ประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างไร ให้เป็นธรรม
ในทุก ๆ ปี แน่นอนว่าเกือบจะทุกบริษัท ย่อมต้องมีช่วงเวลาให้หัวหน้างานประเมินผลการปฏิบัติงานของลูกน้อง บางบริษัทจะประเมินผลการปฏิบัติงาน 2 ช่วงเวลา คือ กลางปี และปลายปี แต่บางบริษัทจะประเมินผลการปฏิบัติงานผลเฉพาะช่วงปลายปีเท่านั้น และนอกจากนี้ การประเมินผลการปฏิบัติงานสำหรับพนักงานทดลองงาน ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่ถือว่า เป็นภารกิจที่สำคัญของหัวหน้างานเช่นเดียวกัน
ดังนั้นการประเมินผลการปฏิบัติงานจึงถือว่า เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่หัวหน้างานแต่ละคนจะต้องทำ และสิ่งที่อยากจะฝากให้หัวหน้างานแต่ละคนหลีกเลี่ยงนั่นก็คือ “ อคติ ” ที่เกิดขึ้นในช่วงของการประเมิน ซึ่งเป็นการประเมินผล ที่ไม่ได้พิจารณาถึงผลการปฏิบัติงานจริงของลูกน้อง แต่กลับไปประเมินผลจากการพิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ เป็นเกณฑ์ ได้แก่ อิงกับการขึ้นเงินเดือน โบนัส และค่าตอบแทนต่าง ๆ
หัวหน้างานกลัวว่า ถ้าประเมินผลงานให้ลูกน้องได้คะแนนน้อย ๆ ซึ่งจะทำให้ลูกน้องได้รับเงินเดือน โบนัสและตอบแทนอื่นๆ น้อยตามไปด้วย และหากคุณคิดเช่นนี้ ขอให้ตระหนักไว้ว่าคุณกำลังคิดผิดอย่างมาก เพราะเท่ากับว่าคุณได้ทำร้ายตัวเองและลูกน้องของคุณ เหตุเพราะคุณจะได้ลูกน้องที่ทำงานไม่เอาไหน ไม่เก่ง และที่ยิ่งร้ายไปกว่านั้น พวกเค้าจะไม่มีการพัฒนาตนเองเลยเพราะคิดผิดว่าทำงานดี ซึ่งก็เท่ากับว่าคุณได้ทำร้ายตัวเอง ที่ต้องแบกรับภาระงานของลูกน้องของคุณ และในทางกลับกันคุณได้กำลังทำร้ายลูกน้องของคุณเอง ที่จะมีผลต่อในระยะยาว เพราะพวกเค้าจะไม่รู้ว่า ตนเองทำงานไม่ดี ไม่มีพัฒนาการของการทำงาน และสุดท้ายมูลค่าเพิ่มที่อยู่ในตัวจะไม่เกิดขึ้นเลย
★ประเมินในระดับปานกลางทุกปัจจัยที่มี หัวหน้างานไม่กล้าประเมินลูกน้องตามจริงเพราะเกรงว่าลูกน้องจะโกรธ หรือไม่ชอบหน้า โดยเฉพาะหากประเมินให้ลูกน้องได้คะแนนน้อย ๆ หัวหน้างานเหล่านี้ มักจะกลัวเวลาที่จะต้องแจ้งผลการประเมินให้กับลูกน้องของตน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความอึดอัดใจเวลาคุยกับลูกน้อง จึงประเมินผลงานในระดับปานกลาง ไม่สูงหรือต่ำเกินไป คุณรู้ไหมว่าหากคุณประเมินแบบนี้ จะทำให้ลูกน้องของคุณไม่รู้ว่าปัจจัยด้านใด ที่เป็นจุดแข็งหรือปัจจัยด้านใดเป็นจุดอ่อนที่จะต้องพัฒนา
★ประเมินโดยเอาตนเองไปเปรียบเทียบ หัวหน้างานบางคนเอาตนเองไปเปรียบเทียบหรือแข่งขันด้วย และยิ่งไปเจอหัวหน้างานที่ไฮเปอร์มาก ชอบทำงาน มาเช้ากลับดึก หัวหน้างานประเภทนี้บางคนจะวัดผลงานของลูกน้อง โดยเปรียบเทียบกับความสามารถและผลงานของตนเอง หากลูกน้องไม่ใช่ประเภทที่มาทำงานเช้า กลับบ้านดึก เนื่องจากสะสางงานของตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหัวหน้างานอาจไม่คิดเช่นนั้นแต่กลับมองว่าลูกน้องไม่ขยัน หรืออุทิศทุ่มเทตนในการทำงาน และหากคุณประเมินด้วยการเอาตัวคุณเองไปแข่งขัน หรือเปรียบเทียบด้วยนั้น คุณรู้ไหมว่าลูกน้องคุณจะเหนื่อยเพราะอาจทำงานไม่ทันคุณ และในที่สุดพวกเค้าอาจไม่ต้องการที่จะทำงานร่วมกับคุณ แบบว่าลาออกดีกว่า สบายใจกว่า
★ประเมินจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสด ๆ ร้อน ๆ หัวหน้าบางคนไม่ประเมินผลงานจากการพิจารณาภาพรวมของผลงานตลอดทั้งปี แต่กลับพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นแบบสด ๆ ร้อน ๆ ทั้งนี้บางคนทำงานดีมาก ผลงานเป็นที่ถูกใจหัวหน้างานเฉพาะช่วงใกล้ ๆ ช่วงประเมินผลการปฏิบัติงาน หัวหน้างานก็จะประเมินให้คะแนนดีถึงดีมาก แต่ในทางตรงกันข้าม มีบางคนที่ทำงานผิดพลาดหรือส่งงานไม่ตรงตามเวลาในช่วงใกล้ ๆ ช่วงประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นเหตุให้หัวหน้างานให้คะแนนประเมินไม่ดีเท่าที่ควร พบว่าหากคุณมีทัศนะในการประเมินแบบนี้ จะทำให้คุณได้ลูกน้องที่ระวังตัวอย่างมากในช่วงใกล้ ๆ ประเมินผลงาน เพราะคิดว่าทำงานดีหรือไม่ดีในช่วงก่อนประเมินนั้น ก็ไม่ส่งผลอะไรต่อการประเมินผลงานเลย
★เน้นความรู้สึก “ พอใจ ” หรือ “ไม่พอใจ ” ของผู้ประเมิน หัวหน้างานบางคนประเมินผลงานจากความรู้สึกชอบ/พอใจ หรือความรู้สึกที่ไม่ชอบ/ไม่พอใจเป็นเกณฑ์ พบว่าลูกน้องบางคนเป็นลูกรัก พวกเด็กโปรดของหัวหน้า เหตุเพราะพวกเค้าจะเอาใจเก่ง คอยประจบสารพัด แบบว่าพวกเข้าถูกทางหรือประพฤติตนเป็นที่โดนใจหัวหน้างาน ซึ่งจะทำให้ลูกน้องประเภทนี้ ได้ผลประเมินสูงกว่าลูกน้องคนอื่นที่ไม่ชอบเอาใจ หรือไม่ชอบประจบหัวหน้าไปวัน ๆ คุณรู้ไหมว่าหากคุณมีอคติแบบนี้เกิดขึ้นจะทำให้ลูกน้องที่ทำงานเก่ง มุ่งเน้นผลงานเป็นหลัก ขาดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวคุณ ในที่สุดพวกเค้าจะไม่มีขวัญกำลังใจในการทำงาน เนื่องจากทำงานดีไม่ดี ก็ได้เท่านั้น และผลที่คุณจะได้รับคือการสูญเสียลูกน้องที่มีความสามารถ และเป็นกำลังสำคัญของคุณเอง
★ประเมินจากความสามารถหรือผลงานบางเรื่องเป็นเกณฑ์ หัวหน้างานบางคนตัดสินลูกน้องจากความสามารถหรือผลงานเฉพาะเรื่อง เช่น ลูกน้องที่โน้มน้าวและเจรจาต่อรองเก่ง หัวหน้างานก็จะตัดสินว่าลูกน้องจะเก่งในเรื่องของการวางแผนงาน การติดตามงาน ซึ่งจะทำให้หัวหน้างานประเมินลูกน้องดีหรือดีมากในทุก ๆ ด้าน และในทางกลับกันหากลูกน้องมีความสามารถหรือผลงานไม่ดีเฉพาะบางด้าน หัวหน้างานกลับประเมินให้ลูกน้องได้คะแนนที่น้อยในทุก ๆ ด้าน เช่น ขายสินค้าไม่ได้ตามเป้ายอดขายที่กำหนด หัวหน้างานก็จะประเมินผลงานของลูกน้องคนนั้นไม่ดีในทุก ๆ ด้าน ทั้งนี้การพิจารณาประเมินผลงานในลักษณะนี้ จะทำให้ลูกน้องไม่รู้ว่าปัจจัยด้านใดคือจุดแข็ง และจุดที่ต้องพัฒนาปรับปรุง เนื่องจากหัวหน้างานได้ตีตราจากการตัดสินใจ เพียงแค่ความสามารถหรือผลงานบางด้านไว้แล้ว
จากปัญหาหรือเหตุการณ์ที่ดิฉันนำเสนอนั้นจะเป็นปัญหาหลัก ๆ ที่พบเจอในช่วงประเมินผลการปฏิบัติงาน ที่อยากจะให้หัวหน้างานพึงหลีกเหลี่ยง และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการประเมินผลงานมากขึ้น ดิฉันขอนำเสนอเทคนิคที่หัวหน้างานควรปฏิบัติเพิ่มเติม โดยแบ่งเป็น 3 ระยะของช่วงการประเมินผลงาน ดังนี้
▲ ช่วงก่อนประเมินผลงาน ควรอยู่ในสถานที่ที่มีสมาธิ ไม่มีเสียงดังรบกวน ควรทำความเข้าใจวิธีการและ ปัจจัยที่ใช้ประเมินผลงานแต่ละหัวข้อ
▲ ช่วงระหว่างประเมินผลงาน ควรพิจารณาให้คะแนนตามปัจจัยแต่ละด้าน ควรมีเหตุผลประกอบการประเมินแต่ละหัวข้อ ควรหลีกเลี่ยงอคติต่าง ๆที่ได้กล่าวถึงแล้วในช่วงต้น
▲ ช่วงหลังประเมินผลงาน ควรชี้แจงผลการประเมินให้ลูกน้องรับรู้ ควรทำข้อตกลงร่วมกัน หรือแผนการทำงานร่วมกันระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง
★การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นหน้าที่งานที่สำคัญมากที่หัวหน้างานจะต้องตัดสินว่า ลูกน้องของตนมีระดับผลการปฏิบัติงานเป็นอย่างไร และเพื่อให้หัวหน้ามีข้อมูลที่ใช้ประเมินผลอย่างถูกต้องชัดเจน จึงขอแนะนำว่า ให้หัวหน้าบันทึกความสามารถหรือผลงานของลูกน้องทั้งด้านดีและไม่ดี โดยอาจบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน หรือสัปดาห์ หรือประจำเดือนก็ได้ อย่างน้อย ๆ หัวหน้างานจะได้มีข้อมูลที่จะชี้แจงลูกน้องของตน เพื่อสร้างความเข้าใจและความเห็นชอบตรงกันในผลการประเมิน
โดย อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์ ที่มา : //hrm.siamhrm.com ภาพจาก : //www.post-gazette.com
Create Date : 14 มกราคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 14 มกราคม 2553 20:48:37 น. |
Counter : 1848 Pageviews. |
|
|
|