กลยุทธ์สู่ความเป็น “ผู้นำ” (Leadership)
การเป็น “ผู้นำ” หรือ Leadership ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นได้ ขอเพียงคนคนนั้นมีความตั้งใจจริง กล้าหาญ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และช่วยเหลือผู้อื่นในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะเป็นสะพานข้ามช่องโหว่ สู่ความเป็นผู้นำที่ทรงประสิทธิภาพและสง่างามยิ่ง !
หลักสูตรในการเป็นผู้นำองค์กรหรือประเทศ ไม่มีสูตรตายตัวแน่ชัด ถึงแม้จะมีการเข้าคอร์สในระยะสั้นๆอย่างแพร่หลายก็ตาม แต่ทุกย่างก้าวของการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ ล้วนแต่ต้องนำประสบการณ์และจิตวิญญามาผนวกรวมกัน เป็นสูตรลับเฉพาะตัว เพราะต่างคนต่างมีที่มาประสบการณ์แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายเป้าหมายสูงสุดของการเป็นผู้นำนั้น เหมือนกันก็คือ “ทำให้ประชาชน หรือพนักงานในองค์กรของตนเองมีความสุข และพัฒนาองค์กร และประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า” ที่ผ่านมาผู้บริหารที่ประสบความ สำเร็จ อาจไม่ใช่ผู้นำที่ดีในสายตาของพนักงานในองค์กร ดังนั้นการผนวกคุณสมบัติทั้งสองอย่างให้อยู่ในคนคนเดียว จึงไม่ใช่เรื่องง่าย (แต่ก็ไม่ยากหากจะทำ)
นับเป็นโอกาสที่ดีของการจุดประกายแนวคิด เรื่องการเป็นผู้นำที่ดี เมื่อสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดเสวนาพิเศษ เรื่อง กลยุทธ์เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้จัดการระดับโลก หรือ “On Becoming A Global Manager” งานเสวนาในครั้งนี้ได้เชิญผู้นำที่เป็นผู้บริหารชั้นนำของ ประเทศ มาบรรยายพิเศษ หลายท่านๆ อาทิ มร.ราล์ฟ แอล.บอยซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทย , มร.ซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และนายโชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจฟาร์มโชคชัย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ร่วมกันเผยกลยุทธ์การเป็นผู้จัดการระดับโลก เพื่อสะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่ดี และการก้าวสู่ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นคู่มือหรือแนวทางให้ผู้จัดการทั้งหลาย นำไปประยุกต์ใช้กับตนเองและ องค์กรต่อไป ในการก้าวสู่ “ผู้นำที่ดี อย่างแท้จริง”
ผู้นำเหมือนเหรียญ 2 ด้าน ในทัศนะคติของ มร.ราล์ฟ แอล.บอยซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทย ได้กล่าวบรรยายเกี่ยวกับหลักในการเป็นผู้นำว่า การบริหารกับการเป็นผู้นำ ต้องแยกคำออกเป็น 2 คำ เพราะ 2 คำนี้คนละประเด็น เปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน คนบางคนอาจจะเก่งในด้านการบริหาร แต่ไม่เก่งด้านการเป็นผู้นำ บางคนเป็นผู้บริหารที่ดีแต่เป็นผู้นำไม่เก่ง และในความเห็นส่วนตัวมองว่า ถ้าจะเป็นผู้นำที่ดีต้องเก่งทั้งสองด้าน ซึ่งไม่ยากเลยกับการจะเป็นผู้นำที่มีความเพียบพร้อม หลักความคิดของการเป็นผู้นำระดับโลกในมุมมองของ ราล์ฟ แอล.บอยซ์ ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นมุมมองของนักบริหารต่างชาติที่เรียกตัวเองว่า เป็นนักการทูตอาชีพ นั้นสะท้อนถึงการเข้าถึงวัฒนธรรม และภาษาของประเทศนั้นๆ ซึ่งผู้นำจำเป็นต้องเรียนรู้อย่างถ่องแท้ การเป็นนักการทูตต้องคิดและทำเหมือนผู้นำระดับโลกเหมือนกัน เราทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีภารกิจที่หลากหลาย ด้วยภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน สำหรับวัฒนธรรมในเอเชีย บอกให้รู้ว่า การทำธุรกิจในเอเชียนั้น ต้องมองเรื่องสัมพันธภาพก่อน เพราะการสร้างเครือข่ายย่อมทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยส่วนตัว เอกอัครราชทูตอเมริกา มักให้ข้อมูลกับบรรดานักธุรกิจร่วมชาติเสมอว่า การที่จะมาทำธุรกิจในเมืองไทยหรือเอเชียนั้น นักธุรกิจสหรัฐต้องเดินทางมาบ่อยๆ เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้นำระดับโลก ต้องเรียนรู้ ทั้งในเรื่องภาษาและวัฒนธรรม มร. ราล์ฟ แอล.บอยซ์ บอกอีกว่า ตัวเขาเองมักจะพูดภาษาไทยทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะการแสดงความคิดเห็นของเจ้าของภาษาซึ่งมักจะมาด้วยภาษาแม่นั้น จะทำให้คนต่างชาติอย่างเรามีความเข้าใจมากขึ้นและมีความลึกซึ้งกว่า นำมาในด้านการได้เปรียบในการแข่งขัน
เปิดขีดความสามารถสู่โลกกว้าง ด้าน แม่ทัพจากค่ายดีแทค มร.ซิคเว่ เบรคเก้ ในฐานะที่ 'ต่างถิ่น' เช่นเดียวกับนักการทูตมืออาชีพ ก็เริ่มต้นบรรยายบทบาทผู้นำในแบบฉบับของตัวเองว่า "ถ้าจะปรับตัวเองให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็จงนำตัวเองออกสู่โลกกว้าง " ซึ่ง มร.ซิคเว่ กล่าวด้วยความหนักแน่น การเข้ามาคลุกคลี อยู่กับคนไทยและสังคมไทยมาเป็นเวลานานนั้น มองว่า วัฒนธรรมไทยหลายๆ อย่าง ยังมีความแตกต่างในตัวเองมาก สิ่งที่อยากเน้นให้ความสำคัญของการเป็นผู้จัดการระดับโลก คือ ความเป็นลีดเดอร์ หรือ ผู้นำ มากกว่า แมเนเจอร์ หรือ ผู้จัดการ ซึ่งเคล็ดลับการบริหารง่ายๆ ของมร.ซิคเว่ มีหลักด้วยกัน 4 อย่าง คือ อย่าอ่านหนังสือแต่ให้เรียนรู้จากการเข้าไปสัมผัสจริง อย่าอยู่กับคนคุ้นเคย ดูตัวเองเหมือนเป็นโค้ชตัวเอง และต้องปรับตัว ง่ายๆแค่นี้ถ้าทำได้ครบก็เข้าสู่การเป็นผู้นำที่ดีแล้ว
แปลงการสื่อสารเป็นรูปธรรม ส่วนการเป็นผู้นำในมุมมอง นายโชค บูลกุล แห่งโชคชัยฟาร์ม ที่ใช้วิธีถ่ายทอด ประสบการณ์จริง จากการบริหารจัดการธุรกิจที่เคยขาดทุนและล้มลุกคลุกคลานมาแล้ว จนผงาดขึ้นมาเป็นองค์กรที่สำเร็จ หลักการบริหารงานของโชค คือ เน้นนัยสำคัญของการสื่อสาร และแปลงการสื่อสารนั้นให้ออกมาในเชิงปฏิบัติ การ บริหารที่สำคัญในแบบฉบับของเจ้าของฟาร์มโชคชัย คือ "ยิ่งยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูง ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะนั่นจะเป็นการสะท้อนถึงบุคลิกภาพของผู้นำนั้นๆ สำหรับ บทสรุปของผู้นำรายนี้ได้ฝากไว้ว่า "ตนเองมองว่าผู้บริหารที่ดีต้องมีมีดหลายๆ เล่ม ทั้งมีดสับของหนัก และมีดสำหรับแกะสลัก รวมถึงการเปิดโอกาสให้คนที่จบจากสาขาที่ต่างขั้วกับธุรกิจ เพื่อให้เข้ามารับประสบการณ์ในการทำงานร่วมกัน"
5 หลักสู่ความเป็นผู้นำ และ อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่า ตอนนี้สังคมกำลังตื่นตัวในเรื่องกระแสของการหาผู้นำ ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ ก็ได้มีการเปิดตัวหนังสือ "หลัก 5 ประการสู่การเป็นผู้นำ" ที่แต่งโดย พอล.เจ.เมเยอร์ และแรนดี้ สเล็กธา ที่เนื้อหาหลักเป็นเรื่องของหลักการเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย ซึ่งผลชิ้นนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย โดยนายจุมพจน์ เชื้อสาย ผู้อำนวยการสถาบันแอลเอ็มไอประจำประเทศไทย โดย เนื้อหาหนังสือหลัก 5 ประการสู่การเป็นผู้นำนั้น ได้บอกถึงเส้นทางของความสำเร็จของผู้นำจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมี ดังนี้คือ 1.กำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการให้แน่นอนและชัดเจน 2.สร้างแผนงานที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย 3. สร้างแรงจูงใจในการลงมือทำ 4.สร้างความมั่นใจแก่ตนเองและทีม เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานให้ดีที่สุด และ 5. สร้างความมุ่งมั่นไม่ท้อถอยเมื่อต้องเจอกับอุปสรรค ในฐานะผู้แปล หนังสือเล่มนี้ นายจุมพจน์ กล่าวให้แง่คิดของการเป็นผู้นำที่ดีในยุคนี้ว่า การส่งเสริมภาวะผู้นำในองค์กรนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนทัศนคติ โดยผู้นำจะต้องเป็นผู้ส่งมอบความรู้และความชำนาญต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้พนักงาน ในแต่ละระดับชั้นมีอิสระในการตัดสินใจและเป็นผู้นำตนเองมากขึ้น เท่ากับว่าองค์กรได้เสริมสร้างความเป็นผู้นำ ให้เกิดขึ้นในทุกระดับชั้นการบริหาร ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวพนักงานเองและองค์กรโดยรวมนั่นเอง
สุดยอด 12 แนวคิดสู่ความเป็นเลิศ 1.มีความชัดเจนในความคิด กลยุทธ์ การสื่อสาร ก่อนนำไปปฏิบัติ 2.เรียนรู้อย่างต่อเนื่องกับบุคลากรทุกระดับ 3.ลงทุนวิจัยและพัฒนา -การจัดการองค์ความรู้ และสังคม 4.ทำงานเป็นทีม 5.สร้างสรรค์นวัตกรรม 6.สร้างความไว้วางใจ 7.การมี Corporate Social Responsibility (CSR) 8.ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล 9.มีวิสัยทัศน์ของผู้นำ 10.ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง 11.เรียนรู้จากวิกฤตในแต่ละครั้ง 12.ไม่หลงระเริงภาคภูมิใจกับความสำเร็จในอดีต
ที่มา : //www.arip.co.th/businessnews.php?id=412109 ภาพจาก : //www.shutterstock.com
Create Date : 12 มกราคม 2553 |
Last Update : 12 มกราคม 2553 20:24:12 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1570 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตู่ ทองวิไล IP: 117.47.193.40 วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:8:23:41 น. |
|
|
|
|
|