Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
22 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
สัญญาณเตือนจากคำพูด



องค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ มักมีปัญหา “ในการสื่อสาร”
โดยเฉพาะระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง หรือระหว่างพนักงานระดับล่างกับผู้บริหาร

ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสังคมไทย เป็นสังคมที่รู้จักถนอมน้ำใจกันและกัน
ไม่ยอมหักหน้า หรือมุ่งรักษาศักดิ์ศรีของคนที่รู้จัก
นอกจากลักษณะของผู้คนในสังคมเป็นแบบนั้น อาจเกี่ยวเนื่องจากตอนเรียนไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็น
ไม่กล้ายกมือถามครู จึงส่งผลให้เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน ก็เข้ารูปแบบเดิมคือ
ไม่กล้าในการสอบถามถึงความชัดเจนของเรื่องราวที่ได้รับคำสั่ง ไม่กล้าล้วงลูก
สาวถึงความจริงในเรื่องต่างๆ ได้แต่ฟังคนที่สอง ที่สามเล่าเหตุการณ์ความเป็นไปอยู่ห่างๆ

…...ซึ่งความจริงย่อมบิดพลิ้วถูกเสริมแต่งไปไม่มากก็น้อย…….


ลักษณะของสังคมไทยอีกอย่างคือ "ระบบการช่วยเหลือ" หรือ"ระบบอุปถัมถ์" ทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก
เธอเป็นคนของใคร ฉันเป็นคนของใคร เราต่างไม่ถูกคอกัน เพราะไม่ได้เป็นของคนคนเดียวกัน
การติดต่อสื่อสารก็มักจะห้วนๆ แฝงอคติ ....มากมาย

ปัญหาในองค์กรใหญ่ก็คือ ผู้คนในหลายหน่วยงานก็เกิดจากระบบอุปถัมภ์
ทำให้อาจเกิดความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าระหว่างกันได้

การสั่งงานที่เกิดจากผู้บริหาร หรือหัวหน้างานส่งผ่านมายังผู้ปฏิบัติการหรือ คนทำงาน
ดำเนินไปในรูปที่คลุมเครือ ไม่แน่ชัด เข้าใจไม่ตรงกัน
ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรไม่ถึงระดับที่คาดหวัง
ทั้งนี้อาจมีสัญญาณเตือนสำหรับผู้บริหารหรือหัวหน้า หลายประการดังนี้

การสั่งงานที่อาจเริ่มต้นคล้ายๆ ประโยคที่ว่า
“ทุกคนคงทราบดีแล้วว่า……ขณะนี้เรากำลังเผชิญปัญหา……”
หรือ “คงไม่ต้องอธิบายขั้นตอนอะไรมาก เพราะพวกเราก็ทำกันจนชินแล้ว…..”


การเริ่มต้นที่ความไม่แน่ชัดคลุมเครือในสิ่งที่จะกล่าว
ย่อมทำให้ผู้ที่ได้รับคำสั่ง นึกว่าไม่มีอะไรสำคัญก็ได้ หรือไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร
การตอกย้ำหรือพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นในการชี้แจง เพื่อให้เกิดผลตามที่ต้องการ


คำพูดที่ว่า....
“ถ้ามีเวลาว่าง ช่วยค้นข้อมูลเรื่องนั้นหน่อยนะ…..”
“ยุ่งอะไรอยู่หรือเปล่า ช่วยพี่ทำ…..”


การขอความช่วยเหลือกันเป็นสิ่งปกติ แต่บ่อยครั้งที่ความผิดพลาดเกิดขึ้น
เพราะคำกล่าวที่ไม่ให้รายละเอียดที่มากนัก ทำให้ลูกน้องไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใด ทำไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
มีขอบเขตงานขนาดไหน ความเร่งด่วนมากเพียงใด สิ่งเหล่านี้ถ้าลูกน้องเกิดเกรงใจ ไม่กล้าถาม
ก็คงอาศัยการนั่งทางในหรือเดาใจหัวหน้าไปก่อน ทำให้การเสียเวลาทำงานนั้นไม่คุ้มค่า


“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า…..”
“ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เสร็จหรือยัง”

หัวหน้าที่ถามประโยคเช่นนี้บ่อยๆ
แสดงให้เห็นถึงการไม่รับรู้ความเป็นจริงของสภาพปัญหา ที่ลูกน้องของตนเองประสบอยู่เลย
การให้ลูกน้องพูดอธิบายปัญหาเดิมๆ หลายรอบก็อาจบ่งชี้ถึงการไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่ลูกน้องพบเจอ
หรือแท้จริงคือ การไม่ช่วยลูกน้องคิดหาทางแก้ปัญหาเลยนั่นเอง


“…นี่คุณช่วยบอก….ให้ทำงาน…..หน่อยนะ”
“คุณ…อยู่หรือเปล่า.ช่วยบอกเขาด้วยนะว่าผมสั่งอะไรไป.แค่นี้ล่ะ”

สิ่งเหล่านี้ ทำให้เกิด "คนกลาง" ในการติดต่อประสานงานกับคนอื่น
ลองนึกดู ถ้าเป็นงานเร่งด่วนและมีความสำคัญมาก การสั่งงานผ่านใครไปยังเจ้าของงานตัวจริง
อาจจะลดทอนรายละเอียดที่สำคัญได้
และอาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างคนทำงานตัวจริงกับคนกลางที่ติดต่อไปได้
ต่างทำให้เสียเวลา และไม่แน่ชัดในสิ่งที่จะทำ


ปัญหานี้ นายดำเป็นคนผิด เพราะเป็นผู้ที่รับผิดชอบ….”
“นายดำนี่เป็นคนสะเพร่าจริงๆ นะ”
“ตรวจทานให้ดีนะ นายดำ”

ถ้านายดำเป็นคนผิดจริงในหลายครั้ง เหตุใดจึงไม่ช่วยนายดำตรวจสอบหรือแก้ปัญหาบ้าง
หัวหน้าที่กล่าวเช่นนี้ให้ลูกน้องฟังบ่อยครั้ง คะแนนของคุณจะหายไปทันที
เพราะแสดงให้เห็นความเป็นคนไม่รับผิดชอบ ไม่ร่วมลงแรงด้วย
รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงการลำเอียงที่ต้องติดต่อแต่นายดำ
หรือมีปัญหาทางการสื่อสารกับคนอื่น จึงกล้าพูดตำหนิกับนายดำเท่านั้น คนอื่นไม่กล้า
หรือต้องการรักษาหน้าตัวเองต่อลูกน้องคนอื่นว่า ตนเป็นคนดี มีน้ำใจ แต่ยกเว้นกับนายดำ
ระวังคนอย่างนายดำจะลาออกไป คุณจะตกที่นั่งลำบาก


"ได้ครับ……เดี๋ยวผมจะส่งคนไปดำเนินการให้”
“ยินดีครับ……อ๋อต้องการคนช่วยเหรอครับ…..เดี๋ยวผมจัดให้”

ถ้าหัวหน้าพูดทาง โทรศัพท์กับใครบ่อยๆ ในแนวนี้และลูกน้องต่างได้ยิน ทุกคนจะรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ
เพราะมีหัวหน้าเป็นพ่อพระ รับแต่งานเข้ามา แล้วก็แล้ว อาจจะเอาแต่โยนมันไปให้ลูกน้องของตัวทำงาน
งานในหน้าที่ของลูกน้องเขาก็มีล้นมือ
ถ้าเป็นเช่นนี้บ่อยๆ ลูกน้องคงเอือมระอากับพฤติกรรมใจบุญของหัวหน้าเป็นแน่
และอาจกำลังหางานบริษัทอื่นเป็นทางแก้ปัญหา


สัญญาณเตือนจากคำพูดของหัวหน้าในลักษณะต่างๆ เหล่านี้ ...
สะท้อน ให้เห็นสิ่งที่คับข้องใจของทั้งลูกน้องและก็หัวหน้าด้วย
ถ้าตระหนักถึงปัญหาอย่างแท้จริง ย่อมต้องมุ่งที่ความชัดเจนในการพูดคุยสาวไปถึงต้นตอสาเหตุ
มากกว่าจะคอยรักษาหน้าตาหรือกลัวจะเสียหน้า หรือกลัวไม่เป็นที่รักของลูกน้อง
เพราะการมุ่งรักษาเพียงภาพลักษณ์ หรือคะแนนนิยมของตนเองในสายตาคนอื่นไว้
อาจมีราคาแพงเท่ากับผลขาดทุนที่มีค่ามหาศาลได้


โดย กชกมล ฑิพย์โอสถ
ที่มา : //www.jobpub.com
ภาพจาก : //www.enpeo.com




Create Date : 22 มกราคม 2553
Last Update : 22 มกราคม 2553 20:46:58 น. 0 comments
Counter : 1250 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.