เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กเก่งรอบด้าน
นิตยสาร Kids and School จัดกิจกรรม Kids and School Forum หัวข้อ ‘กลยุทธ์สร้างเด็กพันธุ์ใหม่...ต้องเก่งรอบด้าน’ เพื่อเปิดห้องเรียนพ่อแม่ ขนาดย่อมที่เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาความเก่งของลูกอย่างเต็มศักยภาพ ด้วยความใส่ใจ จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และสรรหากระบวนการที่ จะกระตุ้นให้ลูกคิดและลงมือทำได้อย่างฉลาดและมีความสุข
โดยมี พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สนง.พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ มาให้คำแนะนำดีๆแก่คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจ
เริ่มที่ พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ สถาบัน สุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ให้นิยามความเป็น “เด็กเก่งรอบด้าน” ว่าเป็นเด็กที่ สามารถทำอะไรได้อย่างเต็มศักยภาพที่เขาถนัด ซึ่งการนำพาลูกไปสู่ความเป็นเด็กที่ ฉลาดรอบด้านนั้นขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือ 50% เป็นมรดกทางพันธุกรรม และอีก 50% มาจากการเลี้ยงดู การสั่งสอน สภาพแวดล้อม และโภชนาการ
เพื่อพัฒนาความฉลาดของลูกอย่างยั่งยืน ควรมีจุดเริ่มต้นที่การพัฒนาสมองในช่วงวัย ที่เหมาะสม เพราะสมองของเด็กจะยืดหยุ่นและเปิดรับสิ่งต่างๆได้ดีกว่าสมองของผู้ใหญ่ ความฉลาดจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาด รอยหยัก หรือจำนวนเซลล์สมอง แต่ปัจจัยสำคัญ อยู่ที่การเชื่อมต่อของเซลล์สมอง ซึ่งเกิดจากการสร้างประสบการณ์เรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้เซลล์สมองที่รับผิดชอบการทำงานทุกส่วนพัฒนา ป้องกันภาวะ Pruning คือ เซลล์สมองที่ไม่ถูกใช้งานจะค่อยๆ ลดลงจนหมดไป
“พ่อแม่ต้องกระตุ้นให้เขาใช้ประสาทสัมผัสค้นคว้าสิ่งที่สนใจ โดยเป็นต้นแบบให้เขา ซึมซับความรักในการเรียนรู้ เช่น ชักชวนให้เขาไปเลือกซื้อหนังสือที่ชอบ อ่านแล้วกลับมาเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง สร้างช่วงเวลาอบอุ่นของครอบครัว สิ่งสำคัญคือการพัฒนาลูกในช่วงที่หน้าต่างแห่งโอกาส เปิดกว้างอย่างเต็มที่ เช่น สอนลูกในการควบคุมอารมณ์ตั้งแต่วัยน้องเล็ก 2 เดือน–3 ปี รวมทั้งพัฒนาคุณธรรม ในจิตใจสู่การสร้างเด็กเก่งและเด็กดีที่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมั่นคง เพราะการฝึกฝนลูกให้เป็นคนที่คิดเป็น เขาจะมีภูมิคุ้มกันเมื่อเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งจะค่อยๆ ห่างจากอกคุณพ่อคุณแม่ไปสู่สังคมที่กว้างขึ้น”
ด้าน ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เสริมว่า เด็กที่เก่งรอบด้านต้องมีความรู้และทักษะที่จำเป็นอย่างเพียงพอในการคิดและจัดการ เรื่องราวต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดผลดีต่อตนเองและส่วนรวม โดยแทนนิยามของคำว่า “เก่งรอบด้าน” ว่า “พหูสูต”
“ในชีวิตจริงเด็กๆสามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ประสานกันได้ เช่น ครั้งหนึ่งลูกสาวของผมสนุกกับการปั้นดินญี่ปุ่น เรียนรู้ด้วยการลอกแบบภาพจริง ของสัตว์ต่างๆ มาประดิษฐ์และยังอาศัยมิติสัมพันธ์ ซึ่งกิจกรรมนี้จะพัฒนาสมองซีก ซ้ายและขวา อีกทั้งบางกิจกรรมง่ายๆ ยังมีส่วนช่วยแก้พฤติกรรมของลูก เช่น ทำสมุดหักแต้ม เมื่อเขาทำอะไรไม่น่ารัก และเติมแต้มให้เมื่อเขาปฏิบัติตัวน่าชื่นชม พ่อแม่ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดการเรียนรู้ของลูก ต้องให้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ และสร้างสรรค์ นำเสนอกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งวิทยาการและศิลปะ เราจะเห็นความสนใจของเขา จะทำให้เราส่งเสริมในเส้นทางที่เขาชื่นชอบอย่างแท้จริง หรือเปรียบกับ Keyword สั้นๆว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้เวลา นั่นเอง” ดร.บัญชา ทิ้งท้าย
Create Date : 15 มกราคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 15 มกราคม 2552 19:11:36 น. |
Counter : 784 Pageviews. |
|
|
|