Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
ผู้จัดการทำอะไร



คำถามสั้นๆ ข้อนี้ต้องการคำตอบที่ยาวพอสมควร

คนส่วนใหญ่ได้รับการโปรโมตให้เป็นผู้จัดการ เพราะว่าเขาทำงานเก่ง ขยัน รับผิดชอบสูง มุ่งมั่นทำงานให้สำเร็จ
พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มองไปข้างหน้าแล้ววางแผนอย่างดี
เราโปรโมตคนเก่ง แล้วคิดเอาเองว่าเขาคงเป็นผู้จัดการที่เก่งด้วย ส่วนใหญ่ไม่เป็นอย่างนั้น
หากเราไม่เตรียมความพร้อมแล้ว ผู้จัดการมือใหม่มักตกหลุมพรางเหล่านี้

1.แยกแยะไม่ออกว่าบทบาทพนักงานกับผู้จัดการแตกต่างกันอย่างไร
ผู้จัดการคือการทำงานผ่านคนอื่น พนักงานคือการทำงานด้วยตนเอง
หากไม่แนะนำเขา เขาก็จะสรุปเอาเองว่าเขาได้รับการโปรโมตเพราะทำงานหนัก เขาก็จะทำงานหนักขึ้นไปอีก

2.คนเก่งมักคิดว่าคนอื่นขยันทุ่มเทและรับผิดชอบแบบตน ที่จริงแล้วองค์กรมีคน 3 ประเภท คือ
กลุ่ม A พวกรับผิดชอบสูง 10-20%
กลุ่ม B คือ พวกปานกลาง 60-70%
และกลุ่ม C คือ พวกที่เหลือ
ผู้จัดการมือใหม่มักบ่นกับพวกกลุ่ม B และ C ว่า ตอนผมเป็นพนักงานไม่เห็นจะต้องให้ใครมาสอน
ดังนั้นพวกคุณก็น่าจะเป็นแบบนั้น เรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ต้องสอน ไม่ต้องชี้แนะอะไร
เพราะผู้จัดการมือใหม่ไม่ตระหนักถึงการกระจายตัวของบุคลากรดังกล่าว

3.กลัวที่จะมอบหมายงาน เมื่อเป็นผู้จัดการใหม่ๆ เขาจะมอบหมายงาน และอาจจะสื่อสารไม่ชัดเจน
เพราะเข้าใจเอาเองว่าคนอื่นน่าจะเข้าใจ (แบบตนเอง) คนรับมอบหมายงาน ก็ทำงานออกมาไม่ดี
เขาก็ต้องกลับมาแก้ไขงานลูกน้อง หนักๆ เข้าทำเองดีกว่าเกือบทุกเรื่อง
ในที่สุดงานก็ถาโถมมาที่ผู้จัดการ แทนที่จะบริหารงานและบริหารคน ผู้จัดการก็ยุ่งกับการทำงาน

ผู้จัดการรับผิดชอบกับผลสำเร็จของงานในหน่วยงานตน ซึ่งต้องมีการวางแผน และติดตามประเมินผล

การวางแผนครอบคลุมไปถึง
วางแผนเรื่องอัตรากำลังให้เหมาะกับงาน ต้องใช้อัตราเท่าไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ต้องจัดสรรทรัพยากรอะไร เท่าใด ให้สำเร็จ
ต้องมีการปรับเปลี่ยน และเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

องค์กรมีพลวัตไม่หยุดนิ่ง ผู้จัดการต้องริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม ผู้จัดการต้องริเริ่ม ติดตามผล และปรับแผน

ผู้จัดการต้องประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา มีเครื่องมือชนิดหนึ่งเรียกว่า 7-S
ซึ่งจะช่วยผู้จัดการประเมินสถานการณ์ได้

7-S Framework เป็นของบริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง McKinsey เขาแนะนำว่า
ในการวิเคราะห์องค์กรนั้นมีปัจจัย 7 ตัวที่จะต้องสอดประสานกันเพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุแผนยุทธศาสตร์ได้

เครื่องมือนี้ แต่เดิมได้ถูกกล่าวอ้างในหนังสือ The Art of Japanese Management
by Richard Pascale และ Anthony Athos ในปี ค.ศ. 1981
ซึ่งผู้เขียนได้วิเคราะห์ว่า ในตอนนั้นทำไมบริษัทญี่ปุ่นจึงประสบความสำเร็จ ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น
Tom Peters และ Bob Waterman ซึ่งในขณะนั้นเป็นที่ปรึกษาที่บริษัท McKinsey
ได้ศึกษาว่าบริษัทอเมริกันที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางอย่างไร พวกเขาก็เอาแบบจำลอง 7-S มาใช้ในการ
วิเคราะห์ จนเป็นหนังสือชื่อดังในปี ค.ศ.1978 ชื่อ In Search of Excellence


7-S มีอะไรบ้าง
Shared Values,Strategy,Structure,Systems,Staff,
Style และ Skills

เราลองมาดูนิยามของแต่ละตัวกัน

Shared Values คือ ค่านิยมร่วมขององค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ ด้วยการตอบคำถามง่ายๆ ว่า
องค์กรนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และองค์กรมีค่านิยมร่วม หรือมีปรัชญาในการดำเนินงานว่าอย่างไร

Strategy ยุทธศาสตร์ คือ
ตัวที่จะมากำหนดว่าองค์กรจะจัดสรรทรัพยากรขององค์กรที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นเพื่อใช้ในกิจกรรมอะไร
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ว่า สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร คู่แข่งคือใครและมีกลยุทธ์อย่างไร
ใครเป็นลูกค้า และเขาคาดหวังอะไร

Structure
องค์กรควรจะจัดโครงสร้างองค์กรในลักษณะใดที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถจะแข่งขันได้
ในสิ่งแวดล้อมที่องค์กรดำรงอยู่ การจัดองค์กรมีหลายทางเลือก จะจัดแบบลำดับขั้นเป็นกล่องๆ แบบทั่วไป
หรือแบนราบ หรือจัดแบบ Matrix ที่มีสายงานบังคับบัญชาที่มากกว่าหนึ่งราย

Systems กระบวนการ ขั้นตอน การไหลเวียนของงาน ควรจะเป็นแบบไหน
และระบบสนับสนุนต่างๆ ที่จะมารองรับการทำงานควรจะเป็นแบบใด

Staff บุคลากรควรมีลักษณะความเชี่ยวชาญแบบใด และควรมีจำนวนเท่าใด

Style วัฒนธรรมองค์กรควรเป็นแบบไหน ผู้บริหารควรมีปฏิสัมพันธ์กันในลักษณะใด

Skills ทักษะ และศักยภาพของบุคลากรในองค์กรควรจะต้องเป็นอย่างไร

7-S จะช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ว่ามีองค์ประกอบข้อใดบ้างที่อาจจะไม่สอดคล้องกับการบริหารธุรกิจ
และควรปรับเปลี่ยนอย่างไร โดยที่คำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่หลากหลาย

ผู้จัดการจะเก่งได้ต้องใช้เวลา ไม่ใช่เก่งภายในข้ามคืน!

ที่มา โพสต์ทูเดย์


Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 15 เมษายน 2552 21:07:50 น. 2 comments
Counter : 1447 Pageviews.

 
มาอ่านครับ


โดย: byonya วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:9:22:06 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ







โดย: puy_naka63 วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:20:35:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.