“ปัจจัยสาม” แห่งความก้าวหน้า
ในโลกการทำงานทุกวันนี้ ทุกคนก็หวังที่จะก้าวหน้าใช่ไหมครับ แล้วคุณคิดว่าจะเป็นไปได้ไหมที่ทุกคนจะก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน
ในยามที่เศรษฐกิจขยายตัว อาจจะเป็นไปได้นะครับ เช่น ผมมีลูกค้าอยู่รายหนึ่งที่ธุรกิจเติบโตมาก ขยายออกไปในหลากหลายอุตสาหกรรมในหลายประเทศ หลายปีก่อน ผมทำงานกับทีมผู้บริหารระดับกลาง วันนี้เห็นท่านเป็นผู้บริหารระดับสูง (CEO)ของบริษัทในเครือไปก็หลายท่านอยู่ แต่เศรษฐกิจก็ไม่สามารถขยายตัวไปได้ตลอดนะครับ มันมีวงจรของมันอยู่ แม้นักเศรษฐศาสตร์จะพยายามคาดการณ์และจัดการล่วงหน้าไว้ก่อน แต่ก็ไม่เคยทันเลย ดูได้จากวิกฤตต้มยำกุ้งและวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เป็นตัวอย่าง พอเศรษฐกิจหดตัว บริษัทบางแห่งก็หดตาม คราวนี้คงจะนึกภาพกันออกแล้วใช่ไหมว่า ทุกคนคงไม่สามารถก้าวหน้าในหน้าที่การ งานได้เท่ากันแล้ว คราวนี้ถ้าคุณอยากจะสร้างศักยภาพ ที่จะทำให้คุณก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ผมมีคำแนะนำมาฝาก3 ข้อครับ ★ ข้อแรก คุณต้องบริหารเวลาให้เป็น คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเวลาคือสิ่งที่มีค่าที่สุด เพราะการสร้างคุณค่าในทุกขั้นตอนนั้นต้องใช้เวลา และทุกคนก็มีเวลาเท่ากัน คือ 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน ดังนั้นคนที่บริหารเวลาได้ดีกว่าจะทำสิ่งต่างๆ ได้มากกว่า และถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้องมีความสำคัญต่ออนาคต ก็ย่อมที่จะประสบความสำเร็จได้มากกว่า จากประสบการณ์ที่ผมพบ คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้ แต่มักใช้แรงกายเข้าสู้ พอหน้าที่การงานเติบโตมากๆ ความรับผิดชอบมากขึ้นก็มักจะทำไม่ไหว ทำให้คุณภาพของงานแย่ลง และความเครียดสูงขึ้น จริงๆ แล้วมีแนวทางมากมายในการจัดการกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถประเมิน ได้ว่าสิ่งใดสำคัญ สิ่งใดไม่สำคัญ ถ้าไม่มีเป้าหมายเป็นหลักยึด เราก็อาจทุ่งเททำงานที่ไม่สำคัญ คนจำนวนมากถึงได้เสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องไงล่ะครับ ★ ข้อที่สอง คุณต้องแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ความรู้เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการทำงาน อย่าเข้าใจว่าผมหมายถึงปริญญาหรือวุฒิบัตรเพียงอย่างเดียวนะครับ ความรู้อะไรก็ได้ที่ช่วยให้เราสามารถทำงานในปัจจุบัน และงานในอนาคตได้ดีที่สุด บางคนมัวแต่ทำงานมากจนเกินไป จนลืมลับมีด มีดดีแค่ไหนใช้ไปทุกวันก็ทื่อครับ ความรู้ก็เช่นเดียวกัน ยุคสมัยเปลี่ยนไป องค์ความรู้ก็เปลี่ยนไป เช่น ถ้าวันนี้ผมได้เจอนักการตลาดที่บอกว่าไม่รู้จัก Facebook ผมทายได้เลยว่าแย่แน่ ดังนั้น คุณต้อง update ความรู้อยู่เสมอ คอยติดตามข่าวสาร อ่านหนังสือ ไปสัมมนาในด้านที่ทำงานอยู่ ทำได้หลายอย่างครับ พอความรู้ของคุณดีกว่าของคนอื่นๆ คุณก็จะสามารถทำงานได้ดีกว่า อันนี้ก็จะทำให้เกิดความได้เปรียบ ★ และข้อสุดท้าย คุณต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ให้มากขึ้น บางคนบอกว่าไม่ชอบเทคโนโลยี บ้างก็กลัวไปเลย บางคนบอกว่าแพง แต่ถ้าเราดูเข้าไปถึงเนื้อแท้ของเทคโนโลยีเราจะพบว่าเป็นการทุ่นแรง ผมขอยกตัวอย่างคอมพิวเตอร์นะครับ บางคนก็ว่าแพง ใช้ยาก ตกรุ่นบ่อย แต่ถ้าเราเปรียบเทียบคนสองคนที่ทำงานคล้ายกัน คนหนึ่งใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน อีกคนไม่ใช้ ทุกท่านคงพอจะเดาได้นะครับว่าใครทำงานเสร็จเร็วกว่า และมีคุณภาพดีกว่า ทุกวันนี้เราก็จะเห็นว่าองค์กรที่มีเทคโนโลยีที่ดีกว่า (และใช้เป็น) จะเจริญก้าวหน้าได้เสมอ ผมว่าแค่“ปัจจัยสาม”แห่งความก้าวหน้า ที่เล่ามานี้ หากใครทำได้จริง ชีวิตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนในทุกสถานการณ์ โดย ธนัย ชรินทร์สาร ที่มา : //www.manager.co.th
Create Date : 31 มกราคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 31 มกราคม 2553 20:39:04 น. |
Counter : 1719 Pageviews. |
|
|
|