สร้างศักยภาพการแข่งขันของตัวเองจากบทเรียนขององค์กร
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือตัวบุคคลจะมี 2 สิ่งเป็นองค์กรประกอบเสมอ นั่นก็คือจุดอ่อนและจุดแข็ง หรืออาจจะเรียกว่าจุดเด่น จุดด้อย/ข้อจำกัดก็ได้ และแน่นอนว่าในโลกของการแข่งขัน องค์กรต่างๆก็มักจะนำเอาสองสิ่งนี้แหละมาเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขัน และที่นิยมกันมากคือ การแข่งขันกันสร้างจุดแข็งหรือจุดเด่นกัน เช่น แข่งขันกันเรื่องราคาที่ต่ำสุด แข่งขันกันเรื่องคุณภาพสูงสุด แข่งขันกันส่งมอบตรงเวลามากที่สุด แข่งขันกันแข่งขันกันลดแลกแจกแถมที่ถูกใจลูกค้า ฯลฯ
และหลายองค์กรที่ต้องออกจากสนามการแข่งขันไปเพราะนำจุดแข็งมาแข่งขันมากเกินไป เราจะเห็นว่าหลายธุรกิจเคยที่เคยแข่งขันกันเรื่องราคาสินค้าสุดท้ายก็ต้องเลิกกิจการเพราะสายป่านยาวไม่พอ หรือไม่ก็ต้องหันหน้าเข้าหากัน เพราะยิ่งลดราคายิ่งเจ็บทั้งคู่
เมื่อองค์กรต่างเอาจุดแข็งของตัวเองออกมาชนกันแล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือ ลูกค้า แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นคือไม่เจ็บก็เจ๊งทั้งคู่ สุดท้ายหลายองค์กรเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ โดยการสร้างความแตกต่าง(Differentiation) เพื่อหลีกหนีการเอาจุดแข็งมาชนกัน เมื่อเอาความแตกต่างมาแข่งขันกัน ทำให้ลูกค้าเปรียบเทียบได้ยากสินค้าหรือบริการของที่ไหนดีกว่ากัน เพราะองค์กรหนึ่งมีสินค้าน้อยแต่ราคาถูก ในขณะที่อีกองค์กรหนึ่งมีสินค้าค่อนข้างแพง แต่มีสินค้าครบทุกประเภท หรือมีสินค้าที่องค์กรอื่นไม่มี
ถ้ากลับมามองถึงตัวบุคคลซึ่งเป็นคนทำงานกันบ้าง ลักษณะของการแข่งขันของคนเราก็ไม่แตกต่างอะไรไปจาก การแข่งขันขององค์กร ที่เรามัวแต่ไปแข่งกันสร้างจุดเด่นซึ่งเป็นจุดเดียวกัน เช่น แข่งขันกันเรียนเก่ง แข่งขันกันเรื่องภาษา แข่งขันกันเรื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ สุดท้ายเมื่อแข่งขันกันมากๆคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือนายจ้างที่มีสิทธิ เลือกคนที่เก่งที่สุด
เราจะเห็นว่าในตลาดแรงงานจะมีคนอยู่เพียงกลุ่มเดียวคือ คนเก่งๆเท่านั้นที่ตลาดต้องการ ส่วนคนที่เหลือไม่ค่อยมีใครต้องการ ดังนั้นใครที่สมัครที่ไหนก็ได้ตลอด ใครสมัครงานที่ไหนไม่ได้ ก็ไม่ได้ตลอดเหมือนกัน เพราะเมื่อวัดกันตัวต่อตัวแล้วจุดแข็งของเรามีน้อยกว่าจุดแข็งของคนอื่น เช่น มีผู้สมัครสองคนเก่งทั้งคู่ คำถามที่กรรมการสัมภาษณ์หรือคัดเลือกบุคลากร เข้าทำงานคือใครเก่งกว่ากัน พอตอบคำถามได้ก็เลือกได้ง่าย
ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ทำงานในองค์กรต่างๆ คือ การนำเอาบทเรียนทางธุรกิจมาประยุกต์ใช้กับชีวิตตัวเอง เพราะในความเป็นจริงแล้วองค์กรเปรียบเสมือนคนๆหนึ่งที่ประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตคนหลายคน ความคิดขององค์กรมาจากไหนก็มาจากคนนั่นเอง ดังนั้น ผมจึงอยากจะแนะนำแนวทางการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของตัวเอง โดยการนำเอาข้อคิดทางธุรกิจมาประยุกต์ใช้ โดยให้พิจารณาใน 3 ขั้นตอนดังนี้
1.ถ้ารู้ว่าตัวเองเก่งจริงในเรื่องนั้นๆ จงใช้จุดแข็งเป็นตัวนำ คนเก่งจริงเท่านั้นจึงจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ ดังนั้น เราจะต้องประเมินตัวเองว่าในเรื่องนั้นๆเราเก่งจริงหรือไม่ ถ้าเก่งจริงเราอยู่ระดับท๊อปไฟว์หรือท๊อปเทนของคนที่เก่งในเรื่องเดียวกันกับเรา ถ้านำหลักการของกฎ 80 : 20 มาคิดแล้ว ผมคิดว่าในกลุ่มคนที่เก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะมีคนเพียง 20 % เท่านั้นที่มี โอกาสได้รับการคัดเลือกสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ถ้าเราไม่เก่งจริงในเรื่องหรือด้านนั้นๆ ขอแนะนำว่าอย่าริไปแข่งกับเขา เพราะโอกาสแพ้มีมากกว่าชนะ
2. ถ้ารู้ว่าจุดแข็งของเราสู้คนอื่นไม่ได้ ก็จงสร้างความแตกต่าง ถ้าประเมินแล้วจุดแข็งที่เรามีอยู่สู้เขาไปได้ โอกาสพัฒนาให้สูงขึ้นก็ยากแล้ว เช่น เราเก่งภาษาอังกฤษ แต่ในโลกนี้มีคนเก่งภาษาอังกฤษเยอะมาก เราควรจะหันกลับมาสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง เช่น รักษาระดับความเก่งของภาษาอังกฤษไว้ที่เดิม และเพิ่มเติมภาษาอื่นๆเข้าไป เพื่อให้เกิดความแตกต่าง อย่างนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสและลดการแข่งขันลง เพราะคนที่เก่งสองหรือสามภาษาขึ้นไปนั้นมีน้อยกว่าคนที่เก่งภาษาอังกฤษอย่างเดียว
3. ถ้ารู้ว่าจุดแข็งของเราสู้คนอื่นไม่ได้และสร้างความแตกต่างได้ยาก ก็จงนำจุดอ่อนของคนอื่นมาพัฒนา สุดท้ายถ้าจุดแข็งของเราก็สู้เขาไม่ได้ ครั้งจะพัฒนาจุดอื่นๆให้มีความแตกต่างออกไปก็ลำบาก แนวทางอีกอย่างหนึ่งที่น่าจะเป็นทางเลือกคือ การประเมินจุดอ่อนของผู้อื่นแล้วนำจุดนั้นกลับมาพัฒนาตัวเอง อย่าลืมว่าจุดอ่อนของคนคือ จุดที่อยู่ต่ำกว่าระดับปกติ
ดังนั้นถ้าเราพัฒนาจุดอ่อนของคนทั่วไปขึ้นมาได้แม้ว่าจะไม่ดีที่สุด และไม่ใช่สิ่งที่แตกต่าง แต่น่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเองได้อีกทางหนึ่ง เช่น เราทำงานด้านคอมพิวเตอร์หรือไอที จุดแข็งของคนไอทีคือ คิดเป็นระบบมีตรรก (Logical Thinking) ในการคิด แต่จุดอ่อนของคนคอมพิวเตอร์คือ คุยกับคนไม่ค่อยรู้เรื่อง (เขาว่ามานะครับ ไม่ใช่ผมว่าเอง) ถ้าเรารู้ว่าระบบการคิดของเราไม่ได้เก่งที่สุดในกลุ่มคนไอที ผมคิดว่าเราลองนำเอาจุดอ่อน (คุยกับคนไม่รู้เรื่อง) มาพัฒนาปรับปรุงตัวเราเอง แม้จะพัฒนาขึ้นมาเพียงนิดเดียวจากคุยไม่รู้เรื่อง มาพอคุยกันรู้เรื่อง แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการแข่งขันกับคนไอทีทั่วไปแล้ว เพราะจุดอ่อนที่เราพัฒนาขึ้นมานั้น เป็นสิ่งที่คนอื่นนอกจากสายงานไอทีเขากำลังอยากได้จากคนไอทีอยู่พอดี
สรุป คนแต่ละคนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายคลึงกันกับองค์กร ถ้ามองในเชิงกลยุทธ์ของการแข่งขันแล้ว องค์กรอาจจะมีความก้าวหน้ากว่าตัวบุคคลแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด กลยุทธ์หรือเทคนิคต่างๆ องค์กรมีบทเรียนทั้งที่ล้มเหลวและสำเร็จ องค์กรมีอายุยืนกว่าชีวิตคนๆเดียว ดังนั้น เราควรจะเรียนลัดโดยการเรียนรู้จากประสบการณ์ขององค์กร
ควรพิจารณาเลือกดูว่าบทเรียนขององค์กรเรื่องใดบ้างน่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของเราได้ ผมมีความเชื่อมั่นว่ายิ่งเราได้มีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์เชิงกลยุทธ์ของหลากหลายองค์กรเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะได้ข้อคิดและแนวทางในการพัฒนาตัวเองก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
“โอกาสมีอยู่รอบตัวเรา เพียงแต่เราจะเปลี่ยนเลนส์ใจและทัศนคติให้เป็นบวกเท่านั้น”
อ้างอิง : กรุงเทพธุรกิจ
Create Date : 03 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 3 สิงหาคม 2552 14:45:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 599 Pageviews. |
|
|
|
|
|