วิธีการตอบคำถามที่เกี่ยวกับจุดอ่อนของคุณ
ผู้บริหารทุกคนที่ประสบความสำเร็จจะมีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งในตัว ที่สำคัญคือจะต้องไม่ให้จุดอ่อนนั้นเข้ามาเป็นอุปสรรคในการทำงาน ผู้ว่าจ้างจะพยายามมองข้อบกพร่องนั้นเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้สมัครที่รับเข้ามาจะไม่สร้างปัญหาให้กับบริษัท คุณจะต้องทำให้ผู้สัมภาษณ์แน่ใจว่า คุณจะไม่นำปัญหามาให้บริษัทเช่นกัน
หนึ่งวิธีในการเรียนรู้จุดอ่อนของผู้สมัคร คือ การถามตรงๆระหว่างการสัมภาษณ์ว่า จุดอ่อนของคุณคืออะไร ขณะที่คุณกำลังกังวลอยู่กับการตอบคำถาม ผู้สัมภาษณ์จะยิงคำถามต่อเพื่อประเมินไหวพริบในการโต้ตอบของคุณ
หลัก 7 ประการในการโต้ตอบ หลักในการตอบคำถามเกี่ยวกับจุดอ่อน โดยไม่ให้จุดอ่อนนั้นเข้ามาเป็นปัญหาในการสัมภาษณ์ จำไว้ว่าแนวทางการตอบสำคัญพอๆกับเนื้อหา เมื่อคุณพูดถึงจุดอ่อนคุณควรจะพูดให้ผู้สัมภาษณ์สามารถมองมันเป็นจุดแข็งของคุณได้ ต้องซื่อสัตย์ในการตอบคำถาม แต่ต้องไม่ทำให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกว่ามันจะเข้ามาเป็นอุปสรรคในการทำงานและ คุณยังสามารถนำมาใช้ในทางที่ดีได้ด้วย สำคัญที่การนำเสนอจุดอ่อนของคุณให้สามารถมองเป็นจุดแข็งได้
หลักข้อที่ 1 :ต้องทำจุดอ่อนให้เป็นประโยชน์ได้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
แทนที่คุณจะบอกจุดอ่อนของคุณตรงๆ คุณควรจะทำให้มันเป็นไปในทางบวก เช่น “ฉันเป็นคนบ้างาน ฉันใช้เวลาส่วนมากกับการทำงานเพื่อให้งานของฉันมีความถูกต้อง ”
ผู้สัมภาษณ์โดยทั่วไปจะสามารถรู้ได้ในกรณีที่คุณไม่ซื่อสัตย์และเข้าข้างตัวเองในการตอบคำถาม ทางที่ดีคือพูดถึงในบางสิ่งที่เป็นจุดอ่อนแต่ในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมก็สามารถเป็นจุดแข็งได้ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ เป็นความสามารถในการทำความเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น มันจะเป็นคุณสมบัติที่ดีเมื่อนำมาใช้กับการทำความเข้าใจคู่แข่ง แต่ถ้าเป็นผู้จัดการที่มีความเห็นอกเห็นใจอาจจะส่งผลเสียและเป็นจุดอ่อนได้ ผู้สมัครที่มีจุดอ่อนในเรื่องนี้ (แต่รู้ว่ามันสามารถเป็นจุดแข็งได้) จะสามารถนำมันมาใช้ในการทำความเข้าใจคู่แข่งได้ด้วย
หลักการค้นหาจุดแข็งจากจุดอ่อนจะเป็นประโยชน์มาก แต่ต้องนำมาใช้ในสภาวะที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด พร้อมทั้งอธิบายถึงวิธีการที่จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัทได้ในอนาคต
ยกตัวอย่าง การที่คุณเป็นคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบในการทำงาน ซึ่งลักษณะแบบนี้จะเป็นจุดแข็งมากกว่า เช่น ในกรณีที่อาจจะมีการตรวจทานหรือแก้ไขในงานจะรับประกันได้เลยว่างานที่ออกมาจะไม่มีความผิดพลาด ถ้าคุณมีจุดอ่อนคุณต้องทำให้ผู้สัมภาษณ์คิดว่าคุณสามารถเปลี่ยนมันเป็นจุดแข็งที่เป็นประโยชน์แก่บริษัทได้
หลักข้อที่ 2 : แสดงให้เห็นว่าเป็นจุดอ่อนที่ได้รับการแก้ไข เป็นจุดอ่อนที่ได้รับการแก้ไขหรือกำลังได้รับการแก้ไข บอกวิธีการแก้ไขการพัฒนาจุดอ่อนที่มีและ พัฒนาตรงนี้จะเกิดประโยชน์ต่อผู้ว่าจ้างอย่างไร
ยกตัวอย่าง ผู้บริหารฝ่ายต่างประเทศมีความรู้สึกว่าอาชีพที่เขาทำไม่มีความก้าวหน้า เพราะเขาไม่เก่งภาษาสเปน หลังจากที่สูญเสียงานในระหว่างนั้น เขาจึงตัดสินใจเข้าคอร์สเรียนภาษาอย่างจริงจังในชิลี หลังจากนั้น 6 สัปดาห์เขารู้สึกว่าความรู้ภาษาสเปนของเขาจะสามารถช่วยให้งานต่อไปประสบผลสำเร็จ ระหว่างการสัมภาษณ์เขาจึงมีความพร้อมมากในภาษาสเปน นี่คิอวิธีการพัฒนาตนเองที่สามารถแก้ไขจุดอ่อนนี้ได้
ในกรณีผู้บริหารฝ่ายการตลาดซึ่งขาดความเชี่ยวชาญในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า จึงได้มีการเข้าคอร์สสัมนาและอบรมเพื่อพัฒนาความรู้สำหรับงานต่อไป
หลักข้อที่ 3 :แสดงให้เห็นว่าเป็นบทเรียนที่ได้รับการเรียนรู้แล้ว คล้ายๆข้อที่แล้ว คือ เป็นข้อผิดพลาดที่ได้รับการเรียนรู้แล้วและอะไรที่คุณเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้นบ้าง ผู้ว่าจ้างจะพิจารณา 2 อย่างคือ หนึ่งคุณสามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดได้ และสอง คุณจะไม่ทำผิดเป็นครั้งที่สอง และคุณจะสามารถนำมันมาเป็นประโยชน์แก่ผู้ว่าจ้างคนใหม่ได้
ยกตัวอย่าง กรณีของผู้ช่วยผู้จัดการที่มีปัญหาขัดแย้งกับเจ้านาย หลังจากนั้นจึงไปทำงานในตำแหน่งฝ่ายธุระการขาย แสดงให้เห็นว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเธอควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักบริหารให้ดีขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้นอีก 20 ปีข้างหน้าเธอก็คงจะเจอกับปัญหาเดิมๆ
หลักข้อที่ 4 : แสดงให้เห็นวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้ หลังจากที่คุณดูรายละเอียดของงาน คุณเห็นว่าทักษะและประสบการณ์ที่ผู้ว่าจ้างต้องการในงานนั้นๆ มีมากกว่าที่คุณมีในบางข้อ คุณควรจะนำเสนอคุณสมบัติบางประการที่สามารถทดแทนกันได้
ยกตัวอย่าง ผู้สมัครงานในตำแหน่งหนึ่ง รู้ว่าเธอมีประสบการณ์ 5 ข้อ จากทั้งหมด 6 ข้อที่ผู้ว่าจ้างต้องการ ก่อนที่เธอจะไปสัมภาษณ์ก็ได้มีเข้าคอร์สเรียนเพื่อพัฒนาภาษาให้สามารถเก่งกว่าคนอื่นๆ เมื่อพูดถึงจุดอ่อนนั้นเธอสามารถพูดได้ว่าเธอต้องการเรียนเพื่อพัฒนาจุดอ่อนที่เธอมี และสามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับความพร้อมที่จะทำงานได้
หลักข้อที่ 5 :แสดงให้เห็นว่าทักษะที่ขาดไปไม่มีความสัมพันธ์กับงาน คุณอาจจะรู้ว่าจุดอ่อนหรือสิ่งที่ขาดไปนั้นจะไม่ส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของคุณ เช่น การทำงานในด้านการจัดการไม่ต้องใช้ทักษะในการพูดเท่าที่ควร แต่ควรจะมีทักษะการเขียนรวมทั้งการสื่อสารทางโทรศัพท์บ้าง ดังนั้นคุณควรจะรู้ในรายละเอียดและ ความรับผิดชอบของงานก่อน ทำความเข้าใจว่าอะไรที่สำคัญในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ แน่นอนว่าคุณจะต้องไม่ให้จุดอ่อนนั้นมาส่งผลต่อการทำงานของคุณ
หลักข้อที่ 6 : การเบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะตอบคำถาม คุณสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้ ถึงแม้คุณจะตระหนักดีว่า จุดอ่อนนั้นจะไม่ส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของคุณ ถ้าผู้สัมภาษณ์ยืนกรานที่จะให้คุณตอบ คุณสามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ โดยการบอกว่าอะไรที่สำคัญกับคุณ คุณอาจจะบอกว่า คุณจะทำงานได้ดีที่สุดกับผู้จัดการที่เชื่อมั่นในตัวคุณ และเป็นการทำงานภายใต้ deadline ถึงแม้จะไม่ได้ ระบุถึงจุดอ่อนโดยตรง แต่ก็เป็นการแสดงเป็นนัยว่าคุณสามารถทำงานได้ดีกว่าถ้าอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่แน่นอน
หรือว่าคุณจะใช้เรื่องตลกขบขันเพื่อเบี่ยงเบนคำถามนั้นก็ได้ โดยจะเห็นได้จากกรณีศึกษาของผู้จัดการทั่วไปคนหนึ่ง เมื่อเขาถูกถามถึงจุดอ่อนของเขา เขามักจะตอบว่า “ถามเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ของฉันดูสิ ” แน่นอน เรื่องขำๆนี้ใช้ได้ ถ้าคุณไม่เคยมีคดีอาญาร้ายแรงติดตัวมา
หลักข้อที่ 7 : การรู้ทันหรือทำความเข้าใจกับคำถามที่ซ่อนความนัย ผู้สัมภาษณ์ที่ถามเกี่ยวกับจุดอ่อนของคุณ บางครั้งอาจจะสนใจในวิธีการตอบโต้ของคุณมากกว่า ว่า คุณจะมีความซื่อสัตย์ในการสนทนาหรือไม่ คุณควรที่จะพูดความจริงก่อนที่ผู้สัมภาษณ์จะสงสัยและก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผยออกมา คุณสมบัติบางอย่างจะมีความสำคัญในการทำงาน รวมทั้งวิธีการแก้ปัญหาในการโต้ตอบของคุณ ซึ่งการสัมภาษณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงและยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์
ก่อนที่คุณจะนำหลักนี้ไปใช้ ต้องดูว่าคุณจะสามารถตอบโต้ผู้สัมภาษณ์ได้ดีขนาดไหน ไม่เป็นไปในแนวทางก้าวร้าวเกินไป
ถึงแม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นองค์ประกอบในการสัมภาษณ์ แต่ที่สำคัญคือคุณกำลังอยู่ในการสนทนาเพื่อที่จะบอกว่าคุณสามารถทำงานให้มีประสิทธิภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดหรือว่าจุดอ่อน ถ้าคุณรู้จักมัน ทำความเข้าใจในผลกระทบของมัน และมีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ความสามารถในการตอบคำถามอย่างมั่นใจและน่าประทับใจจะทำให้ผู้ว่าจ้างมองเห็นจุดแข็งของคุณได้
โดย Arlene S. Hirsch
Create Date : 16 มีนาคม 2552 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 14:40:21 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3362 Pageviews. |
|
|
|