Bloggang.com : Rain_sk : "มนุษย์ออฟฟิศ"อ่วม! ค่ารถ-อาหาร-กาแฟ ขึ้นพรึ่บ! เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ด่วน

"มนุษย์ออฟฟิศ"อ่วม! ค่ารถ-อาหาร-กาแฟ ขึ้นพรึ่บ! เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ด่วน

คอลัมน์ จับกระแสตลาด/นสพ.ประชาชาติธุรกิจ

เมื่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่าง ๆ พร้อมใจกันขึ้นราคาพรึ่บพรั่บแบบไม่ได้นัดหมาย ผู้ที่รับเคราะห์ที่สุดหนีไม่พ้น "ผู้บริโภคตาดำ ๆ" โดยเฉพาะกับ "มนุษย์ออฟฟิศ" ทั้งหลาย ที่เงินในกระเป๋าไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กลับเพิ่มขึ้นมหาศาล

ไม่เพียงแต่ชาวบ้าน ผู้บริโภครากหญ้า แต่รวมไปถึง "หนุ่มสาวออฟฟิศ" ตามสีลม สาทร สุขุมวิท ฯลฯ ที่มีไลฟ์สไตล์ใช้ชีวิตจับจ่ายใช้สอยตามศูนย์การค้า หรือช็อปปิ้งมอลล์ต่างต้องกระทบถ้วนหน้า

แม้ภาครัฐจะออกมาย้ำว่า "ของแพง" เป็นแค่ "ความรู้สึก" แต่จริงๆ แล้วเมื่อนำค่าใช้จ่ายทุกตัวมากางดูวันนี้ สิ่งที่คนหนุ่มสาววัยทำงาน ต้องแบกรับเพิ่มถือว่าไม่ธรรมดา ยิ่งกับกลุ่มคนเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

วันนี้เมื่อ "เงินในกระเป๋า" ต้องถูกจัดสรร ปันส่วนไปให้กับค่าใช้จ่ายประจำ หรือ Fixed cost ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสาร ของกินของใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น

สิ่งที่เกิดขึ้นจากนี้คือ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนออฟฟิศจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เพราะนั่นหมายถึงเงินที่จะใช้สำหรับร้านอาหารร้านกาแฟ หรือสำหรับช็อปปิ้ง ต้องลดลงตามค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น

เริ่มจากค่าโดยสาร ค่าใช้จ่ายหลักของ "หนุ่มสาวออฟฟิศ" ที่ไม่มีรถเป็นของตัวเองต้องแบกรับอยู่ทุกวัน

ถึงชั่วโมงนี้ แน่นอนแล้วว่าตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ รถโดยสารสาธารณะเกือบทุกประเภทปรับขึ้นราคาตามที่กระทรวงคมนาคมอนุมัติ ตั้งแต่รถสองแถวในซอย รถโดยสารมินิบัส รถ บขส. เช่นเดียวกับ

ผู้ให้บริการเรือโดยสาร ทั้งเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือคลองแสนแสบ จะปรับค่าโดยสารอีกระยะละ 2 บาทเมื่อราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปอยู่ในระดับ 33 บาทต่อลิตร

ขณะที่รถแท็กซี่ก็จ่อจะขึ้นราคาในเร็ว ๆ นี้ โดยรอการอนุมัติจากกระทรวงคมนาคม เช่นเดียวกับค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล (หัวลำโพง-บางซื่อ) ที่กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ขึ้นราคาอีก 1 บาท คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคมนี้

สำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว ไม่ต้องพูดถึง เพราะน้ำมันทุกชนิดทยอยปรับขึ้นราคาแบบไม่มีหยุด ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และตามนโยบายเรียกเก็บเงินส่วนดังกล่าวเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ส่วนราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี พลังงานทางเลือกแต่เดิม ก็ดูจะไม่เป็นทางเลือกเท่าไรแล้ว เมื่อรัฐบาลเลิกอุดหนุนราคา โดยเอ็นจีวีจะประเดิมปรับเพิ่มขึ้นอีก 50 สตางค์ ตั้งแต่ 16 พฤษภาคมนี้

หันมามองที่ "ค่าไฟ" ก็ต้อง "กุมขมับ" เมื่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อนุมัติขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟทีอีก 30 สตางค์ต่อหน่วยตั้งแต่พฤษภาคมนี้ ขณะที่ค่าน้ำก็มีการปรับไปในหลายจังหวัดตั้งแต่ปีที่แล้ว

ยังไม่หมดเท่านั้น กวาดสายตามาดูที่ค่าอาหารต่าง ๆ ก็พบกับ "ข่าวร้าย" มากมาย เริ่มจากอาหารพื้นฐานอย่าง "ข้าว" ประกาศขึ้นราคาตั้งแต่พฤษภาคมนี้ โดยผู้ประกอบการข้าวถุง จะทยอยปรับขึ้นราคาข้าวหอมมะลิ ขนาดถุงละ 5 กิโลกรัม อีกถุงละ 10 บาท จากราคาข้าวในตลาดปรับสูงขึ้น

เช่นเดียวกับราคาอาหารอื่น ๆ แม้จะไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่หลายบริษัท อาทิ พรานทะเล ก็ยอมรับว่าต้องลดโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่เคยมีลง เช่นเดียวกับหลาย ๆ แบรนด์ที่ออกมาพูดในทำนองเดียวกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มราคาทางอ้อมนั่นเอง

ขณะที่การจับจ่ายใช้สอยตามช็อปปิ้งมอลล์ หรือศูนย์การค้าต่าง ๆ ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวออฟฟิศปัจจุบัน จากการสำรวจพบว่าขณะนี้ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ต่าง ๆ ก็ทยอยขึ้นราคา ซึ่งเป็นผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ และค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทที่ปรับเพิ่มขึ้น

โดยตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา แบรนด์ "คาเฟ่ อเมซอน" ในปั๊ม ปตท. ได้ประกาศขึ้นราคา เช่นเดียวกับ "เอสแอนด์พี" ที่มีแผนขึ้นสินค้าบางรายการเฉลี่ย 4% โดย

กลุ่มเบเกอรี่ได้ปรับขึ้นแล้วในเดือนเมษายน ส่วนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจะขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ขณะที่แมคโดนัลด์ก็ได้ปรับสินค้าบางเมนูไปแล้ว 2% รวมถึงแบรนด์ดัง "ซิซซ์เล่อร์" ที่ระบุชัดว่าหากเงินเฟ้อโดยรวมของประเทศไทยขึ้นสูงขึ้นประมาณ 4-5% บริษัทก็อาจมีแผนปรับขึ้นราคาอาหารในร้านตามเงินเฟ้อได้

ล่าสุดโดนัทแบรนด์ดังอย่าง "คริสปี้ครีม" ยอมรับว่าอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้า กรณีจำเป็นคือ 5%

เมื่อดูจากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จากการเปิดเผยของ "สุเรช รามาลินกัม" กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด ชี้ว่า แม้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยฟื้นตัวเป็นขาขึ้นจากช่วงน้ำท่วม แต่กลับเริ่มไม่มั่นใจและไม่เชื่อว่าประเทศจะก้าวพ้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำภายในหนึ่งปีนี้ ขณะที่ปัญหา "ความมั่นคงในอาชีพและภาระหนี้สิน" ยังกลายเป็นปัญหาหนักใจของผู้บริโภค

สอดคล้องกับผู้ประกอบการหลายค่าย ที่ต่างออกมาระบุว่ายอดขายในเดือนเมษายนนั้นลดลงอย่างชัดเจน เพราะผู้บริโภคไม่มีอารมณ์การจับจ่าย ส่วนหนึ่งมาจากข่าวคราวเรื่องของแพงที่ออกมาทุกวัน

นี่ยังไม่รวมกับราคาไข่ไก่ หมู ผัก ฯลฯ ในตลาดสด ที่ส่วนหนึ่งบรรดาแม่ค้า พ่อค้า ก็ฉวยโอกาสในการขึ้นราคาในช่วงนี้ ตามกระแส "ของแพง" ในขณะนี้

วันนี้จึงไม่ต้องให้รัฐมนตรี หรือคนฝั่งรัฐบาล หรือฝ่ายค้านลงสำรวจตลาด เพราะแค่กางค่าใช้จ่ายประจำวันต่าง ๆ ที่มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายต้องแบกรับมากขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้

ก็เชื่อว่า ภาพการจับจ่ายใช้สอยของ หนุ่มสาวออฟฟิศ จากนี้จะเริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

อย่างน้อยเงินในการช็อปปิ้ง ซื้อของฟุ่มเฟือย ก็คงต้องลดลง

เพราะต้องกันงบฯทุกบาททุกสตางค์ไว้กับ "ค่ารถ ค่าไฟ ค่าอาหาร ฯลฯ" ที่พร้อมใจกันขึ้นแบบไม่ได้นัดหมายอยู่ในขณะนี้

"มนุษย์ออฟฟิศ"อ่วม! ค่ารถ-อาหาร-กาแฟ ขึ้นพรึ่บ! เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ด่วน

ที่มา นสพ ประชาชาติ

Create Date : 09 พฤษภาคม 2555

Last Update : 9 พฤษภาคม 2555 22:39:04 น.

0 comments

Counter : 1512 Pageviews.