Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
8 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
ปาร์ตี้มัดใจคนงาน กลเม็ดจากเถ้าแก่เนี้ย

ชีวิตงาน

ประมาณ 2 ปีกว่ามาแล้ว
ที่ผู้เขียนรับหน้าที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ สอบสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้าศึกษาในหลักสูตรปริญญาโท
ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของศศินทร์
ผู้เขียนยังจำได้ดีว่ามีผู้สมัครท่านหนึ่งมี คุณสมบัติต่างไปจากผู้สมัครคนอื่นๆ
กล่าวคือ เธอเป็นผู้บริหารกิจการโรงงานพลาสติกแห่งหนึ่ง ในจังหวัดที่อยู่ใกล้ๆ เขตปริมณฑลของกรุงเทพฯ ...

ทั้งนี้เพราะผู้สมัครมาเรียนในหลักสูตร HRM ของศศินทร์
มักเป็นพนักงานในแผนก HR หรือถูกเลื่อนขั้น ย้ายโอน หรือจะเปลี่ยนสาขางานมาอยู่แผนก HR
โดยพวกเขาและเธอเหล่านั้น มักทำงานอยู่กับบริษัทหรือองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
และองค์กรเหล่านั้นมักเป็นองค์กรที่มีเชื้อสายต่างชาติด้วย
เพราะหลักสูตร HRM ของศศินทร์เป็นหลักสูตรที่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน
และเนื้อหาหลักสูตรก็เน้นเรื่องบทบาทการเป็นหุ้นส่วนกลยุทธ์ (Strategic Partner) ของแผนก HR

ดังนั้นผู้ที่ตั้งใจจะมาศึกษาที่ศศินทร์จึงตระหนักดีว่า
พวกเขาต้องการหลักสูตร ที่จะสร้างความพร้อมให้ทำงานในระดับนานาชาติได้

ดังนั้น การที่มีเจ้าของกิจการลงทุนมาเรียนด้วยตนเอง จึงเป็นเรื่องที่นำความประหลาดใจ (เล็กๆ)
และความน่ายินดีมาสู่วงการ HR ของเรา เพราะเราชาว HR ตระหนักดีว่า
ผู้บริหารโดยมากที่ทำงานกับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง มักจะให้ความสำคัญกับงานแผนกอื่น
เช่น การผลิต การเงิน และการตลาดมากกว่างาน HR และงาน HR มักถูกฝากอยู่กับแผนกการเงินและบัญชี
เพราะเจ้าที่หน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี จะเป็นผู้จัดการเรื่องการจ่ายเงินเดือน
ทำให้เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจ้างคนมาดูแลงาน HR โดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังนี้สังเกตดูว่า เริ่มมีผู้บริหารระดับสูงขององค์กรขนาดใหญ่ วิศวกร นักบริหารการเงิน
เริ่มเข้ามาศึกษาในหลักสูตร HRM ของเรามากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นดัชนีบ่งชี้ว่า นักบริหารโดยทั่วไป
เริ่มเห็นความสำคัญของการมีความรู้ทางด้านหลักการทฤษฎี และทักษะในการบริหารบุคลากรมากขึ้น
และสำหรับกรณีของคุณสุมิตรา มีมงคลเกียรติ ที่เป็นสุภาพสตรีสาวสวยเจ้าของโรงงานพลาสติกนี้
เธอมาสมัครเรียนปริญญาโทหลักสูตร HRM ของศศินทร์ โดยเธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาบัญชี
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อสำเร็จการศึกษาก็ได้สมรสกับเจ้าของโรงงาน
และต้องช่วยดูแลบริหารกิจการของสามี ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลาสติก

เมื่อผู้เขียนสัมภาษณ์เธอว่าเหตุใดจึงมาสมัครเรียน
เธอได้ชี้แจงว่า การเป็นเจ้าของโรงงานต้องพบเจอกับปัญหาเรื่องคนงานมาก เพราะคนงานเป็นคนต่างจังหวัด
พอหน้าเทศกาล เช่น ตรุษสงกรานต์ ตรุษจีน ก็มักจะลางาน กลับบ้านกันนานๆ
ขอร้องให้อยู่เพราะมีงานเร่งก็ไม่ยอม จะจ่ายเงินเพิ่มให้มากๆ ชดเชยก็ไม่สนใจ จะกลับบ้านถ่ายเดียว

นอกจากนี้แล้ว หลายคนพอลากลับบ้านก็ไม่กลับมาอีกเลย ซึ่งนี่ก็คือปัญหาตามเทศกาล
ส่วนปัญหารายวันที่ต้องเจอะเจอก็คือคนงานระดับล่าง ซึ่งเป็นลูกจ้างรายวันก็มักจะอยู่ไม่นาน
และพวกเขาเหล่านี้จะคอยศึกษาเปรียบเทียบค่าจ้างของเขากับเพื่อนฝูง ที่ทำงานอยู่โรงงานใกล้เคียงกันเป็นประจำ
ที่ไหนจ่ายดีกว่าก็จะย้ายไปอยู่ที่นั่น นอกจากนี้ บรรดาคนงานก็จะพูดคุย สืบเสาะว่าเจ้าของโรงงานคนไหน
เป็นคนอย่างไร ดูแลลูกน้องดีไหม จ่ายเงินดีไหม กล่าวได้ว่าคนงานเขาก็มี “เน็ตเวิร์ก” ของเขาเช่นกัน
ดังนั้น เจ้าของโรงงานอย่านึกดูถูกลูกจ้างว่าเป็นลูกไก่ในกำมือ
หรือเป็นคนระดับล่างมีการศึกษาน้อย นึกจะพูดจา หรือจะทำอย่างไรกับพวกเขาก็ได้

คุณสุมิตราตระหนักดีว่า
ในปัจจุบันซึ่งระบอบประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน ข่าวสารข้อมูลและสื่อต่างๆ ไปถึงประชาชนทุกระดับ
ทำให้ลูกจ้างแรงงานทั้งหลายมีความรู้ถึงสิทธิต่างๆ ของลูกจ้างมากขึ้น
รวมทั้งภาวะการแข่งขันในภาคธุรกิจทำให้ตลาดแรงงานต้องเฟ้นหา แย่งตัวแรงงานที่มีฝีมือมากขึ้น
ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ทำให้เจ้าของกิจการร้านค้า บริษัทและโรงงานทั้งหลายต้องปรับปรุงวิธีการบริหารจัดการต่างๆ
รวมทั้งการบริหารคนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ด้วยเหตุผลประการต่างๆ นี้ ทำให้ดิฉันสนใจมาศึกษาเรื่องคนด้วยตนเอง
จะได้นำความรู้ไปบริหารคนที่โรงงานให้เขาอยู่กับเรานานๆ และอย่างมีความสุขด้วย”
นี่คือคำตอบสุดท้ายจากคุณสุมิตราในการสัมภาษณ์เมื่อ 2 ปีก่อน และผู้เขียนยังจดจำได้จนทุกวันนี้!

2 ปีผ่านไป โดยคุณสุมิตราได้สำเร็จการศึกษา และเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อย
แม้จบการศึกษาไปแล้วเธอก็ยังติดต่อพูดคุยกับผู้เขียน และเพื่อนฝูงที่ศศินทร์เป็นประจำ
โดยเธอเล่าให้ฟังว่า สภาพการณ์เรื่องคนงานที่บริษัทของเธอนั้นดูดีขึ้น มีปัญหาคนงานลาออกน้อยลง
และความสัมพันธ์ระหว่างคนงานกับเจ้าของโรงงาน ที่เป็นผู้บริหารก็ดีขึ้นด้วย
แน่ละ...ที่ใครๆ ก็อยากรู้ว่า คุณสุมิตราหรือเถ้าแก่เนี้ยสาว (ฉายาที่เพื่อนๆ ตั้งให้เล่นๆ) ทำอย่างไร?

ในฐานะเป็นเถ้าแก่เนี้ยหรือเป็นเจ้าของโรงงาน ที่เป็นกิจการขนาดเล็กนี้ เธอได้เปิดเผยเคล็ดลับบางประการ
ในการบริหารคนที่เถ้าแก่น้อยและเถ้าแก่เนี้ยรายอื่นๆ สามารถทดลองนำไปใช้ได้
จากการพูดคุยกับเถ้าแก่เนี้ยสุมิตราคนสวยนี้ ทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้ในปัจจัยต่างๆ เหล่านี้คือ


ในเบื้องต้นเถ้าแก่ ต้องมีความจริงใจและมีจิตใจที่เอื้ออาทรลูกจ้างอย่างแท้จริง

สังเกตได้ว่าคุณสุมิตรานั้น มีความสนใจและห่วงใยในความรู้สึกของคนงานที่มีต่อผู้บริหารมาก
เธอเห็นความสำคัญของการมีสัมพันธภาพที่ดี ระหว่างผู้บริหารและพนักงานว่า
น่าจะเป็นเครื่องร้อยรัดใจให้คนงานอยากอยู่กับโรงงานนานๆ
เพราะเธอได้เห็นด้วยตัวเธอเองแล้วว่า ลูกจ้างคนงานระดับล่างที่เป็นคนไทยมาจากต่างจังหวัดนั้น
มิใช่เป็นคนที่สามารถใช้เงินซื้อได้เสมอไป หรือเป็นคนเกียจคร้านไม่มีน้ำใจ
เมื่อเธอพยายามที่จะเรียนรู้ ทำความรู้จักนิสัยใจคอของพวกเขา
ก็พบว่าพวกเขาก็มีความรู้สึกนึกคิด ความต้องการเหมือนผู้บริหารนั่นแหละ

การที่เขามีความรู้น้อยไม่ได้หมายความว่าเขาคิดไม่เป็น
แท้ที่จริงแล้วพวกเขามีเน็ตเวิร์กที่ดีทีเดียว ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับนายจ้างและบริษัทที่เขาจะไปสมัครงาน
อาจกล่าวได้ว่าเขารู้จักนายจ้างดีกว่านายจ้างรู้จักเขาเสียอีก
ดังนั้น เถ้าแก่ทั้งหลายพึงปรับทัศนคติในการมองลูกจ้างเสียใหม่
และเมื่อคุณให้ความเคารพเขาในฐานะเป็นบุคคลคนหนึ่ง ไม่ใช่ลูกจ้างที่ต่ำต้อยกว่าคุณ
ผนวกกับมีความปรารถนาดีกับเขาอย่างจริงใจ คุณก็จะได้ความรู้สึกดีๆ จากเขากลับคืนมาเอง



เรียนรู้ทำความรู้จัก และเข้าใจความต้องการของลูกจ้าง

แทนที่เถ้าแก่จะวางนโยบายการทำงาน การให้ผลตอบแทนแก่ลูกจ้างจากมุมมองของเถ้าแก่ฝ่ายเดียว
คุณสุมิตราจะพยายามสร้างความเป็นกันเองกับลูกจ้าง
ด้วยการพูดคุยกับพวกเขา การทักทาย ซักถามสารทุกข์สุกดิบของ ลูกจ้างในแต่ละวัน
เป็นการสร้างพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดี เมื่อลูกจ้างรู้สึกเป็นกันเอง ที่จะพูดคุยเรื่องครอบครัวที่บ้านกับเถ้าแก่แล้ว
เรื่องอื่นๆ ก็จะตามมาเอง เช่น ความคิดเห็น ความรู้สึกในการทำงาน ข้อเสนอแนะต่างๆ
รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานอื่นๆ ที่เขารู้จากเพื่อนฝูงเป็นของแถมให้ด้วย
ซึ่งจากข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ เถ้าแก่สามารถนำมาปรับปรุงระบบบริหาร ผลตอบแทนและนโยบายต่างๆ ได้



‘ปาร์ตี้’ กับนิสัยชอบสนุก (Fun-Loving) ของคนไทย

เคล็ดลับสุดยอดของคุณสุมิตราอยู่ตรงนี้เอง เธอเป็นคนสนุกสนาน สังคมเก่ง
มีความสามารถในการจัด “ปาร์ตี้” ชุมนุมเพื่อนฝูงได้ดีเลิศ
และเธอก็ใช้จุดแข็งนี้ ในการสร้างสัมพันธภาพและความประทับใจให้แก่ลูกจ้าง
โดยแต่ละปีเธอจะจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ให้พนักงานประมาณ 2-3 ครั้ง เป็นงานเล็กบ้างใหญ่บ้างตามโอกาส
เช่น ฉลองความสำเร็จเวลาบริษัทได้รับรางวัลต่างๆ หรือประสบความสำเร็จในเรื่องใดๆ
สำหรับงานปาร์ตี้ใหญ่ๆ นั้นเธอลงทุนเลี้ยงอาหารอย่างดี มีเวทีจ้างวงดนตรีมาให้พนักงานได้ร้องเพลง
ประกวดการแสดงและแต่งตัวแฟนซีกันสุดตระการตา ผลน่ะหรือ? พนักงานชอบม้าก...ค่ะ
พวกเขาสนุกสนาน ลงทุนลงแรงประกวดประขันกันเต็มที่ ยิ่งได้รางวัลเป็นเงินสดจากเถ้าแก่เนี้ยด้วยแล้ว
ยิ่งสนุกและประทับใจ เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าคนไทยนั้นชอบสนุก ร้องรำทำเพลง
เมื่อคุณสุมิตรารู้จักนำประโยชน์จากความจริงข้อนี้มาใช้ ทำให้ความสัมพันธ์ของคนงานกับบริษัท จึงไปโลด



ฉลองชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ อยู่ไม่ขาด (Small Win Celebration)

แม้จะไม่มีความสำเร็จของงานชิ้นใหญ่ๆ ให้ฉลองได้บ่อยๆ
แต่คุณสุมิตราก็พยายามทำให้ชีวิตประจำของพนักงาน มีความชื่นมื่นอยู่มิได้ขาด
เวลามีข่าวดีเล็กๆ น้อยๆ เช่น ยอดขายประจำเดือนดีขึ้น หรือพนักงานบางคนประสบความสำเร็จในเรื่องใดๆ
ก็จะมีการยกย่องและฉลองความสำเร็จเล็กๆ นั้น ด้วยการแจกคุกกี้อร่อยๆ กับกาแฟกระป๋องเย็นๆ
แค่นี้ก็สร้างรอยยิ้มให้พนักงานได้แล้ว และสร้างกำลังใจให้เขาทำความดีต่อไป



ผลตอบแทนของพนักงาน ต้องเชื่อมโยงกับผลประกอบการของบริษัท

ตามที่ได้เล่าในเบื้องต้นแล้วว่า ลูกจ้างมีเน็ตเวิร์กในการหาข้อมูล
ดังนั้น เมื่อบริษัทมีผลประกอบการดีมีหรือที่ลูกจ้างจะไม่รู้
ดังนั้น ค่าจ้างแรงงานของพวกเขาต้องดีขึ้นไปด้วยตามผลประกอบการของบริษัท
คุณสุมิตราเล่าว่า ปัจจุบันนี้โรงงานของเธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าคู่แข่งค่ะ...
เพราะว่าลูกจ้างของเธอทำงานดี ไม่ค่อยมีออก ดังนั้นต้องสมนาคุณให้ยุติธรรม
งานนี้แฮปปี้ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและลูกจ้างเลย...


ที่มา : //www.jobjob.co.th
ภาพจาก : //www.workrelationships.co.uk


Create Date : 08 พฤษภาคม 2553
Last Update : 12 พฤษภาคม 2553 20:00:19 น. 2 comments
Counter : 1224 Pageviews.

 
มาอ่านค่ะ ได้ความรู้ดี


โดย: MARON CREAM วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:09:50 น.  

 

บางทีเราทุกคนก็ต้องเจอกับความเครียด ท้อแท้ สิ้งหวัง
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!


โดย: da IP: 124.120.7.136 วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:07:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.