Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
7 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
การทำงานเป็นทีมโดยใช้จิตวิทยาทางบวก



เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรนำสัมมนา
การทำงานเป็นทีมอย่างมีความสุข ให้กับพนักงาน ผู้บริหาร ของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง

นอกเหนือจากการพูดถึงกติกาทั่วไปในการทำงานเป็นทีม โดยหลักการบริหารจัดการทั่วไปแล้ว
ผมได้หยิบยกประเด็นของการฝึกให้ทุกคนมีความสุขแบบทันทีทันใด
โดยใช้แนวประยุกต์ของจิตวิทยาทางบวก (Positive Psychology) ที่ผมถือว่าสำคัญมาก

ถ้าพนักงานทุกคนมีความสุข หรือสามารถสร้างความรู้สึกสุขได้ทันที เขาจะพอใจชีวิต
และช่วยทำให้คนอื่นและเพื่อนร่วมงานมีความสุขได้ด้วย ทำให้เกิดการเอื้ออาทร ช่วยเหลือร่วมมือซึ่งกันและกัน
ทำให้งานขององค์กรประสบความสำเร็จได้ด้วยดี โดยทุกคนไม่ต้องถกเถียง เกี่ยงงาน หรือก้าวร้าวเข้าหากัน

แนวคิดนี้ต้องอาศัยความเชื่อที่ว่า มนุษย์มีจุดแข็งที่ดี ๆ หรือจุดบวก (+) บางอย่างในตัวอยู่แล้ว
เช่น ความรัก ความเมตตา ความอ่อนโยน อารมณ์ขัน ความคิดริเริ่ม ให้ค้นหาให้พบ
และให้บ่มเพาะจุดแข็งเหล่านี้ให้เติบโตและแตกแขนงได้มากขึ้น

เขาจะเริ่มมีความสุขและประสานความสุขกับคนรอบ ๆ ข้าง รอบ ๆ ตัวมากขึ้น เข้าข่ายที่เรียกว่า “พากันสุข”
เขาจะมองตัวเองดี มองคนอื่นดี อยากทำความดี และพัฒนาตัวเองจากบวก (+) น้อย ๆ ไปสู่บวก (+) มากขึ้น ๆ

แต่ถ้าเราใช้ความคิดแบบเก่าโดยใช้จุดอ่อนหรือจุดลบ (-) ของมนุษย์มาเป็นตัวเริ่มต้น
เช่น มนุษย์มีความเห็นแก่ตัว ก้าวร้าว เอาแต่ได้ อ่อนแอ
เขาก็จะมองตัวเองและมองคนอื่นรอบตัวด้วยแนวคิด ที่เป็นจุดอ่อนหรือจุดลบ (-) ตลอดไป
กว่าจะพัฒนาจากลบให้เป็นศูนย์ (0) หรือบวก (+) ทำได้ยากมาก

เขาจะมองตัวเองในแง่ไม่ดี ต่ำต้อย และมองคนอื่นแบบไม่ไว้ใจ ระแวง
เพราะคิดว่าคนอื่นก็มีจุดลบ (-) หรือไม่ดีอยู่มาก

การอยู่ในสังคมหรือการทำงานร่วมกันจึงเต็มไปด้วยอุปสรรค
เพราะมาจากคนทุกคนมองตัวเองไม่ดี (โดยจับผิดและเชื่อว่าทุกคนมีจุดอ่อนอยู่มากนั่นเอง)

ที่จริงมนุษย์เรามีทั้งจุดแข็ง (+) และจุดอ่อน (-) อยู่ที่เราจะนำจุดไหนมาเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตเพื่อให้พัฒนาต่อไป

แนวคิดจิตวิทยาทางบวก (+) นี้ เพิ่งเริ่มฮิตมาไม่นาน มีคนศึกษาและนำมาใช้กันมากขึ้น

ถ้าเราเชื่อในสิ่งที่ดีมีคุณประโยชน์ต่อตัวเอง และสังคมโดยไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรมแล้ว
เราควร “เชื่อ” ให้มาก ๆ เข้าไว้ เช่นแนวคิดจิตวิทยาทางบวก (+) นี้
เพราะชีวิตจริง ๆ ของเราดำเนินไปแต่ละวันนี้เป็นไปตามความเชื่อนี่แหละ

ด้วยความจริงแนวบวก (+) ทำให้เรามองข้ามการจับผิดมนุษย์แบบการคิดเชิงจิตวิเคราะห์อย่างเดิม ๆ
หรือความเชื่อเกี่ยวกับการที่มนุษย์มีบาปดั้งเดิมติดตัวมา

หันมามองแนวทางพัฒนาจุดแข็งจุดบวก (+) ของตัวเองที่มีอยู่แล้วทุกคนให้เติบโตมากขึ้น
เพื่อนำพาไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น รู้จักและตระหนักตัวเองมากขึ้นในแง่ดี มีเป้าหมายชีวิตที่สร้างสรรค์เพื่อส่วนรวม
เพื่อเกิดความปลื้มปิติ และรู้จักใช้เวลาในชีวิตที่เหลือ เพื่อทำสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบและสร้างสรรค์
ไม่ใช่ทำเพราะต้องการเงินหรือเป็นหน้าที่

สุดท้ายผมขอให้ผู้เข้าสัมมนายืนขึ้นทีละคน เพื่อกล่าวคำขอบคุณใครบางคนในองค์กรของเขาอย่างจริงใจ
ที่ได้มีส่วนช่วยเหลือหรือทำดีกับเขามาแล้ว

เชื่อไหมครับ! บางคนยืนขึ้นและเลือกขอบคุณ คนที่เขาเคยรู้สึกเกลียดที่สุดก่อนมาเข้าสัมมนาครั้งนี้
และสารภาพว่าเขาเคยรู้สึกเช่นนั้น แต่ขณะนี้เขาเปลี่ยนอคติมองแง่บวกได้แล้ว
เขารู้สึกว่าคนที่เขาเกลียดจริง ๆ นั้นกลายเป็นคนที่มีบุญคุณแก่เขามหาศาล

งานนี้ทุกคน Happy และจะร่วมงานกันต่อไป เป็นการทำงานเป็นทีมที่มีความสุข

ส่วนตัวผมนั้น Happy มากกว่าใคร ๆ เพราะมีส่วนร่วมให้หลาย ๆ คนมีความสุขมากขึ้น
จากการที่เขาเลิกมองตัวเองและคนอื่นทางลบ (-) กลายเป็นมองตัวเองและคนอื่นเป็นทางบวก (+) ได้


ที่มา : //www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9510000136299
ภาพจาก : //www.jobsearch.co.in



Create Date : 07 มกราคม 2553
Last Update : 7 มกราคม 2553 18:54:48 น. 0 comments
Counter : 2351 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.