Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
12 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
กลยุทธ์สู่ความเป็น “ผู้นำ” (Leadership)



การเป็น “ผู้นำ” หรือ Leadership ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นได้
ขอเพียงคนคนนั้นมีความตั้งใจจริง กล้าหาญ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
และช่วยเหลือผู้อื่นในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
สิ่งเหล่านี้จะเป็นสะพานข้ามช่องโหว่ สู่ความเป็นผู้นำที่ทรงประสิทธิภาพและสง่างามยิ่ง !

หลักสูตรในการเป็นผู้นำองค์กรหรือประเทศ ไม่มีสูตรตายตัวแน่ชัด
ถึงแม้จะมีการเข้าคอร์สในระยะสั้นๆอย่างแพร่หลายก็ตาม แต่ทุกย่างก้าวของการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ
ล้วนแต่ต้องนำประสบการณ์และจิตวิญญามาผนวกรวมกัน เป็นสูตรลับเฉพาะตัว
เพราะต่างคนต่างมีที่มาประสบการณ์แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายเป้าหมายสูงสุดของการเป็นผู้นำนั้น
เหมือนกันก็คือ “ทำให้ประชาชน หรือพนักงานในองค์กรของตนเองมีความสุข และพัฒนาองค์กร
และประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า”

ที่ผ่านมาผู้บริหารที่ประสบความ สำเร็จ อาจไม่ใช่ผู้นำที่ดีในสายตาของพนักงานในองค์กร
ดังนั้นการผนวกคุณสมบัติทั้งสองอย่างให้อยู่ในคนคนเดียว จึงไม่ใช่เรื่องง่าย (แต่ก็ไม่ยากหากจะทำ)

นับเป็นโอกาสที่ดีของการจุดประกายแนวคิด เรื่องการเป็นผู้นำที่ดี
เมื่อสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดเสวนาพิเศษ เรื่อง
กลยุทธ์เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้จัดการระดับโลก หรือ “On Becoming A Global Manager”

งานเสวนาในครั้งนี้ได้เชิญผู้นำที่เป็นผู้บริหารชั้นนำของ ประเทศ มาบรรยายพิเศษ หลายท่านๆ
อาทิ มร.ราล์ฟ แอล.บอยซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทย ,
มร.ซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค)
และนายโชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจฟาร์มโชคชัย
ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ร่วมกันเผยกลยุทธ์การเป็นผู้จัดการระดับโลก เพื่อสะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่ดี
และการก้าวสู่ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นคู่มือหรือแนวทางให้ผู้จัดการทั้งหลาย
นำไปประยุกต์ใช้กับตนเองและ องค์กรต่อไป ในการก้าวสู่ “ผู้นำที่ดี อย่างแท้จริง”


ผู้นำเหมือนเหรียญ 2 ด้าน
ในทัศนะคติของ มร.ราล์ฟ แอล.บอยซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทย
ได้กล่าวบรรยายเกี่ยวกับหลักในการเป็นผู้นำว่า การบริหารกับการเป็นผู้นำ ต้องแยกคำออกเป็น 2 คำ
เพราะ 2 คำนี้คนละประเด็น เปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน คนบางคนอาจจะเก่งในด้านการบริหาร
แต่ไม่เก่งด้านการเป็นผู้นำ บางคนเป็นผู้บริหารที่ดีแต่เป็นผู้นำไม่เก่ง และในความเห็นส่วนตัวมองว่า
ถ้าจะเป็นผู้นำที่ดีต้องเก่งทั้งสองด้าน ซึ่งไม่ยากเลยกับการจะเป็นผู้นำที่มีความเพียบพร้อม

หลักความคิดของการเป็นผู้นำระดับโลกในมุมมองของ ราล์ฟ แอล.บอยซ์ ที่น่าสนใจ
ซึ่งเป็นมุมมองของนักบริหารต่างชาติที่เรียกตัวเองว่า เป็นนักการทูตอาชีพ นั้นสะท้อนถึงการเข้าถึงวัฒนธรรม
และภาษาของประเทศนั้นๆ ซึ่งผู้นำจำเป็นต้องเรียนรู้อย่างถ่องแท้
การเป็นนักการทูตต้องคิดและทำเหมือนผู้นำระดับโลกเหมือนกัน
เราทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีภารกิจที่หลากหลาย ด้วยภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
สำหรับวัฒนธรรมในเอเชีย บอกให้รู้ว่า การทำธุรกิจในเอเชียนั้น ต้องมองเรื่องสัมพันธภาพก่อน
เพราะการสร้างเครือข่ายย่อมทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ


โดยส่วนตัว เอกอัครราชทูตอเมริกา มักให้ข้อมูลกับบรรดานักธุรกิจร่วมชาติเสมอว่า
การที่จะมาทำธุรกิจในเมืองไทยหรือเอเชียนั้น นักธุรกิจสหรัฐต้องเดินทางมาบ่อยๆ
เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้นำระดับโลก ต้องเรียนรู้ ทั้งในเรื่องภาษาและวัฒนธรรม

มร. ราล์ฟ แอล.บอยซ์ บอกอีกว่า ตัวเขาเองมักจะพูดภาษาไทยทุกครั้งที่มีโอกาส
เพราะการแสดงความคิดเห็นของเจ้าของภาษาซึ่งมักจะมาด้วยภาษาแม่นั้น
จะทำให้คนต่างชาติอย่างเรามีความเข้าใจมากขึ้นและมีความลึกซึ้งกว่า นำมาในด้านการได้เปรียบในการแข่งขัน


เปิดขีดความสามารถสู่โลกกว้าง
ด้าน แม่ทัพจากค่ายดีแทค มร.ซิคเว่ เบรคเก้ ในฐานะที่ 'ต่างถิ่น' เช่นเดียวกับนักการทูตมืออาชีพ
ก็เริ่มต้นบรรยายบทบาทผู้นำในแบบฉบับของตัวเองว่า "ถ้าจะปรับตัวเองให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน
ก็จงนำตัวเองออกสู่โลกกว้าง " ซึ่ง มร.ซิคเว่ กล่าวด้วยความหนักแน่น

การเข้ามาคลุกคลี อยู่กับคนไทยและสังคมไทยมาเป็นเวลานานนั้น มองว่า วัฒนธรรมไทยหลายๆ อย่าง
ยังมีความแตกต่างในตัวเองมาก สิ่งที่อยากเน้นให้ความสำคัญของการเป็นผู้จัดการระดับโลก คือ
ความเป็นลีดเดอร์ หรือ ผู้นำ มากกว่า แมเนเจอร์ หรือ ผู้จัดการ ซึ่งเคล็ดลับการบริหารง่ายๆ ของมร.ซิคเว่
มีหลักด้วยกัน 4 อย่าง คือ อย่าอ่านหนังสือแต่ให้เรียนรู้จากการเข้าไปสัมผัสจริง อย่าอยู่กับคนคุ้นเคย
ดูตัวเองเหมือนเป็นโค้ชตัวเอง และต้องปรับตัว
ง่ายๆแค่นี้ถ้าทำได้ครบก็เข้าสู่การเป็นผู้นำที่ดีแล้ว


แปลงการสื่อสารเป็นรูปธรรม
ส่วนการเป็นผู้นำในมุมมอง นายโชค บูลกุล แห่งโชคชัยฟาร์ม ที่ใช้วิธีถ่ายทอด ประสบการณ์จริง
จากการบริหารจัดการธุรกิจที่เคยขาดทุนและล้มลุกคลุกคลานมาแล้ว จนผงาดขึ้นมาเป็นองค์กรที่สำเร็จ
หลักการบริหารงานของโชค คือ เน้นนัยสำคัญของการสื่อสาร และแปลงการสื่อสารนั้นให้ออกมาในเชิงปฏิบัติ

การ บริหารที่สำคัญในแบบฉบับของเจ้าของฟาร์มโชคชัย คือ
"ยิ่งยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูง ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เพราะนั่นจะเป็นการสะท้อนถึงบุคลิกภาพของผู้นำนั้นๆ

สำหรับ บทสรุปของผู้นำรายนี้ได้ฝากไว้ว่า
"ตนเองมองว่าผู้บริหารที่ดีต้องมีมีดหลายๆ เล่ม ทั้งมีดสับของหนัก และมีดสำหรับแกะสลัก
รวมถึงการเปิดโอกาสให้คนที่จบจากสาขาที่ต่างขั้วกับธุรกิจ เพื่อให้เข้ามารับประสบการณ์ในการทำงานร่วมกัน"


5 หลักสู่ความเป็นผู้นำ
และ อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่า ตอนนี้สังคมกำลังตื่นตัวในเรื่องกระแสของการหาผู้นำ
ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ ก็ได้มีการเปิดตัวหนังสือ "หลัก 5 ประการสู่การเป็นผู้นำ" ที่แต่งโดย พอล.เจ.เมเยอร์
และแรนดี้ สเล็กธา ที่เนื้อหาหลักเป็นเรื่องของหลักการเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ
เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย ซึ่งผลชิ้นนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย โดยนายจุมพจน์ เชื้อสาย
ผู้อำนวยการสถาบันแอลเอ็มไอประจำประเทศไทย โดย เนื้อหาหนังสือหลัก 5 ประการสู่การเป็นผู้นำนั้น
ได้บอกถึงเส้นทางของความสำเร็จของผู้นำจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมี ดังนี้คือ
1.กำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการให้แน่นอนและชัดเจน
2.สร้างแผนงานที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย
3. สร้างแรงจูงใจในการลงมือทำ
4.สร้างความมั่นใจแก่ตนเองและทีม เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานให้ดีที่สุด
และ 5. สร้างความมุ่งมั่นไม่ท้อถอยเมื่อต้องเจอกับอุปสรรค

ในฐานะผู้แปล หนังสือเล่มนี้ นายจุมพจน์ กล่าวให้แง่คิดของการเป็นผู้นำที่ดีในยุคนี้ว่า
การส่งเสริมภาวะผู้นำในองค์กรนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนทัศนคติ
โดยผู้นำจะต้องเป็นผู้ส่งมอบความรู้และความชำนาญต่างๆ
เพื่อส่งเสริมให้พนักงาน ในแต่ละระดับชั้นมีอิสระในการตัดสินใจและเป็นผู้นำตนเองมากขึ้น
เท่ากับว่าองค์กรได้เสริมสร้างความเป็นผู้นำ ให้เกิดขึ้นในทุกระดับชั้นการบริหาร
ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวพนักงานเองและองค์กรโดยรวมนั่นเอง


สุดยอด 12 แนวคิดสู่ความเป็นเลิศ
1.มีความชัดเจนในความคิด กลยุทธ์ การสื่อสาร ก่อนนำไปปฏิบัติ
2.เรียนรู้อย่างต่อเนื่องกับบุคลากรทุกระดับ
3.ลงทุนวิจัยและพัฒนา -การจัดการองค์ความรู้ และสังคม
4.ทำงานเป็นทีม
5.สร้างสรรค์นวัตกรรม
6.สร้างความไว้วางใจ
7.การมี Corporate Social Responsibility (CSR)
8.ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
9.มีวิสัยทัศน์ของผู้นำ
10.ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
11.เรียนรู้จากวิกฤตในแต่ละครั้ง
12.ไม่หลงระเริงภาคภูมิใจกับความสำเร็จในอดีต


ที่มา : //www.arip.co.th/businessnews.php?id=412109
ภาพจาก : //www.shutterstock.com


Create Date : 12 มกราคม 2553
Last Update : 12 มกราคม 2553 20:24:12 น. 1 comments
Counter : 1570 Pageviews.

 
ขอบคุณคุณมากครับ นับว่ามีประโยชน์พอสมควร ได้ข้อคิดเยอะครับ


โดย: ตู่ ทองวิไล IP: 117.47.193.40 วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:8:23:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.