การสร้างความสุขในการทํางาน (Happy Workplace) ด้วยการบริหารตนเอง
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แนวโน้มของการทํางานของในภาครัฐและภาคเอกชนของทุกหน่วยงาน ย่อมเกิดภาวะที่เจอกับมรสุมที่เป็นปัจจัยภายนอกมากระทบ เช่น การประสบปัญหาภาวะน้ำมันแพง ปัญหาของภัยธรรมชาติและปัจจัยทางด้านการเมืองที่ผลกระทบ ต่อประชาชนคนไทย ซึ่งส่งผลให้มากระทบถึงการเมืองภายในบริษัทด้วยเช่นกัน ผลกระทบดังกล่าว ย่อมส่งผลให้เกิดความเครียดในการทํางานได้เช่นกัน
ปัจจัยที่พุ่งเป้ามาที่ผู้บริหาร เป็นอันดับแรกว่าจะนําพาองค์กรให้มีความอยู่รอดอย่างไร จากปัญหาสภาวะน้ำมันแพง คําตอบคงไม่พ้น2วิธีคือ การเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นกับการลดค่าใช้จ่ายต่างๆลง เพื่อให้องค์กรมีความอยู่รอดได้
ผู้บริหารก็ได้วางกลยุทธ์ เพื่อให้องค์กรผ่านพ้นกับวิกฤติที่เกิดขึ้น โดยการใช้ เครื่องมือที่เป็นที่ยอมรับของการบริหารจัดการเข้ามาใช้ เช่น BSC Competency TQM และ CRM ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวข้างต้นย่อมมีวีธีการ ระบบและตัวชี้วัดที่แตกต่างกันออกไป จากที่พนักงานเคยอยู่กันแบบสุขสบายโดยไม่ต้องมีใครมาคอยกํากับ ดูแล ตรวจสอบข้อมูลเป็นประจําทุกเดือน ทุกไตรมาส เมื่อผู้บริหารได้นําเครื่องมือ ต่างๆมาใช้ แต่ไม่ได้ศึกษาความพร้อมของคนไทยที่เคยสุขสบายมาก่อนว่าจะยอมรับ เครื่องมือนั้น ได้หรือไม่ จึงทําให้เครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในเมื่องไทย ไม่ค่อยประสบความสําเร็จเท่าไรนัก มักจะถูกต่อต้านจากพนักงาน หรือไม่ก็ทําให้พนักงานที่เป็นคนเก่ง (Talent) ขององค์การได้เดินออกจากบริษัท เพราะว่าระบบที่นํามาใช้ไม่มีความยุติธรรมพอ มีแต่เอื้ออํานวยให้กับพวกพ้อง ซึ่งเป็นคนหมู่มากในองค์กรเป็นผู้กุมอํานาจเชิงบริหารเสียเอง
ค่านิยมที่ดีๆเริ่มเปลี่ยนไปคนที่ทํางานหนัก มักไม่ได้ถูกเหลียวแลจากผู้บริหาร เพราะว่าผู้บริหารที่ถูกแต่งตั้ง มาจากคนที่ไม่ได้ทํางานอย่างแท้จริง มองระบบไม่ออก
ถ้าคนไหนทํางานเกินหน้าเกินตาหน่อย ก็จะถูกเพ่งเล็งจากผู้บริหารที่มีคนใกล้ชิด คอยให้ข้อมูลที่ผิดๆอยู่ตลอดเวลา ถ้าผู้บริหารที่ฟังความข้างเดียว หรือฟังจากคนเหล่านี้ทุกวันก็อาจจะมีสิทธิ เอนเอียงมายังผู้ที่ให้ข้อมูล ซึ่งจะทําให้ตัดสินใจในการบริหารคนที่ผิดพลาด ได้เช่นกัน
สําหรับผู้เขียนมีความเห็นว่าการนําเครื่องมือที่ดีๆ มาใช้ในช่วงแรกเมื่อระบบยังไม่เข้าที่และยังไม่ลงตัว ไม่สามารถให้โทษแก่ผู้กระทําความผิดได้ การบริหารคน ควรจะเน้นให้รักษาคนดีเอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการสร้างขวัญกําลังให้กับพนักงานที่ทําดีเอาไว้ในองค์กร
จะเห็นได้ว่าที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นปัจจัยภายนอก ที่มีผลกระทบต่อพนักงาน ถ้าจะนับรวมถึงปัจจัยภายในเข้ามาอีก ซึ่งจะทําให้เกิดแรงกดดันในการทํางานเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ในวิธีการแก้ไขในเบื้องต้นเราคงไปแก้ที่ปัจจัยทั้งสองปัจจัยไม่ได้ ต้องใช้ระยะเวลาในการดําเนินการแก้ใข
สิ่งที่ทําได้ในทันทีไม่ต้องใช้พละกําลังเวลา และอุปกรณ์เลยก็คือ การแก้ไขปรับปรุงที่ตัวเราเองก่อน ซึ่งจะขอนําเสนอการสร้างความสุขในการทํางาน โดยการบริหารตนเองเพื่อไม่ให้เกิดความเเครียดดังต่อไปนี้
★1. การแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี การทํางานย่อมมีปัญหาเป็นธรรมดา อย่าแก้ปัญหาโดยการใช้อารมณ์จะทําให้เครียดมากขึ้น ควรเริ่มต้นแก้ปัญหาที่สาเหตุ เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม เพราะเมื่อแก้ปัญหาได้ก็จะสบายใจหายเครียด
★2. การบริหารเวลาอย่างเหมาะสม จะช่วยให้การทํางานอย่างมีประสิทธิภาพ มีเวลาเหลือสําหรับการพักผ่อนและครอบครัวทําให้เครียดน้อยลง ควรทบทวนดูว่า ใช้เวลาแต่ละวันไปกับเรื่องใดบ้างเพื่อการจัดแบ่งเวลาให้เหมาะสม ทั้งการทํางาน สังสรรค์ ครอบครัวและการพักผ่อน ลองสังเกตเพื่อนร่วมงานที่บริหารเวลาได้ดี และลองทําตามดูอาจช่วยในการบริหารเวลาของตนเองได้
★3. การปรับเปลี่ยนความคิด ส่วนหนึ่งมาจากความคิดของคนเรานั่นเอง ถ้าเรารู้จักปรับเปลี่ยนความคิดในแง่มุมใหม่จะช่วยให้เครียดน้อยลง ถ้ารู้สึกตัวเองคิดมาก หาทางออกไม่ได้ควรหยุดคิดสักพัก คิดให้ยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม คิดอย่างมีเหตุผลคิดอย่างที่คนอื่นคิดและคิดถึงคนอื่นบ้าง
★4.การพักผ่อนหย่อนใจ หลังเลิกงานแล้วควรได้พักผ่อนหย่อนใจบ้าง เพื่อผ่อนคลายจิตใจทําให้พร้อมที่จะกลับไปทํางานอย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ มีอยู่มากมายควรเลือกตรงข้ามกับงานประจํา เช่น งานประจํานั่งโต๊ะทั้งวัน ยามว่างควรทํากิจกรรมกลางแจ้งเคลื่อนไหวร่างกาย หรืองานประจําเป็นผู้ให้บริการ ยามว่างควรให้ผู้อื่นบริการเราบ้าง
★5. การรู้จักยืนยันสิทธิของตน ความเครียดอาจเกิดจากการยอมอ่อนข้อ เกรงใจผู้อื่นมากเกินไป รู้จักยืนยันสิทธิของตนเองบ้างจะทําให้เป็นตัวของตัวเอง และเป็นที่เกรงใจต่อผู้อื่น สิทธิที่ควรรักษาคือ สิทธิที่จะปฏิเสธอย่างมีเหตุผล สิทธิที่จะทํางานด่วนของตนให้เสร็จก่อน สิทธิที่จะไต่ถามเพราะความไม่เข้าใจ สิทธิเปลี่ยนใจเมื่อได้ข้อมูลใหม่
★6. การสร้างเข้มแข็งทางจิตใจ จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว จิตใจที่ เข้มแข็งจะช่วยให้เอาชนะความเครียดได้ การสร้างเข้มแข็งทางจิตใจโดยสร้างความเชื่อมั่นให้ตนเอง พัฒนาปรับปรุงตัวเอง เข้าใจชีวิตว่าไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ยึดติดกับอดีตหรือกังวลกับอนาคตมากเกินไป อย่าลืมสร้างความอบอุ่นในครอบครัวเพราะครอบครัวเป็นกําลังใจ ที่สําคัญในการต่อสู้กับอุปสรรค
★7. การสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน การที่ผู้ร่วมงานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ร่วมมือกันในการทํางาน จะทําให้เกิดความอบอุ่น มีกําลังใจ และสนุกสนานกับงานมากกว่าการทํางานโดยลําพัง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงานสามารถทําได้ โดยเอาใจเขามาใส่ใจเราอยู่เสมอ
★8. การแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสม การเก็บอารมณ์ที่ไม่ดีเอาไว้และการแสดงอารมณ์ ที่ไม่เหมาะสมทําให้เกิดความเครียด ควรฝึกควบคุมอารมณ์คิดก่อนทํา ทําอย่างเหมาะสมจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง เมื่ออารมณ์ดีควรแสดงออกด้วยการยิ้มพูดเล่น ฮัมเพลงเพื่อให้คนใกล้ชิดรู้สึกดีด้วย
อย่าพูดหรือทําอะไรลงไปหลังจากสถานการณ์ และหายใจลึกๆไตร่ตรองผลที่จะตามมา จะทําให้มีสติและเครียดน้อยลง ★9. การออกกําลังกาย เมื่อรู้สึกเครียดจากการทํางาน การออกกําลังกายจนเหนื่อยและเหงื่อออกจะช่วยคลายเครียดได้ หลังเลิกงานหรือในวันหยุดควรออกกําลังกาย หรือเล่นกีฬากับกลุ่มเพื่อนจะรู้สึกสนุกสนานและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น การช่วยกันทํางานบ้านในวันหยุด ก็ถือว่าเป็นการออกกําลังกายที่ดี และช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว
★10.การพูดอย่างสร้างสรรค์ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทํางาน สวัสดี ขอโทษ ขอบคุณ เป็นประโยคที่ควรพูดติดปากแสดงถึงการมีมรรยาท และเป็นเสน่ห์แก่ผู้พูด หมั่นพูดชมเชยไต่ถามทุกข์สุขให้กําลังใจ ประสานความเข้าใจเพื่อลดความขัดแย้ง ในการทํางานจะช่วยตัดปัญหาลดความเครียด
ที่มา : //www.hrtothai.com/index.php?option=com_content&task=view&id=1780&Itemid=164 ภาพจาก ://positivepsychologynews.com/news/marie-josee-salvas/20080724904
Create Date : 30 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 30 ธันวาคม 2552 20:20:17 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2658 Pageviews. |
|
|
|
โดย: cheap snapbacks hats IP: 94.23.252.21 วันที่: 4 สิงหาคม 2557 เวลา:0:50:46 น. |
|
|
|
|
|
cheap snapbacks hats //www.nationalcommunicationsgroup.com/main/ncg.htm