Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
6 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
3 มิติสร้างคนฝ่าวิกฤต

* ชี้วิกฤตเศรษฐกิจรุกรามมากว่ายอดรายได้ตก แต่ทำให้การบริหารองค์กรแกว่ง
*ผลการใช้เครื่องมือชั้นเซียนอย่าง KPI สร้างทีมเวิร์ค ออกมาเหลวไม่เหมาะกับสถานการณ์
*‘ศิริลักษณ์ เมฆสังข์’ อุปนายกฝ่ายวิชาการฯ เผยเส้นทางฝ่ามรสุมได้ชะงัก
*3 มิติ Head – Heart –Hand สร้างสำนึกพนักงานรู้รอบ ใจทุ่มเท ลงมือทำ

3 มิติสร้างคนฝ่าวิกฤต
ศิริลักษณ์ เมฆสังข์

“เศรษฐกิจซบ นายจ้างเลิกจ้าง ปัญหาคนตกงาน อาชญากรรมมีรายวัน”
คำกล่าวข้างต้นเป็นปัญหาที่หลายองค์กรไม่อยากเจอ แต่ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคงหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้
ดังนั้นนายจ้างและลูกจ้างเองต้องกลับมานั่งทบทวน เพื่อเตรียมตัวรับมือกับ สิ่งเหล่านี้

ด้านบทบาทของนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เอง
เป็นอีกกลไกสำคัญที่จะนำพาทุกคนในองค์กรก้าวผ่านเส้นเขตแดน “ความเป็นและความตาย”
และในฐานะที่ สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เป็นอีกฟันเฟืองสำคัญที่ให้ความรู้
จึงจัดงาน The Secret Of HR Success : ความลับสู่ความสำเร็จของ HR ในวันที่ 22-23 กรกฎาคมนี้...
แต่ก่อนจะเริ่มงานเราจะนำพาท่านมา “โหมโรง” กับ ศิริลักษณ์ เมฆสังข์ อุปนายกฝ่ายวิชาการของ PMAT
เกี่ยวกับเคล็ดลับ 3 มิติที่จะนำพาคนในองค์กรฝ่าวิกฤติ

จับทางหลอมคนด้วย 3 กลยุทธ์เพิ่มกึ๋น

ศิริลักษณ์ กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเป็นปัจจัยให้เกิดแรงผลักดัน
ทำให้ผู้บริหารหลายหน่วยงานเริ่มปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานภายใน เพื่อลดค่าใช้จ่ายการทำงานที่สิ้นเปลือง
โดยไม่คำนึงถึงทรัพยากรมนุษย์ที่จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเหล่านั้น ในทางกลับกันหากผู้บริหารและ HR
มีแนวทางที่จะแปลงวิกฤตเป็นโอกาส ก็จะทำให้ทุกคนพร้อมใจฝ่าวิกฤตที่กำลังจะมา ถึงได้

“ตามจริงการพัฒนาคน บางกระบวนการไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูงในการทำงานเพียง
แต่เราต้องหันมาให้ความสำคัญกับบุคคลในองค์กรที่มีศักยภาพ เพื่อนำมาถ่ายถอด ความรู้ ซึ่งในภาวะเช่นนี้
ผลกระทบจากภายนอกจะเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ขณะเดียวกันฝ่าย HR ก็ต้องเป็นต้นแบบในการพัฒนา
เพราะก่อนที่จะพัฒนาคนอื่นภายในแผนกของตัวเอง ต้องทำให้ได้ก่อน”

ในความคิดเห็นของ ศิริลักษณ์ มองว่าการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในมุมมองของ HR
ควรให้ความสำคัญกับ 3 มิติดังนี้

1. มิติด้านความรอบรู้ในงานที่รับผิดชอบ (Head)
คือ ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็น HR Leadership
เนื่องจากการจะสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยรวม ต้องมีผู้ที่นำการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งจะต่างจากเดิมที่ HR มีหน้าที่ในการช่วยเหลือพนักงานที่เป็น Leadership แต่ในภาวะเช่นนี้จำเป็นที่ตนต้อง
พยายามเรียนรู้อย่างรอบด้านเพื่อสร้างองค์ ความรู้ในการเป็นผู้นำให้คนภายในตระหนัก

นอกจากนี้ต้องมีทัศนคติด้านบวก เนื่องจากหากมัวคิดแต่ด้านไม่ดีการทำงานก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
ในทางกลับกันจะทำให้ความอดทนเมื่อเจอปัญหาน้อยลง
เพราะทัศนคติที่ไม่ดีตั้งแต่เริ่มทำงานจะทำให้อารมณ์โมโหง่าย
ตลอดจนต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้สัญญากับทุกคนไว้ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้พนักงานโดยรวม
ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง และต้องมีการสื่อสารภายในอย่างชัดเจนกับคนทุกระดับ

2. มิติด้านจิตใจ (Heart)
ต้องพยายามสร้างให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งความสุข หรือHappy Work Place
ซึ่งในภาวะเช่นนี้ HR ต้องเริ่มจากการสร้างความสุขในแผนกของตนก่อน
ซึ่งเมื่อตนทำได้แล้ว จึงค่อยๆพัฒนาการทำงานแห่งความสุขในหน่วยงานอื่น เนื่องจากบางครั้งคนในหน่วยงาน
ยังไม่มีแรงบันดาลใจในการทำงานซึ่ง HR ต้องพยายามหาแรงบันดาลใหม่ๆให้กับตนเองก่อน

“สภาพแวดล้อมที่ดีจำเป็นอย่างยิ่งในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ซึ่งเสมือนเครื่องมือ ที่จะช่วยให้คนในหน่วยงาน
ลดความตึงเครียดและเกิดความคิดสร้างสรรค์เมื่อเจอ กับปัญหาภายนอกที่รุมเร้าอย่างหนัก”

3. การลงมือทำ (Hand) เป็นส่วนสำคัญที่ได้จากสองมิติที่ผ่านมา
ซึ่งผ่านการกลั่นกรองทางความคิดมา แล้วในเบื้องต้น โดยการลงมือทำเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
เพราะบางคนคิดแต่ไม่กล้าทำเนื่องจากเกิด ความกลัว
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ HR ต้องเป็นที่ปรึกษาทางจิตใจให้กับกลุ่มคนเหล่านั้น
เพื่อสร้างความสำเร็จให้ กับตัวพนักงานเองที่จะเป็นผลย้อนกลับสู่องค์กร


สร้างสมดุล กระตุ้นความคิด

ศิริลักษณ์ มองแนวทางการนำแนวคิด 3 มิติมาใช้ในภาวะวิกฤติว่า
มิติด้านจิตใจ (Heart) เป็นสิ่งสำคัญมากที่นายจ้างและลูกจ้าง ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันในภาวะเช่นนี้
เพราะสิ่งที่สร้างความสำเร็จและความล้มเหลวให้องค์กรได้คือ คน
ซึ่งหากคนมีความรักองค์กรแล้ว วิกฤติเหล่านี้ก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย
ขณะที่มิติด้านความรอบรู้ในงานที่รับผิดชอบ (Head) เป็นโอกาสในภาวะเช่นนี้โดยผู้บริหารต้องให้ความใส่ใจ
ในการพัฒนาทักษะของ บุคคลากรท่ามกลางภาวะคับขัน เพื่อดึงศักยภาพให้ออกมาในการทำงานมากที่สุด

ในขณะเดียวกันปัจจัยที่จะสร้างความสมดุลในการทำงานเพื่อให้เกิด 3 มิตินี้ได้
HR ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นต้นแบบในการทำงาน เช่นเดียวกับผู้บริหารระดับสูงที่ ต้องให้ความไว้ใจบุคคลากร
ที่รับมอบหมายงาน ขณะเดียวกันไม่ควรใส่ใจกับตัวเลขรายรับและรายจ่ายในองค์กรมากเกินไป
ซึ่งจะทำให้เกิดความเครียดส่งผลต่อบรรยากาศการทำงาน

“หากมองไปถึงเป้าหมายความสำเร็จควรอย่างยิ่งที่ต้องทำ 3 มิตินี้ควบคู่กัน
เพราะเป็นสิ่งที่สอดคล้อง และจะสร้างผลตอบแทนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบ เกิดจากผู้บริหารไม่มีความเชื่อใจพนักงานในการทำงาน
ส่งผลให้กระบวนการพัฒนาบางอย่างในองค์กรไม่ประสบความสำเร็จ”

ศิริลักษณ์ ให้ความเห็นในภาพรวมของ 3 มิติว่า หลายคนอาจมองเป็นเรื่องเบสิก
เพราะวันนี้ HR มัวแต่ให้ความสำคัญกับเครื่องมือในการบริหารจัดการคนจน ไม่หันมามองคุณภาพ
ด้านจิตใจของพนักงานที่เครื่องมือต่างๆอาจวัดไม่ได้ นอกจากการมีปฏิสัมพันธ์ กันโดยตรง
ซึ่งหลายครั้งที่ผู้ใช้งานเครื่องมือ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ
ซึ่งอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนบางสิ่งในการประเมินผล เนื่องจากพื้นฐานสภาพความเป็นอยู่ของคนในแต่ละ
ภูมิภาคของโลกมีความแตกต่างกัน

จากการประเมินของตนที่อยู่ในแวดวง HR พบว่า
ครึ่งปีที่ผ่านมา เครื่องมือการบริหารคนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานคือ

1. เครื่องมือ KPI ที่ใช้ในการประเมินผลงาน
เนื่องจากผู้ใช้ไม่มีความรู้ในรายละเอียดเกี่ยวกับ เครื่องมือนี้ ควรใช้ประเมินพนักงานระดับใด
ขณะเดียวกันขนาดหรือประเภทของธุรกิจที่ประเมิน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ผู้ใช้ต้อง เรียนรู้ในการใช้งาน

2. เครื่องมือในการสร้างทีมเวิร์ก
เนื่องจากขณะนี้หลายธุรกิจประสบกับภาวะวิกฤต
ซึ่งทำให้นายจ้างต้องพยายามปรับเปลี่ยนพนักงาน ที่อยู่ในแผนกที่ไม่ค่อยมีบทบาทมาแผนกอื่น
พนักงานอาจเกิดความหวาดระแวงว่าผู้บริหารต้องการจะกดดันตนให้ลาออก
ซึ่งผู้บริหารต้องมีการสื่อสารให้กับพนักงานเข้าใจถึงสถานการณ์ของ บริษัทอย่างชัดเจน

ดังนั้นในแต่ละมิติต้องให้ความสำคัญกับคุณค่าในการพัฒนาอย่างสมดุล


ที่มา : //www.manager.co.th


Create Date : 06 เมษายน 2553
Last Update : 6 เมษายน 2553 20:09:08 น. 1 comments
Counter : 1034 Pageviews.

 
d
บางทีเราทุกคนก็ต้องเจอกับความเครียด ท้อแท้ สิ้งหวัง
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!


โดย: da IP: 124.120.7.136 วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:24:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.