Bloggang.com : ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง : ความสำเร็จเริ่มต้นจาก "คิดดี"

ความสำเร็จเริ่มต้นจาก "คิดดี"

ธรรมชาติการทำงานของมนุษย์ ถ้าหากรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้

ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าสมมติว่าบริษัทกำหนดเป็นกฎระเบียบขึ้นมาว่า ห้ามมาทำงานสาย
โดยบอกว่าเวลาเข้างานคือเวลา 08.00 น. และเลิกงานตอน 18.00 น.
หากพนักงานเข้ามาทำงานตอน 09.00 น. ผิดหรือไม่
ตอบได้เลยใช่ไหมครับว่าผิด เพราะกฎระเบียบระบุไว้ชัดเจน

แล้วท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ครับว่า ใครเป็นคนสร้างกฎข้อระเบียบที่เกิดขึ้นเหล่านั้น
คำตอบก็คือพนักงานนั่นเอง เพราะถ้าไม่มีคนมาทำงานสาย ก็คงไม่มีการกำหนดเป็นกฎขึ้นมา

อย่างเช่น ที่บริษัทของผม ตอนก่อตั้งขึ้นครั้งแรก ไม่ได้มีกฎระเบียบอะไร
แต่หลังจากดำเนินงานไปได้ประมาณ 1 ปี
ผมมีคู่มือของการทำธุรกิจ มีกฎระเบียบของการทำงานของพนักงานเป็นร้อยๆ ข้อ
สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้มาจากการทำงานของพนักงาน ที่ต้องนำมาปรับปรุงและระบุเป็นกฎระเบียบไว้นั่นเอง

ส่วนใหญ่เวลาพนักงานมาทำงานสาย มักคิดว่าไม่เป็นไร
และเข้าข้างตัวเองว่า เมื่อคืนทำงานเกินเวลาไปตั้งสิบห้านาทีหรือครึ่งชั่วโมง
แต่ผู้ประกอบการหรือเจ้านายเขาไม่รู้หรอกว่า เราอยู่นานแค่ไหน รู้แต่ว่าแปดโมงเช้าต้องทำงาน
ไม่ใช่มาถึงแล้ว แม้จะเป็นเวลาทำงานแต่ยังมานั่งกินกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ หรือทำธุระส่วนตัว

ถึงแม้พนักงานจะรู้ว่าเป็นเวลาทำงาน แต่ก็ไม่เข้าใจ
และมักชอบบ่นว่าทำงานอยู่ในบริษัทนี้ บริษัทนั้นมานาน 5 ปีหรือ 10 ปีไม่ได้เลื่อนตำแหน่งสักที
นั่นเป็นเพราะอะไรครับ
เพราะว่าทัศนคติของคุณไม่เข้าใจระบบการทำงาน ทำงานแบบไม่ใช่มืออาชีพ โดยมองว่าเราถูกฝ่ายเดียว
แต่ในความเป็นจริง การทำงานไม่ว่าจะเป็นที่องค์กรใดก็ตาม เราควรจะต้องรู้จักคิดและมีทัศนคติที่ดี
เพราะการมีทัศนคติที่ดีมีส่วนสำคัญต่อการดำเนินงานหรือการทำงาน

สำหรับผม จะมีทัศนคติที่ดีในการทำงานเสมอ ผมเริ่มจากการเป็นพนักงานระดับล่างก็จริง
แต่เป้าหมายจะทำงานเป็นพนักงานหรือลูกจ้างระยะหนึ่งเท่านั้น
เพราะผมฝันที่จะเป็นผู้ประกอบการ และไม่ใช่ผู้ประกอบการธรรมดาๆ ครับ
แต่จะเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จสูงด้วยครับ

เพราะฉะนั้น ผมต้องเริ่มจากการทำงานตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นนายจ้างหรือลูกจ้าง
ผมต้องรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ทำพื้นฐานให้ถูกต้อง
แค่นี้เราก็จะล้ำหน้าคนทั่วไปได้แล้ว เพราะคนทั่วไปรู้ แต่ไม่เข้าใจว่าอะไรผิดอะไรถูก

อย่างไรก็ดี ผมมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง คือ
มักจะมองว่าทำไมทุกคนไม่คิดเหมือนผม ทำไมไม่ทุ่มเทให้กับบริษัท
ตอนที่ผมเริ่มต้นทำงาน ผมไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยขอค่าจ้างล่วงเวลาหรือโอที
ไม่เคยน้อยใจด้วยว่าใครได้อะไรมากกว่าเรา เพราะผมคิดว่าผมโชคดีที่ได้ทำงานได้เงินเดือน
และที่สำคัญที่สุดผมได้มาเรียนรู้ในองค์กรที่หลายคนไม่มีโอกาส

ยกตัวอย่าง เช่น
การได้ไปทำงานด้านอาหารกับเชฟฝีมือระดับโลกที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น สหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาว ผมคิดว่าการได้เข้าไปทำงานที่นั่น ผมได้ไปเรียนครับ
รวมทั้งยังได้ค่าจ้างในการเรียนด้วย ผมจะมีทัศนคติที่ดีตลอด

หลายคนอาจจะคิดว่าได้ค่าจ้างไม่มาก ไม่น่าสนใจ
แต่ผมจะคิดอีกมุมหนึ่งว่า มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ เพราะได้มีโอกาสเรียนรู้หลายอย่าง
รวมทั้งยังได้ค่าเรียนรู้ด้วย (ซึ่งก็คือค่าจ้างนั่นเอง)
โรงแรมชื่อดังต้องมาจ่ายเงินให้ผม ที่มาหัดทำอาหารประเภทสเต๊ก
โรงแรมต้องจ่ายค่าฝึกทำอาหาร หรือน้ำซอสประเภทต่างๆที่ทำครั้งแรกแล้วรสชาติไม่ได้เรื่อง
และยังต้องมาสอนให้รู้วิธีแก้ไขด้วยว่า จะต้องทำอย่างไรให้มันดี ให้อร่อย

นอกจากนี้โรงแรมยังต้องมาจ่ายเงินให้ผม เพื่อให้มาแล่เนื้อปลาที่ไม่เคยแล่มาก่อน
ทั้งๆที่ผมทำปลาซึ่งเป็นต้นทุนของโรงแรมเสียหาย ใช้ไม่ได้ แต่ผมก็ได้ค่าเรียน
เมื่อผมคิดแบบนี้ ทำให้มีความสุข และสนุกกับสิ่งที่ได้ทำ
ที่สำคัญยังทำให้ผมได้เรียนรู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้ด้วยครับ ซึ่งเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สำคัญมาก

เพราะฉะนั้น ผมอยากจะบอกกับทุกท่านครับว่า
ไม่ว่าเราจะทำงานเป็นพนักงานบัญชี พนักงานส่งเอกสาร นักปั้นพิซซ่า เด็กล้างจาน เลขานุการ หรือผู้จัดการสาขา
ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ เราต้องทำแบบมีศักดิ์ศรี อย่าให้คนอื่นว่าหรือตำหนิได้
และต้องมีทัศนคติที่ดี มองภาพชีวิตของเราให้ดีด้วยครับ

ถ้าหากคิดเช่นนั้นได้ เชื่อเถอะครับว่า อีกไม่นานคุณจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้แน่นอน

แต่ในความเป็นจริง การทำงานไม่ว่าจะเป็นที่องค์กรใดก็ตาม
เราควรจะต้องรู้จักคิดและมีทัศนคติที่ดี
เพราะการมีทัศนคติที่ดีมีส่วนสำคัญต่อการดำเนินงานหรือการทำงาน

โดยคุณศุภกิจ รุ่งโรจน์
ข้อมูลจาก : //www.bangkokbizn
ที่มา : //dir.groups.yahoo.com/group/cmmba11/message/1708

ภาพจาก :
//www.shutterstock.com
//www.duncanstewartpartnership.com
//comps.fotosearch.com

Create Date : 01 มกราคม 2553

Last Update : 1 มกราคม 2553 20:47:04 น.

0 comments

Counter : 857 Pageviews.