Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้เรียนเก่ง



"แนวทางการเลี้ยงดูของพ่อแม่" นับเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกที่มีอิทธิพลกำหนดให้พวกเขา
สามารถเรียนได้ดีกว่าเด็ก คนอื่นๆ ซึ่งผมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ยิ่งหากสรุปเป็น
"เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้เรียนเก่ง" เพื่อให้พ่อแม่ทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้
ในการดูแลลูกให้เรียนเก่งอย่างถูกวิธี

เคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้เรียนเก่งเหล่านี้ ได้แก่

สนับสนุนให้เด็กค้นหาสิ่งที่ตนเองชอบ
เด็กๆ ที่เรียนได้ดีนั้นส่วนใหญ่ไม่ได้ เป็นเด็กที่มีสติปัญญาแตกต่างจากเด็กทั่วๆ ไปเท่าใดนัก
แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างและทำให้เขาเรียนดีกว่าเด็กอื่นๆ ก็คือ
การที่เขาได้ทำในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่เขารัก ไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกบังคับ

ดังนั้น พ่อแม่จึงควรเป็นผู้สนับสนุนให้ลูกค้นหาสิ่งที่ตนเองชอบ ไม่ควรบังคับความคิดลูกว่า
"ต้อง" ทำสิ่งนั้น "ห้าม" ทำสิ่งนั้น ไม่ควรปิดกั้นความคิดและโอกาสในการเลือกของลูกๆ
เพราะจะทำให้เด็กเบื่อหน่ายในการเรียน


สภาพครอบครัวอบอุ่นและมีความรัก
บรรยากาศในครอบครัวมีส่วนสำคัญอย่างมากในการกำหนดสภาวะจิตใจ อารมณ์ และสมาธิ
ในการเรียนรู้ของเด็ก เด็กที่เรียนได้ดีส่วนมากจะอยู่ในครอบครัวที่ได้รับความรักจากพ่อแม่
และพี่น้อง พ่อแม่มีความรักให้แก่กันและกันและมีความรักให้กับลูก ลูกๆ รักกันภายในบ้าน
มีความอบอุ่น ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง มีบรรยากาศของการพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกัน


สร้างบรรยากาศภายในบ้านเอื้อต่อการเรียนรู้
พ่อแม่จึงควรจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เป็นบรรยากาศที่เด็กจะได้รับการพัฒนาทางความคิด
ความรู้ และทักษะต่างๆ อาทิ บ้านที่เงียบสงบ ไม่มีเสียงดังตลอดเวลา ลูกมีห้องส่วนตัวเพื่อ
การอ่านหนังสือ และทำกิจวัตรส่วนตัว ที่บ้านมีห้องสมุดและเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อให้ลูกได้ค้นคว้า
เรียนรู้ สมาชิกในครอบครัวเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านการเรียนรู้ เช่น
อ่านหนังสือมากกว่าใช้เวลาส่วนใหญ่ดูทีวี หรือทำแต่สิ่งที่ให้ความบันเทิง เป็นต้น


ให้คุณค่าที่ความตั้งใจ มากกว่าให้คุณค่าที่คะแนน
พ่อแม่ส่วนใหญ่มักคาดหวังให้ลูกเรียนเก่งโดยดูจาก"คะแนน" หรือ "เกรด" หรือ "อันดับที่"
เป็นหลัก โดยสร้างแรงจูงใจว่าจะให้รางวัลบางอย่างเมื่อทำสำเร็จ การสร้างแรงจูงใจเช่นนี้
อาจมีส่วนทำให้ลูกขยันมากขึ้น แต่ในทางตรงข้ามอาจส่งผลเสียที่พ่อแม่คาดไม่ถึง เด็กบางคน
อาจจะตั้งใจเต็มที่แล้วแต่ได้คะแนนไม่ดี หากพ่อแม่คาดหวังจากเขามาก
เขาก็จะเสียใจที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง และเห็นว่าตนเองเป็นคนไม่ฉลาด

ในทางตรงกันข้ามหากพ่อแม่ให้คุณค่าและรางวัลที่ "ความตั้งใจ" ของลูกโดยสนับสนุนลูก
ให้ตั้งใจเรียนหนังสือ และให้กำลังใจเขาทำดีที่สุด เมื่อลูกพยายามดีที่สุดแล้ว
แม้คะแนนจะออกมาเช่นไร พ่อแม่ก็ยังชื่นชมและให้กำลังใจเขาได้เสมอ
ซึ่งนักศึกษาคนหนึ่งที่ผมสัมภาษณ์นั้นได้กล่าวว่า พ่อแม่ของเขาไม่ได้เน้นความสำคัญต่อผล
การเรียนของเขาหรือจากเกรดที่เขาได้รับ แต่สอนว่าไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดก็ตามต้องทำด้วยความ
ตั้งใจอย่างเต็มกำลังความสามารถ ส่งผลให้เขาเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ อย่างตั้งใจ
และจะไม่รู้สึกผิดหวังเมื่อได้คะแนนน้อย แต่จะมีความมุมานะและเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ


ฝึกความรับผิดชอบตนเอง
การเลี้ยงลูกแบบ "ไข่ในหิน" หรือทำสิ่งต่างๆ ให้ลูกทุกอย่างโดยคิดว่าการทำเช่นนั้น
จะทำให้ลูกมีเวลาอ่านหนังสือได้มาก อาจเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนักของพ่อแม่ เพราะจะทำ
ให้ลูกเรียนไม่รู้ที่จะจัดการบริหารชีวิตตนเองว่า เวลาใดควรทำอะไร ทำอย่างไร
ถ้าไม่ทำจะเกิดผลเสียอย่างไรอันจะส่งผลกระทบต่อการบริหารตนเองในการเรียน การทบทวน
การอ่านหนังสือ การเที่ยวเล่น เด็กจะไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเองได้ดีนัก
ทำให้การเรียนในระดับที่สูงขึ้นประสบความล้มเหลวได้
และจะส่งผลเสียสืบเนื่องไปถึงชีวิตการทำงาน ในอนาคตด้วย

ในทางตรงกันข้าม เด็กที่มีความรับผิดชอบจะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากกว่า
เพราะเมื่อเด็กพบสิ่งที่ยากเขาก็จะไม่ทิ้งกลางคันหรือล้มเลิกความตั้งใจเมื่อประสบความล้มเหลว
แต่เขาจะอดทนและรับผิดชอบจนสำเร็จ เด็กที่เป็นเช่นนี้ได้จะต้องได้รับการฝึกตั้งแต่เด็กๆ
ดังนั้นพ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง เช่น ให้จัดตารางเวลากิจวัตรประจำวัน
ของตนเอง ทั้งเวลาเรียน เวลาเล่น เวลาทำกิจกรรมและเวลาพักผ่อน ให้ลูกมีหน้าที่รับผิดชอบ
บางอย่างภายในบ้าน โดยพ่อแม่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ผู้คอยให้คำแนะนำ ผู้ให้กำลังใจและ
ดูแลควบคุม เพื่อให้ลูกสามารถรับผิดชอบตนเองได้มากขึ้นเมื่อเขาเติบโตขึ้น

การฝึกความรับผิดชอบตนเองในเรื่องต่างๆ อย่างครบถ้วนจะช่วยให้เด็กจัดระเบียบ
ด้านการเรียนด้วยตนเองได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อเรียนในระดับที่สูงขึ้น



ส่งเสริมให้เห็นคุณค่าของเวลา
ความแตกต่างประการสำคัญของเด็กที่เรียนได้ระดับเดียวกับเด็กอื่นๆ นั่นคือ เด็กที่เรียนดีมักจะ
เป็นเด็กที่เห็นคุณค่าของการใช้เวลา ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ พวกเขาสามารถ
บริหารเวลาได้เป็นอย่างดี โดยรู้ว่าควรจะทำสิ่งใดก่อน-หลังตามลำดับความสำคัญ
พวกเขารู้ว่า หากเขาไม่บริหารเวลาก็จะไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่อย่างมากมายให้สำเร็จได้
เช่น หากปล่อยเวลาดูโทรทัศน์สามชั่วโมงเขาจะเสียเวลาเรียนรู้
และทบทวนเรื่องที่เขาสนใจจริงๆ ไปสามชั่วโมง ซึ่งอาจทำให้เขาเรียนไม่ทันในวันรุ่งขึ้นได้

พ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกเรียนเก่งจึงควรสอนให้ลูกเห็นคุณค่าของเวลา และมีส่วนช่วยให้ลูก
บริหารเวลา บริหารชีวิตของตนเอง โดยร่วมมือกับลูกในการกำหนดเป้าหมายและวางแผน
การเรียนในระยะยาว การส่งเสริมให้ลูกจัดการตารางเวลาประจำวัน ประจำสัปดาห์ประจำเดือน
หรือมากกว่านั้น และสนับสนุนให้เขาสร้างแรงจูงใจให้กับตนเองว่า หากทำได้จะให้รางวัลอะไร
ถ้าทำไม่ได้จะต้องทำอย่างไรและมีการประเมินแผนที่วางไว้เสมอเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้จริง


ส่งเสริมให้ทำกิจกรรมต่างๆ
พ่อแม่ที่ปรารถนาให้ลูกเรียนเก่งต้องไม่ลืมว่าชีวิตมีองค์ประกอบด้านอื่นๆ ที่พ่อแม่ต้องเป็น
ผู้จัดสรร อย่างครบถ้วนด้วย เพื่อช่วยให้ชีวิตลูกได้รับการเติมเต็มอย่างครบถ้วน ทั้งในด้าน
ของสุนทรียะ ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน ด้านความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย และด้าน
ความเบิกบานของจิตใจ เป็นการพัฒนาให้ลูกเติบโตอย่างสมบูรณ์พร้อมในทุกๆ ด้าน

นอกจากนี้พ่อแม่ควรตระหนักว่าเด็กมีศักยภาพที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้อย่าง "ดีเลิศ" ไม่แพ้
การเรียน หากพ่อแม่สนับสนุนให้เขาปลดปล่อยศักยภาพด้านนั้นออกมา
ดังนั้นพ่อแม่จึงควรส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมอื่นๆ ด้วย
เช่น ดนตรี กีฬา ภาษา คอมพิวเตอร์ กิจกรรมอาสาสมัครหรือกิจกรรมอื่นๆ เป็นต้น

เด็กที่เรียนเก่งนั้นจึงไม่ได้เป็น "หนอนหนังสือ" เพียงอย่างเดียวอย่างที่หลายคนคิดกัน
แต่เขาเป็นเด็กที่ได้รับการเปิดโอกาสให้ทำสิ่งต่างๆ อย่างครบถ้วน การส่งเสริมให้ลูกทำ
กิจกรรมที่หลากหลาย นอกจากจะช่วยให้ลูกไม่เคร่งเครียดกับการเรียนจนเกินไปแล้ว
ยังช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งแจ่มใส อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การเรียนรู้มีมากยิ่งขึ้น

ลูกจะเรียนเก่งหรือไม่นั้น มีส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับสิ่งต่างๆ ที่พ่อแม่หยิบยื่นให้กับเขา
หากเขาได้รับความรัก ได้รับโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ตนชอบ ได้รับคำแนะนำในการวางแผนชีวิต
ได้รับการสนับสนุนด้านการเรียนรู้ ได้รับกำลังใจและเติมเต็มชีวิตอย่างครบถ้วนในทุกๆด้าน
ลูกย่อมสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างเต็มศักยภาพและเต็มกำลังสติปัญญาของเขาได้เสมอ
ซึ่งไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตามเขามักทำได้อย่างดีเลิศและการเรียนเก่งก็เป็นหนึ่งในผลปลายทาง
ที่จะติดตามมาด้วยเช่นกัน


โดย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นิตยสารแม่และเด็ก ปีที่ 23 ฉบับที่ 341




 

Create Date : 22 มกราคม 2552
2 comments
Last Update : 22 มกราคม 2552 12:05:06 น.
Counter : 1224 Pageviews.

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดี เสมอเลยนะคะ

 

โดย: OneDeeK 22 มกราคม 2552 12:53:00 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: แม่ปูและน้องอินชอน (Incheon ) 23 มกราคม 2552 6:15:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.