3 มิติสร้างคนฝ่าวิกฤต
* ชี้วิกฤตเศรษฐกิจรุกรามมากว่ายอดรายได้ตก แต่ทำให้การบริหารองค์กรแกว่ง *ผลการใช้เครื่องมือชั้นเซียนอย่าง KPI สร้างทีมเวิร์ค ออกมาเหลวไม่เหมาะกับสถานการณ์ *‘ศิริลักษณ์ เมฆสังข์’ อุปนายกฝ่ายวิชาการฯ เผยเส้นทางฝ่ามรสุมได้ชะงัก *3 มิติ Head – Heart –Hand สร้างสำนึกพนักงานรู้รอบ ใจทุ่มเท ลงมือทำ
ศิริลักษณ์ เมฆสังข์ “เศรษฐกิจซบ นายจ้างเลิกจ้าง ปัญหาคนตกงาน อาชญากรรมมีรายวัน” คำกล่าวข้างต้นเป็นปัญหาที่หลายองค์กรไม่อยากเจอ แต่ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคงหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ดังนั้นนายจ้างและลูกจ้างเองต้องกลับมานั่งทบทวน เพื่อเตรียมตัวรับมือกับ สิ่งเหล่านี้ ด้านบทบาทของนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เอง เป็นอีกกลไกสำคัญที่จะนำพาทุกคนในองค์กรก้าวผ่านเส้นเขตแดน “ความเป็นและความตาย” และในฐานะที่ สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เป็นอีกฟันเฟืองสำคัญที่ให้ความรู้ จึงจัดงาน The Secret Of HR Success : ความลับสู่ความสำเร็จของ HR ในวันที่ 22-23 กรกฎาคมนี้... แต่ก่อนจะเริ่มงานเราจะนำพาท่านมา “โหมโรง” กับ ศิริลักษณ์ เมฆสังข์ อุปนายกฝ่ายวิชาการของ PMAT เกี่ยวกับเคล็ดลับ 3 มิติที่จะนำพาคนในองค์กรฝ่าวิกฤติ จับทางหลอมคนด้วย 3 กลยุทธ์เพิ่มกึ๋น ศิริลักษณ์ กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเป็นปัจจัยให้เกิดแรงผลักดัน ทำให้ผู้บริหารหลายหน่วยงานเริ่มปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานภายใน เพื่อลดค่าใช้จ่ายการทำงานที่สิ้นเปลือง โดยไม่คำนึงถึงทรัพยากรมนุษย์ที่จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเหล่านั้น ในทางกลับกันหากผู้บริหารและ HR มีแนวทางที่จะแปลงวิกฤตเป็นโอกาส ก็จะทำให้ทุกคนพร้อมใจฝ่าวิกฤตที่กำลังจะมา ถึงได้ “ตามจริงการพัฒนาคน บางกระบวนการไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูงในการทำงานเพียง แต่เราต้องหันมาให้ความสำคัญกับบุคคลในองค์กรที่มีศักยภาพ เพื่อนำมาถ่ายถอด ความรู้ ซึ่งในภาวะเช่นนี้ ผลกระทบจากภายนอกจะเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขณะเดียวกันฝ่าย HR ก็ต้องเป็นต้นแบบในการพัฒนา เพราะก่อนที่จะพัฒนาคนอื่นภายในแผนกของตัวเอง ต้องทำให้ได้ก่อน” ในความคิดเห็นของ ศิริลักษณ์ มองว่าการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในมุมมองของ HR ควรให้ความสำคัญกับ 3 มิติดังนี้ ★ 1. มิติด้านความรอบรู้ในงานที่รับผิดชอบ (Head) คือ ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็น HR Leadership เนื่องจากการจะสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยรวม ต้องมีผู้ที่นำการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต่างจากเดิมที่ HR มีหน้าที่ในการช่วยเหลือพนักงานที่เป็น Leadership แต่ในภาวะเช่นนี้จำเป็นที่ตนต้อง พยายามเรียนรู้อย่างรอบด้านเพื่อสร้างองค์ ความรู้ในการเป็นผู้นำให้คนภายในตระหนัก นอกจากนี้ต้องมีทัศนคติด้านบวก เนื่องจากหากมัวคิดแต่ด้านไม่ดีการทำงานก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ ในทางกลับกันจะทำให้ความอดทนเมื่อเจอปัญหาน้อยลง เพราะทัศนคติที่ไม่ดีตั้งแต่เริ่มทำงานจะทำให้อารมณ์โมโหง่าย ตลอดจนต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้สัญญากับทุกคนไว้ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้พนักงานโดยรวม ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง และต้องมีการสื่อสารภายในอย่างชัดเจนกับคนทุกระดับ ★ 2. มิติด้านจิตใจ (Heart) ต้องพยายามสร้างให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งความสุข หรือHappy Work Place ซึ่งในภาวะเช่นนี้ HR ต้องเริ่มจากการสร้างความสุขในแผนกของตนก่อน ซึ่งเมื่อตนทำได้แล้ว จึงค่อยๆพัฒนาการทำงานแห่งความสุขในหน่วยงานอื่น เนื่องจากบางครั้งคนในหน่วยงาน ยังไม่มีแรงบันดาลใจในการทำงานซึ่ง HR ต้องพยายามหาแรงบันดาลใหม่ๆให้กับตนเองก่อน “สภาพแวดล้อมที่ดีจำเป็นอย่างยิ่งในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ซึ่งเสมือนเครื่องมือ ที่จะช่วยให้คนในหน่วยงาน ลดความตึงเครียดและเกิดความคิดสร้างสรรค์เมื่อเจอ กับปัญหาภายนอกที่รุมเร้าอย่างหนัก” ★ 3. การลงมือทำ (Hand) เป็นส่วนสำคัญที่ได้จากสองมิติที่ผ่านมา ซึ่งผ่านการกลั่นกรองทางความคิดมา แล้วในเบื้องต้น โดยการลงมือทำเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะบางคนคิดแต่ไม่กล้าทำเนื่องจากเกิด ความกลัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ HR ต้องเป็นที่ปรึกษาทางจิตใจให้กับกลุ่มคนเหล่านั้น เพื่อสร้างความสำเร็จให้ กับตัวพนักงานเองที่จะเป็นผลย้อนกลับสู่องค์กร
สร้างสมดุล กระตุ้นความคิด ศิริลักษณ์ มองแนวทางการนำแนวคิด 3 มิติมาใช้ในภาวะวิกฤติว่า มิติด้านจิตใจ (Heart) เป็นสิ่งสำคัญมากที่นายจ้างและลูกจ้าง ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันในภาวะเช่นนี้ เพราะสิ่งที่สร้างความสำเร็จและความล้มเหลวให้องค์กรได้คือ คน ซึ่งหากคนมีความรักองค์กรแล้ว วิกฤติเหล่านี้ก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย ขณะที่มิติด้านความรอบรู้ในงานที่รับผิดชอบ (Head) เป็นโอกาสในภาวะเช่นนี้โดยผู้บริหารต้องให้ความใส่ใจ ในการพัฒนาทักษะของ บุคคลากรท่ามกลางภาวะคับขัน เพื่อดึงศักยภาพให้ออกมาในการทำงานมากที่สุด ในขณะเดียวกันปัจจัยที่จะสร้างความสมดุลในการทำงานเพื่อให้เกิด 3 มิตินี้ได้ HR ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นต้นแบบในการทำงาน เช่นเดียวกับผู้บริหารระดับสูงที่ ต้องให้ความไว้ใจบุคคลากร ที่รับมอบหมายงาน ขณะเดียวกันไม่ควรใส่ใจกับตัวเลขรายรับและรายจ่ายในองค์กรมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดความเครียดส่งผลต่อบรรยากาศการทำงาน “หากมองไปถึงเป้าหมายความสำเร็จควรอย่างยิ่งที่ต้องทำ 3 มิตินี้ควบคู่กัน เพราะเป็นสิ่งที่สอดคล้อง และจะสร้างผลตอบแทนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบ เกิดจากผู้บริหารไม่มีความเชื่อใจพนักงานในการทำงาน ส่งผลให้กระบวนการพัฒนาบางอย่างในองค์กรไม่ประสบความสำเร็จ” ศิริลักษณ์ ให้ความเห็นในภาพรวมของ 3 มิติว่า หลายคนอาจมองเป็นเรื่องเบสิก เพราะวันนี้ HR มัวแต่ให้ความสำคัญกับเครื่องมือในการบริหารจัดการคนจน ไม่หันมามองคุณภาพ ด้านจิตใจของพนักงานที่เครื่องมือต่างๆอาจวัดไม่ได้ นอกจากการมีปฏิสัมพันธ์ กันโดยตรง ซึ่งหลายครั้งที่ผู้ใช้งานเครื่องมือ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนบางสิ่งในการประเมินผล เนื่องจากพื้นฐานสภาพความเป็นอยู่ของคนในแต่ละ ภูมิภาคของโลกมีความแตกต่างกัน จากการประเมินของตนที่อยู่ในแวดวง HR พบว่า ครึ่งปีที่ผ่านมา เครื่องมือการบริหารคนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานคือ
1. เครื่องมือ KPI ที่ใช้ในการประเมินผลงาน เนื่องจากผู้ใช้ไม่มีความรู้ในรายละเอียดเกี่ยวกับ เครื่องมือนี้ ควรใช้ประเมินพนักงานระดับใด ขณะเดียวกันขนาดหรือประเภทของธุรกิจที่ประเมิน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ผู้ใช้ต้อง เรียนรู้ในการใช้งาน
2. เครื่องมือในการสร้างทีมเวิร์ก เนื่องจากขณะนี้หลายธุรกิจประสบกับภาวะวิกฤต ซึ่งทำให้นายจ้างต้องพยายามปรับเปลี่ยนพนักงาน ที่อยู่ในแผนกที่ไม่ค่อยมีบทบาทมาแผนกอื่น พนักงานอาจเกิดความหวาดระแวงว่าผู้บริหารต้องการจะกดดันตนให้ลาออก ซึ่งผู้บริหารต้องมีการสื่อสารให้กับพนักงานเข้าใจถึงสถานการณ์ของ บริษัทอย่างชัดเจน ดังนั้นในแต่ละมิติต้องให้ความสำคัญกับคุณค่าในการพัฒนาอย่างสมดุล
ที่มา : //www.manager.co.th
Create Date : 06 เมษายน 2553 |
Last Update : 6 เมษายน 2553 20:09:08 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1034 Pageviews. |
|
|
|
โดย: da IP: 124.120.7.136 วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:24:48 น. |
|
|
|
|
|
บางทีเราทุกคนก็ต้องเจอกับความเครียด ท้อแท้ สิ้งหวัง
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!