย่างไรให้ดี

การจัดการ

บริษัทไทยหลายต่อหลายแห่งต้องปรับโครงสร้างการบริหาร โดยนำชาวต่างชาติเข้ามา
ผู้บริหารต่างชาติที่มาใหม่ต่างชื่นชมข้อดีหลายๆ อย่างของพนักงานไทย
แต่ในทางกลับกัน เขาก็มองเห็นจุดอ่อนบางอย่างของเราที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้นด้วย ...

จุดอ่อนลำดับต้นๆ ที่ต้องกำจัดก็คือ คนไทยขาดความกล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์
หรือเรียกได้ว่าเราไม่มี assertiveness มากพอ เขามองว่าคนไทยไม่กล้าพูดหรือโต้แย้งเมื่อไม่เห็นด้วย
ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีและตรงไปตรงมา
ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์และไม่ต้องการท้าทายความคิดของผู้อื่น

ทำไมคนไทยจึงเป็นแบบนี้ เรามาพิจารณากันทีละข้อเลยครับ


**ทำไมคนไทยไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่พูด?

● เพราะคนไทยเกรงว่าความคิดเห็นของตนจะไปกระทบตัวบุคคล
แล้วจะไปทำลายความสัมพันธ์อันดีที่อยากรักษาไว้ต่อไป
คนไทยกลัวว่าจะมีปัญหากับคนอื่น แล้วตนเองจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ
หรืออำนวยความสะดวกให้เมื่อถึงคราวจำเป็น
ดังนั้นคนไทยจึงระมัดระวังการกระทำของตนเองมาก โดยแสดงออกมาในรูปของความเกรงใจและให้เกียรติ
คนไทยจึงไม่กล้าพูดออกมาเมื่อไม่เห็นด้วย


**ทำไมคนไทยไม่แสดงความคิดเห็นของตนเอง และไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์?

● เพราะไม่มีใครสอนให้ทำและไม่มีใครคาดหวังให้ทำอย่างนั้น โดยเฉพาะผู้อาวุโสกว่า
สังคมไทยไม่คาดหวังให้คนไทยต้องแสดงความคิดเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ต่อประเด็นต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา

● สภาพแวดล้อมการทำงานของคนไทยมีความคาดหวังให้มีคนคอยบอกว่า ต้องทำอะไรและทำอย่างไร

● ในโรงเรียนไทย คนไทยเคยชินกับการเรียนการสอนแบบบรรยาย โดยครูเป็นผู้พูดอยู่ฝ่ายเดียว
ส่วนนักเรียนมุ่งอยู่กับการหาคำตอบที่ถูกต้องตายตัว

● เวลาที่ใครก็ตามเสนอความคิดเห็นออกมาซึ่งอาจจะไม่ดีนัก เพื่อนฝูงและผู้ที่อาวุโสกว่ามักล้อเลียนให้ได้อาย



**ทำไมคนไทยจึงรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องโต้แย้ง หรือท้าทายความคิดเห็นของผู้อื่น?

● เพราะคนไทยถูกสอนมาว่าการกระทำอย่างนั้นเป็นการไม่ให้เกียรติ

● คนไทยไม่อยากสร้างศัตรู
เพราะในวัฒนธรรมไทย การโต้แย้งหรือการท้าทายความคิดเห็นผู้อื่น ถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว ลองดี
และเป็นการโจมตีที่ตัวบุคคลไม่ใช่โต้กันที่ความคิด

● สำหรับคนไทย คำว่า aggressive หรือความก้าวร้าว กับคำว่า assertive หรือความกล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์
ยังเป็นสิ่งคลุมเครือและถูกมองว่าคล้ายๆ กันอยู่



ผมมีวิธีการในการพัฒนาความกล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ (assertiveness) มาฝากครับ
วิธีที่ว่านี้เป็นการปลูกจิตสำนึก สร้างทักษะ กระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการนำไปใช้ได้จริงๆ

การปลูกจิตสำนึกเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นการวางทัศนคติและค่านิยมให้กับคนคนนั้น
ขั้นตอนต่างๆ มีดังนี้ครับ

1) ให้ความรู้กับพนักงานไทยว่า การไม่เห็นด้วย ไม่คล้อยตาม มีอะไรก็พูดออกมา
และการทักท้วงความคิดของผู้อื่น เป็นสิ่งที่บริษัทคาดหวังจากพนักงานทุกคน
ยิ่งถ้าเราได้แลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างเสรีมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้ความคิดใหม่ๆ มากเท่านั้น
และเรายังได้การมองปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ร่วมกันในที่สุด


2) เชื่อมโยงแนวคิดดังกล่าวให้เข้ากับค่านิยมไทย
ผมอยากให้เปลี่ยนมามองว่า การโต้แย้งกันซึ่งๆ หน้าเป็นการแสดงความเคารพและให้เกียรติกัน
มากกว่าการนินทาลับหลัง คนไทยช่างนินทา แต่อย่าลืมว่าคำนินทาไม่ได้หายไปในอากาศ
เจ้าตัวที่ถูกว่าลับหลังจะต้องได้ยินเข้าสักวัน ซึ่งจะสร้างความอึดอัดใจให้กับทุกฝ่าย
ฉะนั้นมีอะไรก็ควรคุยกันต่อหน้า เปิดเผย ตรงไปตรงมาและสุภาพต่อกัน

2.1) ถ้าเราต้องการรักษาความสงบสุขในที่ทำงานตามแนวทางของไทยเรา
เราควรจะสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
เอื้อให้พนักงานสามารถโต้แย้งกันได้ในที่ประชุมถ้าไม่เห็นด้วย แทนที่จะเก็บให้ค้างคาใจ
และอาจรู้สึกไม่พอใจกันตลอดระยะเวลาที่ต้องร่วมงานกัน

2.2) ให้หันมามองว่าที่จริงการทักท้วงต่อหน้าว่าไม่เห็นด้วย ถือเป็นการแสดงน้ำใจของผู้พูด
เพราะคนที่รู้ทั้งรู้ว่าคนอื่นผิดพลาดแต่ไม่ยอมบอก ถือว่าแล้งน้ำใจ ปล่อยให้ผู้ร่วมงานเดินไปสู่ความล้มเหลว


3) บริษัทกำหนดกติกาพื้นฐานในการทำงานเป็นทีมว่า การโต้แย้งแสดงเหตุผลเป็นสิ่งที่ควรกระทำ
ขอให้ทุกคนยอมรับและยินดีรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย

พูดง่ายๆ ก็คือผู้บริหารที่ดีควรจะฝึกให้พนักงานในองค์กร มีความกล้าในทางที่ถูกที่ควร
กล้าที่จะบอกว่าไม่เห็นด้วยได้อย่างเหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย
ผมคิดว่าควรจะมีการฝึกฝนบุคลากรอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยใช้การอบรมเชิงปฏิบัติการ และพยายามสอนให้เขานำไปปฏิบัติจริงด้วย

การกระตุ้นให้พนักงานใช้ทักษะและความกล้าในชีวิตจริง ซึ่งต้องการข้อมูลที่เป็น feedback จากเจ้านายอย่างมาก
ผู้บริหารควรส่งเสริมให้กำลังใจ และแสดงให้เห็นว่าการที่พนักงานมีความกล้าอย่างสร้างสรรค์
หรือ assertiveness นั้นดีอย่างไรต่อตัวเขาเอง ต่อทีม และต่อองค์กรโดยรวมอย่างไรบ้าง


บทความโดย : เกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย
ที่มา : //www.jobjob.co.th
ภาพจาก : //www.istockphoto.com




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553
3 comments
Last Update : 12 พฤษภาคม 2553 20:08:28 น.
Counter : 974 Pageviews.

 


บางทีเราทุกคนก็ต้องเจอกับความเครียด ท้อแท้ สิ้งหวัง
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!

 

โดย: da IP: 124.120.7.136 14 พฤษภาคม 2553 0:10:11 น.  

 

ถ้าคุณขจัดความกลัวตายออกไปจากความคิดได้
คุณก็จะไม่กลัวสิ่งใดอีกแล้ว เว้นแต่ ...............

คนละประเด็นกับพวกที่อยากตายเพราะหนีปัญหานะ
พวกนี้ถือว่าพวกขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญกับปัญหา

เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับมนุษย์ความตายในขณะที่
ยังไม่อยากตาย

 

โดย: LEK IP: 192.168.1.9, 125.24.148.48 10 มิถุนายน 2553 20:17:53 น.  

 

เห็นด้วยครับ และกำลังปฎิบัติอยู่ครับ

 

โดย: SURAT SRICHAROEN IP: 119.76.1.145 11 พฤษภาคม 2561 22:19:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.